“ถ้าอย่างนั้น อีกครั้งหนึ่งนะเจ้าคะ”
เช้าวันต่อมา หลังจากที่โอโตฮะกับโอรันจัดการดับชีวิตพี่และพ่อของตัวเองไป ทั้งสองก็เข้ามาทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้มสดใสเลย
ในห้องของท่านโนอะตอนนี้ ฝาแฝดทั้ง 2 คนได้เข้ามาคุกเข่า ก้มหัวให้กับท่านโนอะอยู่เลย
“พวกเราขอถวายสัตย์จงรักภักดีต่อท่าน ณ ที่นี่ นับแต่นี้ไปเจ้าค่ะ พวกเราจะกำจัดศัตรูทั้งหลายที่มุ่งร้ายต่อคุณหนู และจะอุทิศชีวิตของพวกเราเพื่อรับใช้ท่านเจ้าค่ะ”
“ผมเอง ก็เช่นกันครับ”
“อ้า ขอฝากตัวด้วย ฉันคาดหวังในตัวพวกเธอนะ โอโตฮะ โอรัน”
“ฮุ ฮุฮุฮุ… ค- คุ-คุ-คุณหนู! คาดหวัง! ในตัวฉัน! ฉันจะทำให้ได้ตามที่ท่านหวังเอาไว้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะคุณหนู!”
“อ- อ่า ขอบใจนะที่เธอมุ่งมั่นแบบนั้น”
“คุณโอโตฮะ เลือดกำเดาค่ะ เลือดกำเดาไหลแล้ว”
“อาระ จริงด้วย ฉันตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยเจ้าค่ะ น่าอายจังเลย”
ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าให้โอโตฮะที่กำลังทำตัวเหมือนพวกโอตาคุที่หลงโอชิตัวเองแบบหัวปักหัวปำเลยล่ะ
“แล้วก็ คุณคุโระ จากทั้งอายุ ทั้งในฐานะที่คุณเป็นผู้รับใช้รุ่นพี่ของคุณหนูด้วย เรียกฉันแค่ ‘โอโตฮะ’ เฉยๆ ได้เลยนะเจ้าคะ”
“อ่า ผมเองก็ไม่ติดอะไรเหมือนกันครับ”
“งั้นเหรอ? ถ้างั้น ยินดีที่ได้รู้จักกับทั้ง 2 คนอีกครั้งนะคะ โอโตฮะ โอรัน ทีนี้ ไม่จำเป็นต้องยื้อต่อไปอีกแล้วล่ะ ฉันจะพาพวกเธอไปที่ห้องลับของพวกเรา เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“ในเมื่อพวกเธอเป็นของฉันแล้ว พวกเธอก็ไปที่นั่นได้แล้วล่ะ สแต เธอก็มาด้วยนะ”
“อืม รอเดี๋ยว”
ตอนนี้ ทั้งโอโตฮะทั้งโอรันก็อยู่ในฐานะเท่ากับพวกเราแล้ว เราก็ต้องพาทั้งคู่เข้าไปที่นั่นสิ
ใช่ ไปที่ห้องสมุดใหญ่นั่นแหละ
“ว้าว…!”
“น- นี่มันสุดยอด…!”
“หนังสือมากกว่า 500,000 เล่ม กว่า 90% ของทั้งหมดนั้นคือหนังสือเวทมนตร์ค่ะ หอสมุดหลวงของอาณาจักรมีหนังสือเก็บเอาไว้ประมาณ 200,000 เล่ม ฉะนั้น ที่นี่จึงมีองค์ความรู้กักเก็บเอาไว้มากกว่านั้นเกินกว่า 2 เท่าตัวซะอีก”
“แล้วก็ ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมหาจอมเวทย์คนหนึ่งตั้งแต่เมื่อกว่าพันปีก่อน ให้แยกตัวเป็นเอกเทศจากโลกภายนอก อย่างที่พวกเธอได้เห็นก่อนหน้านี้นี่แหละ ถ้าไม่ได้ใช้เวทมนตร์สายความมืดของคุโระ หรือมีแหวนที่กักเก็บพลังของเวทความมืดเอาไว้ ก็ไม่มีทางจะเข้ามาข้างในได้เลยล่ะ”
“ค- คุณหนู ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยเจ้าคะ?”
