“ท่านจอมมารคะ เรากลับมาแล้วค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะที่ให้โอกาสกับเราในครั้งนี้ค่ะ”
“อืมๆ เราได้เห็นแล้ว เท่านี้ การล้างแค้นของเจ้าก็ได้เติมเต็มแล้วอย่างนั้นสินะ… เจ้าได้สังหารครอบครัวที่ขายเจ้าไปจนหมดสิ้นแล้ว… แต่เจ้าคงไม่พอใจเพียงเท่านี้อย่างนั้นสินะ?”
“ค่ะ ตั้งแต่แรกที่เราตั้งใจเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร เราก็ต้องการจะกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้นซากไปแล้วค่ะ ถึงเราจะฆ่าเป้าหมายที่อยากล้างแค้นที่สุด 3 คนลงไปได้แล้ว ความเคียดแค้นของเราก็ยังไม่เบาบางลงเลยค่ะ”
“คุคุคุ… สมแล้วกับที่เจ้าเป็นผู้ติดตามของท่านอิซึสึ เอาเถิด ขอเจ้าจงเป็นกำลังให้กับกองทัพของเราต่อไป ในฐานะผู้นำของขุนพลจตุเทวอสุราเสียก็พอ”
“ค่ะ!”
การล้างแค้นของโยมิจบลง พร้อมกับรูดม่านปิดคืนก่อนงานเทศกาลสังหารผู้กล้าแล้ว
ละครการบดขยี้ นำแสดงโดยนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพจอมมาร โยมิ ผู้กล้าของกองทัพจอมมาร ปลิดชีพทุกคนด้วยการเข่นฆ่าอย่างสวยงามเลย
“แต่ว่า สมแล้วนะ… ถึงจะเป็นในกองทัพของพวกเราก็เถอะ คงมีแต่โยมิ, ลีน แล้วก็นายท่านเกรย์เท่านั้นล่ะมั้งคะที่จะสามารถฆ่าผู้คนได้ด้วยความเร็วขนาดนั้นน่ะ นี่เป็นผลจากการสอนของกองทัพจอมมารอย่างนั้นเหรอเนี่ย?”
“โยมิจังเองก็มีแฟนๆ อยู่เยอะเลยนะ ถ้าเอาวิดีโอนี้ไปขาย คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยล่ะ”
“เออคือ ลดการเอาไปใช้ประโยชน์ทางการค้าซักหน่อยดีกว่านะ…”
ฉันกอดโยมิที่พยายามจะเข้าไปหยุดคุณวีเนลกับคนอื่นที่คิดว่าจะเอาวิดีโอที่ได้ไปใช้ทำอะไรดีเอาไว้
“โยมิ เหนื่อยหน่อยนะ ลำบากน่าดูเลยสิเนอะ”
“โอ๊ะ… ลีน ขอบใจนะ”
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมานี่ ฉันใจเย็นลงเยอะแล้วเวลาอยู่กับโยมิแบบนี้น่ะ
แน่นอนว่าฉันยังชอบเธอมากเหมือนเดิมนะ แค่หัวใจฉันจะไม่เต้นจนแทบระเบิดแบบก่อนหน้านี้แล้ว
“…ไม่เป็นไรนะ?”
“หือ? อะไรเหรอ?”
