*―――ตู้มมมมมมมม!!!*
“เห้ย เสียงเมื่อกี้มัน…”
“เฮ่ ดังมาจากภูเขางั้นเหรอ!? เป็นดินถล่มหรืออะไรแบบนั้นหรือเปล่า…”
“…เดี๋ยวก่อนนะ ฟิลิสไม่อยู่ที่นี่นี่นา”
“……แกอีกแล้วเหรอออออออออ!!!”
สุดยอดประสาทรับเสียงของฉันน่ะ จับเสียงพวกนั้นได้ง่ายๆ อยู่แล้ว
ตอนนี้ ถ้ำที่ฉันขุดด้วยหมัดของตัวเองล้วนๆ กำลังเชื้อเชิญให้ฉันเข้าไป อย่างกับปากของอสูรเลย
“ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เยี่ยมเลย! ในที่สุด ก็ทำฐานลับเสร็จซักที! สมบูรณ์แบบ! สมกับเป็นฉันเลยจริงๆ! นี่แหละสมกับที่เป็นอัจฉริยะน่ะ! ถ้างั้น ก็ต้องรีบ…”
“โอ้ย! อยู่นั่นไง! เฮ่ เจ้าเด็กตัวแสบ… หลุมนั่นมัน!?”
“เฮ่ ถ้าทิ้งเอาไว้แบบนี้ เดี๋ยวคราวหน้าก็เกิดดินถล่มหรอก!”
“เติมมันให้เต็มเร็ว! เติมมันให้เต็ม! เรียกใครที่ใช้เวทดินได้มาที่นี่เร็ว!”
“ฮ- เฮ่! หยุดนะ! จะทำอะไรกับที่ซ่อนของฉันน่ะ! เดี๋ยว นี่ หยุดน่า… อ๊าาา มันเจ็บนะ กว่าจะทำหลุมได้แบบนั้นน่ะ!”
ที่นี่คือหมู่บ้านแวมไพร์ ที่ที่แวมไพร์ทุกคนอาศัยกันอยู่
เผ่าแวมไพร์จะใช้ชีวิตในเวลากลางคืน และถูกรักจากดวงจันทร์
มีประชากรอยู่ประมาณ 300 คน ถือเป็นเผ่าพันธุ์หายากในหมู่เผ่ามารมากมายที่มีอยู่ แต่ว่า แต่ละคนก็มีศักยภาพสูง และมีความสามารถทางร่างกายเพิ่มขึ้นตามข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ได้อีกด้วย เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่เผ่ามารเลย
และฉันก็คืออัจฉริยะที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้นี่แหละ แวมไพร์ที่ไม่ได้เป็นแวมไพร์อีกแล้ว… คงไม่เกินไปเลยถ้าจะบอกว่าตัวเองเป็นนีโอแวมไพร์น่ะ
พูดง่ายๆ ก็คือ อะไรที่อัจริยะอย่างฉันคิดหรือทำน่ะ ถูกต้องเสมอนั่นแหละ
เพราะงั้น ที่ฉันตอบโต้ด้วยการยัดด้วงใส่ปากเด็กที่มารังแกเพื่อนของฉัน, ที่ฉันยืดอกอย่างภูมิใจที่ทำลายมีดโกนทั้งหมดของพ่อได้ หรืออย่างที่พยายามสร้างฐานลับในครั้งนี้นะ ฉันมีเหตุผลที่ทำแบบนั้นอยู่ และมันถูกต้องอยู่แล้วล่ะ
…แล้วทำไม
“…เจ้าลูกบ้า! รู้ตัวบ้างมั้ยว่าที่ทำไปนั่นน่ะมันบ้าบอแค่ไหนน่ะฮะ!”
“บ้าบออะไรกันเล่า ฉันเป็นอัจฉริยะต่างหาก สิ่งที่ฉันทำไปน่ะมันถูกอยู่แล้วนั่น-… เจ็บ จ- จ- จ- จ- เจ็บ เจ็บ! อะ เดี๋ยว อ๊า เจ็บนะ! อ๊า ข- ขอโทษ เข้าใจแล้วน่า ขอโทษค่ะ พ่อ”
“นี่ต้องให้ข้าบอกอีกกี่ครั้งกี่หนถึงจะยอมเข้าใจซักทีฮะ! ว่าห้ามออกไปจากหมู่บ้านถ้าไม่ได้รับอนุญาตน่ะ! ตรงนี้ใช่มั้ย? ตรงนี้มันสร้างมาแย่หรือไงหา!! ได้เลย สมองบ้าๆ ของแก ข้าจะแก้ให้มันกลับมาดีเอง!”
