ตอนที่ 519 ไม่อยากให้น้องสาวแต่งงาน / ตอนที่ 520 ผิวสีแทน
ตอนที่ 519 ไม่อยากให้น้องสาวแต่งงาน
วันที่สิบเดือนเมษายน มู่เถาเยาได้รับแจ้งข่าวดีว่าเหลียงจีให้กำเนิดลูกชายที่อ้วนท้วน ตั้งชื่อว่าหนิงจื้อหย่วน
เนื่องจากวันนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์ เธอจึงไม่ได้กลับไป
แต่เดิมทีบอกไว้แล้วว่าสุดสัปดาห์นี้จะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน ตอนนี้เลยต้องเปลี่ยนเป็นกลับเผ่าแทน
ด้วยเหตุนี้เช้าวันเสาร์มู่เถาเยาพร้อมด้วยตี้อู๋เปียน พวกสาวๆ อย่างมู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา กู้หาน จั่วอีเหิง รวมถึงพวกเด็กๆ อย่างตี้อันเหยี่ย มู่ซือจิ่น เป็นต้น จึงกลับเผ่าไปด้วยกัน
เหลียงจีคลอดธรรมชาติ ตอนพวกเขากลับไปถึงเหลียงจีก็เดินเหินคล่องแคล่วเหมือนคนไม่เคยคลอดลูกแล้ว
แน่นอนว่าก็เดินอยู่ในบริเวณบ้านตระกูลเหลียงเท่านั้น เพราะสองครอบครัวขอให้เธอตั้งใจอยู่ไฟ
มู่เถาเยาเห็นเหลียงจีดูสดชื่นใบหน้ามีเลือดฝาด ไม่ต้องจับชีพจรก็รู้ได้ว่าสบายดีมาก
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมกลับมาล่ะ พี่ก็บอกแล้วว่าสบายดี ยังจะไม่เชื่ออีก”
มู่เถาเยายิ้ม “พี่เหลียงจีอย่าคิดเข้าข้างตัวเองสิคะ พวกเรามาดูเด็กน้อยหนิงจื้อหย่วนต่างหาก เลยถือโอกาสแวะเยี่ยมพี่ด้วย”
เหลียงจีผายมือยิ้มตาโค้ง “เอาเถอะ พี่จะอิจฉาลูกก็ไม่ได้หรือเปล่า”
มู่เถาเยาอุ้มเด็กมาจากแม่หนิง มองแก้มขาวๆ ของเขาพลางพูด “ได้ผิวพี่เหลียงจีมา หน้าตาก็คล้ายพี่เหลียงจี”
เจียงเฟิงเหมียนยิ้มพูด “พี่เหลียงจีคลอดแฝดตัวเอง”
อวิ๋นสุ่ยเหยาพูดต่อ “น้าเล็กคงได้แค่คำขอบคุณที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้”
หนิงชิงมองค้อน
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
แม่เหลียงยิ้มพูด “เดี๋ยวเด็กโตขึ้นก็มีส่วนคล้ายหนิงชิงเองแหละจ้ะ”
แม่หนิงกลับพอใจมาก “เหมือนเหลียงจีน่ะดีแล้ว! วันหน้าจะได้เป็นชายหนุ่มรูปงาม!”
มู่เถาเยาส่งเด็กให้เหลียงจี เพื่อให้อุ้มกลับห้องไปพักผ่อน
เด็กแรกเกิดบอบบาง ภูมิคุ้มกันต่ำ อย่าให้เจอคนมากจะดีกว่า
เหลียงจีอุ้มลูกพลางยิ้มพูด “พวกเธอก็อย่าอยู่แต่ในบ้านเลย ให้เหลียงเหิงกับเหลียงจิ่วพาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เดี๋ยวค่อยกลับมากินข้าวเย็นกัน”
ไม่มีใครคัดค้าน
เหลียงจิ่วที่อยู่ข้างเหลียงจีอายุยี่สิบห้าปี ท่าทางสง่างาม บุคลิกโดดเด่น เรียนปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยอันฝาง
เธอจบปริญญาตรีจากโรงเรียนทหาร มีตำแหน่งทางทหาร หลังเรียนจบก็ทำงานในศูนย์วิจัยของค่ายทหาร
เหลียงเหิงน้องชายของเหลียงจีอายุยี่สิบเจ็ดปี ทำงานอยู่หน่วยโยธาธิการที่วิจัยอาวุธ เป็นผู้ช่วยของเย่ว์จือเหิง
พอดูแบบนี้แล้วในบรรดาสามพี่น้องมีแค่เหลียงจีที่เป็นทหารอากาศออกฝึกอย่างแท้จริง