“เปล่า… คือ เหมือนว่า เธอจะดู เหมือนไม่ค่อยมีชีวิตชีวานิดหน่อยน่ะ”
“อะฮะฮะ… สมกับเป็นลีนเลยนะ”
“ถึงยังไง การทำใจฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง ก็ยังยากอยู่ดีสินะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก อืม… จะว่ายังไงดีล่ะ เราอยากฆ่าครอบครัวของตัวเองมาตลอดเลยนะ สำหรับเราแล้ว ครอบครัวของเราก็คือลีน กับทุกคนในกองทัพจอมมารนี่แหละ เพราะงั้น การฆ่าครอบครัวเดิมก็เป็นแค่การตัดสายสัมพันธ์เก่าของตัวเองให้ขาดสะบั้นซักทีเท่านั้นเอง”
ตัดสายสัมพันธ์เก่ากับครอบครัวเดิม สินะ
ต้องเป็นพ่อแม่ที่โง่ขนาดไหนเนี่ย ถึงทำให้ลูกสาวของตัวเองพูดคำนี้ออกมาได้น่ะ
“เพราะแบบนั้น เป้าหมายของเราเลยมีแค่ ‘การฆ่า’ เท่านั้นแหละ เราทำให้พวกเขาได้ทรมานและสิ้นหวัง แต่สุดท้าย เราก็ฆ่าพวกเขาอย่างเหมาะสมแทน… แต่ที่เราพอจะพูดได้คือ… อะไรบางอย่างแบบ… รู้สึกพ่ายแพ้น่ะ พอคิดว่าเราไม่สามารถทำให้คนที่ทรมานเรามาทรมานไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…”
อา แบบนี้เองสินะ
ฉันเข้าใจความรู้สึกนั้นดีเลยล่ะ ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ตอนที่ฆ่าผู้กล้าอาวิซ… คุโรดะกับพวกลิ้วล้อของมันน่ะ
ความรู้สึกพอใจกับความสำเร็จที่ได้แก้แค้นแล้ว กับความรู้สึกว่างเปล่าที่ได้รู้ว่าเราไม่สามารถแก้แค้นมันได้อีกแล้วน่ะ ความรู้สึก 2 อย่างนี้จะผสมปนเปกันอยู่ในใจใช่มั้ยล่ะ
“ถ้างั้น เธออยากจะเก็บพวกเขาเอาไว้เป็นๆ หรือเปล่า? อยากทรมานพวกเขาให้มากกว่าเหรอ?”
“ถ้าถามเรา อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ ในฐานะบุคลากรของกองทัพจอมมารที่มีเป้าหมายสูงสุดในการกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้นซากแล้ว เราไม่ต้องการจะไว้ชีวิตมนุษย์เอาไว้ซักคนอยู่แล้วล่ะ อือ… พูดยากจังเลยนะ”
ก็จริงล่ะนะ
บางครั้งเรายังคิดเลยว่า ‘จะมีวิธีไหนมั้ยนะที่จะทำให้พวกมันเจ็บปวดกว่านี้อีกซักหน่อยนึงน่ะ?’
แต่ว่านะ แค่คิดว่าคนที่ตายไปแบบนั้นน่ะ ไม่มีทางได้คืนชีพขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย แค่นี้ก็เรื่องดีที่น่าเฉลิมฉลองกันแล้วนะ
“เอาเถอะ โยมิ ไว้ค่อยคิดเรื่องพวกนั้นทีหลังก็ได้ ตอนนี้คิดเรื่องของวันพรุ่งนี้ก่อนแล้วกันเนอะ”
“…จริงด้วยนะ ในที่สุด เราก็จะได้สู้ในแนวหน้าในสงครามซักทีนี่นา”
