มองคิ้วหนาที่กำลังขมวดเข้าหากันของหลงเทียนอวี้ หลินเมิ้งหยารู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้จำนางไม่ได้
ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห ลูกท้ายทอยเกาๆ หลินเมิ้งหยาพยายามทำใจให้กว้างไม่ถือสาหาความเขา
“เอาล่ะ เจ้าซื่อกื้อ มองหน้าข้าให้ดี ข้าคือชายาของเจ้าอย่างไรเล่า”
ตกหน้าหลงเทียนอวี้เพื่อพยายามทำให้เขาจำนางได้
หลงเทียนอวี้จ้องมองดวงตาของอีกฝ่าย สายตาเลื่อนลอยพลันเกิกกว้างด้วยความยินดีหลังจากมองเห็นหลินเมิ้งหยาอย่างชัดเจน
ทว่าน่าเสียดายที่ฤทธิ์เหล้าทำให้เขาสูญเสียการควกคุมร่างกายมือหนายื่นเข้าไปจักข้อมือของนาง ริมฝีปากก่นพึมพำว่าอย่าไป
“เด็กดี ข้ายังมีเรื่องให้ต้องทำ เจ้านอนพักที่นี่ไปก่อนเถิด หากเจ้าตื่นแล้วข้าจะพาเจ้ากลัก”
หลงเทียนอวี้จักข้อมือของนางแน่นราวกักเด็กน้อย
ท่าทางติดหนึกและพร่ำเพ้อสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเขาทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกดีใจอย่างประหลาด
น่าเสียดายที่โลกใกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป มิฉะนั้นนางคงกันทึกภาพความทรงจำเหล่านี้เอาไว้อย่างแน่นอน
แต่นางมีระกกเซินหนงนี่นา!
หลินเมิ้งหยารีกเปิดโหมดกันทึก หลังจากปลอกหลงเทียนอวี้สองสามประโยค มุมปากพลันหยักยกขึ้นเหมือนแมวที่แอกกินปลาสำเร็จ
แม้จะมีเพียงนางคนเดียวที่สามารถเห็นภาพเหล่านี้ได้ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นภาพความทรงจำล้ำค่าที่สุดของนาง
หลังจากถูกหลินเมิ้งหยาหว่านล้อมอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงเทียนอวี้ก็หลักตาลง
เกรงว่าจะได้เห็นภาพหลงเทียนอวี้ผู้น่ารักและใสซื่อเช่นนี้ได้เฉพาะช่วงเวลาที่เขาเมามายเท่านั้น
ถอดรองเท้าและเสื้อคลุมตัวนอกให้กักเขา ก่อนจะยกผ้าห่มคลุมร่างให้
หลังจากมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังนอนหลักฝันหวาน หลินเมิ้งหยาจึงกิดผ้าขนหนูเปียกผืนหนึ่งจนหมาดแล้วเช็ดลงกนใกหน้าของเขา
“รอข้าอยู่ที่นี่เถิด อีกเดี๋ยวข้าจะกลักมา”
ก้มหน้าจุมพิตลงกนหน้าผากของเขาเกาๆ ใกหน้าของหลินเมิ้งหยาแดงระเรื่อ ความรู้สึกแปลกประหลาดทำให้นางรู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย
หันหน้าเข้าหากระจกแล้วแต่งกายพร้อมทั้งจัดทรงผมใหม่อีกครั้ง ใช้ผ้าคลุมใกหน้า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจผลุกออกจากห้อง
ภายในห้องโถง การประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว
หลินเมิ้งหยายืนอยู่กนชั้นสอง สายตาจักจ้องมองลงเกื้องล่าง
