ภายในหุยชุนฟางเต็มไปด้วยเสียงฉอเลาะอ่อนหวานของเหล่าหญิงสาว
ทว่าหลงเทียนอวี้กลับรู้สึกรำคาญใจ มือหนาผลักร่างหญิงสาวที่คิดจะเข้ามาเกาะแกะเขาออก
ไม่รู้ว่ากลิ่นหอมอันใดฉุนระคายจมูกยิ่งนัก
เหตุใดจึงเสียงดังเซ็งแซ่เช่นนี้? หลงเทียนอวี้รู้สึกว่าความหงุดหงิดกำลังก่อขึ้นในหัวใจ แต่แม้จะอยากระบายโทสะก็มิอาจทำได้
ไม่รู้ว่าสุราในมือเปลี่ยนเป็นเหล้านารีสีชาดตั้งแต่เมื่อใด
กระดกลงคอแก้วแล้วแก้วเล่า แต่หลงเทียนอวี้กลับรู้สึกเหมือนกำลังดื่มน้ำเปล่า ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาผุดลุกขึ้น ริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำว่าจะออกไปจากสถานที่เสียงดังหนวกหูแห่งนี้
ทว่ายืนได้เพียงครู่เดียวอาการคลื่นเหียนเวียนหัวก็จู่โจม ร่างกายทรุดลงไปนั่งอีกครั้ง
ทรมานเหลือเกิน เหตุใดคนที่นี่จึงเสียงดังยิ่งนัก?
ขณะที่หลงเทียนอวี้กำลังรู้สึกทรมาน จ้าวเฟยซึ่งนั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันกลับสนุกสนานสำราญใจ
เขาหาได้มาหุยชุนฟางบ่อยครั้ง เขามาปลดปล่อยอารมณ์เพื่อสร้างความผ่อนคลายเพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น
ต้าหยวนคออ่อนยิ่งนัก ทั้งที่ดื่มเหล้าไปเพียงไม่กี่ไห แต่เขากลับเมามายจนดูแลตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจ้าวเฟยจึงยื่นชาขมให้กับเขาก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
“น้องต้าหยวน หุยชุนฟางเป็นสถานที่ที่ดีแห่งหนึ่ง อีกเดี๋ยวหากเจ้าพึงใจในตัวแม่นางคนไหน เช่นนั้นอย่าได้รีรอจงรีบเข้าไปเกี้ยวนางเสีย หลังจากปลดปล่อยอารมณ์สักครั้งหนึ่งแล้ว เท่านี้สมองที่กำลังว้าวุ่นของเจ้าก็จะปลอดโปร่งโล่งสบาย”
จ้าวเฟยเอ่ยหยอกล้อ อันที่จริงท่านกัวเคยตักเตือนอยู่หลายครั้งว่าห้ามมิให้เสพติดซ่องโสเภณีเช่นนี้
หากมิใช่เพราะวันนี้เห็นว่าต้าหยวนมีความทุกข์ใจ เช่นนั้นเขาคงไม่มาที่นี่
หญิงสาวในหุยชุนฟางล้วนมีไหวพริบ หากต้าหยวนพึงใจใครสักคนแล้วล่ะก็ นั่นก็นับว่าไม่เลว
ผู้หญิง? ใบหน้านวลพลันผุดขึ้นในสมองของหลงเทียนอวี้
ใบหน้าแย้มยิ้มน้อยๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเขากระสับกระส่ายจนมิอาจควบคุมตัวเองได้
เฮ้อ ทั้งที่เป็นเพียงสตรีร่างเล็ก แต่เหตุใดจึงชอบเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้แก่หัวใจของเขานัก
เมื่อได้ดื่มชาลงกระเพาะ หลงเทียนอวี้จึงมีสติขึ้นมาเล็กน้อย
กวาดตามองดูสถานที่ครึกครื้นแห่งนี้อย่างมิตั้งใจ แต่สายตาพลันหยุดอยู่ที่นางรำบนเวทีคนหนึ่ง
ท่วงท่าพลิ้วไหวชดช้อยงดงามมีเสน่ห์ ผ้าไหมสีแดงโอบพันรอบกายขับให้ผิวสีขาวราวหิมะสว่างไสวโดดเด่นชวนมอง
