ตอนที่ 414 หน้ากากจิ้งจอกแดง
ตามจี้หยวนออกเดินทางอีกครั้ง ทั้งไปสถานที่ห่างไกลอย่างเมืองหลวงแห่งต้าเจิน เรื่องนี้ทำให้หูอวิ๋นตื่นเต้นผิดปกติ สอดส่องสายตาลงมาจากเหนือเมฆ มองภูผาธาราซึ่งห่างออกไปใต้ฝ่าเท้า
นอกจากนี้แล้วยังหาประเด็นสนทนามาคุยกับจี้หยวน บ้างถามถึงคนตระกูลอิ๋น บ้างถามเรื่องเจ้าภูเขาลู่ ทั้งถามสิ่งที่จี้หยวนเห็นและได้ยิน
ส่วนจี้หยวนทราบเรื่องการฝึกปราณอย่างเรียบง่ายของหูอวิ๋น เห็นชัดว่าจิ้งจอกตัวนี้เติบโตกว่าตอนนั้นมากแล้วจริงๆ เขาเข้าใจหลักการเด่นชัดอย่างลึกซึ้ง การฝึกปราณอย่างจริงจังคือเรื่องหลักของจิ้งจอกอย่างเขา มิฉะนั้นชีวิตเขาคงได้แต่อาศัยอยู่ในเขาโคเทพ เนิ่นนานเข้าย่อมโดดเดี่ยวมาก
ตอนนี้จิ้งจอกแดงจึงขยันฝึกปราณยิ่ง คล้ายเจ้าภูเขาลู่เมื่อปีนั้น ถ้ามีเวลาก็จะไปฝึกปราณใกล้แท่นชมจันทร์
ความจริงสัตว์และภูตซึ่งเพิ่งตื่นรู้มีปัญญาล้วนเคยผ่านขั้นตอนนี้ แน่นอนว่าถึงตอนท้ายมีพวกเดินผิดทางเยอะมาก ตัวอย่างเช่นมีบางส่วนทำร้ายมนุษย์แล้วได้รับประโยชน์จนบ่อยครั้งกลับตัวไม่ได้
หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกเหยียบเมฆจากไป อาศัยแรงลมสัญจรจนกระทั่งถึงช่วงบ่าย จี้หยวนและหูอวิ๋นมาถึงท้องฟ้าเหนือจังหวัดจิงจีแห่งต้าเจินแล้ว
ตอนนี้จี้หยวนไม่มีความคิดพาหูอวิ๋นไปแม่น้ำเทียมฟ้า แม้ว่ามังกรทราบเรื่องจิ้งจอกตัวนี้ แต่หูอวิ๋นไม่รู้เรื่องมังกรเฒ่า ถึงขั้นไม่รู้ว่าในแม่น้ำเทียมฟ้ามีมังกรแท้ ถ้าพาไปแม่น้ำเทียมฟ้าเกรงว่าคงทำให้จิ้งจอกตัวนี้ตกใจ
ตรงตรอกลับตาคนแห่งหนึ่งในเมือง จี้หยวนกับหูอวิ๋นที่เพิ่งโรยตัวก้าวออกจากตรอกพร้อมกัน เดินบนถนนเมืองหลวง
แม้ว่ามีวิชาบังตาของจี้หยวนอยู่ แต่หูอวิ๋นยังก้าวตามจังหวะฝีเท้าอยู่ข้างกายจี้หยวน ด้วยการอยู่ใกล้จี้หยวนหน่อยย่อมสบายกว่า ตอนนี้เมืองหลวงแห่งต้าเจิน ต่อให้เป็นหน้าหนาว จิ้งจอกแดงยังรู้สึกถึงความร้อนระอุประหลาดอย่างหนึ่ง แม้ว่าไม่บาดเจ็บอะไร แต่ทำให้เขาหงุดหงิดและยากจะรับอยู่บ้าง
“ท่านจี้ คนในเมืองแห่งนี้มากเกินไปแล้วกระมัง ปราณมนุษย์รวมตัวเป็นกอง ข้ายังรู้สึกว่าตนเดินเข้าไปในกองไฟ…”