“อ๊าาากกกก! เจ็บนะ! เจ็บ! เจ็บ! หยุดบี้ขมับฉันเถอะนะ!”
แต่ทำไมผู้คนถึงไม่เข้าใจความคิดวิเศษที่มาจากอัจฉริยะอย่างฉันเลยนะ! หรือว่านี่คือความลำบากที่ดันเป็นอัจฉริยะ… หรือเปล่านะ
“อ้อ นี่แกเป็นอัจฉริยะสินะ ก็จริงที่แกอาจจะเป็นเด็กอัจฉริยะ ข้ายอมรับ… แต่ก็แค่ในแง่สเตตัสล่ะนะ ยอมรับซะดีๆ เถอะว่าในหัวของแกนี่มันอ่อนแอสิ้นดีน่ะ!”
“เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! เดี๋ยวสิ! นี่จะทำแบบนี้ไปถึงไหนเนี่ย…”
ถึงการบี้ขมับของพ่อจะไม่แย่เท่าของแม่ แต่มันก็ยังเจ็บมากอยู่ดีนะ!
อย่าทำแบบนี้กับลูกสาวที่อายุแค่ 10 ขวบแบบนี้ซี่!
“ฟิลิส! จะหยุดได้หรือยังฮะ!? เจ้าลูกตัวดี! ลองทำอะไรแปลกๆ อีกซักทีดูสิ! ข้าจะเตะแกออกจากบ้านเลยคอยดู!”
“คิย้าาาาาาา!! เจ็บน้าาาาาาาาาา!!”
“…เจออะไรแย่ๆ มาอีกแล้วนะฉัน”
บ้าเอ๊ย สมองแสนอัจฉริยะของฉันโดนเขย่าเล่นแบบนี้เลยเหรอเนี่ย
ถ้าเกิดฉันโง่ขึ้นมา มันจะเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงของทุกชีวิตบนโลกเลยนะ!
ก่อนอื่นเลย ครั้งนี้ ฉันแค่ทำรูขึ้นบนภูเขาเท่านั้นเอง ก็จริงอยู่ที่รูที่ได้นั่นมันใหญ่เกินไป แถมมีโอกาสที่ภูเขาจะถล่มลงมาทั้งลูกเพราะรองรับน้ำหนักของตัวเองไม่ได้ แต่นั่นก็ยังไม่หลุดจากแผนของอัจฉริยะคนนี้ซักหน่อย ฉันวางแผนหยุดมันเอาไว้แล้วต่างหากเล่า!
ให้ตาย ให้ตาย อัจฉริยะนี่ต้องอยู่อย่างสันโดษตลอดเลยหรือไงนะ…
“ฟิลิสจาง~!”
“…ริงกะ”
คนที่กำลังวิ่งมาหาฉันคือริงกะ เพื่อนสมัยเด็กของฉัน แล้วก็เพื่อนในวัยเดียวกันคนเดียวของฉันด้วย
ถึงจะไม่ดีเท่าฉัน แต่เด็กคนนี้ก็มีสเตตัสสูงใช้ได้เลยล่ะ
“ฟิลิสจัง ฟิลิสจัง เสียงดังสนั่นเมื่อกี้นี้เป็นฝีมือของฟิลิสจังเหรอ? ยอดเลย! ยอดเลย!”
“ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! สมกับเป็นริงกะเลย เธอเป็นคนเดียวในหมู่บ้านเลยล่ะที่พอเข้าใจสมองอัจฉริยะของฉันได้น่ะ!”
สิ่งที่ดีที่สุดของเด็กคนนี้ ก็คือเธอเข้าใจการกระทำของอัจฉริยะอย่างฉันได้ไงล่ะ!
สมกับที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันจริงๆ เธอเหมือนจะเข้าใจฉันมากกว่าพ่อแม่ฉันเองซะอีก
ครั้งนึงที่ฉันยัดด้วงใส่ปากเด็กที่มาแกล้งริงกะ คนเดียวที่เข้าใจฉันเพื่อเป็นการลงโทษ ถึงเจ้าเด็กนั่นจะเด็กกว่าเราตั้ง 6 ปีก็เถอะ แต่เพราะอะไรไม่รู้ หลังจากนั้น แม่ถึงเข้ามาเขกหัว แถมยังโดนจับตีก้นอีก แต่ริงกะก็ร้องไห้และขอบคุณฉัน เพราะงั้นฉันก็ไม่เสียใจกับเรื่องที่ทำลงไปหรอก
“นี่ นี่ ฟิลิสจัง ฉันเห็นดอกไม้น่ารักมากเลยอยู่ตรงนู้นด้วยล่ะ! ฉันว่าต้องเหมาะกับฟิลิสจังแน่เลย! ไปดูกันเถอะ!”
“ฟุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ได้สิ ฉันจะยอมให้เธอใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ของฉันด้วยก็ได้!”
“ว้าว! ว้าว! ขอบใจนะฟิลิสจัง!”
มุฟุฟุฟุ… ความคิดดีๆ ผุดขึ้นมาจากอัจฉริยะอย่างฉันนี่แหละ
เพื่อตอบแทนที่มาบี้ขมับฉันแบบนั้น เดี๋ยวฉันจับแมลงจากใกล้ๆ ดอกไม้พวกนั้นมาโยนเข้าไปในห้องของพ่อดีกว่า
พ่อเกลียดแมลงจะตาย เพราะงั้นเจอทีต้องลนลานทำอะไรไม่ถูกแน่นอน ต้องสนุกแน่ถ้าได้แอบดูปฏิกิริยาของพ่อผ่านทางหน้าต่างล่ะนะ
“ฟิลิสจัง! ทางนี้!”
“หวา! ด- เดี๋ยวสิ! อย่าดึงสิ…!”
“…หมายความว่าไงน่ะ ดอกไม้น่ารักที่ว่าเนี่ย”
“เอ๊ะ? น่ารักใช่มั้ยล่ะ?”
“อื้อ ก็ อืม… น่ารักอยู่นะ”
ภาพในหัวของฉันเนี่ย นึกว่าถ้าไม่ใช่ทุ่งดอกไม้ ก็คงเป็นดอกไม้ที่โตขึ้นเป็นช่อล่ะนะ
ใครจะไปคิดว่า จะเป็นแค่ดอกไม้ดอกเล็กๆ ดอกเดียวบานอยู่ตรงหัวมุมแบบนี้ล่ะ
แบบนี้ คงไม่มีแมลงมาอยู่แถวนี้หรอก บ้าจริง
“เอะเฮะเฮะ น่ารักจังเลย~”
“…นั่นสินะ”
ช่างเถอะ
ดูแล้ว ริงกะก็คงสนุกดีล่ะนะ
“อิฮิฮิฮิ”
“เฮ่ เฮ่ อะไรน่ะจู่ๆ ก็ แปลกจริงๆ เลยนะเธอเนี่ย”
“ก็มีความสุขนี่นา ได้มาเล่นกับฟิลิสจังแบบนี้ สนุกมากเลยน้า~”
บางที ริงกะก็ชอบพูดอะไรบางอย่างที่แม้แต่อัจฉริยะอย่างฉันก็ตามไม่ทัน
เธอก็อยู่กับฉันมาตั้งแต่ยังเด็กเลยนี่
“ฟิลิสจังนี่สุดยอดไปเลยน้า~ มั่นใจว่าฉันต้องตามเธอไม่ทันแน่เลย~”
“พูดอะไรของเธอน่ะ เธอเป็นคนเดียวในหมู่บ้านเลยนะที่เข้าใจความคิดของอัจฉริยะอย่างฉันได้น่ะ! ในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครมีค่ามากเท่าเธออยู่แล้ว… อีกอย่าง เธอก็เป็นคนที่น่าจะถูกเสนอชื่อให้รับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าคนต่อไปด้วยนี่”
ริงกะ บลัดลอร์ด นั่นแหละคือชื่อจริงของเธอ
พ่อของเธอคือหัวหน้าเผ่าของแวมไพร์ หรือก็คือราชาแห่งแวมไพร์นั่นแหละ เพราะงั้น ชนชั้นทางสังคมของเธอสูงกว่าฉันที่มาจากครอบครัวธรรมดาๆ อยู่แล้ว
เอาเถอะ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวล่ะนะ
“ไม่ๆ หัวหน้าเผ่าคนต่อไปต้องเป็นฟิลิสจังสิ~ ในหมู่บ้านนี้น่ะ ฟิลิสจังแข็งแกร่งมากเลยนะ ถ้าเป็นเธอ จะต้องดีกว่าคนอย่างฉันเป็นหัวหน้าเผ่าอยู่แล้วล่ะ!”