ต่อมาได้รับเลือกเป็นนักบินของหัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้ลาออกจากทหาร จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีสถานะทางการทหารอยู่
ตระกูลเหลียงเป็นทหารกันทั้งครอบครัว
นับตั้งแต่อดีต ทางเผ่ามีการสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าทางสายเลือด อำนาจทหารอยู่ในมือตระกูลเย่ว์มาตลอด จากนั้นถึงแบ่งให้พวกข้าราชการ ดังนั้นไม่ว่าจะตระกูลเย่ว์หรือตระกูลเป่ย หรือมู่เถาเยาที่วันหน้าจะกลับเผ่า ต่างก็ได้รับความจงรักภักดีจากตระกูลเหลียงร้อยเปอร์เซ็นต์
เหลียงจิ่วยิ้มให้ทุกคน “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พี่จะพาทุกคนไปเดินเล่นที่สวนเสาเย่าแถวนี้ ตอนนี้เป็นเดือนเมษา ดอกเสาเย่ากำลังบานได้ที่เลยล่ะ”
“ใช้ชื่อดอกไม้มาตั้งเป็นชื่อสวนได้ก็แสดงว่ามีดอกนั้นเยอะ พวกเราต้องไปเชยชมหน่อยแล้วล่ะค่ะ” เจียงเฟิงเหมียนรู้สึกสนใจมาก
เธอเรียนด้านวาดภาพ ชอบชื่นชมความงามแบบต่างๆ
ทุกคนก็รู้สึกสนใจ
ครั้นแล้วเหลียงเหิงกับเหลียงจิ่วก็พาหนุ่มสาวที่กำลังเบิกบานใจและพวกเด็กๆ ที่สดใสร่าเริงไปชมดอกไม้
ดอกเสาเย่ามีกลิ่นหอมอ่อนๆ แต่พอมีเยอะมาก เมื่อพวกเขามาถึงก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
ยิ่งเดินเข้าไปกลิ่นยิ่งชัด
พอเห็นดอกเสาเย่าที่มีสีต่างๆ อาทิ สีม่วงแดง สีม่วง สีขาว สีเหลือง สีชมพู สีแดง สีผสม ทุกคนก็ตะลึงงัน
มู่เถาเยาเอานิ้วขาวนวลของตัวเองเขี่ยดอกใหญ่สีชมพูเล่นพลางพูดด้วยความชื่นชม “สมแล้วที่ถูกชื่นชมว่าเป็น โฉมงามในหมู่บุปผา นางฟ้าบุษบาเดือนห้า”
“ดูดอกนี้สิ…สีขาวใหญ่มาก ใหญ่กว่าหน้าฉันอีกมั้ง!” มู่หว่านตะลึงมาก
อวิ๋นสุ่ยเหยาพยักหน้า ยื่นมือออกไปเอาสองมือต่อกันเทียบกับดอกไม้ “ใหญ่เกือบเท่าสองมือฉันเลยนะ!”
กู้หานยิ้มพูด “เพิ่งเคยเห็นดอกเสาเย่าที่เยอะขนาดนี้เป็นครั้งแรก ดูผีเสื้อกับผึ้งพวกนี้สิ ยิ่งทำให้ดอกเสาเย่ามีชีวิตชีวา!”
เหลียงจิ่วยิ้มพลางพยักหน้า “ทุกคนอาจไม่เคยเห็นช่วงที่มันเริ่มเติบโต ตอนนั้นต่างหากที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุด! ควรค่าแก่การเชยชมเลยล่ะ”
มู่หว่าน “หมู่บ้านเถาหยวนซานของพวกเราก็มีดอกไม้เยอะ แต่อาจเพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโตก็เลยไม่ตื่นเต้นอะไร ตอนนี้พอมาเห็นดอกเสาเย่า มันชวนให้ตะลึงมากจริงๆ นะ”
ทันใดนั้นตี้อู๋เปียนก็พูดขึ้น “ซาลาเปาน้อย มากับฉันหน่อย”
มู่เถาเยาถามด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมเหรอคะ จะไปไหน”
“ฉันเห็นต้นที่แปลกออกไป อยู่ฝั่งตรงข้าม” ตี้อู๋เปียนดึงมือมู่เถาเยาเดินออกไป
เย่ว์จือเหิงกับเย่ว์จือกวงดวงตาลุกโชนทันที
พวกเขาอยากดึงน้องสาวสุดที่รักกลับมา แต่ก็กลัวจะทำน้องสาวตกใจ และก็กลัวน้องสาวจะรู้สึกตัวเรื่องนี้ด้วย…
พวกเขายังไม่อยากให้น้องสาวแต่งงาน!
