ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] 344 เราไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก

ตอนที่ 344 เราไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก

ตอนที่​ 344 เรา​ไม่มีเงิน​มาก​ขนาด​นั้น​หรอก​

ไม่รู้​ว่า​ฉีฉีได้​เชื้อ​ปากหวาน​มาจาก​ใคร​กัน​ แม้แต่​ซูตาน​หง​ยัง​อด​ขำ​ไม่ได้​

เธอ​ไม่รู้​ว่า​เขา​ได้​ทักษะ​การ​เข้าสังคม​และ​พูดจา​ตีสนิท​กับ​คนอื่น​มาจาก​ไหน​

“สวย​จังครับ​” ไม่ใช่เพียง​ฉีฉี แม้แต่​เจ้าตัวเล็ก​อย่าง​เสียง​เสียง​ยัง​พูด​ออกมา​เช่นนี้​

เด็กเล็ก​มัก​พูด​ตามที่​ใจคิด​ ใคร​กัน​จะไม่ดีใจ​บ้าง​?

อีก​ทั้งสอง​พี่น้อง​ยัง​พูดจา​ตรง​ใจสะใภ้ใหญ่​ซู หล่อน​ย่อม​ปลื้มใจ​เป็นธรรมดา​

เพื่อ​ต้อนรับ​สามแม่ลูก​ คุณแม่​ซูก็​เดิน​ออกมา​เช่นกัน​

“คุณยาย​” ทั้ง​ฉีฉีและ​เสียง​เสียง​วิ่ง​เข้า​ไปหา​นาง​

“โอ้​ วันนี้​ทำไม​มาที่นี่​กัน​ได้​ล่ะ​เนี่ย​?” คุณแม่​ซูกล่าว​พร้อม​ส่งยิ้ม​ให้​

ช่วงนี้​ทุกคน​ต่าง​ตื่นเต้น​กับ​เรื่อง​น่ายินดี​ แม้ว่า​ครอบครัว​ของ​นาง​จะไม่ใช่ครอบครัว​แรก​ที่​สร้างบ้าน​ใน​หมู่บ้าน​ แต่​ตอนนี้​มีน้อย​ครอบครัว​นัก​ที่จะ​มีปัญญา​สร้างบ้าน​เช่นนี้​ได้​

ด้วยเหตุนี้​ นาง​จึงเป็นที่​อิจฉา​ของ​คน​เฒ่าคนแก่​มากมาย​

อีก​ทั้ง​การ​อยู่​บ้าน​หลัง​นี้​ยัง​ต่าง​ออก​ไป​ มัน​สะดวกสบาย​มาก​ นาง​ไม่ต้อง​เป็นกังวล​ว่า​จะมีน้ำ​รั่ว​หรือ​แดด​แยง​เข้ามา​ใน​บ้าน​จาก​หิมะ​ที่​ตกหนัก​อีกต่อไป​

ทุกอย่าง​เป็นไป​อย่าง​ราบรื่น​ดี​ แถมตอนนี้​ยัง​ได้​เจอ​หน้า​หลานชาย​ทั้ง​ 2 คน​ นาง​จึงยิ่ง​มีความสุข​

“แม่บอ​กว่า​คุณยาย​ไขข้อ​อักเสบ​ขึ้น​มาอีกแล้ว​ เลย​บอก​ให้​เรา​แวะ​มาเยี่ยม​ครับ​” เสียง​เสียง​บอก​

“อย่างนั้น​หรอก​เหรอ​?” คุณแม่​ซูรู้​ว่า​ลูกสาว​ตน​โกหก​หลานชาย​ แต่​นาง​กลับ​เออออ​ตาม​ไป​

คุณแม่​ซูจึงแสร้ง​ตัดพ้อ​ “เจ้าหลาน​ตัวแสบ​ ปกติ​ไม่ได้​คิดถึง​ยาย​เลย​สินะ​ ถ้ายาย​ไม่ป่วย​ หลาน​จะไม่มาหา​ยาย​อย่างนั้น​เหรอ​?”