“อื้อ… โยมิ ต่อมาก็อาวิซ และปิดฉากด้วย [การร่วงหล่นของผู้กล้าคนสุดท้าย] ถ้าแผนการของพวกเราสำเร็จล่ะก็ แสงแห่งความหวังดวงสุดท้ายของพวกมนุษย์จะได้ถูกบดขยี้จนแหลกซะที ตื่นเต้นมากเลยนะเนี่ย”
แผนการในครั้งนี้ เราจะใช้ขุนพลจตุเทวอสุราทั้ง 4 คนเพื่อไปต้อนรับผู้กล้าก่อนเลยเผื่อเอาไว้ก่อน
ฉันไม่คิดว่ามันจะล้มเหลวหรอก แต่มันก็ยังมีโอกาสอยู่นี่นะ
ฉันต้องฝึกซ้อมอิมเมจเทรนนิ้งอยู่ในหัวซักหน่อยแล้วล่ะ
และตอนที่ฉันกำลังจะทำแบบนั้น
“พวกเจ้าทุกคน จงฟัง”
ก่อนหน้านั้น ท่านจอมมารก็พูดออกมาแบบนั้น
“คืนก่อนเทศกาลได้สิ้นสุดลงแล้ว และในวันพรุ่ง ผู้กล้าคนสุดท้ายก็จะถูกกำจัดเสียในที่สุด ความสำเร็จของปฏิบัติการครานี้จะรับรองชัยชนะของกองทัพจอมมารอย่างแน่แท้ได้เลยทีเดียว ขอพวกเจ้าทุกคนจงมีสมาธิกับปฏิบัติการครานี้ให้ยิ่งกว่าที่เคยเสีย”
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้… โดยเฉพาะขุนพลจตุเทวอสุราได้รับการเน้นย้ำจุดมุ่งหมายของพวกเราอีกครั้ง สีหน้าของพวกเราทุกคนก็เปลี่ยนไปเลย
“เช่นนั้น แยกย้ายได้ มาพบกับเราที่นี่ใน 8 โมง วันพรุ่งนี้”
“ลีน กลับกันเถอะ”
“นั่นสินะ อา มื้อเย็นเอาอะไรดีล่ะ?”
“เออ เราจำได้ว่ามีอกไก่เหลืออยู่นะ…”
“อ่า ลีน เจ้าอยู่นี่ต่อได้ฤไม่?”
“เอ๊ะ?”
“เราต้องอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ?”
“ไม่จำเป็น เจ้าจะกลับไปก่อนก็ไม่เป็นไรหรอก โยมิเอ๋ย”
…แค่ฉันเหรอ? แปลกๆ แฮะ
“งั้น ลีน เรากลับก่อนแล้วกันนะ”
“อือ เตรียมอาหารเผื่อไว้ให้ฉันซักหน่อยก็ดีนะ”
“โอเค”
โยมิกับผู้บริหารคนอื่นๆ ก็ออกไปกันหมดแล้ว ตอนนี้เลยเหลือแค่ฉัน ท่านจอมมาร แล้วก็คุณวีเนลที่อยู่ใกล้ๆ ฉัน
“คือ มีอะไรให้ฉันช่วยอย่างนั้นเหรอคะ?”
“…ก็แค่เรื่องงานเท่านั้น ลีนเอ๋ย เจ้าได้ทราบถึงสมาชิกของคณะผู้กล้าที่จะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้วฤไม่?”
อา ฉันว่าได้ฟังจากท่านอิซึสึมาก่อนแล้วนะ ถ้าจำไม่ผิด…
“มีผู้กล้า เพื่อนของเจ้านั่นอีก 4 คน อัครสาวกระดับต่ำ 3 คน แล้วก็ฮัซซาร์ดกับดูเก็น… ใช่มั้ยคะ”
เพื่อนที่ว่าก็คือพวกมาเกิดใหม่ที่ต่างโลกนี่แหละเนอะ
อย่างที่คิดเลย คงน่ารำคาญน่าดูเลยล่ะถ้าเกิดพวกนั้นรู้ว่าฉันเป็นคนมาเกิดใหม่ที่ต่างโลกเหมือนกัน มีความทรงจำในอดีตอยู่ และเคยเป็นมนุษย์มาก่อนน่ะ
“มีอะไรผิดพลาดในข้อมูลนั้นอย่างนั้นเหรอคะ?”
“จริงๆ แล้ว… เรื่อง 12 อัครสาวกที่อยู่ในคณะผู้กล้านั้น… เราเพิ่งได้รับข้อมูลใหม่มา พวกระดับต่ำ 3 คนนั้น 2 คนในนั้น…”
2 คนในนั้น?
