เฉินชางรีบพูด “ลากเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมาหน่อยครับ”
คุณหมอให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่นานก็ตรวจเสร็จ
เฉินชางมองดูภาพคลื่นหัวใจ หลังจากเทียบกับของสองสามวันก่อน ก็เริ่มค่อยๆ เข้าใจทุกอย่างแล้ว!
แต่เฉินชางยังไม่ได้พูดออกมา เขายังต้องยืนยันคำวินิจฉัยในใจอีกทีหนึ่ง
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบเอ่ยถาม “ตอนที่คุณยายพึ่งมานอนโรงพยาบาลเคยได้รับการตรวจฟังเสียงหัวใจไหมครับ”
พอหมอเจ้าของไข้ได้ยินเข้าก็หน้าแดงไปครู่หนึ่งทันที
บนประวัติเข้าโรงพยาบาลเขียนไว้แล้ว แต่…หลักๆ ก็มีแต่เขียนตามแบบฟอร์ม ไม่ได้มีสาระอื่นใด
เฉินชางอ่านชาร์ตคนไข้แล้วถามตัวเองอีกครั้ง เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้ชี้ออกมาก็เท่านั้น
ไม่อย่างนั้นหมอเจ้าของไข้ที่อยู่ต่อหน้าผู้อำนวยการกับครอบครัวจะอับอายขนาดไหน!
หมอหนุ่มมองเฉินชางอย่างซาบซึ้งแล้วพยักหน้า “ฟังเสียงมาแล้วครับ”
เฉินชางไม่ได้สงสัย เพราะสำหรับหมอแผนกโรคหัวใจแล้ว นี่เป็นการตรวจตามปกติ อาจจะขี้เกียจเขียนในชาร์ตคนไข้ แต่การดำเนินการเข้าโรงพยาบาลตามปกติก็ต้องทำอยู่ดี!
เขาถามต่อ “อ๋อ งั้นตอนนั้นคุณได้ยินเสียงฟู่หรือเปล่าครับ”
พอหมอได้ยินคำถามของเฉินชางก็ขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็ส่ายหัว “ไม่ได้ยินครับ ตอนที่มายังดีๆ อยู่เลย”
เฉินชางถามต่อ “เมื่อวานล่ะ คุณได้ฟังเสียงหรือเปล่า มีเสียงฟู่ไหม”
หมอพูดตามจริงโดยไม่ปิดบัง “เมื่อวานไม่มีครับ ตอนที่ผมเห็นอาการของคุณยาย สิ่งที่ผมคิดคือหัวใจข้างซ้ายล้มเหลวเฉียบพลัน เลยใช้ยาโรคหัวใจกับยาขับปัสสาวะ แต่…เหมือนอาการจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่เห็น”
“โทรหาโรงพยาบาลเขต อีกฝ่ายก็ไม่รู้แน่ชัด ไม่กล้าพาผู้ป่วยออกไป” พูดถึงตรงนี้ หมอก็จนใจ
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย หลายครั้งถ้าวินิจฉัยโรคไม่ชัดเจน โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิจะไม่อยากรับความเสี่ยง ผู้ป่วยฉุกเฉินที่หัวใจวายเฉียบพลันบวกกับโรคแทรกซ้อนที่ไม่แน่ชัดคนหนึ่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ถ้าเรื่องนี้มีปัญหา ลูกชายห้าคนกับลูกสาวสองคนนี้ก็ทำให้พวกเขางานเข้าได้เหมือนกัน!
พอเฉินชางได้ยินคำพูดของหมอเจ้าของไข้แล้ว เบาะแสในใจก็เริ่มชัดเจนขึ้นทันที
ตอนนี้ผู้อำนวยการอดถามไม่ได้ว่า “คุณผู้เชี่ยวชาญ คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นครับ”
หลังจากเฉินชางนิ่งเงียบไปพักใหญ่ก็พูดขึ้นว่า “ดูจากภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจของคุณยายแล้ว กราฟ ST สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่คุณบอกว่าหลังจากใช้ยาแล้วไม่มีแนวโน้มจะลดลง ผมคิดว่าตอนนี้ผู้ป่วยเกิดภาวะหลอดเลือดผนังห้องหัวใจล่างโป่งพองไปแล้ว!”