“เรา​คิดถึง​คุณยาย​นะ​ครับ​” เสียง​เสียง​รีบ​โพล่ง​บอก​

“ใช่ครับ​ ผม​คิดถึง​คุณยาย​ตอนที่​กิน​ปลา​เมื่อวาน​ด้วย​ วันนี้​เลย​บอก​ให้​พ่อ​ส่งปลา​มาให้​ เดี๋ยว​พ่อ​จะส่งมาให้​เย็น​นี้​ครับ​” ฉีฉีบอก​

คุณแม่​ซูบอก​ “แค่​หลาน​มาหา​ยาย​ก็​พอแล้ว​ ไม่ต้อง​เอา​อะไร​มาฝาก​ยาย​ก็​มีความสุข​”

“ตอนนี้​เรา​มาหา​คุณยาย​แล้ว​นี่​ไงครับ​” ฉีฉีบอก​

“คุณยาย​อาการ​ดีขึ้น​หรือยัง​ครับ​?” เสียง​เสียง​ถาม

“ดีขึ้น​แล้ว​ ได้​เห็น​หลาน​มีความสุข​แบบนี้​ก็​หาย​เป็นปลิดทิ้ง​เลย​ล่ะ​” คุณแม่​ซูพยักหน้า​

สอง​พี่น้อง​ต่าง​ร่าเริง​ คุณแม่​ซูพา​พวกเขา​ขึ้น​ไปดู​บ้าน​บน​ชั้น​ 2 เห็น​แบบนี้​แล้ว​ทำให้​พวกเขา​นึก​อิจฉา​ขึ้น​มาไม่น้อย​ ยิ่ง​เมื่อ​รู้​ว่า​ลูกพี่ลูกน้อง​ 3 คน​มีห้องส่วนตัว​คนละ​ห้อง​ ก็​ไม่ต้อง​ถามว่า​เหตุใด​จึงอิจฉา​ เพราะ​ตอนนี้​พวกเขา​ยัง​ต้อง​นอน​รวมกัน​ใน​ห้อง​เดียว​อยู่​

ซูจิ้น​ตั๋ง​เป็น​คน​ออกแบบ​ผัง​ห้อง​ของ​บ้าน​ จึงออกมา​ดู​ดีมาก​ทีเดียว​ มัน​ถอดแบบ​มาจาก​บ้าน​ใน​เมือง​ มีห้อง​มากมาย​และ​ยัง​พื้นที่​กว้างขวาง​

เมื่อ​ลง​ไป​ชั้นล่าง​ เสียง​เสียง​ก็​ถามพี่​รอง​ “ทำไม​บ้าน​เรา​ถึงไม่สร้างบ้าน​บ้าง​ล่ะ​?”

“ทำไม​น่ะ​เหรอ​? บ้าน​เรา​ยัง​ไม่มีเงิน​มาก​ขนาด​นั้น​อย่างไร​ล่ะ​” ฉีฉีลอบ​กลอกตา​ขณะ​บอก​

“ทำไม​บ้าน​เรา​จะไม่มีเงิน​ล่ะ​? บ้าน​เรา​มีรถ​ตั้ง​เยอะ​ คนอื่น​ยังมี​แค่​จักรยาน​เอง​นะ​!” เสียง​เสียง​พลัน​ท้วง​ขึ้น​

