บทที่ 143 – เพื่อนายท่านจริงๆ นะ!
หลังจากผ่านมาอีกหลายวันชีวิตมิวก็เริ่มที่จะลงตัวมากขึ้นและไม่วุ่นวายเหมือนก่อนหน้านี้ แถมเพราะการร่วมมือกับองค์กรรวมถึงคาเอะ
ทำให้ชีวิตมิวในตอนนี้แทบไม่มีอุปสรรคอะไรมากขนาดนั้น อุปสรรคเดียวของมิวในตอนนี้ก็คือหอคอย
เพราะต้องเข้าใจว่ามิวไม่ได้คิดว่านี่คือโลกที่ตัวเองอยู่ สำหรับเธอแล้วโลกนี้มันคือสถานที่ที่เธอไม่ควรอยู่ ไม่มีทั้งคนรู้จัก คนสนิท คนชิดเชื้อ
ถ้าจะมีก็คงมีแค่ผู้กล้าเอริเนียเท่านั้นแหละ แต่เธอก็ไม่ใช่คนของที่นี่เหมือนกัน อีกอย่างเจ้าตัวเป็นเหมือนวิญญาณตามติดที่จับต้องได้ซะมากกว่า
ทั้งยังจะบอกว่าสนิทกับคนที่ผนึกเธอก็คงไม่ได้อีก แค่ได้รู้เรื่องราวชีวิตเธอบางส่วนเท่านั้น แม้มิวจะสร้างสานสัมพันธ์กับคนอื่นบ้างแล้ว
แต่ทว่า.. ในใจลึกๆ ของมิวตัวเธอยังเป็น ‘คางาริ’ อยู่และมิวที่เธอเป็นในตอนนี้เกิดจากมาแทน ‘มิว’ ตัวจริงที่ตายไปแล้วเท่านั้น
ไม่งั้นมิวคงไม่มีเป้าหมายในการกลับไปเป็นคนเดิมและกลับโลกหรอก.. ดังนั้นการที่มิวจะไปถึงยอดหอคอยได้ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคที่เรียกว่าหอคอยแต่ละชั้นอยู่
มิวเองก็เริ่มศึกษาหอคอยชั้นที่ 11 ขึ้นไปแล้วด้วย… ก่อนอื่นเลยก่อนจะเข้าไปยังชั้น 11 นั้นหอคอยจะมีชั้นที่เรียกว่า ‘ชั้นพิเศษ’ อยู่
ในชั้นนี้เป็นเขตปลอดภัยไม่มีมอนสเตอร์ ไม่มีปีศาจ ไม่มีศัตรู แถมหอคอยทุกหอคอยทั่วโลกชั้นนี้ยังเชื่อมต่อกันหมด
พูดให้ถูกคือไม่ว่าจะเข้าชั้นพิเศษจากหอคอยไหนก็จะมาโผล่ที่นี่ทุกคน แต่ว่าทางออกนั้นจะออกได้แค่ทางหอคอยที่เข้า
ดังนั้นจึงใช้เดินทางข้ามหอคอยไม่ได้ ในชั้นพิเศษนี้นั้นจะเป็นพื้นที่เหมือนโลกอีกใบ เหมือนชั้น 1-10 เพียงแต่ไม่มีทรัพยากรที่สามารถเก็บได้
เอาเป็นว่ามันคือโลกบนพื้นดิน ใต้ดิน บนเกาะกลางทะเล หรือในป่าเขาลำเนาไพร ที่ไม่มีทรัพยากรที่เอาออกมาใช้ได้นั่นแหละ
และที่น่าสนใจคือในชั้นพิเศษนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘พ่อค้าเร่’ กับ ‘แม่ค้าเร่’ อยู่.. มิวดูรูปเขาในเน็ตมันค่อนข้างแปลกตาอยู่พอควร
แถมไม่ว่าจะไปส่วนไหนของชั้นก็จะเจอสองคนนี้ตลอดราวกับว่าพวกเขาอยู่ทุกที่ที่มีคนอยู่งั้นแหละ ซึ่งมันดูสยองน่าดู
ผสมผสานกับการสวมชุดที่แปลกตาคือผ้าคลุมทั้งตัว ส่วนหัวใส่หมวกทรงวงรีแนวนอนไม่เห็นหน้าเห็นตาตามตัวมีเส้นสีดำขาวตัดสลับกัน
ตรงแถวๆ ออกเป็นเส้นกลมดำขาวใหญ่สลับกันแตกต่างกัน คนหนึ่งมีหน้าอก คนหนึ่งไม่มีแถวพวกเขายังแทนตัวเองว่า ‘พ่อค้า’ และ ‘แม่ค้า’
ผู้คนจึงเรียกพวกเขาว่าพ่อค้ากับแม่ค้าเร่ นอกจากนี้ตัวพวกเขาจะไม่เสถียรด้วย เหมือนกับเป็นภาพโฮโลแกรม แต่จับต้องได้พูดคุยได้
และสามารถซื้อของ ‘อะไรก็ได้’ จากร้านนี้ ‘ที่คนซื้อรู้จัก’ มิวฟังถึงจุดนี้ยังขมวดคิ้ว ใช่ซื้อได้ทุกอย่างจริงขอแค่คนซื้อรู้ว่าอยากซื้ออะไร
แต่สิ่งนั้นต้องเป็นรูปธรรมและชัดเจน ไม่ใช่ความปรารถนาบางอย่าง… แถมราคายังขึ้นอยู่กับความหายากของสิ่งที่คนตนนั้นต้องการ
เช่นหากอยากได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ราคาที่คุณต้องจ่ายก็อาจจะแพงหน่อย..
