บทที่76 ร้องขอความช่วยเหลือที่ริมแม่น้ำ
พอเฉินเกอพูดคำนี้จบ ก็มาดูที่หน้ารถ
พูดตามตรง ไม่สงสารคนหลอกลวง
แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้ เรื่องเกิดไปแล้ว อีกอย่างยังเกิดที่งานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าซูมู่หาน
ต้องการให้พวกเขาชดใช้หรอ ซูมู่หานจะต้องเสียหน้าเป็นแน่
อีกอย่าง ตัวเองก็ละอาย
ได้แต่ทุกข์ใจ ยากจะพูดได้
ดังนั้นเฉินเกอได้แต่ให้พวกเขารีบไปทำอย่างอื่น ส่วนตัวเองเตรียมไปร้านซ่อมรถ 4s
“คุณคิดว่าเป็นใคร?คุณว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรหรอ?”
“ไม่รู้คงคิดว่าคุณคือคุณชายเฉินของถนนการค้าจินหลิง รอคุณไปถึงจุดนั้นแล้ว ค่อยมาวิจารณ์ล่ะสิ!”
“ใช่ๆ ถ้าพวกเราไป ก็ชนแล้วหนีแหละ และชนแล้วหนีที่ต้องมีการชดใช้เงินเยอะขนาดนี้ ต้องรับผิดชอบไม่น้อยแน่ ไม่ตระหนักถึงกฎหมายเลย!”
ครั้งหนึ่ง พวกลูกพี่ลูกน้องของซูมู่หาน ญาติจำนวนมาก ต่างก็เริ่มล้อเลียนเฉินเกอขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูหยิ่ง พูดด้วยใบหน้าเย็นชา:“คนบ้านนอกที่ไม่รู้เรื่องอะไร คุณจะไปคุยกฎหมายกับเขา?”
“พอแล้วๆ อย่าพูดถึงเขาอีกเลย เขาช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง เวลานี้ ยังไงทุกคนก็รีบใช้เส้นสายหน่อย มาคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการอย่างไรดีกว่า?”
ถังหรานเหลือบมองเฉินเกออย่างเรียบๆ นำหัวข้อกลับไปที่เรื่องรถอย่างไร้เรี่ยวแรง
“เสี่ยวหรานพูดถูก ในเมื่อเรื่องเกิดไปแล้ว หนีไปไม่ใช่วิธี เห้อ ถ้าไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวฉันติดต่อผู้อำนวยการหรานของสำนักงานบริหารธุรกิจการค้า ปีนั้นปู่พวกคุณหน้าซื่อใจคดต่อเขา ไม่แน่คุณชายผู้นี้ เขาอาจจะรู้จัก!”
คุณยายพูด
คนไม่น้อยต่างเริ่มโทรไปกระชับความสัมพันธ์
หลี่เจี่ยนหนานไม่ให้ตัวเองด้อยกว่า ดูว่าจะใช้เส้นสายได้หรือไม่ เข้าใจเจ้าของรถสักหน่อยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
เฉินเกอส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เป็นแบบนี้ต่อไป ทำให้ทุกคนต่างละอายได้
เห้อ!
ถอนหายใจออกมา เฉินเกอหยิบกุญแจรถมา
biubiu!!!
เสียงดังขึ้นสองครั้ง
ไฟกะพริบ
“โอ๊ย!”
ทุกคนต่างตกใจ
จากนั้น ก็มองไปที่เฉินเกอที่ค่อยๆเข้ามา
กดไปอีกครั้ง
เสียงดังอีกสองที
เสียงเครื่องยนต์ลัมโบร์กีนีออกตัว ทั้งหลังคาเปิดออกเอง พับเป็นรถเปิดประทุน
เฉินเกอหยิบน้ำแร่จินม่ายหลางที่ตัวเองดื่มไปครึ่งขวด จากเก้าอี้คนขับรถ
เขากระหายน้ำจะตายอยู่แล้ว
เสียงดื่มน้ำเข้าไปไม่กี่คำ แล้วจึงเช็ดปากแล้วพูด:“ผมบอกแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกคุณมีอะไรควรทำก็ไปทำเถอะ?”
จากนั้น ไม่มีคนตอบเฉินเกอ ที่เขาได้รับ คือความเงียบที่เหมือนความตาย
“ตุบ!”
ตอนนี้เอง โทรศัพท์หลี่เจี่ยนหนานที่กำลังจะโทรออก จับไว้ไม่ดี ก็ตกลงไปที่พื้น
กูตง!
ซูฉีกับแฟนสาวของเขาที่อยู่ข้างๆ ทั้งสองกลืนน้ำลายเข้าไปพร้อมกัน
หน้าอกของซูหยิ่งก็กระเพื่อมขึ้นมา อ้าปากเล็กน้อย เป็นสัญลักษณ์คลื่นใหญ่ในใจของเธอตอนนี้
ถังหรานยืนอยู่ข้างๆเฉินเกอ ตอนนี้ สีหน้าสับสน มองเขาอย่างประหลาดใจ
คุณยายก็ตะลึง
ทุกคนต่างตะลึง
“รถคันนี้……ของเฉินเกอหรอ?”