“…ถ้ามีใครซักคนคิดจะยกตำแหน่งนั่นให้เด็กมีปัญหาอย่างฉันจริงๆ ล่ะก็ ฉันว่าคนคนนั้นต้องไปหาหมออย่างด่วนเลยล่ะ”
ฉันมองตัวเองอย่างเป็นกลางได้น่า ก็เป็นอัจฉริยะนี่นา
ถ้ามองในมุมนึง ฉันอาจจะเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวแสบคนนึงเท่านั้นเองก็ได้
ก็ ทั้งหมดนั่นมันก็แค่มุมมองของแต่ละคนเท่านั้นแหละ! เพราะงั้น ไม่ว่ายังไง ฉันจะไม่เรียกพวกมันว่าการแกล้งเด็ดขาดเลย!
“เอ๋? ถ้างั้น คราวหน้า ฉันจะเสนอชื่อฟิลิสจังก็แล้วกันนะ”
“เดี๋ยวฉันร่ายเวทฟื้นฟูกับหัวเธอให้เอามั้ย?”
“ใจร้าย!?”
ราชาแวมไพร์น่ะมาจากการแต่งตั้งเสมอ ราชาแวมไพร์คนปัจจุบันจะเลือกราชารุ่นต่อไปเอาไว้ เมื่อราชารุ่นก่อนตายลง ราชารุ่นต่อไปก็จะได้วิวัฒนาการเป็นแวมไพร์ลอร์ดเลย และคนคนนั้น รวมถึงครอบครัวของราชารุ่นต่อมาก็จะสามารถใช้นามสกุลว่า ‘บลัดลอร์ด’ ได้
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นราชาแวมไพร์ตั้งแต่แรกแล้วด้วย”
“เอ๋? งั้น เธอมีความฝันว่าจะทำอะไรในอนาคตกันล่ะ?”
“ความฝัน… งั้นเหรอ”
ก็ เรื่องนั้นน่ะนะ
“ฉัน… อยากออกไปจากหมู่บ้านนี้น่ะ”
“เอ๋!?… การจะออกไปจากหมู่บ้านได้ คนคนนั้นจะต้องมีพลังที่ก้าวข้ามราชาแวมไพร์ให้ได้นี่นา?”
“ใช่ เพราะอย่างนั้น ฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้… ฉันต้องเสียใจแน่ๆ ถ้าเกิดต้องใช้เวลาเป็นพันปีอยู่แต่ในหมู่บ้านแคบๆ แบบนี้น่ะ! ฉันอยากไปเห็นโลกกว้าง อยากเห็นเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย… ถ้าให้พูดล่ะก็ นี่แหละคือความฝันของฉันล่ะ”
สำหรับแวมไพร์ส่วนใหญ่ที่เป็นคนอ่อนโยน และไม่ปรารถนาที่จะเติบโตเท่าไหร่นัก แวมไพร์แบบฉันถึงมีอยู่น้อยมาก
เอาเถอะ เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเกิดพวกเราอยู่ที่นี่ เราก็สามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยและสุขสบายได้
เพราะงั้น ฉันว่า คนที่คิดจะออกจากหมู่บ้าน ก็คงจะมีแค่ฉันคนเดียวนี่แหละ
ระหว่างที่ฉันคิดแบบนั้น
“งั้นเหรอ… อื้อ เข้าใจแล้วล่ะ ถ้าแบบนั้น ฉันจะตามเธอไปด้วยนะ!”
ริงกะก็พูดอะไรบ้าๆ แบบนั้นออกมา
“…ไม่ๆ เธอพูดอะไรของเธอน่ะ เรื่องที่ฉันพูดเนี่ยเพราะมันพิเศษเลยไม่ใช่หรือไง? ถ้าเธออยู่ที่นี่ ยังไงเธอก็มีอนาคตที่สำเร็จแน่นอนในอนาคตแท้ๆ เลยนะ”
“เอ๋? ก็ อนาคตที่ไม่มีฟิลิสจังมันจะสนุกได้ยังไงล่ะ! ฉันก็จะไปด้วย! ไปกับฟิลิสจังนั่นแหละ! ถึงยังไง ฉันจะไปด้วยไม่ได้เหรอ?”
ฉันนึกว่าเธอจะเป็นอัจฉริยะรองจากฉันซะอีก แต่ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดไปเองสินะเนี่ย
“…ให้ตายสิ ถ้าอีก 10 ปีเธอยังยืนยันคำเดิมล่ะก็ ฉันจะลองคิดดูก็แล้วกันนะ”
“พูดแล้วนะ!? ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมแน่นอน!”
TN: อืมม~ ว่าแต่ นี่นิสัยจริงของจอมมารของพวกเราเหรอเนี่ย 55555
ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r