จิวโมไป๋ควงพลองสีทองวาดไปด้านข้าง และก้มลงหัวเล็กน้อย
“ฉันจิวโมไป๋ เชิญลงมือได้เลย”
ฟางหรงหรี่ตาเล็กน้อย หญิงสาวสูดลมหายใจรวบรวมสมาธิ พลังกดดันอันนุ่มนวลโอบล้อมร่างกายของเธอ ก่อนที่เธอจะก้าวเท้าไปข้างหน้าและแทงกระบี่ออก กระบวนท่าโจมตีของเธอดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายของกระบี่อันแหลมคม ประกายแสงสีเงินสองประกายเป็นลำแสงพุ่งไปที่ไหลซ้ายของจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ประหลาดใจเล็กน้อย กระบวนท่าวิชากระบี่ของหญิงสาวถึงระดับเข้าใจ!
นอกจากเซี่ยลี่เยว์แล้ว หญิงสาวเป็นคนที่สองที่สามารถเข้าใจวิชากระบี่ระดับสูงได้
แม้จะประหลาดใจ แต่จิวโมไป๋ก็ไม่แสดงออกมา เขาอ่านกระบวนท่ากระบี่ที่ใกล้เข้ามาอย่างใจเย็น
น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่เด็ดขาดพอ ถ้าโจมตีไปที่หัวหรือจุดตายอื่นๆ เขาอาจจะเสียเวลาแก้ไขกระบวนท่า
จิวโมไป๋ควงพลองสีทองเป็นวงกลม ก่อนปัดกระบี่ออกไปด้านข้างอย่างง่ายกาย
ร่างของจางหรงเซถลาไปด้านข้าง จิวโมไป๋ก็ควงพลองวาดไปที่หน้าของหญิงสาว ก่อนจะหยุดห่างจากใบหน้าเพียงหนึ่งฝ่ามือ
หญิงสาวตกใจถอยหลังไปสองก้าว
จิวโมไป๋ดึงพลองสีทองกลับ
“ขอโทษที่เสียมารยาท ฉันชนะแล้วใช่ไหม?”
“นาย…”ฟางหรงมองจิวโมไป๋ด้วยความโกรธ เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ อย่างไม่เต็มใจนัก
เธอไม่ใช่คนโง่ ที่ไม่รู้ความแตกต่างของระดับฝีมือ แม้จะเป็นการปะทะกันเพียงครั้งเดียว เธอก็รู้ว่าฝีมือของจิวโมไป๋เหนือกว่าเธอมาก
เธออดไม่ได้ที่จะเสียใจ เพราะความแตกต่างของร่างกายของผู้หญิงและผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงมีร่างกายอ่อนแอกว่า เธอจึงพยายามฝึกฝนกระบวนท่า เพื่อชดเชยความแข็งแกร่งของร่างกาย เธอใช้กระบวนท่าฝ่าฟันมาจนกลายเป็นอันดับ 9 ของศิษย์หลัก แม้แต่ศิษย์หลักอันดับที่เหนือกว่า ก็มีระดับความเข้าใจกระบวนท่าด้อยกว่าเธอ
แต่จิวโมไป๋สามารถเอาชนะเธอด้วยกระบวนท่าเดียว มันทำให้เธอรู้สึกว่าความพยายามของเธอทั้งหมดสูญเปล่า แม้ว่าเธอจะพยายามยังไง เธอก็ยังด้อยกว่าผู้ชาย ดวงตาของเธอเอ่อคลอด้วยน้ำตา
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็นิ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาก็เหลือบไปเห็นมือที่จับกระบี่ ดูหยาบและมีตุ่มแข็งที่ฝ่ามือ แสดงให้เห็นถึงการฝึกฝนกระบวนท่าอย่างหนัก เขาก็รู้ว่าทำไมหญิงสาวถึงร้องไห้
“ไม่ต้องเสียใจไป กระบี่ที่เธอใช้แข็งแกร่งมาก แต่น่าเสียดายที่ฉันเคยต่อสู้กับผู้หญิงที่มีวิชากระบี่ที่เหนือกว่านี้ ทำให้ฉันสามารถแก้ไขกระบวนท่าของเธอได้”จิวโมไป๋พูดกึ่งจริงกึ่งโกหกปลอบหญิงสาว
จางหรงได้ยินว่ามีผู้หญิงที่มีวิชากระบี่เหนือกว่าเธอ น้ำตาก็หยุดไหล ดวงตาคู่งามฉายความตื่นเต้นกลับมามีชีวิตชีวา
“จริงเหรอ มีผู้หญิงที่เชี่ยวชาญวิชากระบี่เหมือนฉันจริงๆเหรอ?”