“เชิญเลย”
“ทำไมคุณหนูถึงรู้เรื่องของสถานที่แบบนี้ได้กันล่ะเจ้าคะ? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องเวทมนตร์สายความมืดอะไรนี่มาก่อนเลยด้วยซ้ำ”
“ก็อาจจะจริงนะ เวทมนตร์สายความมืดของคุโระกับเวทมนตร์สายจิตใจของสแตต่างก็เป็นเวทมนตร์หายาก แถมตอนนี้ยังเป็นเวทมนตร์ที่หายสาบสูญไปแล้วด้วย หนังสือเวทมนตร์ทั้งหมดถูกเผาทำลายสิ้น ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็มีแต่ที่เก็บเอาไว้ที่นี่เท่านั้นแหละ”
“แล้ว ทำไมถึง?”
“เพราะมหาจอมเวทย์ที่สร้างที่นี่ขึ้น ก็คือตัวฉันเองในชาติก่อนยังไงล่ะ”
““เอ๊ะ?””
ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ
ท่านโนอะใช้เวลาอยู่ซักพักใหญ่ในการอธิบายให้ทั้ง 2 คนได้ฟัง ทั้งเรื่องราวชาติก่อนของท่านเอง เรื่องของ [แม่มดทมิฬ] ฮารุ แล้วก็เรื่องพลังของเวทมนตร์หายาก
แล้วท่านก็เล่าเรื่องที่ว่าฉันเป็นผู้กลับชาติมาเกิดจากโลกอื่นให้แถมไปด้วย
ต่อให้พวกเธอจะสาบานว่าจะจงรักภักดีแค่ไหน หรือต่อให้จะมีใครซักคนที่แสดงออกถึงความเชื่อใจในระดับที่สูงขนาดไหนก็ตาม ยังไงพวกเธอก็เลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะรู้สึกสงสัยในเรื่องเล่าที่ดูเชื่อไม่ยากเกินไปแบบนั้นน่ะ
“นิ…”
“นิ?”
“นิ-… นิ- นี่มันสุดยอดไปเลยนี่เจ้าคะ!!”
อืม ดูเหมือนฉันจะตื่นตนไปก่อนไข้สินะ
“แบบนี้เอง! เป็นแบบนี้เองสินะเจ้าคะ! แสดงว่า ทั้งกิริยาท่าทางของคุณหนูที่ถึงจะอายุห่างจากฉันไม่มากแท้ๆ แต่กลับดูเป็นผู้ใหญ่มาก ทั้งออร่าประดุจเทพีของคุณหนู ทั้งรูปลักษณ์ที่งดงามของคุณหนู―――ถ้าท่านบอกว่าท่านเป็นผู้ที่มีความทรงจำติดตัวมาจากชาติก่อน แบบนั้นนี่ก็สมเหตุสมผลอยู่แล้วนะเจ้าคะ!”
หน้าตางดงามนี่มันเกี่ยวอะไรกับชาติที่แล้วล่ะเนี่ย
“เอาเถอะ ปฏิกิริยาโต้ตอบแบบนั้นของโอโตฮะก็เป็นไปแบบที่ฉันคิดเอาไว้ล่ะนะ แต่ว่า พวกเธอเชื่อในแผนการของพวกเราหรือเปล่า?”