พอเฉินชางพูดแบบนี้ออกมา พวกหมอก็สบตากันทันที พวกเขาค่อนข้างงงอยู่บ้าง
ภาวะหลอดเลือดผนังห้องหัวใจล่างโป่งพองคืออะไร
สำหรับหมอโรงพยาบาลระดับปฐมภูมิอย่างพวกเขาแล้ว คำคำนี้เป็นคำที่พบได้ยาก ไม่เคยได้ยินสักครั้ง
พอคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็หน้าแดงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ถอนหายใจอย่างจนใจ
เฉินชางไม่ได้รำคาญใจกับคำถามนี้ เพราะเรื่องนี้จะโทษพวกเขาไม่ได้ หลังจากพาพวกเขาออกไปจากห้องผู้ป่วยมาที่ห้องทำงานหมอในแผนกแล้วจึงพูดว่า “ตอนที่ผมฟังเสียงหัวใจพบว่าตำแหน่งยอดหัวใจมีเสียงฟู่ตอนบีบตัว นอกจากนี้ยังสั่นในระดับต่างกันไป แต่ตามที่คุณพูด ก่อนหน้านี้ไม่มีเสียงฟู่ ที่มาของเสียงฟู่นี้ก็ชัดเจนมาก เลยคิดว่าเกิดขึ้นจากผนังกั้นหัวใจห้องล่างฉีกขาดหลังหัวใจวาย”
“ตอนที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่างฉีกขาด เลือดจะเริ่มไหลจากซ้ายไปขวา การไหลเวียนเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ!”
แพทย์เจ้าของไข้เอ่ยถามอย่างสงสัย “งั้น…ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวไหมครับ”
เฉินชางส่ายหน้า “ก็ใช่ว่าจะไม่ล้มเหลวครับ หลังจากการไหลเวียนเลือดเปลี่ยนไป เลือดส่งออกมาจากหัวใจไม่พอ ปริมาณการไหลเวียนเลือดเปลี่ยนแปลงส่งผลให้เกิดเป็นหัวใจวายเฉียบพลันลักษณะนี้ครับ”
พอพูดจบ เฉินชางก็สรุปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้ดูท่าอาการผู้ป่วยจะอันตรายนะครับ อาจเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้!”
คำพูดเดียวของเฉินชางทำให้คนที่อยู่รอบๆ งุนงงทันที
แพทย์เจ้าของไข้ถึงกับสับสน ต่อให้เขาไม่เคยได้ยินโรคนี้มาก่อน แต่เขาเข้าใจประโยคสุดท้ายของเฉินชางอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง!
อาการอันตราย อาจเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้!
ประโยคนี้ทำให้พวกลูกชายที่รีบร้อนมาตกใจกันหมด!
“หมอ คุณต้องช่วยแม่ผมนะ!”
“นั่นสิ! หมอ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเลย พวกเราพี่น้องจะหามาให้เอง ช่วยแม่ผมเถอะ!”
ตอนนี้ผู้อำนวยการยังผงะไป เขารู้ว่าผู้ป่วยต้องไม่ได้เป็นโรคธรรมดาอย่างนั้นแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะอันตรายขนาดนี้
เขาคิดถึงตรงนี้แล้วจึงรีบถามว่า “คุณผู้เชี่ยวชาญ งั้นจะทำยังไงดี”
พอเฉินชางได้ยินก็เริ่มไตร่ตรอง!