จิวโมไป๋พยักหน้า
“เธอคือใคร ฉันขอไปพบเธอได้ไหม”จางหรงรีบพูด เธออยากพบคนที่มีใจเดียวกับเธอ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายผ่านประสบการณ์อันยากลำบากเช่นเดียวกับเธอหรือเปล่า
จิวโมไป๋เห็นว่าเสียเวลามากไปแล้ว เขาจึงส่งหมายเลขติดต่อของตัวเองให้กับหญิงสาว
“ส่งหมายเลขติดต่อมา หลังจบการทดสอบแล้ว ฉันจะไปถามก่อนว่าจะยอมพบหรือไม่ ถ้าเธอตกลง ฉันจะส่งข้อความไปให้คุณ”
“ขอบคุณ”จางหรงยิ้มอย่างงดงามและกดส่งหมายเลขติดต่อของเธอให้กับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋มองเวลาก่อนจะพูด
“เสียเวลาไปมากแล้ว ฉันขอตัวไปก่อน”
จางหรงไม่หยุดจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ก็ทะยานร่างจากไปทันที
จิวโมไป๋วิ่งไปตามโซ่เหล็กที่แกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 2 นาที ในที่สุดเข้าออกจากหุบเหวพายุคลั่ง เขาใช้ทดสอบรอบแรกไป 22 นาที
ถ้าไม่เสียเวลาต่อสู้กับถังเจา เขาคงเร็วว่านี้มาก
ฟงอี้เฟยเห็นจิวโมไป๋ฝ่าหมอกออกมา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาสายตามองเห็นเสื้อที่ขาดเป็นชิ้นๆเขาก็รีบถาม
“นายท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร”จิวโมไป๋ส่ายหน้า ก้มลงมองเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่กำลังเข้ามาหาด้วยสายตาแปลกๆ ในการต่อสู้กับถังเจา ทำไมเขาสัมผัสได้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย เหมือนกับว่าพวกมันอยู่ใกล้ๆ
เขาหันไปถามฟงอี้เฟย
“พวกมันได้ไปไหนหรือเปล่า”
“ไม่นะ ทั้งสองอยู่ที่นี่ตลอด”ฟงอี้เฟยตอบ
จิวโมไป๋พยักหน้ามองเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่แสดงดวงตาสดใส
ก่อนที่เขาจะได้ถาม เสียงแหบแห้งพลันดังขึ้น
“ผู้เข้าทดสอบจิวโมไป๋ เชิญขึ้นสนามประลอง เพื่อรอการทดสอบรอบที่สอง”
จิวโมไป๋หันไปยังสนามประลอง ก็เห็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่ยืนอยู่บนแท่นสูงข้างสนามประลอง เขาใส่ชุดสีดำ ไม่มีสีใดเจือปน
“เขาคือ ผู้อาวุโสจางฮั่ว นายท่านต้องระวังตัวด้วย เขาเป็นหัวหน้าตำหนักตรวจสอบ เขามีหน้าที่ตรวจสอบผู้ต้องสงสัย หรือเหตุการณ์ต่างๆในตระกูล เขามีอำนาจเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ผู้อาวุโสต่างสายเลือด เขาทะเลาะกับหัวหน้าตระกูลอยู่บ่อยครั้ง มีข่าวลือว่าเขาต้องการจะแย้งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฟง”ฟงอี้เฟยกระซิบบอก
จิวโมไป๋หยักหน้ารับฟัง ก่อนจะเดินขึ้นสนามประลอง
ทุกสายตาจับจ้องมาที่จิวโมไป๋
จิวโมไป๋มองไปรอบๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังห้องผู้อาวุโส เขาประสานมือทำความเคารพด้วยท่าทางสุภาพ แต่ไม่อ่อนแอ
“ผมจิวโมไป๋ขอรบกวนด้วยครับ”
พวกเขาพอใจกับการแสดงของจิวโมไป๋อย่างมาก แม้จะมีอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ลดความชื่นชมจากพวกเขาได้เลย
จางฮั่วใช้สายตามองสำรวจจิวโมไป๋ ท่าทางหนักแน่นมั่นคง ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อถูกสายตาจำนวนมากจ้องมอง คนธรรมดาไม่สามารถแสดงออกอย่างนี้ได้
จางฮั่วลอบชื่นชมในใจ แต่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวเสียงดัง
“ฉันจะอธิบายเกี่ยวกับการทดสอบรอบที่สอง”
จิวโมไป๋ขยับตัวยืนตรง ในระหว่างนี้เองเขาก็รวบรวมพลังฟื้นฟูร่างกาย
จางฮั่วเห็นจิวโมไป๋กำลังฟื้นฟูร่างกาย เขาก็ไม่หยุดหรือห้าม ปล่อยให้จิวโมไป๋ฟื้นฟูร่างกาย
จางฮั่วมองจิวโมไป๋และพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ที่จริงแล้ว ถ้าผ่านการทดสอบรอบแรก ก็ถือว่าผ่านการทดสอบรับนายน้อยตระกูลฟงเป็นผู้ติดตามแล้ว ไม่ว่าจะเข้ารับการทดสอบรอบที่สองหรือไม่ นายน้อยก็จะเป็นผู้ติดตามอยู่ดี”
จิวโมไป๋ได้ยินก็แสดงสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะมองไปรอบๆ เขาถึงรู้สึกถึงสายตาที่ทุกคนมองมาที่เขา มันแฝงความนัยอะไรบางอย่าง
จางฮั่วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่กลายจริงจัง
“สำหรับการทดสอบรอบที่สอง มันคือการทดสอบเพื่อรับศิษย์นอกและศิษย์หลักในตระกูล เพื่อเป็นผู้ติดตาม!”