“ข้ารู้มาว่าสิ่งที่พวกเขาเห็น และสภาพแวดล้อมรอบด้านที่พวกเขาพบเจอหลังจากเข้ามานั้นมีความแตกต่างกันมากเกินไป ราวกับไม่มีจุดเชื่อมต่อกัน ดังนั้น…” นางเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสอง “ข้ารู้สึกว่าที่นี่อาจไม่ได้มีเพียงสองชั้น! ด้านในคงจะมีดินแดนที่ลึกยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่าค่ายกลขนส่งชั้นบนเหล่านั้นแค่เพียงกระจายให้พวกเขาไปยังชั้นต่างๆ เท่านั้น ค่ายกลเช่นนี้คงจะมีทุกชั้น ดังนั้นสถานที่ที่เทพปีศาจดับสูญคงจะอยู่ชั้นล่างสุด!”
ทั้งสองคนเงียบไป เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่ในดินแดนปีศาจ อีกทั้งยังเข้าสู่ดินแดนที่ตนเองไม่รู้จักแม้แต่น้อยก็น่าตกตะลึงมากแล้ว ไม่คิดว่าทางนี้จะอันตรายถึงเพียงนี้ สิ่งที่อยู่ด้านในน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก
“เจ้าหนู…ทำอย่างไรดี” ชายแก่มองไปยังคนด้านข้างด้วยความเคยชิน
อวิ๋นเจี่ยวเงียบ สักพักเธอจจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ สัมผัสยันต์ขนส่งในถุงข้างตัว หลังจากมั่นใจว่าไม่มีปัญหาถึงได้เอ่ยขึ้น “ไปกันเถิด ลองหาค่ายกลที่สามารถขนส่งไปยังชั้นล่างก่อน” หวังว่าเธอจะรู้จักบ้าง
เนื่องจากความเชื่อมั่นที่มีต่อเจ้าหนู ชายแก่ไม่มีความคิดเห็น เขาตบฝุ่นบนเสื้อยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน อีกทั้งยังหยิบยันต์แสงสว่างออกมา ส่องประกายแสงสีขาวรอบด้าน
ทั้งสองคนไม่ได้รีรอ พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปทิศทางหนึ่ง
เหมือนดั่งที่เย่เจียนเถียนบอกกล่าว สถานที่แห่งนี้มีเพียงความว่างเปล่า มองไปรอบด้านนอกจากความมืดมิดไม่มีสิ่งอื่นใด เมื่อพวกเขาเดินทางไปสักระยะหนึ่ง พวกเขามักจะหยุดลงเพื่อสัมผัสคลื่นของค่ายกลบนพื้นดิน แต่หลังจากเดินไปเป็นเวลานาน พวกเขายังคงไม่พบร่องรอบแม้แต่น้อย
กลับเป็นร่างที่เดินตามด้วยท่าทางกะเผลกอยู่ด้านหลังไม่ใกล้ไม่ไกลนั้น เมื่อพวกเขาเดินนางก็เดิน เมื่อพวกเขาหยุดนางก็หยุด ท่าทางคิดจะเกาะติดพวกเขาไปตลอด
“เจ้าตามพวกข้าทำไม” ชายแก่หันกลับไปถลึงตาใส่ร่างที่ไหม้เกรียม “เปลี่ยนใจ ไม่อยากอยู่แล้วหรือ”
เย่เจียนเถียนที่เดิมตามมากว่าครึ่งวันผงะไป บนใบหน้าฉาบแววตื่นตระหนก ก่อนจะมองคนทั้งสองอย่างเกรงกลัว สักพักถึงได้กัดฟันพูด “ข้า…ข้าตามพวกเจ้า…รอดได้”
“ฮะ?” ชายแก่ผงะ หญิงสาวตรงหน้าสมองไม่ดี? เมื่อกี้ยังขอร้องให้พวกเขาไม่ฆ่าตนเอง ครานี้ยังบอกว่าตามพวกเขาจะรอด?