“ตอนนี้​บ้าน​เรา​มีภาระ​ค่าใช้จ่าย​เยอะ​ เรา​ต้อง​จ่ายเงินเดือน​ให้​คนงาน​ตั้ง​มาก​ทุก​เดือน​ แล้ว​ยัง​มีค่า​เทอม​ของ​พี่ใหญ่​อีก​ เทอม​ละ​ 200 หยวน​เชียว​นะ​ ได้ยิน​ว่า​ต่อไป​ก็​จะแพง​ขึ้น​อีก​ ค่า​เนื้อที่​เรา​กินกัน​ทุกวัน​ด้วย​ นม​ที่​นาย​ดื่ม​อยู่​ทุกวัน​ก็​ต้อง​ใช้เงิน​ซื้อ​มาทั้ง​นั้นแหละ​” ฉีฉีสาธยาย​ให้​น้องชาย​ฟัง

เสียง​เสียง​มุ่น​คิ้ว​เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​และ​เอ่ย​ขึ้น​ “ผม​เคย​ได้ยิน​พ่อ​บอ​กว่า​บ้าน​เรา​ไม่ได้​ไม่มีเงิน​นี่​นา​”

“พ่อ​บอก​แบบ​นั้น​เพราะ​นาย​ยัง​เด็ก​ไง ตอนนั้น​นาย​จะเริ่ม​เป็นห่วง​พ่อ​ได้​ยังไง​กัน​?” ฉีฉีบอก​ “นาย​เห็น​พ่อ​ทำ​บัญชี​ไหม​ล่ะ​?”

“ผม​ไม่เห็น​เข้าใจ​เลย​” เสียง​เสียง​บอก​ไป​ตามตรง​ พ่อ​ของ​เขา​นั่ง​คิดเลข​ แต่​เขา​ไม่เข้าใจ​ตัวเลข​พวก​นั้น​สักนิด​

“มัน​เข้าใจยาก​ขนาด​นั้น​เลย​เหรอ​? บ้าน​เรา​ได้เงิน​มาแค่​ 200 หยวน​ต่อ​เดือน​ แต่​ยัง​ต้อง​หัก​ค่า​อื่น​ ๆ และ​ค่า​น้ำมัน​ด้วย​ เลย​มีเหลือ​ไม่เยอะ​ยังไง​ล่ะ​ เงิน​นี้​เรา​ต้อง​เอา​มาใช้ใน​ครอบครัว​ มัน​มีค่า​มาก​” ฉีฉีบอก​

ซูตาน​หง​ได้ยิน​และ​รู้​ว่าที่​เขา​เห็น​คง​เป็น​แค่​รายการ​เดียว​ ซึ่งยัง​เทียบ​ไม่ได้​กับ​รายได้​จาก​ร้านค้า​เดียว​

คุณแม่​ซูได้ยิน​หลานชาย​คร่ำครวญ​อย่าง​น่าสงสาร​ นาง​จึงกระซิบ​กับ​ซูตาน​หง​ “ฉีฉีบอ​กว่า​แก​อยู่​กับ​เจี้ยนอวิ๋น​ต้อง​ใช้เงิน​ให้​รอบคอบ​หน่อย​ ตอนนี้​ค่า​เทอม​ของ​เด็ก​ ๆ ก็​แพง​ซะเหลือเกิน​ ไม่เหมือน​เมื่อก่อน​ ดูท่า​แล้ว​คงจะ​แพง​ขึ้น​อีก​ ฉัน​ได้ยิน​ว่า​ค่า​เทอม​ใน​เมือง​มหาวิทยาลัย​สูงถึง 10,000 หยวน​เลย​นะ​!”

“10,000 หยวน​เหรอ​คะ​? คง​ไม่มีทาง​แพง​ขนาด​นั้น​หรอก​ค่ะ​ ว่า​ไหม​?” สะใภ้ใหญ่​ซูฟังอยู่​เช่นกัน​ เมื่อ​หล่อน​ได้ยิน​หลานชาย​คร่ำครวญ​เช่นนั้น​ หล่อน​ก็​เม้มปาก​และ​ไม่คิด​ปักใจ​เชื่อ​