แถมพ่อค้ากับแม่ค้าเร่ยังไม่ได้เงิน.. สิ่งที่พวกนั้นต้องการคือ ‘Tower Point’ หรือ ‘TP’ ซึ่ง TP คืออะไรก็คือตามที่เทพธิดาลึกลับนั่นบอกเลย
สั่งสมมาจากการเข้าหอคอย จัดการมอนสเตอร์หรืออะไรก็ตามแต่… เกณฑ์การให้คะแนนไม่มีใครทราบ เพราะการที่จะรู้จำนวน TP ได้ต้องมาถามพ่อค้าเร่หรือแม่ค้าเร่เท่านั้น
แถม TP จะไม่อัพเดทเพิ่มทันที เพื่อป้องกันการตรวจสอบเกณฑ์การรับคะแนน แต่ที่แน่ๆ เลยคือทำอะไรสักอย่างภายในหอคอยตามที่ทางฝั่งหอคอยอยากให้ทำหรืออาจจะไม่อยากให้ทำก็ได้
แถมตอนนี้หอคอยยังถูกเคลียร์ไปถึงชั้นที่ 16-17 อย่างรวดเร็วด้วย
เนื่องจากระบบนั้นช่วยยกระดับมนุษยชาติอย่างชัดเจน ทำให้การจัดการการเคลียร์อะไรต่างๆ ก็ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีคนต้องการใช้ระบบแม้ไม่ได้เป็นผู้ใช้อารยธรรม จึงเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปที่ไม่สามารถเข้ากันได้กับแร่พิเศษด้วย
แต่ก็นะ สุดท้ายแล้วการมีอารยธรรมจากอีกโลกผสมกับระบบก็ยังแข็งแกร่งกว่าการมีระบบแค่อย่างเดียวแบบคนละมิติเลย
ก็นึกภาพว่าคนมีอาชีพที่สามารถอัพ Stat ที่ตัวเองใช้เป็นหลักได้ตั้งแต่ต้น กับคนที่ไม่มีอาชีพหลักต้องมานั่งบิ้วตัวละครเองนั่นแหละนะ
แถมคนที่มีอาชีพมาตั้งแต่ต้นยังมี Base stat ที่สูงกว่าอีกมองเผินๆ เหมือนไม่ต่างช่วงแรกแต่ยิ่งเวลาผ่านไป
คนที่ไม่มีอารยธรรมกับมีอารยธรรมจะต่างกันมากขึ้นแม้มีระดับระบบเท่ากัน
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าจะระบบหรืออารยธรรมมันก็แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับมิวเลย เพราะมิวใช้มันไม่ได้
อันที่จริงคนที่ทำให้มีระบบนี้ขึ้นมาก็คือพลังของมิว จะว่ามันไม่เกี่ยวกับเธอเลยก็คงดูแปลกๆ
มิวถอนหายใจออกมา ตอนแรกเธอก็ยังสืบหาเรื่องของครอบครัวอยู่แท้ๆ แต่เอาไปเอามาเธอดันมาอ่านเรื่องของหอคอยซะอย่างนั้น
ถึงแม้เธอจะพยายามสืบแต่ก็ไม่พบกับครอบครัวเธอเลย.. ใช่ แค่ครอบครัวเธอเท่านั้นนั่นแหละ แต่ไม่ว่าจะประวัติศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา
มันล้วนเหมือนโลกเดิมเธอจนหมดทุกอย่างเลย … มิวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องโลกคู่ขนานมากมายนัก ที่ไปอ่านมาก็พอเข้าใจอยู่แค่บางส่วน
แต่เท่าที่เธอเข้าใจคือในโลกคู่ขนานแต่ละโลกจะมีจุดแตกต่างกันออกไปบางส่วนเหมือนกิ่งก้าน
ซึ่งในโลกนี้กับโลกที่มิวเคยอยู่มันแทบจะเหมือนกันทุกอย่างเลย จะต่างก็ต่างแค่มีหอคอยกับประตูอะไรสักอย่างนี่แหละ
แต่ประเด็นคือมันปรากฏขึ้นหลังจากที่มิวตายไปน่ะสิ เลยไม่มีอะไรพิสูจน์ได้.. อย่างเดียวที่มิวตามหาได้จึงเป็นเรื่องของครอบครัวเธอ