หูอวิ๋นบ่นอย่างอดไม่ได้ จี้หยวนได้ยินแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางชี้ออกไป
“เห็นอะไรหรือไม่”
“อะไรหรือ”
จิ้งจอกแดงเงยหน้ามองท้องฟ้า รู้สึกว่าฟ้าครามเมฆขาวไม่ผิดปกติใดๆ
แต่เมื่อมองผ่านตาทิพย์ของจี้หยวนกลับเป็นสองภาพ แน่นอนว่ามีฟ้าครามเมฆขาว แต่ยังมีปราณเพลิงแดงลุกโชนอย่างหนึ่งล้อมรอบฟ้า กลายเป็นเมฆแดงมหึมาเหนือจังหวัดจิงจี ในความรางเลือนปราณเพลิงราวกับค่ายกลใหญ่ยักษ์
“ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นปีพอดี ทุกครัวเรือนเตรียมฉลองปีใหม่ ยินดีปรีดาพร้อมหน้าพร้อมตา ปราณมรรคมนุษย์เจิดจ้า ปราณเพลิงโชติช่วง ตั้งกระบวนรางเลือนกลางอากาศ สยบต้านพวกต่างเผ่าทั้งมวล”
“ขับไล่ข้าหรือ”
จิ้งจอกแดงยื่นกรงเล็บออกมาชี้ตัวเอง
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย
“ความจริงสิ่งสำคัญคือภูตผีและปราณมาร ไม่มีผลกับพวกมรรควิถีสูง ส่วนเจ้าเป็นจิ้งจอกวิญญาณซึ่งกำลังฝึกปราณ เมื่อเคยชินแล้วไม่เป็นไร ผลกระทบไม่มาก”
ขณะกล่าว รอบตัวหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกมีฝูงชนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ หูอวิ๋นมองเห็นสุนัขบ้านสุนัขลายด่างบางส่วนในเมือง มันขยับใกล้จี้หยวนตามจิตใต้สำนึก เมื่อถูกงูฉกย่อมกลัวเชือกสิบปี ด้วยเขาถูกสุนัขกัดคาดว่าคงลืมไม่ลงอีกหลายร้อยปี
“ท่านจี้ ตระกูลอิ๋นอยู่ที่ไหน ท่านรู้ทางหรือไม่ อย่าผิดทางเล่า ท่าน…”
หูอวิ๋นไม่กล่าวต่อ ก่อนหน้านี้เขาเคยฟังจี้หยวนพูดว่าตนหลงทางสองสามครั้ง กลัวว่าจี้หยวนไม่รู้ตำแหน่งตระกูลอิ๋น แต่ตอนนี้จี้หยวนมีหรือจะกลุ้มเรื่องเส้นทาง
“ปัจจุบันอาจารย์อิ๋นเป็นขุนนางราชสำนัก อัครเสนาบดีแห่งอาณาจักร แน่นอนว่าไม่มีทางอยู่ไกลนัก ทั้งไม่มีทางอยู่กลางเมืองใหญ่อึกทึก น่าจะอยู่ตรงถนนสันตินิรันดร์หรือพวกถนนใหญ่โดยรอบ ตั้งอยู่ใกล้พระราชวัง สะดวกต่อการเข้าเมืองเฝ้าฮ่องเต้ทุกเมื่อ…”
จี้หยวนกล่าวผ่อนคลาย เดินพลางชี้ไปตรงพระราชวัง แต่ตอนนี้ฝูงชนโดยรอบหนาแน่น หูอวิ๋นเป็นแค่จิ้งจอกตัวเล็กๆ แน่นอนว่ามองไม่เห็นอะไร
เมื่อก้าวเดินไปครู่หนึ่ง จิ้งจอกแดงพลันร้องเสียงดัง
“แย่แล้ว!”