ไม่รู้ว่าใครทำลายความเงียบก่อน
พูดอย่างถูกต้องคือ ไม่รู้ว่าใครเป็นตัวแทน เอาความประหลาดใจของทุกคนพูดออกมา
ซูมู่หานก็พูดอย่างประหลาดใจเช่นกัน:“เฉินเกอ รถคันนี้ของคุณ?”
“แน่นอนว่าของผม บอกคุณไปแล้วไง สองสามวันนี้ จะพาคุณไปเที่ยวรอบๆ!”
เฉินเกอพูด
ซูมู่หานจำได้แล้ว
วันที่สอบวันนั้น ตอนที่เฉินเกอส่งตัวเองกลับหอ บอกว่าช่วงนี้จะขับรถหรูพาเธอไปเที่ยวรอบๆ
ตอนนั้นที่ตัวเองตอบไปคือ อย่างนั้นฉันจะรอ!
แล้วเฉินเกอยังพูดอะไรอีก?นั่นก็คือที่จริงแล้วเขาคือลูกคนรวยจริงๆ
ที่ตัวเองตอบคือ คุณชายเฉิน ฉันจะรอให้วันนั้นมาถึง
ตอนนั้น ซูมู่หานแค่ล้อเล่น ร่วมมือกับที่เฉินเกอล้อเล่น
แต่ตอนนี้ ตอนที่เฉินเกอเปิดประตูรถหรูลัมโบร์กีนี ซูมู่หานก็รู้สึกเหมือนฝัน
“เฉินเกอ รถคันนี้ของคุณจริงหรอ?ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ!!!”
ซูหยิ่งจึงได้สติคืนมา แก้มเจ็บปวด เจ็บจนเธอควบคุมไม่อยู่
เฉินเกอ คุณก็แค่คนจนที่ได้รับรางวัลมา
คุณจะซื้อรถแพงขนาดนี้ได้ไง?
สิบแปดล้าน!
นี่มันต้องมีฐานะทางสังคมระดับไหนกัน?
ไม่มีทาง!!!
เธอเดินเข้าไป มองใบอนุญาตขับรถอย่างไม่เกรงใจ
“ฟุบ!”
พอดูเสร็จ ซูหยิ่งก็นิ่งแข็งไป ใบอนุญาตตกลงไปที่พื้น
ตะลึงไปหมด
“ไม่ดูก็ไม่ดูสิ ทำไมต้องทิ้งด้วย!”
เฉินเกออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างลำบากใจ
“ก็แค่บางคนที่คิดไม่เป็น พ่อกับแม่ก็เป็นแบบนี้ คิดกันไม่เป็น!เสี่ยวเกอ รีบบอกป้ามา คุณรู้จักมู่หานของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หวังหุ้ยหมิ่นวิ่งไปที่เก็บใบอนุญาตขับรถมาดู ตอนนี้ ก็ยิ่งดึงข้อมือของเฉินเกอด้วยใบหน้าที่เบิกบาน
ก็เหมือนกับดึงลูกชายของตัวเองไปอย่างแนบชิด
“อ้อ คุณป้า เรารู้จักกันที่โรงเรียนครับ!”
เฉินเกอพูด
“ฮ่าๆ ฉันก็ว่า สายตามู่หานของพวกเราไม่เลวจริงๆ ที่จริงแล้วเสี่ยวเกอ ตอนแรกที่ฉันเห็นคุณ ก็คิดว่าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แบบที่จวงเฉียง หวังหยาง คนพวกนั้นจะเทียบได้!”
“เอ่อ……”
คำนี้ ชมเฉินเกอจนแทบจะละอายไปหมด
ตอนแรกไม่รู้ว่าใครกันที่ไล่ตัวเองออกไปจากตระกูล!
“ใช่เสี่ยวเกอ แค่กแค่ก เรื่องนี้ขอโทษจริงๆ คุณดูสิมู่หยางชนรถคุณพังแล้ว!”
ตอนนี้ใบหน้าของคุณยายดูเจิดจรัสมากขึ้น
เดินยิ้มไปตรงหน้าเฉินเกอแล้วกล่าวว่า
รถชนเมื่อกี้ ทำเธอตกใจจริงๆ
แต่ไงล่ะ?เจ้าของรถหรูนี่ คือหลานเขยของตัวเอง
สรุป นอกจากคนจำนวนน้อยจะรับไม่ได้กับความจริงที่เฉินเกอจู่ๆก็กลายเป็นเศรษฐีขึ้นมา คนอื่นๆที่เหลือก็เลยพูดกับเฉินเกอมากขึ้น
เพราะว่าถือโอกาสไปซ่อมรถ เฉินเกอไม่รอถึงงานเลี้ยงวันเกิดจบ ก็เตรียมออกไป
“เฉินเกอ ตอนบ่ายฉันไปโรงเรียน ไม่อย่างนั้น ฉันไปร้านซ่อมรถกับคุณไหม?”