ตอนนี้เขาก็คือเสาหลัก
โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิอาจจะไม่เคยเจอเคสแบบนี้เลย พอเจอขึ้นมาจึงทำอะไรไม่ถูก
ห้องหัวใจล่างฉีกขาดที่เกิดขึ้นจากหัวใจวายเฉียบพลัน สองอย่างนี้เป็นโรคร้ายแรงถึงแก่ชีวิตทั้งนั้น เฉินชางต้องให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์
ถ้าอยู่ต่อก็ไม่มีปัจจัยที่กู้ชีพได้สักนิด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น โรงพยาบาลหมู่บ้านไม่มีแม้แต่เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอคโม่ที่เป็นเครื่องมือเสริมในการผ่าตัดยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้นจะจัดการที่นี่จึงเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด!
ขนาดห้องผ่าตัดศัลยกรรมหัวใจในโรงพยาบาลเขตยังไม่มี เครื่องเอคโม่ก็ไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้นตอนนี้มีเพียงทางเลือกสองทางอยู่ตรงหน้า!
อยู่ต่อรอปาฏิหาริย์ ไว้อาการของคุณยายคงที่แล้วค่อยว่ากัน แต่เคสนี้ หัวใจเปลี่ยนโครงสร้างไปเพราะโรค การรักษาตามอาการได้ผลจำกัด
แต่ถ้าจะเปลี่ยนโรงพยาบาล จะเปลี่ยนอย่างไร
อาการเข้าขั้นวิกฤต ภูเขาสูงทางไกล อาจจะตายระหว่างทางเมื่อไรก็ได้!
ตอนนี้ ผู้อำนวยการกับแพทย์เจ้าของไข้ต่างฟังสิ่งที่เฉินชางจะสื่อออก
แต่ครอบครัวกลับรีบพูดว่า “หมอ! พวกเราจะเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ไหม ขอร้องล่ะ”
“ใช่ หมอ ขอร้องล่ะ ช่วยแม่ผมเถอะ!”
“พอเห็นแม่ทรมาน แต่คนเป็นลูกอย่างพวกเราช่วยอะไรไม่ได้ มันเจ็บปวดใจมากจริงๆ!”
“นั่นสิ…”
เฉินชางฟังคำขอร้องของพวกผู้ชายแล้วถอนหายใจ ความจริงทางเลือกไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่พวกเขาต่างหาก
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางจึงพูดว่า “ช่วยน่ะ ช่วยอยู่แล้วครับ แต่ต้องคิดว่าจะช่วยยังไง!
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ครับ สภาพร่างกายคนป่วยไม่ดี อายุก็มากแล้ว ความอดทนก็มีจำกัด แต่ตอนนี้ต้องส่งไปผ่าตัดรักษาในมณฑล ผมต้องบอกทุกคนไว้ก่อนอย่างหนึ่ง อัตราความสำเร็จในการผ่าตัดคนชรามีจำกัดครับ!”
“มิหนำซ้ำ ภูเขาสูงทางไกล ในระหว่างที่เคลื่อนย้ายจะเสี่ยงเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ เพราะอาการป่วยนี้เดิมทีก็ไม่คงที่อยู่แล้ว กระบวนการของโรคของเขาเป็นแบบนี้…”
หลังจากเฉินชางอธิบายอย่างชัดเจน ลูกชายทั้งห้าคนก็เงียบไปแล้วจึงเริ่มถกกัน
ด้านเฉินชางอาศัยโอกาสนี้โทรหาหัวหน้าหลี่เป่าซาน
เจตนาหัวหน้าหลี่ก็ชัดเจน เคารพความเห็นของครอบครัว
ความจริงตอนนี้เฉินชางก็ไม่ได้ว้าวุ่นใจขนาดนั้นแล้ว
คุณยายอายุมากเกินไป เจ็ดสิบกว่าปีแล้ว มีภาวะหัวใจวาย ผนังกั้นหัวใจห้องล่างฉีกขาด ถ้าขึ้นเตียงผ่าตัดในสถานการณ์อย่างนี้…บอกตามตรงก็อาจจะลงจากเตียงไม่ได้
ถ้าเคลื่อนย้ายก็เสี่ยงมากเหมือนกัน
หลังจากเฉินชางเรียกลูกชายทั้งห้าออกมาก็เริ่มกล่าวตามตรง
ห้าพี่น้องได้ยินคำพูดเฉินชางต่างก็เศร้าใจ ลูกคนโตถึงกับน้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว
ในที่สุด!
ผ่านไปสองสามนาที หลังจากทั้งห้าคนปรึกษากันก็ตัดสินใจ!
“ย้าย! ต้องย้าย!”
ลูกคนโตมองเฉินชาง “หมอ พวกเราจะย้ายโรงพยาบาล ต้องย้ายโรงพยาบาลให้ได้ ต่อให้เกิดเรื่องระหว่างทาง ก็ยังดีกว่ารอความตายที่นี่!”
“ไม่ใช่แค่ย้ายโรงพยาบาล แต่ยังต้องผ่าตัดด้วย! ต่อให้การผ่าตัดล้มเหลว พวกเราก็ต้องพยายามคว้าโอกาสไว้!”
พอพูดจนจบ เสียงของลูกคนโตก็สะอึกสะอื้นอย่างชัดเจน “คนเป็นลูก ตอนนี้พวกเราจะหวังให้ถึงที่สุด ต่อไปจะได้ไม่เสียใจ!”
เฉินชางสูดหายใจเข้าแล้วพยั
เหล่าหยางขับรถกู้ภัยมาทั้งชีวิต จากรถตู้จินเปยในตอนแรกจนถึงรถเบนซ์ 416 การเปลี่ยนแปลงของรถทำให้เห็นการพัฒนาการของเมืองอันหยางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การออกเดินทางครั้งนี้ เหล่าหยางขับรถเบนซ์ 416 มีกำลังเพียงพอ ความเร็วสูงสุดสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะเดียวกันก็สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก็มากเช่นกัน
รถแบบนี้ไม่ได้ราคาถูกเลย รถเบนซ์กู้ภัยชุดหนึ่ง ราคากว่าหนึ่งล้านสี่แสน นี่เป็นแค่อุปกรณ์มาตรฐาน!
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ราคารถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เฉพาะทางอย่างอุปกรณ์จ่ายออกซิเจน เครื่องช่วยการไหลเวียนฆ่าเชื้ออากาศ เครื่องติดตามสัญญาณชีพ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุ้นหัวใจ…
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ผลิตรถกู้ภัยได้ โรงงานผลิตไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่โดยพื้นฐานต้องมีความน่าเชื่อถือ และจินเปยก็เป็นแบรนด์เก่าแก่ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม…ข้อบกพร่องของรถเบนซ์ 416 ก็เห็นได้ชัดมาก การลดแรงกระแทกอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง กู้ภัยในเมืองคล่องตัวมาก!
แต่เดินทางบนเส้นทางภูเขาแบบนี้ กลับทำให้เฉินชางรู้สึกว่าตนเองล่องลอยเล็กน้อย…
รถเบนซ์ 416 แสดงประสิทธิภาพออกมาไม่ได้เลย แม้แต่การบังคับเลี้ยวและความยืดหยุ่นก็ยังไม่ดีเท่าจินเปย
การกู้ภัยเส้นทางภูเขาแบบนี้ ความจริงเป็นบททดสอบที่ยากมากสำหรับคนขับรถกู้ภัย!
เสี่ยวหลินที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับค่อยยังชั่ว ส่วนเฉินชางที่นั่งอยู่ด้านหลัง หลังจากลงจากรถ เขาก็รู้สึกฝีเท้าล่องลอยเล็กน้อย
ผู้อำนวยการของศูนย์สุขภาพเมืองหนานเฉียวรออยู่หน้าประตูแล้ว เห็นพวกเฉินชางลงมาก็มีสีหน้าดีใจ รีบเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับผู้เชี่ยวชาญ!” ผู้อำนวยการกระตือรือร้นมาก เรียกผู้เชี่ยวชาญไม่ขาดปาก ทำให้เฉินชางไม่ชินนัก
หลังจากทักทายกันแล้ว พวกเขาก็เดินเข้าไปทันที
การพัฒนาของศูนย์สุขภาพที่นี่ถือว่าใช้ได้ ตึกผู้ป่วยในสี่ชั้นดูมีประโยชน์ใช้สอย
เฉินชางขึ้นตึกไปพร้อมผู้อำนวยการ ส่วนเหล่าหยางกลับรถ เตรียมขนย้าย
โดยทั่วไป ถ้าเขาออกไปรักษาคนไข้นอกสถานที่กับเฉินชาง เขาจะคอยช่วยอยู่ข้างหลัง หากในสถานการณ์ที่ไม่ขาดกำลังคน เหล่าหยางเองก็ไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่ง
ส่วนเสี่ยวหลินถือกล่องพยาบาลตามหลังเฉินชางไปติดๆ อย่างว่าง่าย
ทำงานแผนกฉุกเฉินมาหลายปี ที่จริงความสามารถของเสี่ยวหลินไม่ใช่เพียงแค่พยาบาลคนหนึ่งแล้ว เผลอๆ ความสามารถในการกู้ชีพของเสี่ยวหลินอาจจะเหนือกว่าผู้อำนวยการที่อยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ
ชั้นสองเป็นแผนกโรคหัวใจ หลังจากคนทั้งกลุ่มเข้าห้องผู้ป่วยไป ในที่สุดเฉินชางก็เจอคนไข้ เป็นหญิงชราอายุเจ็ดสิบเอ็ดปี ตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียง เตียงถูกเขย่าขึ้นมา เธอหายใจถี่ หอบไม่หยุด!
ดวงตาง่วงงุนปิดอยู่ตลอดเวลา เสียงลมหายใจที่ดูถี่และรุนแรงฟังไม่รู้ว่าเป็นเสียงกรนหรือเสียงอาการอื่น
ตรงจมูกมีท่อออกซิเจน ใบหน้าซีดเซียวเจ็บปวด!
แวบแรกเฉินชางก็ดูออกว่าเรื่องราวเหมือนไม่ได้ง่ายอย่างที่จินตนาการไว้!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางนึกถึงความเป็นไปได้ของอาการหัวใจล้มเหลวเป็นอันดับแรก!
คนไข้สูงอายุที่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ช่วงที่โรคกำเริบอาจจะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันได้
หมอผู้ดูแลเป็นชายหนุ่มที่ระดับชั้นต่ำกว่าเฉินชางด้วยซ้ำ แต่จากระดับความอ้วนท้วนสมบูรณ์ คงทำงานมานานแล้ว
แต่แน่นอนว่าเฉินชางไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขกับเขามากนัก ถึงอย่างไรหากพูดตามตรง สมัยนี้คนที่มาทำงานที่ศูนย์สุขภาพได้มีไม่มาก ยังจะมีเงื่อนไขมากมายอะไรได้
ตอนแรกเฉินชางอยากถามสถานการณ์สักหน่อย คิดไปคิดมาก็เดินนำไปถึงข้างเตียงผู้ป่วยก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นดูน่องและขา
ญาติคนไข้เป็นหญิงชนบทคนหนึ่ง น่าจะเป็นลูกสะใภ้ แต่ดูแลอยู่ข้างๆ เป็นอย่างดี
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจข้างขวาล้มเหลวจะมีอาการบวมน้ำ แต่หญิงชราไม่มีสัญญาณเลยสักนิด ขาไม่บวม บนใบหน้าก็ไม่มีร่องรอยการบวมน้ำมากนัก
เฉินชางเห็นหญิงชรานั่งตัวตรงหายใจหอบ ความจริงรู้สึกไม่เหมือนคนไข้หัวใจข้างขวาล้มเหลวตั้งแต่แรกแล้ว กลับเหมือนภาวะหัวใจข้างซ้ายล้มเหลวทั่วไปมากกว่า ถึงอย่างไรอาการหายใจลำบาก นั่งตัวตรงหายใจก็เป็นอาการทั่วไปของภาวะนี้
เฉินชางไม่ได้ตรวจดูต่อ ตอนนี้เองผู้ป่วยลืมตาขึ้น พอเห็นเฉินชางก็ยิ้ม
เธอเป็นหญิงชราที่ยิ้มแล้วดูมีเมตตามาก ท่าทางเป็นมิตร
เฉินชางมองหญิงชรา ถามคำถามง่ายๆ หลายคำถาม อย่างเช่นอายุเท่าไร มีปัญหาด้านการนอนหลับหรือไม่ เป็นต้น
คำตอบของหญิงชราชัดเจนมาก
เฉินชางแอบพยักหน้า มีสติดี ความคิดเป็นปกติ จิตแจ่มใส ถือว่าวางใจได้ไม่น้อย
เฉินชางเริ่มซักประวัติต่อ
เมื่อเจ็ดวันก่อน จู่ๆ เธอก็เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายและถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลทันเวลา เมื่อวานตอนเช้าเริ่มมีอาการหายใจลำบาก นอนราบได้ แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนแบบนี้สบายกว่า รู้สึกแน่นหน้าอกตลอดทั้งคืน หายใจลำบาก นอนไม่หลับเลย เพราะฉะนั้นหญิงชราจึงดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย
เฉินชางปลอบใจผู้ป่วยก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นให้ญาติคนไข้พยุงหญิงชราให้นอนลง
เฉินชางหยิบหูฟังทางการแพทย์ขึ้นมาฟัง!
เขาได้ยินเสียงรบกวนระหว่างการหดตัวบริเวณยอดหัวใจ และตรงฐานปอดก็มีเสียงหวีดเหมือนมีความชื้น!
เฉินชางขมวดคิ้วทันที!
ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่สัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว
ตอนแรกจากการอธิบายของหญิงชราและการแสดงออกของญาติคนไข้ สัญญาณทุกอย่างชี้ไปทางภาวะหัวใจล้มเหลว
แต่หลังจากเฉินชางฟังจบ แม้ยังตัดความเป็นไปได้นี้ออกไม่ได้ แต่…นี่อาจจะไม่ใช่สาเหตุหลัก!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางให้เสี่ยวหลินวัดความดันโลหิตและออกซิเจนในเลือด
“ความดัน 120/80 mmHg!”
“อัตราการเต้นของหัวใจหนึ่งร้อยครั้งต่อนาที!”
“ออกซิเจนในเลือดเก้าสิบห้า!”
เฉินชางมองหญิงชรา “คุณเคยเป็นโรคหัวใจไหมครับ หรือพวกความดันโลหิต…”
หญิงชราส่ายหน้า
ลูกสะใภ้ที่อยู่ข้างๆ เองก็พูดว่า “ที่ผ่านมาท่านสุขภาพดีมากมาโดยตลอด มีลูกชายห้าคนลูกสาวสองคน!”
เฉินชางอึ้งงัน ลูกเจ็ดคนแม้จะพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่…ร่างกายน่าจะแข็งแรงใช้ได้เลย!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็หันมองหมอที่ดูแลคนไข้เตียงนี้ “ขอประวัติผู้ป่วยหน่อยครับ”
หมอผู้รับผิดชอบให้ความร่วมมือมาก “ได้ครับๆ รอสักครู่นะครับ!”
ไม่นาน เขาก็หยิบชาร์ตผู้ป่วยมา
เฉินชางเห็นรูปคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีประมาณเจ็ดแปดแผ่นที่ทำมาทุกวัน ตอนแรกเข้ารักษาสองครั้ง ล้วนเป็นคลื่นสัญญาณกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจริงๆ ล้วนเป็นช่วง ST ที่โค้งขึ้นสูง เป็นคลื่นสัญญาณของอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันแบบคลาสสิก
แต่…หลายวันหลังจากนั้นมีการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจวันละหนึ่งครั้ง แม้อาการเจ็บหน้าอกจะบรรเทาลงบ้าง แต่ช่วง ST ของคนไข้ไม่มีจังหวะที่ต่ำลงเลย
นี่มันอะไรกัน
ตอนนี้ถ้าวินิจฉัยอย่างแม่นยำไม่ได้ จะเคลื่อนย้ายคนไข้ไม่ได้เด็ดขาด!
ตอนนี้เอง ลูกของหญิงชราก็มาถึงแล้ว ชายห้าคนเดินเข้ามา เฉินชางหมุนตัวมองชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่แต่ละคน จู่ๆ ก็รู้สึกว่านี่ก็เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นแม่
“คุณหมอครับ รีบส่งไปที่เมืองอันหยางเถอะครับ” ลูกชายคนโตพูด
เฉินชางส่ายหน้า “รอสักครู่ครับ ตอนนี้สถานการณ์ของคนไข้ไม่มั่นคง ระยะทางค่อนข้างไกล ผมกลัวว่าจะเกิดปัญหา จะต้องทำให้อาการคงที่ หรืออย่างน้อยก็ต้องมีการวินิจฉัยที่แม่นยำก่อน!”
ญาติคนไข้ได้ยินคำพูดของเฉินชางก็ไม่พูดอะไรอีก
สำหรับคนในชุมชน สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญในมณฑลพูด แน่นอนว่าถูกต้องอยู่แล้ว พวกเขาไม่อยากแสร้งทำเป็นฉลาด
ตรงกันข้าม พวกที่รู้เพียงผิวเผินมักหยิบไป่ตู้มาเถียงหมอ น่าปวดหัวมากกว่า!
ตอนนี้เอง เฉินชางวางมือบนตำแหน่งยอดหัวใจที่เต้นแรงที่สุด สัมผัสต่ออีกครู่หนึ่ง มีการสั่นสะเทือน!
สัญญาณนี้ทำให้เฉินชางดีใจขึ้นมาทันที!
กหน้า “ได้ครับ! ผมเคารพความคิดของพวกคุณ อีกเดี๋ยว…คุณติดรถไปด้วยกันกับพวกเราเถอะครับ”
ลูกคนโตพยักหน้าให้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอนนี้พ่อไม่อยู่แล้ว เขาจึงต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ในเมื่อเขาเป็นพี่คนโต ถ้าเขาไม่ตัดสินใจก็คงไม่ได้!
ความจริงในชนบทบางแห่ง ความคิดฝังหัวเรื่องพี่คนโตกับสะใภ้คนโตต้องรับภาระดูแลครอบครัวยังรุนแรงอยู่ เมื่อสักครู่เฉินชางก็เพิ่งรู้ว่าพอคุณยายป่วยก็ได้ภรรยาของลูกคนโตดูแลมาตลอด
เฉินชางดูภาพนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ คนครอบครัวนี้ สิ่งที่ลูกคนโตกับภรรยาของเขาทำเหมือนกันจริงๆ ทำเอาเขาเลือกคำพูดไม่ถูกเลย
ตอนที่ตัดสินใจเตรียมจะเคลื่อนย้าย ลูกสะใภ้กลับพูดออกมาคำหนึ่ง แต่ทำให้ทุกคนลำบากใจเสียแล้ว!
“คุณแม่นั่งรถแล้วเมารถเป็นประจำ จะไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินชางนิ่วหน้า จะไม่เป็นไรได้ไง!