“…คือนอยน์กับอีดิธ”
…นอยน์กับอีดิธ คนที่ฆ่าพ่อกับแม่ของฉันนี่นา
โดยเฉพาะอีดิธ ยัยนั่นเป็นคนที่ฆ่าล้างเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์เกือบทุกคนในหมู่บ้านของพวกเราเลย
ในโลกนี้ ไอ้ 2 คนนั่น คือคนที่ฉันเกลียดที่สุด ยิ่งกว่าเจ้าคุโรดะซะอีก
พวกมัน 2 คนนั่นอยู่ในคณะผู้กล้าด้วย… สินะ จนถึงตอนนี้ ที่ไม่ได้โผล่หน้าออกมาแนวหน้าเลย เพราะคอยสั่งสอนผู้กล้าหรือไงนะ แต่แล้วไงล่ะ ยังไงในที่สุด พวกมันก็
“ฮุฮุ… ฮุฮุฮุฮุฮุ… อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…! ในที่สุด… ในที่สุด สินะคะ!”
“อา ในที่สุด เจ้ามนุษย์ 2 คนที่ทำลายล้างหมู่บ้านแวมไพร์… หากจะบอกว่าพวกมันได้สามารถอสูรร้ายอย่างเจ้าขึ้นมาด้วยตัวพวกมันเอง ก็หาใช่การกล่าวเกินจริงแต่อย่างใด และวันพรุ่งนี้ พวกมันจะออกมาจากอาณาจักรศักดิ์ที่คุ้มกะลาหัวของพวกมันแล้ว”
อ่า วันนี้… ฉันรอมันให้มาถึงมานานขนาดไหนกันนะ!
โทษฐานที่พวกแก 2 คนมาพรากครอบครัวไปจากฉัน เวลานี้แหละ พวกแกจะได้ชดใช้อย่างสาสม!
“…ท่านจอมมารคะ ฉันจะฆ่า 2 คนนั้นเองค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันก็จะฆ่าพวกมันให้ได้แน่นอน ความแค้นตลอด 12 ปีที่ผ่านมานี่ ฉันจะให้พวกมันต้องชดใช้คืนทั้งต้นทั้งดอกในวันพรุ่งนี้แน่นอนค่ะ”
แน่นอน ฉันจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้
ทรมานพวกมัน บีบเค้นพวกมัน ให้พวกมันได้ร้องขอชีวิต ที่พวกมันไม่มีทางจะได้รับ ก่อนจะฆ่าพวกมันให้เจ็บปวดที่สุดจนไม่มีอะไรในโลกที่จะทำให้พวกมันเจ็บได้มากกว่านั้นอีกแล้ว
ฉันไม่ฆ่าพวกแกในครั้งเดียวแบบโยมิหรอกนะ ความเมตตามันมีค่ามากเกินไปสำหรับพวกมนุษย์ โดยเฉพาะกับพวกแก ฉันจะต้อง…
“…เรื่องนี้ นี่แล”
“เอ๊ะ?”
“นี่คือเรื่องที่เราจะขอกับเจ้า… ใน 2 คนนั่น เจ้าอย่าฆ่านอยน์จะได้ฤไม่?”
“……หา?”
อะไรนะคะ?
“ไม่สิ พูดเช่นนั้นอาจไม่ถูกต้อง พวกเราจะฆ่านอยน์อย่างแน่นอน… แต่ถึงกระนั้น ลีนเอ๋ย ไม่ใช่เจ้า เราต้องการจะฆ่าเจ้านั่นด้วยมือเราเอง เจ้าช่วยส่งนอยน์มาที่นี่แบบเป็นๆ พอจะได้ฤไม่?”