“หืม? เป็นอะไรไป”
จี้หยวนก้มมองเขา เห็นจิ้งจอกแดงยืนเหมือนคน ค้นตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างลนลาน ทั้งยังเหยียดกรงเล็บคลำพวงหางอ่อนนุ่มของตนด้วย จากนั้นค่อยทำหน้าหมดหวังกล่าวกับจี้หยวน
“ท่านจี้ พวกเรารีบมาเกินไป ข้าลืมนำของขวัญมาให้อิ๋นชิงกับอาจารย์อิ๋น… ไม่เจอกันตั้งหลายปี ข้าไม่ได้พกอะไรมาเลย…”
เพียงพริบตาท่าทางหูอวิ๋นสิ้นหวังมาก เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้เขานึกถึงฉากนี้หลายครั้ง ทว่ามัวแต่สับสนว่าควรให้อะไร มีสิ่งของอะไรบนเขาโคเทพบ้าง เขาไม่กล้าไปขโมยของชาวบ้าน ลังเลไม่กล้าตัดสินใจมาเนิ่นนาน กระทั่งถูกจี้หยวนรับมา เขายังไม่ได้เตรียมของใดๆ
“เดิมข้าคิดขุดหาหินหยกกลางป่าเขา แต่ข้าหาไม่เจอ คิดขุดหาทองคำบางส่วนเหมือนเจ้าภูเขาลู่ แต่ข้าก็หาไม่เจอ… ข้าทำได้แค่จับหนอนแมลงหรือกระต่ายเท่านั้น…”
ตอนนี้มานึกดูแล้วหูอวิ๋นรู้สึกว่าตนเป็นปีศาจจิ้งจอกซึ่งไม่มีประโยชน์ที่สุดในโลก
“เจ้าไปหาพวกเขาย่อมดีใจมากแล้ว ทำไมต้องนำของขวัญอะไรไปด้วยเล่า”
“แต่… ท่านนำพวกเนื้อตากแห้งเนื้อปรุงรสของอำเภอหนิงอันมาด้วยไม่ใช่หรือ…”
หูอวิ๋นพึมพำเสียงเบา แน่นอนว่าจี้หยวนได้ยิน แม้ว่าทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง แต่นึกถึงน้ำใจหายากของเขาจึงกล่าว
“ไม่อย่างนั้นซื้อของที่นี่หน่อยหรือไม่ จังหวัดจิงจีเป็นเมืองใหญ่ในใต้หล้า อย่าว่าแต่ของต้าเจิน ต่อให้เป็นของอาณาจักรอื่นก็ซื้อหาที่นี่ได้หมด อืม ขอแค่เจ้ามีเงิน”
หูอวิ๋นเงยหน้ามองจี้หยวนอย่างเปี่ยมความหวังทันที
“ท่านจี้ ถ้าอย่างนั้นท่านมีเงินหรือไม่”
จี้หยวนคำนวณทรัพย์สินในถุงเงินของตนตอนนี้ เมื่อแน่ใจแล้วค่อยกล่าวตอบ
“มี ยังมีอีกสองตำลึงเงินกับสามร้อยหกสิบอีแปะ”
“น่าจะเยอะมากกระมัง ซื้ออะไรได้บ้าง”
แม้ว่าหูอวิ๋นไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน แต่สุดท้ายก็ยังเคยตามอิ๋นชิงไปเรียนช่วงหนึ่ง ทั้งเคยเรียนรู้กับอิ๋นชิงมานาน เขารู้ว่าอำนาจการจับจ่ายของตำลึงเงินเยอะมาก ชาวบ้านบนโลกมนุษย์ล้วนชอบตำลึงเงิน
จี้หยวนพิจารณาราคาสินค้าของจังหวัดจิงจีครู่หนึ่ง
“เอ่อ เรื่องนี้ต้องดูว่าเจ้าซื้ออะไร หากซื้อของทั่วไปอย่างข้าวธัญญาหารย่อมซื้อได้มาก ถ้าเจ้าต้องการซื้อสมบัติจริงๆ ต่อให้มีตำลึงเงินมากแค่ไหนก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้”
หูอวิ๋นจำได้ว่าตอนอิ๋นชิงอยู่กับเขาตามลำพัง เขาเคยบอกว่าอิจฉาที่พ่อของเพื่อนคนอื่นทำของเล่นอย่างกระบี่ไม้โล่ไม้นกไม้ให้มากมาย ส่วนเขามีแค่ตำรา ตอนนั้นหูอวิ๋นคิดว่าอิ๋นชิงน่าจะชอบของเล่นมากกว่า