แต่ด้วยความที่ครอบครัวเธอเป็นแค่ครอบครัวธรรมดา ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่ผู้มีหน้าทางการเมือง การหายตัวไปของพวกเขาจากภัยพิบัติจึงเงียบเชียบไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย
“แต่ว่านะ.. นายท่าน.. ข้าว่ามันมีจุดแปลกๆ อยู่”
นั่นคือคำพูดของผู้กล้าเอริเนียที่พูดขึ้น.. จุดแปลกๆ ที่เธอพูดถึงคืออย่างแรกเลยทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับที่ครอบครัวมิวเคยอยู่ถูกลบหายออกไปจริงๆ
มันเหมือนกับไม่มีมาตั้งแต่แรก… ใช่ แต่ถ้ามองในมุมกลับกันมันเหมือนกับถูกลบออกไปให้ไม่ลงเหลือ ให้เข้าใจว่าไม่มีตั้งแต่แรกต่างหาก
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจที่เธอบอกหรอกนะ.. แต่ครอบครัวฉันมันก็แค่ครอบครัวธรรมดา มันจะมีใครมาพยายามลบข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวฉันด้วยล่ะ ไม่เมคเซ้นเลย”
“อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ว่ามันก็แปลกอยู่ดี.. ที่ร่องรอยหายไปทุกอย่างเหมือนจงใจแบบนี้…”
เพราะมิวเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาผู้กล้าเอริเนียเมื่อหลายวันก่อนเลยได้เธออธิบายมาแบบนี้ มิวจึงยังไม่ยอมแพ้สักที
อีกอย่างผู้กล้าเอริเนียในอดีตมิวไม่รู้ว่าเธอฉลาดแค่ไหน แต่มิวรู้ว่าคนที่อยู่กับเธอตอนนี้ฉลาดกว่าตัวมิวเอง
มิวค่อนข้างมีความเชื่อถือผู้กล้าเอริเนียมากกว่าตัวเธอเองโดยไม่รู้ตัว.. ไม่สิ อาจจะเป็นเพราะความมั่นใจในตัวเธอเองลดลงก็ได้
เพราะเรื่องที่เธอเจอมาในหอคอยมันทำให้เธอขาดความมั่นใจไปในตัวเองอย่างเงียบๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เอาแบบนี้ดีไหม พาฉันไปที่ญี่ปุ่นด้วย เดี๋ยวฉันจะไปช่วยนายท่านสืบ”
“หือ จู่ๆ คึกคักอะไรของเธอ วันๆ เห็นแต่บอกยุ่งๆ”
มิวหันไปมองหน้าผู้กล้าเอริเนียที่เดินเพ่นพ่านไปมาในห้อง ถึงตะเห็นเดินไปเดินมาแบบนี้ มิวก็ไม่เคยให้เอริเนียน้อยเห็นผู้กล้าเอริเนีย
เพราะแหม ยัยผู้กล้านี่ถึงจะนิสัยแปลกไปหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอิทธิพลต่อทางสายตาไม่ว่าจะหน้าตาและนิสัย
แถมจู่ๆ ก็โผล่มาคนที่อยู่กับมิวมาตั้งแต่แรกอย่างเอริเนียน้อยคงจะรู้สึกสับสนที่จู่ๆ ก็มีคนที่สนิทกับมิวกว่าเธอมาอยู่ข้างๆ แม้มิวจะเสียความทรงจำ
ถึงตัวตนผู้กล้าเอริเนียจะแตกไปตั้งแต่ผู้กล้านี่เป็นดีลกับองค์กรด้วยตัวเองไปเจอกับคาเอะ บางทีหลายคนอาจจะเห็นเธอและแปลกใจเกี่ยวกับตัวตนเธอแล้ว
แต่มิวก็ไม่ต้องการทำให้เรื่องมันบานปลายกว่าเดิม.. แต่มิวก็ไม่ค่อยอยากจะกักตัวผู้กล้าเอริเนียเท่าไหร่ เพราะสมองเธอมีประโยชน์มาก