“อ่า ครับ ผมคิดอยู่แล้วว่ามันต้องไม่ใช่อะไรธรรมดาๆ แน่ ผมเลยยิ่งเชื่อเรื่องที่เล่านั่นว่ามันดูสมจริงแบบแปลกๆ เข้าไปอีกด้วยซ้ำ”
“เหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ”
โอรันไม่เหมือนโอโตฮะเลย เขาค่อนข้างจะมีเหตุมีผลดีเลยล่ะ
ถึงฉันจะได้รุ่นน้องตัวปัญหาเพิ่มมาคนนึง แต่ก็ดูสมดุลดีนะ เพราะเหมือนฉันจะได้อีกคนที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกันมาเพิ่มด้วย
“เอาล่ะ ทีนี้ฉันก็จะให้พวกเธอ 2 คนได้เรียนรู้เวทมนตร์หายากแบบเดียวกับคุโระและสแตนะ โอโตฮะมีผมสีชมพู ส่วนโอรันมีผมสีโศกสินะ ถ้างั้นก็―――”
ท่านโนอะเริ่มค้นหาหนังสือจากบริเวณกลางห้อง ก่อนที่ไม่นานจะกลับมาพร้อมหนังสือเวทมนตร์ 2 เล่มในมือ
“[เวทมนตร์สายพิษ] และ [เวทมนตร์สายต้านทาน] นี่แหละคือพรสวรรค์ในตัวของพวกเธอ 2 คน”
“พิษ?”
“ต้านทาน?”
“เวทมนตร์สายพิษที่โอโตฮะมีอยู่นั้นคือเวทมนตร์ที่ควบคุมยาพิษและสสารก่อพิษได้ พูดอย่างง่ายๆ มันก็คือเวทที่ควบคุมสสารที่เป็นอันตรายได้ทุกรูปแบบเลยนั่นเอง”
“ที่เป็นอันตรายกับร่างกายมนุษย์ ด้วยเหรอเจ้าคะ”
“ส่วนเวทมนต์สายต้านทานของโอรันน่ะ ตามชื่อของมันเลย นี่คือเวทมนตร์ที่สามารถความควบคุมความต้านทานได้ จะมอบให้ ลบล้าง ลดลง เพิ่มขึ้น—ทุกอย่างนั้นล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอเลย”|
“อ- เอ๋…?”
เวทพิษของโอโตฮะน่ะค่อนข้างเข้าใจง่ายตรงไปตรงมาเลย แต่เวทต้านทานนี่อาจจะไม่สามารถเข้าใจได้ชัดๆ ในทันทีหรอก
แต่จากที่ฉันมองนี่ มันเป็นเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งสุดๆ ไปเลยนะ
“ก็คือว่า ถ้าเธอควบคุมความต้านทานต่อเวทมนตร์หรือความต้านทานต่อกายภาพของเธอเองหรือของเพื่อนพ้องของเธอ การโจมตีของศัตรูที่พุ่งเข้ามานั่นก็จะฝ่ามาได้ยากขึ้น กลับกัน หากเธอไปลดความต้านทานของศัตรูลง แค่หมัดๆ เดียวก็สร้างอาการบาดเจ็บสาหัสถึงตายได้แล้ว หมายถึงแบบนี้ใช่มั้ยคะ?”
“หมายถึงแบบนั้นเลยล่ะ”
โกงอะไรแบบนี้เนี่ย
“ม- มีพลังแบบนั้นอยู่ในตัวผมด้วยเหรอครับ!?”
“เวทมนตร์สายต้านทานน่ะ หากฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว มันจะเป็นหนึ่งในเวทมนตร์หายากที่แข็งแกร่งที่สุด 5 อันดับแรกได้เลยล่ะ ยิ่งกว่านั้น หากใช้ผสานกับเวทมนตร์สายพิษด้วยล่ะก็ มันจะยิ่งเสริมประสิทธิภาพของเวทมนตร์สายพิษให้พุ่งสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยนะ”
“ถ้าให้ ความต้านทานพิษ ไว้กับพวกพ้อง ต่อให้โอโตฮะใช้เวทเยอะๆ เราก็ไม่เดือดร้อน”
“ถูกต้องตามนั้นเลยล่ะ สแต”
แบบนี้เอง ยอดไปเลยนะ
“ไม่ยุติธรรมเลยนี่โอรัน! แล้วเวทมนตร์ของฉันช่วยทำประโยชน์ให้คุณหนูไม่ได้บ้างเลยเหรอเจ้าคะ!?”