โชคดีที่ตี้อู๋เปียนจับมือโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ตั้งใจจะจูงมือน้องสาวของพวกเขา
พี่ชายทั้งสองจำต้องเดินตามหลังด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
คนอื่นๆ ก็เดินตาม
ตี้อู๋เปียนจูงมือมู่เถาเยาเดินอ้อม พอไปถึงฝั่งตรงข้ามก็นั่งยอง แหวกต้นเสาเย่าสองฝั่ง “ซาลาเปาน้อยดูสิว่านี่อะไร”
มู่เถาเยาเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที
นี่มันฟอสซิลพืชที่เกิดจากธรรมชาติที่ถูกมองว่าสูญพันธุ์ไปนานแล้ว!
ตอนที่ 520 ผิวสีแทน
วันศุกร์ของสัปดาห์นี้หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเธอก็ไปเมืองเย่ว์ตูพร้อมตี้อู๋เปียนและพวกเซี่ยซิงเหยียน
เพราะวันเสาร์พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของอาจารย์สามลู่จือฉินกับตี้อู่เหลียนจิง
พอพวกเขาที่มีกันหลายคนไปถึงโรงแรมที่จัดงานแต่งงานก็ทำเอาห้องแต่งตัวของเจ้าสาวที่มีขนาดร้อยกว่าตารางเมตรแน่นถนัดตา
มู่เถาเยาถามเรื่องบ้านของตี้อู่เหลียนจิงก่อน
ตี้อู่เหลียนจิงส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าเล็กเกินไป แต่เก่าเกินไป หรือไม่ก็ไกลเกินไป ไม่เจอที่ถูกใจเลย”
เนื่องจากเมืองเย่ว์ตูไม่พัฒนาพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยเพิ่มแล้ว ตี้อู่เหลียนจิงจึงหาซื้อบ้านที่ถูกใจไม่ได้ ทำได้เพียงปรึกษาเอาบ้านหลังเล็กของลู่จือฉินเป็นเรือนหอไปก่อน
มู่เถาเยาเคยอยู่เมืองเย่ว์ตูมาสองปีครึ่ง จึงเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ก่อนมาที่นี่เธอให้ลู่หันซู ตี้อู่หลันฉือ ปาอิน ถังถัง สี่คนนี้ไปพักบ้านที่อาจารย์ใหญ่โอนมาเป็นชื่อเธอ
ไม่ว่าจะตี้อู่หลันฉือที่เป็นลูกสาวหรือลู่หันซูที่เป็นลูกศิษย์ ให้ไปอยู่บ้านใกล้กับพ่อหรืออาจารย์ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว
อยู่ใกล้กันก็ดูแลได้สะดวก แถมยังมีพื้นที่ส่วนตัวให้คู่แต่งงานคู่ใหม่
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง พูดกับตี้อู่เหลียนจิง “คุณลุงตี้อู่ไม่ต้องรีบนะคะ วันหน้าเจอที่ถูกใจแล้วค่อยว่ากัน ยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่”
ตี้อู่เหลียนจิงพยักหน้า “อืม”
“อาจารย์สามจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้วไหมคะ มีอะไรให้หนูช่วยไหม”
ลู่จือฉินตบแขนลูกศิษย์คนโตด้วยความรู้สึกขำ “เรียบร้อยแล้วจ้ะ เด็กอย่างเราไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้หรอก”
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “เด็กคนนี้ต้องเช็กให้แน่ใจทุกเรื่อง ขี้กังวลไปหมด ไม่ดูบ้างว่ามันใช่เรื่องของตัวเองหรือเปล่า”
แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่ได้เป็นเชิงตำหนิ
มู่เถาเยากลับไม่คิดแบบนั้น “ช่วยได้ก็อยากช่วยค่ะ ใช่ว่าหนูจะยุ่งไม่ได้เสียหน่อย”
ลู่จือฉินยิ้มกว้างตบแขนลูกศิษย์เบาๆ “เอาล่ะๆ พวกเธอเพิ่งมาจากเมืองหลวง ถ้าไม่อยากกินมื้อดึกก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”
เป่ยซี “นั่นสิ เสี่ยวเยาเยา ต่อให้พวกลูกไม่เหนื่อย แต่อาจารย์สามต้องพักผ่อนแล้ว จะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด”
เพื่อนสนิทมิตรสหายและคนมาร่วมงานทั้งหมดถูกคนตระกูลตี้อู่จัดแจงให้พักในโรงแรมของตระกูลตี้อู่ รวมถึงมู่เถาเยาและคนที่มาจากเผ่า
จัดให้พักอยู่ที่เดียวกันก็สะดวกขึ้นมาก
โรงแรมถูกเคลียร์ไว้แล้ว ตอนนี้มีแค่เพื่อนๆ ญาติๆ ของทั้งสองฝ่ายและคนของบริษัทรับจัดงานแต่งงาน
หลังจากนอนพักผ่อนตลอดคืนมู่เถาเยาก็ตื่นแต่เช้าไปห้องของลู่จือฉิน ช่วยใส่ชุดเจ้าสาวที่ขาวสวย จากนั้นก็มองช่างแต่งหน้าที่แต่งให้อาจารย์สามไปชมไป “เจ้าสาวผิวดีมากเลยนะคะ! ผิวสีแทนละเอียดเปล่งปลั่ง หาได้ยากในประเทศเหยียนหวงของพวกเรา!”