อะไรกัน
“ข้า…ข้ามีพลังหนึ่ง สามารถมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ไม่ชัดมาก” เย่เจียนเถียนกัดฟัน ราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง นางพูดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง “วันนั้นที่นอกเมือง ข้าเห็นโอกาสรอดบนตัวของพวกเข้า มีเพียงติดตามพวกเจ้า ข้าถึงจะรอดจากเซินยวนกลับไปได้ ข้าเพียงตามพวกเจ้าไป…”
“เจ้าทำนายอนาคตได้?” ชายแก่ผงะ ถึงแม้เสวียนเหมินจะมีวิชาทำนาย แต่ส่วนใหญ่ก็ทำได้เพียงดูฟ้าหรือทำนายลิขิตสวรรค์ ปกติไม่ได้คำตอบที่แม่นยำ อีกทั้งอนาคตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่างนางที่สามารถมองเห็นอนาคต เขาเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก
“เช่นนี้ เจ้าจำพวกข้าได้ตั้งแต่ต้น?” อวิ๋นเจี่ยวถาม
เย่เจียนเถียนพนักหน้าอย่างช้าๆ “ข้าคิดว่าพวกเจ้าเป็นปีศาจดินระดับต่ำ เดิมทีไม่เชื่อว่าพวกเจ้ามีความสามารถอัน อีกทั้งตอนนั้นพวกเจ้าถูกยันต์สะกดเอาไว้ ไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน สุดท้ายพวกเจ้าเข้าเมืองมา ข้าถึงคิดว่าบนตัวพวกเจ้ามีอาวุธวิเศษอันใด ดังนั้น…” นางจึงวางแผนเข้าใกล้พวกเขาเพื่อแย่งชิงสมบัติ สุดท้ายถึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ปีศาจ ตามความสามารถของพวกเขา อาจสามารถต้านทานจี๋ซือหย่าที่มีเจ้าเมืองหนุนหลังได้
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองนางขึ้นลง ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ากับหญิงที่ชื่อจี๋ซือหย่ามีความสัมพันธ์อะไรกัน” เธอไม่เชื่อว่าจะเป็นเพราะอีกฝ่ายแย่งคนรักของนางเท่านั้น จากการกระทำที่ไม่ใจอ่อนต่อชายเลวในเองแล้ว ดูไม่เหมือนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรักมากเท่าใด อีกทั้งนางยังเป็นปีศาจ
สีหน้าของเย่เจียนเถียนเปลี่ยนไปทันที ราวกับนึกบางอย่างได้ดวงตาของนางฉายแววเคียดแค้น
“หลายร้อยปีมานี้ นางเป็นศัตรูกับข้าเสมอมา สิ่งที่ข้ามีนางก็จะแย่งชิงไป ระยะนี้ข้าเห็นจากบนตัวของจี๋ซือหย่าว่าข้าจะตายในมือของนาง ข้าไม่อาจนั่งรอได้ ดังนั้นจึงวางแผนเอาไว้หลังจากเข้าเซินยวน ข้าจะหาโอกาสฆ่านางก่อน”
ที่แท้ก็เช่นนี้ เดิมทีคิดว่าเป็นละครน้ำเน่า ไม่คิดว่าจะเป็นรายการเอาชีวิตรอด แต่นางมั่นใจว่าจี๋ซือหย่าอยากฆ่านางตั้งแต่แรก ไม่ใช่เป็นเพราะการแย่งชิงไปมาของทั้งสองคนจนเกิดเรื่อง?
“ไม่ใช่!” ชายแก่นึกขึ้นได้ ก่อนจะพูด “พวกเจ้าปะทะกันนอกเมืองไม่ใช่หรือ” นางไม่ได้รอจนเข้าเซินยวนถึงจะลงมือ!