แต่​เมื่อ​ได้ยิน​ประโยค​นี้​ หล่อน​ถึงกับ​อ้าปากค้าง​ด้วย​ความ​อึ้ง​

ลูกชาย​คนโต​ของหล่อน​รีบ​ออก​ไป​ทำงาน​โรงงาน​ ตอนนี้​เหลือ​ลูก​คน​รอง​และ​คน​เล็ก​ที่​ยัง​เรียนหนังสือ​อยู่​ ถึงลูกชาย​คนโต​จะไม่ได้​เรียนต่อ​ แต่​หล่อน​ยัง​ต้องการ​ส่งเสีย​ให้​ลูก​คน​รอง​กับ​คน​เล็ก​ได้​เล่าเรียน​

แต่​ค่าเล่าเรียน​ใน​เมือง​มหาวิทยาลัย​แพง​ถึง 10,000 หยวน​เชียว​หรือ​?

“ใคร​จะรู้​ว่า​อนาคต​จะเป็น​ยังไง​? เมื่อก่อน​ค่า​เทอม​กับ​ค่าธรรมเนียม​อื่น​ ๆ ยัง​แค่​ 5 หยวน​เอง​ ตอนนี้​ปา​เข้าไป​ 200 หยวน​แล้ว​ จะไป​เทียบ​กัน​ได้​ยังไง​ล่ะ​?” คุณแม่​ซูบอก​หล่อน​

“ฉัน​ถึงจะให้​ลูก​คน​รอง​กับ​คน​เล็ก​เรียน​สอง​ปี​ จากนั้น​ค่อย​ให้​พวกเขา​ไป​ทำงาน​ใน​โรงงาน​แล้ว​อย่างไร​ล่ะ​คะ​” สะใภ้ใหญ่​ซูสำทับ​ “ยังไง​พวกเขา​ก็​หัว​ไม่ค่อย​ดี​อยู่แล้ว​ ไม่ต้อง​ไป​เรียนหนังสือ​ให้​เสียเงิน​เปล่า​หรอก​”

อันที่จริง​หาก​แม่สามีหล่อน​ไม่ห้าม​ไว้​ บวก​กับ​ลูก​ของหล่อน​ยัง​อายุ​ไม่มาก​ อีก​ทั้ง​ทาง​โรงงาน​รับ​เพียง​นักเรียน​ที่​จบ​ระดับ​ประถมศึกษา​และ​อายุ​มากกว่า​ 15 ปี​ขึ้นไป​เท่านั้น​ หล่อน​คง​ให้​ลูก​ของ​ตน​ไป​ทำงาน​โรงงาน​ตั้งแต่​ตอนนั้น​แล้ว​

ตอนนี้​ทุก​ปีการศึกษา​ต้อง​ใช้เงิน​จำนวนมาก​ หล่อน​รู้สึก​เครียด​ไม่น้อย​

คุณแม่​ซูไม่ได้​สนใจ​เรื่อง​นี้​อีก​ ลึก​ ๆ แล้ว​นาง​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​เป็นการ​สิ้น​เปลืองเงิน​เช่นกัน​ หลาน​ ๆ ของ​นาง​เรียน​ไม่เก่ง​ พวกเขา​ถนัด​ออก​ไป​เล่น​ที่​แม่น้ำ​และ​ยิง​นก​ตกปลา​มากกว่า​

ส่วน​สือ​โถว​เป็น​คน​ที่​ว่านอนสอนง่าย​ แถมยังมี​เห​ริน​เห​ริน​ที่​เป็น​ว่าที่​นักศึกษา​มหาวิทยาลัย​อีกด้วย​ พวกเขา​ต้อง​เรียนต่อ​ได้​อย่าง​แน่นอน​

ซูตาน​หง​​บอก​ “ยังไง​พวกเขา​ก็​ต้อง​เรียน​จนถึง​ชั้น​มัธยมต้น​ค่ะ​”