“แน่นอนว่าก็ต้องมีอยู่แล้วสิ ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเวทมนตร์สายพิษนั้นสามารถควบคุมสสารใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์? นั่นไม่ได้มีแต่ยาพิษหรอกนะ ไม่ว่าจะแบคทีเรีย ไวรัส หรือแม้แต่ยารักษาโรคที่มีผลข้างเคียงเป็นอันตรายกับร่างกายได้ เวทมนตร์สายพิษของเธอก็สามารถสร้างพวกมันทุกอย่างได้ดั่งใจต้องการเลย ในแง่ของการโจมตีแล้ว มันเป็นพลังที่สุดยอดเทียบเคียงได้สูสีแม้แต่กับเวทมนตร์สายความมืดเลยล่ะ”
ยิ่งกว่านั้น ไม่ได้มีแต่ความรู้เกี่ยวกับยาพิษในโลกนี้หรอกนะ ความรู้จากอีกโลกนึงของฉันเองก็มีประโยชน์กับเวทมนตร์สายพิษด้วยเหมือนกัน
ในโลกนี้ที่เวทมนตร์ได้รับการพัฒนา ระดับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็เรียกได้ว่าต่ำเตี้ยเลย
แต่ด้วยความทรงจำเกี่ยวกับศาสตร์วิชาเคมีจากอีกโลกนึง มันก็สามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการผสมพิษชนิดต่างๆ ได้
ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ฉันก็เก่งวิชาเคมีอยู่นะ สงสัยขนาดอยู่ใต้จิตสำนึก ฉันก็อยากจะฆ่าพ่อกับแม่มาตั้งแต่ตอนนั้นอยู่แล้วก็ได้ล่ะมั้ง
กรดเกลือ โพแทสเซียมไซยาไนด์ กรดคลอโรอะซิติก โซดาไฟ
ที่โลกนั้นน่ะ มียาพิษอานุภาพร้ายแรงที่ขนาดว่าจะต้องมีใบอนุญาตเพื่อครอบครองเลยด้วยซ้ำอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ
“ถ้ารวมความรู้ที่ฉันมีเข้ากับหนังสือเล่มนั้นล่ะก็ เธออาจจะสามารถสร้างยาพิษจากอีกโลกนึง ที่ต่างไปจากสิ่งที่มีบันทึกไว้ในหนังสือเวทมนตร์นั้นก็ได้นะคะ”
“สงสัยจังเลยนะว่ายาพิษในโลกนี้กับยาพิษจากโลกที่เธอเคยรู้จักเนี่ยมันจะมีความแตกต่างอะไรหรือเปล่า?”
“ต่างอยู่นะคะ จากแค่ดูผ่านๆ ในหนังสือเวทมนตร์ดู ก็มีอยู่พอควรเลย โห ดูสิ มีแม้แต่รายการยาพิษที่มีแต่นักเวทย์พิษเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วย”
“นั่นจะเป็นขอบเขตของเวทมนตร์ระดับสูงแล้วล่ะ ยังอีกห่างไกลเลย มันมีแม้แต่เวทมนตร์ระดับสูงที่สามารถเปลี่ยนพลังเวทในอากาศให้กลายเป็นพิษได้เลยด้วยซ้ำนะ”
เวทพิษกับเวทต้านทาน
ถ้าโอโตฮะกับโอรันใช้มันได้จนคล่องล่ะก็ รวมกับท่านโนอะด้วย เราก็จะมีนักเวทย์หายากอยู่ 5 คนแล้วสิ
ในที่สุด เวลาที่ท่านโนอะจะได้ครองโลกใบนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้วสินะ
“ถ้างั้น มาวัดปริมาณพลังเวทกันเลยดีกว่า เอ ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้วน้า”
“ตรงนี้”
สแตยื่นเทอร์โมมิเตอร์—หรือจริงๆ มันคืออุปกรณ์สำหรับตรวจวัดพลังเวทล่ะนะ—ที่วางอยู่แถวๆ นั้นให้ท่านโนอะ
TN: กว่าจะได้ใช้ perk จากการเป็นคนต่างโลก
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r