“นั่น…นั่นเป็นเพราะ…” ใบหน้าของเย่เจียนเถียนปรากฏความคับแค้น ก่อนจะพูดขึ้น “ข้า…ก่อนหน้านั้นข้าเคยประกาศไว้ว่าหากเจอนางครั้งหนึ่งข้าจะตีนางครั้งหนึ่ง เดิมทีข้าคิดจะลงมือในเซินยวน แต่…ใครจะรู้ว่าวันนั้นจะบังเอิญเจอกันที่นอกเมือง ข้าไม่ตีก็ไม่ได้!” ไม่คิดว่าจะทำให้นางหนีไปได้ อีกทั้งยังเข้าเซินยวนก่อนตน
“…” เช่นนี้นางยังเป็นปีศาจที่มีหลักการ บอกจะว่าตีก็ต้องตี!
ทั้งสองระอาเล็กน้อย ชายแก่มองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “ทำอย่างไร”
“ช่างเถิด” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ “จะตามก็ตามเถิด แล้วแต่เจ้า! แต่พวกข้าไม่ช่วยเจ้าจัดการกับปีศาจอื่น” ก่อนหน้านี้รับปากไม่ฆ่านาง พวกเขาก็ไม่อาจลงมือได้ เสวียนเหมินมีหลักการเช่นเดียวกัน
ดวงตาของเย่เจียนเถียนลุกเป็นประกาย ราวกับรังเกียจการเดินกะเผลกของตนเอง นางจึงกระโดดขาเดียวเข้ามาอย่างรวดเร็ว เดินตามติดพวกเขาเอาไว้
อวิ๋นเจี่ยวและชายแก่ไม่ได้สนใจนาง พวกเขายังคงเดินมุ่งหน้าไปทิศทางหนึ่ง ตามหาค่ายกลที่เย่เจียนเถียนพูด
ทั้งสองคนค้นหาราวสองสามชั่วยาม อย่าว่าแต่ค่ายกล แม้แต่ต้นหญ้าก็ไม่มีรอบด้านนอกจากความว่างเปล่าแล้วก็ยังคงมีแต่ความว่างเปล่า แม้แต่ปีศาจอื่นที่เข้ามาด้วยกัน พวกเขาก็ไม่เจอแม้แต่คนเดียว
“ค่ายกลนั้นหายากเช่นนี้เชียวหรือ” ชายแก่หันไปถามปีศาจที่อยู่ด้านหลัง
“ข้า…ข้าก็ไม่รู้!” เย่เจียนเถียนส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้หลอกพวกเจ้า ปีศาจที่รอดออกไปได้ล้วนบอกว่าเข้ามาไม่นานก็พบค่ายกล”
อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้ ค่ายกลขนส่งคงต้องมีไม่น้อย แต่เหตุใดเธอจึงสัมผัสไม่ได้ถึงคลื่นของค่ายกลกัน ทั้งที่เธอใช้พลังทั้งในการสัมผัส เพียงแค่มีค่ายกลไม่มีทางหาไม่เจอ นอกจาก...ผิดวิธี?!
อวิ๋นเจี่ยวผงะ ราวกับนึกยางอย่างได้ คาถาค้นหาในมือตบลงบนพื้น นาทีถัดมาทั้งสามคนเห็นเพียงแสงสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้า ก่อนที่บริเวณรอบด้านจะส่องสว่างไปด้วยค่ายกลซับซ้อนมากมาย แต่ละค่ายกลห่างกันหลายร้อยเมตร แสงสีขาวของค่ายกลส่องสว่างบริเวณรอบด้านที่มืดมิด
“ค่ายกล!” ชายแก่อุทานออกมา เขามองไปโดยรอบพบว่ามีมากถึงสิบกว่าแห่ง ระหว่างค่ายกลห่างกันหลายร้อยเมตรเท่านั้น “เจ้าหนู นี่…”
นางทำได้อย่างไร!