ได้ยินว่าเจ้าสาวอายุห้าสิบกว่าแล้วด้วย!
ดูผิวเนียนละเอียดที่ไร้ริ้วรอยนี่สิ ร่างกายก็ดูสุขภาพดี สดชื่นกระปรี้กระเปร่า…เหมือนคนอายุยี่สิบสามสิบเอง
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าลูกสาวของเจ้าบ่าวอายุยี่สิบกว่าแล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าบ่าวสาวคู่นี้อายุเกินห้าสิบแล้ว!
อิจฉาจากใจจริง!
ช่างแต่งหน้าอดถามขึ้นไม่ได้ “เจ้าสาวดูแลผิวพรรณยังไงเหรอคะ”
ลู่จือฉินยิ้มตอบ “ฉันกินยาบำรุงค่ะ ออกกำลังกายทุกวันด้วย ปกติก็บำรุงผิวขั้นพื้นฐาน ไม่แต่งหน้าค่ะ”
“ยาบำรุงซื้อที่ไหนเหรอคะ ดูจากผิวพรรณเจ้าสาวแล้วยาบำรุงได้ผลดีมากแน่เลยค่ะ”
ลู่จือฉินบอกชื่อร้านค้าออนไลน์ ซึ่งก็คือร้านของมู่เถาเยา
ช่างแต่งหน้าตะลึงมาก “อันที่จริงฉันไม่ค่อยเชื่อพวกยาบำรุงความงามที่ขายในเน็ตสักเท่าไร แต่มีตัวอย่างให้เห็นแบบนี้ ตอนนี้ฉันเชื่อแล้วค่ะ เดี๋ยวเสร็จงานแล้วจะไปสั่งซื้อบ้างค่ะ”
“สินค้าร้านนี้เห็นผลทุกตัว ฉันกินหมดทุกตัวยกเว้นตัวที่ช่วยให้ขาวสวยค่ะ”
มู่เถาเยากับพวกสาวๆ มองเจ้าสาวโฆษณาขายสินค้าด้วยความสนุก
ช่างแต่งหน้ายิ้มพูด “ดูท่าทางเจ้าสาวจะชอบผิวสีแทนแบบนี้นะคะ คนเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ชอบผิวขาว แต่คุณกลับไม่สนใจ”
ลู่จือฉินนัยน์ตายิ้ม พูดด้วยความภูมิใจ “ฉันเป็นแพทย์แผนโบราณ เข้าป่าไปเก็บสมุนไพรบ่อย เรื่องผิวขาวไม่ได้สำคัญสำหรับฉันค่ะ”
ช่างแต่งหน้าอึ้งไปอีกครั้ง “ที่แท้คุณก็เป็นหมอนี่เอง! สินค้าที่แม้แต่หมอยังแนะนำฉันต้องซื้อแล้วล่ะค่ะ! ต้องซื้อตุนเยอะๆ เลยด้วย!”
“รับรองไม่ผิดหวังกับผลลัพธ์แน่นอนค่ะ”
เย่ว์เลี่ยงกับพวกเป่ยซีต่างอยากหัวเราะ
พวกเธอก็กินของพวกนั้น แต่พูดออกมาไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าพวกเธอมาขายของ
ถึงแม้เสี่ยวเยาเยาก็เป็นเจ้าของกิจการจริงๆ แต่ก็เพราะเสี่ยวเยาเยาเป็นเจ้าของ ผลลัพธ์ของสินค้าถึงได้ดีขนาดนั้น
แต่คนเรานี่ก็แปลก เวลาเพื่อนเจ้าของสินค้าบอกว่าพวกเขาก็กินตัวนั้นตัวนี้ มันดีอย่างนั้นอย่างนี้ คนฟังกลับคิดว่ามาช่วยขายสินค้า พลอยสงสัยในผลลัพธ์ของสินค้าชนิดนั้นไปด้วย…