…ไม่ ไม่
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่
“ถึงจะเป็นท่านจอมมาร แต่ฉันคงทำเรื่องนั่นให้ไม่ได้หรอกค่ะ เจ้านอยน์ มันเป็นคนที่ฆ่าคุณแม่ของฉัน และฉันก็แค้นหมอนั่นมาตลอด ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้ ต่อให้จะเป็นท่านจอมมาร แต่กับเรื่องนี้ ยังไงฉันไม่ยอมถอยเด็ดขาดเลยค่ะ”
“…ขอเพียงเรื่องนี้เท่านั้น เราคงไม่ขออะไรจากเจ้าไปมากกว่านั้นแล้ว”
เพราะอะไรไม่รู้ ท่านจอมมารที่พูดออกมาแบบนั้นดูอ่อนล้ามากเลย
แต่ฉันไม่ยอมหรอก
ก็จริงอยู่ที่ท่านจอมมารเองก็เป็นแวมไพร์ ท่านก็แค้นนอยน์และอีดิธเหมือนกัน
แต่ว่า ฉันมั่นใจว่าไฟแค้นของฉันแรงกว่าของท่านจอมมารแน่ๆ
วันนั้น ฉันเสียไปหมดทั้งครอบครัว ทั้งเพื่อน ถ้าไม่มี 2 คนนั่น ฉันก็คงไม่ต้องเสียใครไปแล้วแท้ๆ
“…ขอโทษด้วยค่ะ ท่านจอมมาร …เรื่องนี้ ฉันไม่สามารถยอมรับได้จริงๆ ค่ะ”
“……อย่างนั้นฤ…หากว่า-…”
“ท่านจอมมาร ฉันว่าเราควรจะบอกให้เธอรู้นะคะ”
คนที่จู่ๆ ก็แทรกบทสนทนาเข้ามาก็คือคุณวีเนล ที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันมานานแล้ว
“แต่ วีเนล เรื่องนั้นน่ะ…”
“ลีนจังอายุ 17 แล้วนะคะ ถ้าท่านอธิบาย ยังไงเธอก็เข้าใจอยู่แล้วค่ะ เรื่องที่ว่าทำไมท่านจอมมารถึงเจาะจงเลือกที่จะฆ่านอยน์เอง? …อีกอย่าง ฉันคิดว่าลีนจังก็มีสิทธิที่จะได้รู้ด้วย”
…พูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่นะ?
“…นั่นสินะ ดังที่เจ้าว่า…12 ปีที่ผ่านมา เราต้องการจะบอกเจ้ามาโดยตลอด เราเคยคิดจะบอกเจ้าหลายต่อหลายครั้งแล้ว …แต่ เราไม่อาจทำได้ ยามใดที่เราคิดว่าเจ้าอาจชิงชังเราขึ้นมา เราก็ไม่อาจตัดสินใจทำมันได้จริงๆ”
“…เรื่องที่ว่านั่น คือสาเหตุที่ท่านจอมมารอยากจะฆ่านอยน์อย่างนั้นเหรอคะ”
“ถูกต้อง เราเองก็เคียดแค้นนอยน์ไม่ต่างจากเจ้าหรอก เราไม่มีทางยกโทษให้ไอ้คนที่มันฆ่ามิเนียเป็นอันขาด”
มิเนีย… คุณแม่ของฉันนี่นา?
ทำไมท่านจอมมารถึง…
“มิเนีย… มารดาของเจ้า… คือลูกสาวของเราเอง”
ท่านจอมมารพูดคำนี้ออกมาอย่างเคร่งขรึม…… ฮะ?
คุณแม่เป็นลูกสาว ของท่านจอมมาร?
แสดงว่า ท่านจอมมารเป็นแม่ของคุณแม่… นั่นมัน…
“ท- ท่านจอมมารเป็น… คุณยายของฉันเหรอคะ!?”
“…ถูกต้อง”
“หมายความว่า ฉันเป็นหลานของท่านจอมมารเหรอคะ!?”