นอกจากนี้มิวยังลังเลที่จะขังคนคนหนึ่งไว้ในโลกที่ไม่มีอะไรเลยในร่างกายตัวเอง.. แต่ถึงจะออกมายัยนี่ก็แทบไม่อยู่บ้านอยู่แล้ว
ไม่รู้เอาบัตรประจำตัวของตัวเองมาแต่ไหน แต่ตอนนี้ก็มีทั้งพาสปอร์ตเดินทาง ใบขับขี่ และอื่นๆ อีกมากมายที่ยืนยันตัวตนเธอได้
ยัยนี่มีพรสวรรค์กว่าเธออีก… แถมก็ไปไหนมาไหนด้วยตัวเองคนที่ไปไหนมาไหนยากกลับเป็นมิวซะมากกว่า
ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวมีของแบบนี้เพราะใช้เดินทางไปดูคอนเสิร์ตที่ไอดอลตัวเองโอชิทั่วโลก พอถามว่าทำไมไม่ใช้พลังบินไปเอา
เจ้าตัวก็บอกเดินทางเหมือนในหนังให้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวมากกว่า.. อะไรงี้และก็เพราะงั้นเจ้าตัวเลยเหมือนยุ่งตลอดเวลา
มิวไม่คิดว่ายัยคนนี้จะไปช่วยเธอสืบแน่ๆ
“นายท่านคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่! ฉันคือลูกน้องผู้ซื้อสัตย์นะ! แต่มีข้อแม้ต้องขึ้นเครื่องไปด้วยกันนะ!”
“ฉันไม่มีพาสปอร์ตสักหน่อ—”
“จุ๊ๆ นายท่านคิดว่าฉันเป็นใคร?”
เจ้าตัวยกบัตรนั่นบัตรนี่ขึ้นมา … แต่ที่น่าตกใจมันไม่ใช่ชื่อเธอแต่เป็นชื่อมิว ใช่ไม่ว่าจะบัตรประชาชน ใบขับขี่หรือแม้แต่พาสปอร์ต
“เธอ…”
เจ้าตัวเท้าเอวพ่นลมหายใจออกจมูก
“อย่าคิดว่าฉันเอาแต่เที่ยวเล่นอย่างเดียวสิ ถึงนายท่านจะถูกมองเมินโดยพวกองค์กรกับคาเอะ แต่พวกนั้นก็ไม่ทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างให้บัตรประชาชนปลอมกับท่านหรอกใช่ไหมล่ะ”
“แถมถ้านายท่านไปเจอกับพวกตำรวจหรือองค์กรของรัฐโดยตรงละก็ คลมีปัญหามากมายตามมาแน่ๆ ฉันเลยเตรียมของไว้ให้นายท่านไงล่ะ”
“อาจจะเป็นวิธีเทาๆ ดำๆ ไปหน่อยแต่พวกเราก็ไม่ใช่คนชั่ว ทำเพื่อหาผลประโยชน์ชั่วๆ ใช่ไหมล่ะเพราะงั้น ‘เซฟ’ แน่นอน”
มิวหยิบพาสปอร์ตขึ้นมาดู และเปรียบเทียบกับใบพาสปอร์ตของจริงในความทรงจำเธอ.. คำตอบคือเหมือนกันทุกอย่าง
แต่ในขณะนั้นเอง…กระดาษแผ่นหนึ่งที่มิวหยิบติดมือมาพร้อมพาสปอร์ตก็ร่วงลง มิวเลิกคิ้วขึ้นและรีบหยิบมันมาดู
สีหน้าผู้กล้าเอริเนียเปลี่ยนสี
“อ้ะ..”
เธอพยายามจะแย่งมาก่อนมิวจะหยิบทัน แต่ทว่ามิวไม่ได้ชักช้ากว่าผู้กล้าเอริเนียแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ที่ไปถึงก่อนยังคงเป็นมิว
และ….
นั่นคือตั๋วคอนเสิร์ตไอดอลที่ตอนนี้กำลังไปฉายอยู่แถวทะเลชายฝั่งอ่าวโตเกียวที่ญี่ปุ่น…
ใช่.. นี่คงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของยัยผู้กล้าคนนี้
มิวอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเอือม
“ฉันจะไปช่วยนายท่านจริงๆ นะ เรื่องคอนเสิร์ตทันเรื่องรองจริงๆ นะ”
“ทุกอย่างฉันทำเพื่อนายท่านจริงๆ นะ!”