“ลืม​เรื่อง​ชั้น​มัธยมต้น​ไป​ได้​เลย​ ค่า​เทอม​ชั้น​มัธยมต้น​แพง​มาก​นะ​ เดี๋ยวนี้​มัน​ไม่เหมือน​เมื่อก่อน​แล้ว​” สะใภ้ใหญ่​ซูเอ่ย​

“ถึงเวลา​ค่อย​ถามพวกเขา​เถอะ​ ถ้าอยาก​เรียนต่อ​แล้ว​สอบผ่าน​ได้​ก็​ให้​เรียน​ ถ้าสอบ​ไม่ผ่าน​ก็​ออก​ไป​ทำงาน​หาเงิน​” คุณแม่​ซูสรุป​

“คุณแม่​แค่​พูด​ก็​พูด​ง่าย​น่ะ​สิคะ​ แต่ละ​เทอม​ค่าใช้จ่าย​สูงมาก​เลย​นะคะ​” สะใภ้ใหญ่​ซูเม้มปาก​

คุณแม่​ซูเมิน​หล่อน​ ก่อน​หัน​ไปหา​ลูกสาว​ “แก​จะอยู่กิน​ข้าวเย็น​ไหม​?”

“ไม่ค่ะ​ เดี๋ยว​ฉัน​ก็​จะกลับ​แล้ว​ ยังมี​หลาย​เรื่อง​ต้อง​กลับ​ไป​จัดการ​” ซูตาน​หง​ตอบ​

“ตอนนี้​มีน้อง​สามีคนเดียว​ทำอาหาร​ให้​คนใน​ครอบครัว​กิน​คง​ลำบาก​แย่​ หา​คน​มาช่วย​ทำ​บ้าง​สิ” สะใภ้ใหญ่​ซูว่า​ขึ้น​พร้อม​สายตา​เป็นประกาย​

“ไม่ล่ะ​ค่ะ​ ฉัน​อยู่​บ้าน​เฉย ๆ​ ฉัน​ทำได้​อยู่แล้ว ไม่ได้​ลำบาก​อะไร​” ซูตาน​หง​บอก​

“พี่​เอง​ก็​มีฝีมือ​อยู่​บ้าง​นะ​ น้อง​สามี ไม่อยาก​ให้​พี่​ไป​ช่วย​จริง ๆ​ เหรอ​?” สะใภ้ใหญ่​ซูรีบ​พูด​ออกตัว​

“ไว้​ถ้าฉัน​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​ จะมาบอก​พี่​แล้วกัน​นะคะ​ แต่​ตอนนี้​ฉัน​จัดการ​ได้​ค่ะ​” ซูตาน​หง​เอ่ย​

“ได้​สิ ถ้าเธอ​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​ มาหา​ฉัน​เป็น​คน​แรก​ได้​เลย​นะ​” สะใภ้ใหญ่​ซูรับคำ​

ซูตาน​หง​พา​ฉีฉี​และ​เสียง​เสียง​กลับบ้าน​ใน​เวลา​เกือบ​ 11 โมงเช้า เธอ​เริ่ม​ทำอาหาร​เที่ยง​ทันทีที่​ถึงบ้าน​

วันนี้​เป็น​อาหาร​อย่าง​ง่าย ๆ​ ซึ่งก็​คือ​ข้าว​หมู​ตุ๋น​

…………………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

เจ้าฉีฉีรู้จัก​ประหยัด​แล้ว​นะคะ​ น้อง​เริ่ม​โต​แล้ว​จริง ๆ​

อย่า​ว่าแต่​บ้าน​เขา​เลย​ ค่า​เทอม​บ้าน​เรา​ก็​แพง​ใช่ย่อย​เหมือนกัน​ค่ะ​ ไม่รวม​ค่า​เรียนพิเศษ​อีก​นะ​

สะใภ้ใหญ่​ซูคิด​จะจิ๊ก​ของกิน​บ้าน​ตาน​หง​ล่ะ​สิ ตาน​หง​รู้ทัน​หรอก​น่า​

ไหหม่า​(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset