กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามีบทที่ 570 เป็นนายจริง ๆ

บทที่ 570 เป็นนายจริง ๆ

บทที่ 570 เป็นนายจริง ๆ

บทที่ 570 เป็นนายจริง ๆ

เผ่ยเยว่รู้สึกว่าสมองของเธอว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อเรื่องนี้อย่างไร

สายตาของเธอจับจ้องไปยังร่างของฉีจิ่นจือ ทั้งยังไม่เลิกล้มความตั้งใจในการระบุตัวตนของเขา

เธอจำได้ว่าเขามีไฝอยู่ที่หางตาข้างซ้าย และคนที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีมันเช่นกัน

ดังนั้นคนตรงหน้าเธอคือฉีจิ่นจือจริง ๆ

สายตาของหญิงสาวเลื่อนมองลงไปยังเอวที่ยื่นออกมาเล็กน้อยของฉีจิ่นจือ ซึ่งมีร่องรอยของปืนอยู่ราง ๆ

กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อยู่กับฉีจิ่นจือก็มีสิ่งนั้นเหน็บอยู่ที่เอวเช่นกัน

มีแนวโน้มอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดที่สามารถสังหารคนได้แบบตาไม่กะพริบ

เผ่ยเยว่ปิดปากของเธอด้วยความตระหนกตกใจ พูดไม่ออกอยู่นาน

หญิงสาวลดกล้องลง แล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังก้อนหิน ไม่กล้าส่งเสียง

เธอยังจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นฉีจิ่นจือคือตอนที่เขาเข้าไปพูดคุยกับฉีหยวนซานในห้องหนังสือ และหลังจากนั้น เขาก็หายตัวไปจากโลกของเธอโดยสิ้นเชิง

หลังจากนั้นมา เรื่องราวข่าวคราวที่เกี่ยวกับเขาก็ล้วนแล้วแต่ได้ยินมาจากปากคนอื่น

เผ่ยอิ่งกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำไปยั่วโมโหให้พ่อตัวเองหงุดหงิดจนถูกไล่ออกไปนะ แต่เป็นแบบนี้ก็ดี เขาจะได้ไม่มาลอยหน้าลอยตาต่อหน้าอาอีก ทั้งยังเป็นการย้ำเตือนว่านังผู้หญิงสารเลวนั่นทำต่ออายังไงบ้างในตอนที่หล่อนไปกับฉีหยวนซาน”

ในท้ายที่สุด คนของตระกูลเผ่ยกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าลูกชายคนเล็กของฉีหยวนซานที่กลับมาอย่างยากลำบากได้ตัดขาดกับเขาแล้วนี่ ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉีหยวนซานกำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อตอนนั้นต้องลำบากยากเข็ญเพื่อพาเขากลับมา และแม้แต่ทำให้ครอบครัวของเราขุ่นเคืองด้วย มาวันนี้กลับสร้างเรื่องสร้างราวแบบนี้ขึ้นมาอีกเนี่ยนะ?”

เธอฟังแล้วก็ได้แต่กังวลอยู่ในใจ

ทว่าด้วยจุดที่เธอยืนอยู่ จึงไม่สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้

หญิงสาวทำได้เพียงเก็บเรื่องของฉีจิ่นจือไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ หรือเอ่ยถามเมื่อยามคุยโทรศัพท์หรือคุยผ่านจดหมายกับเซี่ยชิงหยวนเท่านั้น

แต่เธอก็ไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ จากเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน

บางครั้งเธอก็สงสัยว่าในเวลาเดียวกันนี้ ฉีจิ่นจืออยู่ที่ไหน เขาจะทำอะไรอยู่

ก่อนที่ต่อมา เธอก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะลืม ลืมชายผู้ทำให้ความทรงจำของเธอแปลกประหลาดไปอย่างช้า ๆ

เธอเองเคยจินตนาการถึงสถานการณ์นับไม่ถ้วนที่เราสองอาจได้พบกันอีกสองครั้ง แต่หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ที่เธอยังคงเป็นเธอคนเดิม ในขณะเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาในประเทศพม่า