นางแตกต่างจากนางรำคนอื่น ใบหน้านวลมีผ้าคลุมหน้าปิดบังเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงเท้าเปลือยเปล่าสีขาวซึ่งกำลังเหยียบย่ำเริงระบำอยู่บนเวที เสียงกระดิ่งบนข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งตามจังหวะกลอง
เอวคอดกิ่วโก่งโค้งลื่นไหลราวกับงูน้ำก็มิปาน ทว่ากลับไม่มีใครเห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้าของนางอย่างชัดเจน
สายตาของบุรุษทุกผู้ล้วนตกลงบนร่างของนาง พวกเขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สัญชาตญาณความเป็นชายถูกปลุกขึ้นแล้ว
ทว่าสายตาของนางรำบนเวทีกลับสงบเยือกเย็น
ยิ่งมองดวงตาคู่งามก็ยิ่งเดาความคิดของนางไม่ออก นางรำคนนั้นตวัดมือ ขณะเดียวกันสายตาของคนส่วนใหญ่ล้วนจับจ้องมองไปที่นาง
คราแรกทุกคนกำลังรอหญิงสาวสองคนที่ถูกนำมาประมูลในวันนี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการแสดงเริงระบำก่อนการประมูลจะช่วงชิงบรรยากาศครึกครื้นในวันนี้ไป
เสียงกลองเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไร้เสียงเครื่องดนตรีอื่นช่วยเสริม ทว่าจิตวิญญาณของทุกคนกำลังลอยละล่องตามหญิงสาวคนนั้น
หลงเทียนอวี้จ้องมองร่างอ้อนแอ้นอรชรนิ่ง
ทั้งที่มองเห็นเพียงดวงตาสองข้าง แต่เขากลับรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นเหมือนกับดวงตาของหลินเมิ้งหยาไม่มีผิด
ขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว แต่เพราะมีคนจำนวนมากขวางอยู่ ฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนมองนางรำคนนั้นอยู่ที่เดิม
ไม่ ไม่มีทางเป็นนางหรอก หลงเทียนอวี้กลับไปนั่งที่เดิม
ทว่าสายตายังคงจับจ้องร่างบาง
จ้าวเฟยคิดไม่ถึงเลยว่าคนจริงจังอย่างต้าหยวนจะถูกใจนางรำคนนั้น
แสยะยิ้มมีเลศนัย แขนวางลงบนบ่าของหยวนเหมย ก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“น้องต้าหยวน หรือเจ้าจะพึงใจในตัวนางรำคนนั้น?”
ส่งสายตาล้อเลียนหยวนเหมย มีผู้ชายคนไหนบ้างที่มิชอบสาวสวย
หลงเทียนอวี้มิได้ตอบเขา แต่กลับนั่งอยู่ที่เดิม สายตายังคงจับจ้องมองนางรำคนนั้นเขม็ง
“ชอบก็ไปเถิด หญิงสาวที่นี่ล้วนมีอุปนิสัยเร่าร้อน เช่นนั้นต้องดูเจ้าแล้วว่าจะสามารถเอาชนะใจนางได้หรือไม่”
ออกแรงผลักหยวนเหมยไปยังใจกลางห้องโถง ดูเหมือนจะมีคนอดใจไม่ไหวแล้ว
หุยชุนฟางแตกต่างจากหอนางโลมทั่วไป พวกหญิงสาวที่นั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนพวกหลงเทียนอวี้ล้วนเป็นนางโลมชั้นต่ำที่สุด ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ใช่ว่าใครจะนอนด้วยก็ได้
ส่วนนางรำที่อยู่บนเวทีล้วนเป็นนางโลมมีชื่อแห่งหุยชุนฟาง
แม้จะมิอาจเทียบกับพวกดอกไม้งามประจำเดือนได้ แต่ถึงกระนั้นก็ถูกจัดว่าเป็นนางโลมชั้นสูงเช่นกัน
สายตาของต้าหยวนแหลมคมยิ่งนัก
แต่พวกดอกไม้งามเหล่านี้ใช่ว่าจะซื้อได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว
หลงเทียนอวี้ชะงักอยู่กับที่ ดวงตาพลันสอดประสานกับนางรำคนนั้น
หลงเทียนอวี้ยืนนิ่งเหมือนคนโง่ทันทีที่ได้สบตากับนาง
บางทีอาจเพราะฤทธิ์ของเหล้า หรือบางทีเพราะดวงตาคู่นี้เหมือนกับหลินเมิ้งหยาไม่มีผิด
ราวกับต้องมนต์ ขาของหลงเที้ยนอวี้ก้าวเข้าไปทางเวทีทีละก้าว
บางทีอาจเพราะท่วงท่าสง่างามและรัศมีน่ายำเกรง ฉะนั้นเขาจึงดูไม่เหมือนแขกเหรื่อทั่วไป
แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ดอกไม้งามคนไหนบ้างที่ไม่ล่วงรู้ความคิดของผู้ชาย
นิ้วเรียวยาวขาวนวลดั่งหยกยื่นเข้าไปเกี้ยวชายหนุ่ม
ขอเพียงเป็นบุรุษ ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจปฏิเสธ
หัวใจกระตุกสั่นไหวขณะเดินมาหยุดแทบเท้าหญิงสาวบนเวที
ไม่ว่าใครก็มองออกว่านางรำผู้นี้เลือกแขกผู้มีเกียรติร่างสูงกำยำหล่อเหลาคนนั้นแล้ว
ผู้ชายทุกคนล้วนส่งเสียงเฮ แม้ว่าลึกๆ ในใจจะอิจฉาก็ตาม
ทว่าแม้นางรำคนนั้นจะงดงาม แต่นางหาใช่สีสันหลักของค่ำคืนนี้ไม่ ต่อไปภายภาคหน้าพวกเขายังคงมีโอกาส แต่ถ้าหากพวกเขาพลาดงานประมูลครั้งสำคัญในคราวนี้ เช่นนั้นโอกาสของพวกเขาคงไม่มีอีกแล้ว
ครุ่นคิด ตนเองสามารถเป็นชายคนแรกของหญิงงาม อยู่ๆ เลือดในกายพลันพลุ่งพล่าน
หลงเทียนอวี้ก้าวเท้าไปหยุดอยู่ตรงหน้านางรำคนนั้น มือยื่นเข้าไปเพื่อจะเปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก
ทว่านางรำผู้นั้นกลับเอี้ยวตัวหลบเสมือนงูน้ำก็มิปาน ก่อนจะหมุนตัวทอดกายอยู่ในวงแขนของเขา
ท่อนขาเรียวยาวขาวนวลตวัดเข้าไปเกาะเอวแข็งแรงของเขา เหล่าบุรุษที่ไม่ถูกเลือกต่างเบิกตากว้างอย่างนึกเสียดาย
สตรีเร่าร้อนเช่นนี้หาได้พบเจอบ่อยๆ ในหุยชุนฟาง
ชั่วอึดใจต่อมาหลงเทียนอวี้โอบรัดร่างบางเอาไว้ ก่อนจะอุ้มนางท่ามกลางเสียงหวีดหวิวฮือฮาของแขกผู้ชาย
กลิ่นหอมฉุนเตะจมูก หัวคิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน
แม้จะได้โอบร่างบางนุ่มนิ่มอบอุ่นเอาไว้ แต่เขากลับอยากวางนางลงเสียเดี๋ยวนี้
ทว่าร่างกายของหญิงสาวมิต่างจากงู นางรัดเขาเอาไว้แน่น
แม้เขาจะรู้สึกรำคาญ แต่ในสายตาของทุกคนเขาดูเหมือนคนที่กำลังอดรนทนไม่ไหวเต็มที
“คุณชาย เชิญด้านบนเจ้าค่ะ”
ทาสในหอนางโลมคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามานำทางแขกผู้มีเกียรติท่านนี้เพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง
เมื่อเดินมาถึงห้องที่มีป้ายชื่อเขียนว่ามั่วฉินแขวนอยู่หน้าประตู ทาสคนนั้นจึงเปิดประตูออกเพื่อให้ทั้งสองเข้าไป จากนั้นจึงปิดประตูลง
ภายในห้อง ตอนนี้เหลือเพียงหลงเทียนอวี้และนางรำ ฝ่ายหญิงรีบผลุบตัวออกจากอ้อมกอดของหลงเทียนอวี้ ก่อนจะยืนมองเขาด้วยท่าทางเก้อเขิน มือเล็กยื่นเข้าไปลูบไล้ใต้คางจรดลูกกระเดือก สุดท้ายจึงหยุดลงที่แผงอก
“คุณชาย ท่านคิดว่าข้างามหรือไม่?”