“………ถูกต้อง”
“บุคลากรระดับผู้บริหารที่ไม่รู้เรื่องนี้ มีแค่ลีนจังกับโยมิจังน่ะ คนที่เหลือรู้เรื่องนี้กันเมื่อ 12 ปีก่อน ตอนที่พวกเราไปพาลีนจังมาที่กองทัพจอมมารยังไงล่ะ”
…จริงเหรอคะเนี่ย
“…ต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ ที่ไม่เคยบอกเลยมาจนป่านนี้ เราพะวงว่าเจ้าจะถามเราว่าในตอนนั้น ด้วยเหตุอันใดเราจึงไม่ไปช่วยพวกเจ้า เราเลยไม่อาจจะบอกเจ้าได้จริงๆ”
“ฉันไม่พูดออกไปแบบนั้นหรอกค่ะ… ท่านจอมมารไม่สามารถออกห่างจากปราสาทจอมมารได้นี่คะ แถมยังต้องยุ่งกับเรื่องมากมายเลย คงออกไปดูแลหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ไหวหรอกค่ะ”
นี่เรื่องจริงนะ
ตอนนี้ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย และฉันก็สงสัยว่าทำไมท่านถึงไม่บอกฉันด้วย แต่ฉันไม่กล่าวโทษท่านจอมมารแบบนั้นอยู่แล้ว และฉันก็ไม่เกลียดท่านจอมมารซักนิดเลยด้วย
ต่อให้ฉันรู้แล้วว่าท่านจอมมารเป็นคุณยายของฉันเอง ความจงรักภักดีต่อท่านจอมมารก็ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมอยู่ดี
“…แต่แบบนี้จะดีเหรอคะ?”
“…หมายถึงอะไรเหรอ?”
“ทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องเกี่ยวกับท่านจอมมารหมดเลยหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เลย จริงๆ เราควรจะตายไปในหมู่บ้านแห่งนั้นมานานแล้ว ทั้งมิเนีย ทั้งสามีของเธออย่างเรเซอ ไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าเราเป็นจอมมารอยู่”
“…ทำไมท่านต้องปลอมการตายตัวเอง แล้วเป็นจอมมารด้วยล่ะคะ?”
“…เรื่องนั้น…”
“ท่านจอมมารคะ ตอนนี้ เล่าให้เธอฟังเถอะค่ะ ทำไมท่านถึงมาเป็นจอมมารได้ ทำไมกองทัพจอมมารถึงถูกก่อตั้งขึ้นมา…”
“วีเนล เรื่องนั้น… ไม่สิ เจ้าพูดถูกแล้ว นั่นสินะ เราจะเล่าให้เจ้าฟัง… เพียงแต่ เรื่องมันอาจจะยาวเสียหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
――― แล้ว ฉันก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อาจเรียกได้ว่า เป็น [บทศูนย์] ของกองทัพจอมมาร
หลายร้อยปีก่อน เรื่องราวของแวมไพร์คนหนึ่งที่มีชื่อว่าฟิลิส ที่จะได้กลายมาเป็นจอมมารผู้อยู่ระหว่างความหวังและความสิ้นหวัง จนมาถึงตอนนี้
TN: ตอนนี้ เราก็ปิดองค์ที่ 4 แล้วครับ เต็มไปด้วยเรื่องราวหลากรส หลากอารมณ์จริงๆ หลังจากนี้ เราอาจจะคิดถึงลีนกับโยมิซักหน่อยนะครับ เพราะ [องค์ที่ 5 กำเนิดจอมมาร] เนี่ย ก็คือเรื่องย้อนอดีตของท่านจอมมาร ฟิลิส ของพวกเรานั่นเอง ตัวละครในองค์นี้ก็คือเหล่าผู้คนจากหลายร้อยปีก่อนด้วยเหมือนกัน พอมีในใจบ้างหรือยังครับว่าน่าจะมีใครอยู่ในองค์นี้บ้าง? มาคอยติดตามกันครับ