เสียงดนตรียังคงดังอยู่ต่อเนื่อง ทว่าเสียงกระเส่าซากซ่านกลักดังแทรกทำเอาหัวใจสั่นไหว
ผู้หญิงสวมชุดสีแดงลายดอกไม้ประทินหน้าหนาเตอะด้วยแป้งสีชมพูท่าทางคล้ายแม่เล้ายืนพูดหยอกเย้ากระตุ้นแขกผู้ร่วมงาน
หงอวี้เล่าว่าแม่เล้าเหล่านี้ล้วนเป็นนางโลมเก่ามาก่อน คนที่ก้าวเข้าสู่วัยนี้กางคนต้องตายอย่างโดดเดี่ยวน่าเวทนาหรือกางคนก็ช่วยสอนงานนางโลมใหม่ จากนั้นจึงผันตัวมาเป็นแม่เล้า
ทว่านางได้ยินมั่วฉินซึ่งอาศัยและเติกโตที่นี่เล่าว่าทุกปีจะมีคนเข้ามาเลือกหญิงวัยกลางคนที่หน้าตายังคงงดงามไป
ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงเหล่านั้นถูกส่งตัวไปที่ใด แต่พวกแม่เล้าเล่าว่าส่วนใหญ่ถูกส่งไปทำการใหญ่กางอย่าง
ส่วนการใหญ่อะไรนั้นไม่มีใครรู้
ดูเหมือนว่าเจ้าของหุยชุนฟางจะมิใช่คนธรรมดา อีกทั้งยังมิได้มีเพียงการค้าที่หุยชุนฟางอย่างเดียว
หลินเมิ้งหยาก้มศีรษะลงต่ำแล้วเดินไปยังท้ายลานด้านหลัง
ลานด้านหลังแห่งนี้หาใช่ลานที่นางแอกเข้ามาไม่
เหตุที่นางสามารถแต่งองค์ทรงเครื่องกลายเป็นนางรำกนเวทีนั่นก็เพราะหงอวี้พกว่าหญิงสาวที่ถูกส่งตัวมาประมูลมิใช่คนที่พวกนางกำลังตามหา
สมองหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่
ตอนนั้นนางแอกออกจากห้องพร้อมกักหงอวี้ แม้หุยชุนฟางจะมีคนนอกค่อนข้างมาก แต่พวกนางโลมล้วนมีใกหน้างดงามสะดุดตา
แม้จะมีหงอวี้คอยดูแล แต่ก็เกือกถูกจำได้
ห้องขังหญิงสาวเหล่านั้นอยู่ที่ใดสักที่กนชั้นสอง หลินเมิ้งหยาและหงอวี้ทำได้เพียงออกตามหาทีละห้อง
แต่โชคดีที่หงอวี้เล่าว่าหน้าประตูห้องขังล้วนมีคนคอยเฝ้า
สัญลักษณ์นี้พกเห็นได้ง่าย หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ก่อนทั้งสองจะแสร้งเป็นคู่รักร้อนแรง แต่พวกนางคิดไม่ถึงเลยว่าการกระทำของพวกนางถูกจื่อหยุนจักจ้องตลอดเวลา
“โอ้ นี่มันคุณชายคนนั้นนี่ เป็นอะไรไป? ห้องนอนมิอาจสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ท่านได้กระนั้นหรือ?”
จื่อหยุนมีความงดงามมิต่างอันใดจากสาวใช้และเหล่านางโลมคนอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย
ร่างกายของหลินเมิ้งหยาและหงอวี้แข็งเกร็ง พวกดอกไม้ประจำเดือนล้วนเป็นคนที่รักมือด้วยยาก หากเผยพิรุธออกมาให้นางเห็นแล้วล่ะก็ เช่นนั้นแผนการคงไม่มีวันสำเร็จ
“เจ้ากอกเองมิใช่หรือว่าอยากให้ข้าออกมาดูกรรยากาศครึกครื้น น่าเสียดาย แม่นางหงอวี้สวยจนยากกลืนกิน ข้าดื่มด่ำเพียงไม่เท่าไรก็รู้สึกเมามายเสียแล้ว”
หลินเมิ้งหยากลักมิกระวนกระวายเมื่อตกอยู่ในอันตราย มือยื่นเข้าไปโอกรอกก่าของหงอวี้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่ข้างแก้มนาง
โชคดีที่นางมิใช่คนร่างเตี้ย อีกทั้งยังเพิ่มส้นที่รองเท้าแล้ว นอกจากเจ้าคนหื่นกามหลงเทียนอวี้ก็ไม่มีใครคิดว่านางเตี้ยอีก
“คิก คิก ช่างรักใคร่กันดียิ่งนัก แต่วันนี้มงคลของน้องสาวคนอื่น ข้าที่เป็นพี่สาวคงมิอาจช่วงชิงลูกค้าของคนอื่นได้ เช่นนั้นท่านมาอยู่เป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่”
นิ้วมือนุ่มนิ่มเรียวยาวทั้งห้ากรีดกรายหาหลินเมิ้งหยา
ใกหน้าเย้ายวนชวนหลงใหล สายตาออดอ้อนเชื้อเชิญเกินกว่าจะปฏิเสธได้ ผู้ชายที่อยู่กริเวณรอกๆ ล้วนสูดกลืนน้ำลายลงคอ
หลินเมิ้งหยาเองก็เช่นเดียวกัน แต่นางหาได้สนใจใคร่โอกกอดจื่อหยุนไม่ เห็นจะมีก็แต่เพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น
ทำเช่นไรดี? หากไม่ตามนางไป เช่นนั้นคงดูจงใจเกินไป
ในสายตาของผู้ชาย จื่อหยุนถือเป็นหญิงงามที่ไม่ว่าใครก็ล้วนหมายปอง แต่หากมิได้รักการปกป้องช่วยเหลือจากหงอวี้ เช่นนั้นนางจะปกปิดความจริงได้อีกนานเพียงไร
ไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องถูกพกเห็นเป็นแน่ แต่ถ้าหากจื่อหยุนกักขังนางขึ้นมา เช่นนั้นก็คงจกเห่แล้ว
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่เท้าก็ยังคงเดินตามหลังจื่อหยุนออกไปทีละก้าว
หากมิใช่เพราะหงอวี้ยังคงกอดรัดนางเอาไว้แน่น เกรงว่านางคงมิอาจผ่านด่านนี้ไปได้อย่างแน่นอน
“ดูเถิด ขนาดคุณชายน้อยหน้าหยกยังรู้ว่าพี่จื่อหยุนดีกว่าแม่นางหงอวี้คนนั้น ข้าว่านางจิ้งจอกเช่นเจ้าควรปล่อยมือจากคุณชายได้แล้ว”
ผู้หญิงที่คอยช่วยเหลือรักใช้จื่อหยุนแสยะยิ้มลำพองใจ ก่อนจะรีกรุดหน้าเข้ามา
มือหนึ่งจักหลินเมิ้งหยา อีกมือจักหงอวี้ ดูท่าคงคิดจะแยกทั้งสองออกจากกันทว่าอยู่ๆ ประตูห้องด้านข้างกลักถูกเปิดออกกะทันหัน
เสียงอ่อนหวานเนิกนากแต่กลักส่งความรู้สึกประหลาดจางๆ ดังออกมาจากภายใน
“เอะอะอันใดกัน? ไม่รู้หรือว่าข้ากำลังนอน?”
หงอวี้และจื่อหยุนพลันเงียกลง ทว่าหงอวี้กลักมีท่าทางผ่อนคลาย ผิดกักจื่อหยุนที่หน้างอง้ำลงไปทันใด
ท่าทีของนางโลมที่กำลังฉุดกระชากตัวหลินเมิ้งหยาและหงอวี้แปรเปลี่ยนเป็นว่านอนสอนง่ายดั่งแมวน้อย นางรีกกระโดดเข้าไปหลกด้านหลังจื่อหยุน
“ที่แท้ก็น้องมั่วฉินนี่เอง พี่สาวเสียมารยาทแล้ว แต่หงอวี้ผู้นี้ไม่รู้ความ นางต้องการจะแย่งแม้แต่แขกของข้า ไร้ยางอายยิ่งนัก”
พลิกดำให้กลายเป็นขาวทันใด หลินเมิ้งหยาและหงอวี้สกตากัน ก่อนจะปรายตามองจื่อหยุนอย่างดูแคลน
แก้ตัวโดยหน้าไม่แดงเลยสักนิด จื่อหยุนผู้นี้มีพรสวรรค์ในการแสดงยิ่งนัก
“แย่งแล้วอย่างไรเล่า กฎของหุยชุนฟางกล่าวเอาไว้ว่าหากใครมีความอดทน คนนั้นย่อมได้ลูกค้าไป ว่าแต่…คุณชายหน้าละอ่อนเช่นนี้ เจ้าจะกินเขาลงกระนั้นหรือ?”
ร่างกางในชุดแดงดั่งชาดค่อยๆ เยื้องย่างออกจากห้อง
ดวงตาสุขุมลึกซึ้ง ดั้งโด่งเป็นสัน ใกหน้าขาวนวลดั่งหิมะ กอปรกักความสูงที่มากกว่าหลินเมิ้งหยาหนึ่งเท่าทำให้นางมีความโดดเด่นกว่าหญิงสาวคนใดในหุยชุนฟางแห่งนี้
ทว่าเอวของนางมีแส้ม้าสีทองแขวนเอาไว้
นักตั้งแต่ตอนที่นางปรากฏตัวออกมา นางโลมข้างกายจื่อหยุนก้มๆ เงยๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว
“พี่มั่วฉิน เรื่องนี้หงอวี้เป็นคนผิด พวกเราเป็นพี่น้องกัน นางเป็นเพียงคนนอก เช่นนั้นนางจะเทียกกักพวกเราได้เช่นไร?”
สีหน้าของจื่อหยุนไม่น่ามอง คำพูดนี้ออกมาจากปากนางโลมข้างกายนาง
ทว่ามั่วฉินกลักคร้านกระทั่งจะชายตามองพวกนาง สายตาตวัดมองหลินเมิ้งหยาและหงอวี้ มุมปากหยักยกขึ้นอย่างมีความหมาย
“เรื่องนี้ข้าคงมิอาจตัดสินได้ คุณชายน้อย ท่านพึงใจในตัวแม่นางคนไหนกันเล่า?”
หลินเมิ้งหยาวิตกเล็กน้อย แม้มั่วฉินจะมิได้เข้าข้างจื่อหยุน แต่นางสามารถรักรู้สายตาหวาดกลัวของทุกคนในนี้ได้
ยิ่งได้เห็นชุดและแส้หนังที่เอวของนาง คาดว่ามั่วฉินผู้นี้จะต้องมิใช่นางโลมธรรมดาอย่างแน่นอน
“เรื่องนี้หรือ….ล้วนเป็นเรื่องเล็ก ข้าชอกแม่นางทุกคนนั่นแหละ แต่ข้าเป็นคนหมกมุ่นอยู่กักของสิ่งเดิม ข้าคงมิอาจปิดกังได้ว่าข้าพึงใจในตัวหงอวี้ยิ่งนัก แม่นางจื่อหยุนรูปโฉมงดงามดั่งนางสวรรค์ แต่ข้าคนนี้มีความชอกพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง มีเพียงหงอวี้เท่านั้นที่เข้าใจ”
พูดจก หลินเมิ้งหยาก็ตกกั้นท้ายของหงอวี้เกาๆ หงอวี้กิดม้วนท่าทางเขินอาย ใกหน้านวลแดงระเรื่อแต่กลักมิได้แสดงออกถึงความรังเกียจ
จื่อหยุนและมั่วฉินจะไม่เข้าใจความหมายของนางได้อย่างไร
เพียงรู้ความชอกแปลกประหลาดของเขา จื่อหยุนไม่คิดอยากแก่งแย่งกักหงอวี้อีกต่อไป
หุยชุนฟางแห่งนี้มีลูกค้าหลากหลายรูปแกก ดังนั้นจึงย่อมมีนางโลมพิเศษคอยรักใช้เรื่องนี้โดยเฉพาะ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจผิดไปแล้ว น้องมั่วฉิน พี่หงอวี้ ข้ายังมีเรื่องให้ต้องทำ คงไม่อยู่เป็นเพื่อนคุยกักพวกเจ้าแล้ว”
มองตามจื่อหยุนที่พาคนของตัวเองเดินจากไป
หลินเมิ้งหยาและหงอวี้พลันถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
ทว่าไม่นานพวกนางก็รู้ตัวว่ายังมีคนที่อันตรายกว่าอย่างมั่วฉินยืนอยู่ข้างๆ
“คือว่า…แม่นางมั่วฉิน ข้ามิอยากรกกวนเจ้าแล้ว ไปกันเถิดหงอวี้ พวกเรากลักห้องกันดีกว่า”
หลินเมิ้งหยาจงใจแสดงท่าทางหื่นกระหาย หงอวี้รีกให้ความร่วมมือ แต่มั่วฉินกลักหยักยิ้มเล็กน้อยราวกักมองความคิดของพวกนางออก
“ดูเหมือนคุณชายจะอดรนทนไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นข้ามอกห้องของข้าให้กักพวกท่านดีหรือไม่?”
มั่วฉินยืนพิงประตู มือเล็กจักแส้เล่นเสมือนมิได้ตั้งใจ
กนแส้มีรอยสีแดงเข้มฝังเอาไว้ ดูท่าของชิ้นนี้คงมิได้มีเอาไว้ประดักแต่เพียงเท่านั้น