จี้หยวนคิดในใจว่าตอนนี้อิ๋นชิงคงไม่ชอบของเล่นแล้ว แค่เป็นความคิดตอนนั้น แต่เขาไม่อยากทำลายความงดงามนี้ สิ่งสำคัญคือของเล่นจะแพงสักเท่าไหร่เชียว
“ได้ พวกเราไปตลาดนัดดูว่ามีของเล่นอะไรบ้าง ไปเดินเล่นตรงตรอกศาลเจ้าแล้วกัน ช่วงสิ้นปีมีงานศาลเจ้าแทบทุกวัน สถานที่แบบนั้นของเล่นสนุกมีมากที่สุด”
“ดีเลยๆ ไปตรอกศาลเจ้ากัน… เอ่อ ท่านจี้ ท่านพูดว่าตรอกศาลเจ้าหรือ”
หูอวิ๋นพลันหยุดเท้า เห็นชัดว่าใบหน้าจิ้งจอกเปี่ยมขนปุกปุยเผยความรู้สึกสงสัย
“นั่นคือหน้าประตูเทพผี ท่านพาปีศาจอย่างข้าไป ถ้าข้าถูกจับจะทำอย่างไร…”
หูอวิ๋นรู้ว่าท่านจี้มีความสามารถอย่างมาก แต่สุดท้ายถือว่ายังไม่เคยเจอประสบการณ์เท่าไหร่ ท่านจี้มีความสามารถ แต่มีทักษะมากแค่ไหน เทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันไว้หน้าท่านจี้ ด้วยอย่างไรก็เป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ที่นี่คือจังหวัดจิงจี!
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าท่านจี้รู้จักเทพผีแต่ละศาลของจังหวัดจิงจี มากน้อยย่อมเห็นแก่หน้าข้าบ้าง อีกอย่างเจ้ามาซื้อของขวัญให้อิ๋นชิง เสี่ยงอันตรายหน่อยไม่ถือว่าคุ้มหรือ”
หูอวิ๋นลังเลครู่หนึ่งก่อนกัดฟัน
“ได้ ข้าเชื่อท่าน พวกเราไปตรอกศาลเจ้ากัน!”
จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย พาหูอวิ๋นเปลี่ยนทิศทาง ทั้งไม่เร่งฝีเท้าหรือใช้อภินิหารใดๆ ใช้เวลาประมาณหนึ่งเค่อกว่าค่อยมาถึงหน้าตรอกศาลเจ้า
“ขายซาลาเปาจ้า ซาลาเปาสดใหม่เพิ่งออกจากเตา!”
“ธูปหอมชั้นยอด…”
“โคมดอกไม้ ซื้อโคมดอกไม้ให้เด็กๆ ข้างในมีปริศนาด้วย…”
“แป้งแดงชาดจ้า…”
“ยันต์มงคลปลอดภัย ขายยันต์มงคลปลอดภัย ปลุกเสกจากเทพหลักเมือง!”
…
ขนาดงานศาลเจ้าไม่เล็ก ฝูงชนยิ่งหนาแน่น ทุกคนต่างยินดีปรีดา เสียงเร่ขายของต่อรองราคาดังต่อเนื่องเป็นระลอก ทำให้หูอวิ๋นมองตาค้าง สถานที่เล็กอย่างอำเภอหนิงอันไม่อาจเทียบภาพตรงหน้าได้โดยสิ้นเชิง
จี้หยวนเห็นหูอวิ๋นอึ้งงันอยู่บ้าง เขาอุ้มมันขึ้นมากอดตรงอก หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกฝูงชนเหยียบ ทั้งทำให้เขามองเห็นของบนแผงอย่างชัดเจน
“ไป ถ้าเห็นของที่อยากได้ค่อยบอกข้า”
เขาพาหูอวิ๋นเดินลัดเลาะในงานศาลเจ้า เห็นโคมดอกไม้กับกลองไม้เขย่า ทั้งเห็นพวกหุ่นไม้นกไม้น้ำตาลปั้นบางส่วน หูอวิ๋นสับสนตาลายแล้ว ไม่รู้ว่าควรเลือกอะไรโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นหูอวิ๋นเห็นของอย่างหนึ่ง เป็นหน้ากากซึ่งทำจากหนังฟอก เขาชี้ไปทางนั้นพลางกล่าวทันที
“ท่านจี้ ตรงนั้น หน้ากากตรงนั้น ข้าต้องการหน้ากากอันนั้น!”