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่กว่าที่เธอจะสงบสติอารมณ์ได้ก็ตระหนักได้ว่าเสียงสนทนาที่อยู่ด้านหลังก้อนหินนั้นเงียบลงแล้ว

หัวใจของเผ่ยเยว่เต้นระรัวทันที ซ้ำยังไม่กล้าขยับเขยื้อนแต่อย่างใด

ป่าเขาลำเนาไพรอันกว้างใหญ่นี้เงียบสงบอย่างน่าขนลุก มีเสียงร้องของอีกาบ้างเป็นครั้งคราว ยิ่งทำให้น่าหวาดผวามากขึ้นไปอีก

เธอไม่รู้ว่าพวกเขาจากไปแล้วหรือค้นพบตัวเองแล้วกันแน่

เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่พอ ๆ กับเม็ดถั่วพลันผุดขึ้นมากลางหน้าผาก ก่อนจะไหลลงมาตามแก้ม และหยดลงมาที่บริเวณอกเสื้อ ทว่าหญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพื่อเช็ดเหงื่อแม้แต่น้อย

หลังของเธอแนบสนิทไปกับก้อนหิน เท้านั้นชาและสั่นจากการหมอบอยู่หลายชั่วโมง

ทันใดนั้น ก็มีแขนแข็งแรงพุ่งเข้ามาจากด้านหลังแล้วจับคอของหญิงสาวเอาไว้ ก่อนตรึงเธอไว้กับหิน

ด้วยแรงของนิ้วมือผู้มาเยือน ทำให้เผ่ยเยว่เจ็บบริเวณคอที่ถูกบีบ ทั้งยังรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างรุนแรง พร้อมกับสายตาซึ่งพร่ามัว

“เธอเองเหรอ?”

เมื่อเสียงอันคุ้นหูของชายหนุ่มดังขึ้น มือที่บีบลำคอของเธออยู่ก็ถูกคลายออก

เผ่ยเยว่รู้สึกราวกับว่าเธอได้เกิดใหม่ ยกมือกุมหน้าออกแล้วไออย่างรุนแรง

ความรู้สึกหายใจไม่ออกอย่างหนักนี้ทำให้น้ำมูกน้ำตาของเธอไหลออกมา รวมถึงความรู้สึกวิงเวียนศีรษะเป็นระยะ

ก่อนที่เธอจะได้เอื้อนเอ่ยอะไร ชายคนหนึ่งซึ่งมากับฉีจิ่นจือก็เดินเข้ามาและพูดเป็นภาษาพม่าว่า “เราต้องฆ่าเธอ”

เอ่ยจบ เขาก็คว้าแขนของเผ่ยเยว่ และกำลังจะลากเธอไป

“ฉันจะจัดการเอง” ฉีจิ่นจือหยุดชายคนนั้นเอาไว้ และช่วยเหลือเธอจากเงื้อมมือของอีกฝ่าย

การเคลื่อนไหวไม่ถือว่าอ่อนโยน ซ้ำยังเรียกได้ว่าหยาบคายอย่างยิ่ง ชายหนุ่มคว้าเข้าอย่างแรงจนแขนขาวนวลของเธอแดงเถือก

เผ่ยเยว่ก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้เพียงสักนิด

การตกอยู่ในมือของฉีจิ่นจือก็ดีกว่าการตกอยู่ในมือของชายอื่น

และสัญชาตญาณของเธอบอกเธอว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอ

ชายคนนั้นไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าต่อต้านมากนัก เพียงยกยิ้มกริ่มไปทางเผ่ยเยว่ “นายคงไม่ได้คิดจะยึดเอาไว้คนเดียวหรอกใช่ไหม?”

สายตาที่เขาใช้มองเผ่ยเยว่ไม่ได้ถูกปิดบังไว้แม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาต้องการเปลื้องผ้าของเธอออกให้สิ้น

เผ่ยเยว่ซึ่งรู้สึกถึงสายตาแทะโลมของเขา จึงขดตัวเข้าไปอยู่ด้านหลังของฉีจิ่นจือโดยสัญชาตญาณ

ชายคนนั้นหัวเราะกับเหตุการณ์นี้ “ฉี นายมีใบหน้าที่หล่อเหลา ไม่ใช่แค่ถ่าลี่เท่านั้น แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังชอบนายสินะเนี่ย”

จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ช่างเถอะ ผู้หญิงคนนี้ฉันจะยกให้นายแล้วกัน”

เขาลูบคางพลางกล่าวว่า “หากว่านายไม่เล่นเธอถึงตาย ก็อย่าลืมทิ้งไว้ให้ฉันด้วยล่ะ นานแล้วที่ฉันไม่เจอของดีขนาดนี้”

ฉีจิ่นจือเม้มปากพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร

สุดท้ายชายหนุ่มก็พยักหน้าไปทางชายคนนั้น พร้อมเอ่ยว่า “ฉันไม่ชอบแบ่งของของฉันให้ใคร”

ได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นไม่ได้โกรธเลย เขาเพียงหัวเราะ “หึหึ” ออกมาสองครั้งแล้วเดินออกไปอย่างละล้าละลัง

เมื่อเขาแน่ใจว่าชายคนนั้นจากไปแล้ว ฉีจิ่นจือก็ปล่อยตัวเผ่ยเยว่ แล้วมองเธอด้วยท่าทางสับสนงุนงง

เผ่ยเยว่ซวนเซจนเกือบจะล้มลงกับพื้น หญิงสาวคว้าจับก้อนหินข้าง ๆ ไว้เพื่อประคองร่างกายของเธอให้มั่นคง

เธอหายใจหอบพลางมองไปยังฉีจิ่นจือ พร้อมน้ำตารื้นคลอเบ้า “ฉีจิ่นจือ เป็นนายจริง ๆ”

สีหน้าของฉีจิ่นจือนั้นเฉยเมย “เธอมาที่นี่ทำไม?”

บางทีการแสดงออกที่เย็นชาของเขาอาจไปกระตุ้นเผ่ยเยว่เข้า ส่งผลให้ทะเลความเศร้าในใจของเผ่ยเยว่ซัดซาขึ้นมาโดยพลัน

เธอกัดริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “คำถามนี้ฉันควรจะเป็นฝ่ายถามไม่ใช่เหรอ? พวกเขาบอกว่านายทะเลาะกับอาเขยแล้วหนีออกจากบ้านไป ฉันเป็นห่วงนายอยู่ทุกวัน กลัวว่าจะไม่มีที่จะไป แต่ไม่ว่าจะคิดไม่ตกยังไง ฉันก็ไม่คาดคิดเลยว่านายจะมาอยู่กับขบวนการค้ายาพม่าได้!”

ในช่วงท้ายที่เอ่ยคำ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉีจิ่นจือ ทำไมนายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

เมื่อได้ฟังคำตำหนิของเผ่ยเยว่ ฉีจิ่นจือก็หลุบตาลงต่ำ โดยไม่กล่าวเอ่ยโต้แย้งอะไรแม้แต่คำเดียว

ก่อนที่ในที่สุด เขาจะกวาดสายตาเหนื่อยหน่ายขึ้นมามองเธอ พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประชดประชัน “พูดจบแล้วเหรอ?”

เผ่ยเยว่ตกตะลึงกับแววตาของเขา เธอยังคงมีอาการสำลักอยู่เล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “พูดจบแล้วยังไง พูดไม่จบแล้วยังไงล่ะ?”

“เหอะ” ฉีจิ่นจือหัวเราะเสียงเย็น พลางสาวเท้าเข้าไปใกล้เผ่ยเยว่มากขึ้น

เผ่ยเยว่ตกใจมากจนก้าวถอยหลัง กระทั่งเธอถูกเขาบังคับให้แนบแผ่นหลังไปกับก้อนหิน แล้วเชยคางขึ้นเพื่อสบตาเขา

นัยน์ตาดอกท้อของเขาปราศจากร่องรอยแห่งอารมณ์ใด ไม่มีแม้แต่การเยาะเย้ย เขามองเธอราวกับว่าเขากำลังดูบางอย่างที่น่าขบขัน

เผ่ยเยว่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ จึงเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “นาย…นายจะเอายังไง? นายบอกฉันมา… อื้อ!”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Score 10
Status: Completed
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี ...ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! เรื่องย่อ หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

Options

not work with dark mode
Reset