ซูมู่หานพูดอย่างมีชีวิตชีวา
วันนี้เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์และคาดไม่ถึง
สรุปคือ รู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างแปลกๆ
“โอเค ผมบอกคุณไปแล้วว่าจะพาคุณไปเที่ยวรอบๆพอดี!ขึ้นรถ!”
ถึงจะเป็นงานเลี้ยงวันเกิด แต่ซูมู่หานได้ไปเที่ยวกับเฉินเกอ ถือได้ว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของคุณยาย
พอออกไป เฉินเกอก็ขับรถไป
“เฉินเกอ คุณคือลูกคนรวยจริงๆหรอ?ดีจัง คุณหลอกฉันมาตลอด?ใช่สิ คุณอย่าบอกฉันนะ ว่าคุณคือคุณชายเฉินที่สูงส่งคนนั้นของถนนการค้าจินหลิง?”
นั่งอยู่ในรถ ซูมู่หานถามอย่างแปลกใจ
เฉินเกอไม่รู้จะตอบเธออย่างไร
ตัวเองก็คือคุณชายเฉินคนนั้นที่พวกเขารู้จัก
แต่ต้องเปิดเผยตัวตนตัวเองด้วยหรอ?ผลลัพธ์แบบนั้นมีแค่อย่างเดียว ก็คือตัวเองไม่มีทางอยู่โรงเรียนนี้ต่อไปแล้ว
ดังนั้น เฉินเกอตัดสินใจไม่ยอมรับ
พูดส่ายหน้าไปว่า:“ถ้าอย่างนั้นคุณหวังว่าผมเป็นคุณชายเฉินหรอ?ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่!เพราะว่าคุณเป็นคุณชายเฉินจริงๆ อยู่คนละโลกกับฉันเลย ฉันก็จะเสียเพื่อนที่ดีแบบคุณไปน่ะสิ!”
“เหอเหอ ผมไม่ใช่ อีกอย่าง คุณชายเฉินคนนั้นจะขับรถสิบสองล้านแบบนี้ได้ไง อีกอย่างนะคุณดูผม วันนี้ถ้าไม่ใช่ว่าคุณจับผมแต่งตัว ผมคงไม่สวมชุดดูดีได้ขนาดนี้!”
“ผมก็แค่ถูกลอตเตอรี่ ได้เงินมาเยอะ!”
เฉินเกอก็เลยสับเปลี่ยนไป
“อือ ก็พูดถูก แบบนี้ คุณยังเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเฉินเกอ!”
ซูมู่หานพูดขำๆ
เฉินเกอพบว่า ถึงแม้ซูมู่หานจะฉลาดมาก แต่ปัญหาการคิด ไม่เคยคิดอย่างซับซ้อน
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เกรงว่าจะซักไซร้ถามให้ถึงที่สุด
แต่พอซูมู่หานรู้ว่าเฉินเกอไม่ใช่คุณชายเฉิน ก็ไม่ได้ถามต่อ
น่าจะในสายตาเธอ ไม่ว่าเฉินเกอมีเงินหรือไม่นั้นก็เหมือนกัน
ตอนนี้ เฉินเกอเอารถจอดที่ร้าน4S หวังเฉียงก็จัดหาช่างซ่อมที่มีฝีมือที่สุด
และใช้จากร้านนี้ เฉินเกอก็พาซูมู่หานออกไปพอดี
“ผมจะไปซื้อชานมแก้วหนึ่งให้คุณ!”เดินไปเรื่อยๆ มองเห็นร้านชานมที่ข้างถนน
เฉินเกอพูดขำๆ
“ฮ่าๆ ไม่ต้องหรอก ยังจำได้ ว่าฉันยังติดชานมคุณแก้วหนึ่ง วันนี้ฉันเลี้ยงคุณเอง ที่ฉันให้คุณมาเป็นแฟนฉันละกัน ฉันติดหนี้คุณ!”
ซูมู่หานคิดถึงชานม ก็คิดถึงตอนที่ทั้งสองรู้จักกันครั้งแรก
ตอนนี้เอง ก็เดินไปที่ร้านชานม
เฉินเกอก็ไม่พูดอะไร ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็รอละกัน แต่ว่าคุณติดหนี้ผม แค่ชานมแก้วเดียวคงไม่พอ!
ตอนนี้เอง เฉินเกอที่รออยู่ข้างถนน จู่ๆก็ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
เฉินเกอหันไปมอง ตรงหน้าไม่ไกลนั้น ที่คูเมืองของเมืองจินหลิง ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องอย่างบ้าคลั่ง