ระยะห่างไกลอยู่บ้าง แน่นอนว่าจี้หยวนเห็นไม่ชัดว่าหน้ากากอันไหน แต่ได้ยินเสียงตะโกนของเถ้าแก่แผงขายหน้ากาก เขาจึงเดินตัดซ้ายขวาไปถึงหน้าแผงนั้น
“เจ้าของแผงท่านนี้ หน้ากากขายอย่างไร”
“ท่านจี้ ข้าอยากได้หน้ากากจิ้งจอกอันนั้น!”
หูอวิ๋นอยู่ในอ้อมกอดจี้หยวนพลางเอ่ยเตือนเสียงเบา แม้รู้ว่าท่านจี้สำแดงวิชาแล้ว แต่ยังทำท่าเหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน
เจ้าของแผงกำลังตะโกนไปอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงจึงหันกลับมา เห็นคุณชายสง่างามบุคลิกไม่ธรรมดาคนหนึ่งยืนอยู่หน้าแผง เขารีบกล่าวอย่างนอบน้อม
“ท่านต้องการแบบไหนขอรับ ข้ามีทั้งหน้ากากแมว หน้ากากลิง หน้ากากจิ้งจอก หน้ากากผี”
“อืม หน้ากากจิ้งจอก”
“ได้เลย!”
เจ้าของแผงหยิบหน้ากากจิ้งจอกสีแดงอันหนึ่งมาถือในมือ ก่อนกล่าวแนะนำกับจี้หยวน
“หน้ากากนี้ใช้หนังฟอกทำเป็นฐาน เย็บด้วยเส้นไหม ติดขนละเอียดทาทับด้วยแป้งแดงชาด ท่านดูสิ หน้ากากจิ้งจอกอันนี้เหมือนจริงนัก ทั้งเป็นช่วงฉลองปีใหม่ สีแดงย่อมเป็นสิริมงคล…”
เจ้าของแผงพูดมาเป็นกอง สุดท้ายค่อยเอ่ยปากกล่าว
“อืม เห็นว่าท่านท่าทางไม่ธรรมดา หนึ่งร้อยอีแปะเป็นอย่างไร”
“หนึ่งร้อยอีแปะ?”
จี้หยวนหยิบหน้ากากนี้มาพิจารณาครู่หนึ่ง ลองจับทั้งด้านในด้านนอก ผิวสัมผัสไม่เลวจริงๆ
“แพงเกินไปอยู่บ้าง เอาอย่างนี้ ห้าสิบอีแปะข้าจะซื้อ”
ประสบการณ์ชาติก่อนของจี้หยวน การต่อราคาต้องลดครึ่งหนึ่ง เจ้าของแผงทำหน้าเจ็บปวด กัดฟันครู่ใหญ่ค่อยกล่าว
“ได้! เห็นว่าท่านเป็นปัญญาชน วันนี้ข้ายอมเสียเปรียบหน่อย ราคาพิเศษ ห้าสิบอีแปะก็ห้าสิบอีแปะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จี้หยวนพลันรับรู้ ได้ ซื้อราคาสูงหน่อย แต่ไม่ต้องต่อรองราคาอีก
เขาจ่ายเงินเสร็จก็รับหน้ากากมา
ยามจากมาหูอวิ๋นกอดหน้ากากด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด ไม่ใช่แค่เพราะหน้ากากสวย ยังเป็นเพราะนึกได้ว่าอภินิหารต่ำต้อยของตนคงมีประโยชน์บ้าง สามารถมอบเป็นของขวัญพิเศษให้อิ๋นชิงได้
ขณะดีใจเขาพลันรู้สึกตัวเย็นวาบ หันหน้ามองไปทางงานศาลเจ้าด้านหลัง พบว่ามีผู้สวมชุดทางการแต่ทั้งตัวปกคลุมด้วยปราณหยินอย่างน้อยเจ็ดแปดคน กำลังค้อมตัวประสานมือมาทางตน เห็นชัดว่าไม่ได้คารวะปีศาจจิ้งจอกอย่างมันแน่