ฤทธิ์เหล้ากำจายหนักขึ้น หลงเทียนอวี้เซล้มลงบนเตียง ตอนนี้สติสัมปชัญญะของเขาหายไปโดยสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่จำได้คือเขาไม่ควรนอนหลับที่นี่
ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางรำแหวกผ้าคลุมหน้าออก หลินเมิ้งหยาจ้องชายหนุ่มบนเตียงเขม็ง
หลงเทียนอวี้จอมเจ้าชู้!
โชคดีที่ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ดังนั้นนางจึงต้องแต่งตัวและขึ้นไปร่ายรำในนามของมั่วฉิน
มิเช่นนั้นนางคงไม่ได้เห็นด้านที่ทำให้นางโมโหได้ของเขา
“หลงเทียนอวี้ลุกขึ้นมาเดียวนี้! ดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะมักมากในกามเช่นนี้!”
มือทั้งสองข้างของหลินเมิ้งหยาฉุดกระชากเสื้อผ้าบริเวณแผงอกของหลงเทียนอวี้
ทั้งที่เพิ่งจะแต่งงานกันไม่ถึงปี แต่เจ้าบ้านี่บังอาจออกมาหาเศษหาเลย เหตุใดจึงไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเอาเสียเลย เช่นนี้จะให้นางเชื่อใจเขาได้อย่างไร
อยู่ๆ แผนร้ายพลันปรากฏอยู่ในหัว ตอนแรกนางอยากสร้างภาพลักษณ์น่าอดสูให้เขามิใช่หรือ?
ตรึกตรองดูอีกครั้ง หากนางถอดเสื้อผ้าเขาออกทั้งหมด จากนั้นผลักเขาออกจากประตูไปพร้อมกับบอกทุกคนว่าเขาเป็นผู้ชายไร้น้ำยา เช่นนั้นอาจจะสาแก่ใจนางก็เป็นได้
ปีศาจร้ายในใจออกมาร่ายรำ ฟันขบริมฝีปากแน่น ขณะที่คิดจะถอดเสื้อผ้าของเขาออก นางพลันได้ยินเสียงบ่นพึมพำออกจากปากของหลงเทียนอวี้
หลินเมิ้งหยาขยับเข้าไปใกล้เพราะนึกประหลาดใจ ก่อนจะบังคับตัวเองให้ฟังเสียงของเขาให้ชัดเจน
“ไส…ไสหัวไป…ข้า…ข้ามีชายาแล้ว….เมิ้งหยา…หยา…ข้าอยากกลับบ้าน...”
หลินเมิ้งหยาที่ได้ยินอย่างชัดเจนอึ้งงันอยู่กับที่
กระพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครู่นางได้ยินอะไรกันนี่?
หลงเทียนอวี้ส่งเสียงงึมงำอีกครั้ง ใจความมิต่างจากเมื่อครู่
โทสะในใจพลันทุเลาลง อยู่ๆ ความหวานซึ้งพลันแทรกเข้ามาแทนที่
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มือหนาอยู่ๆ ออกแรงผลักหลินเมิ้งหยา
“ตึง” เสียงดังขึ้น ท้ายทอยของหลินเมิ้งหยากระแทกกับเสาเตียง
“ไอ้คนบ้า เจ้าเป็นอะไรไปเนี่ย!”
ลูบคลำท้ายทอย หลินเมิ้งหยารู้สึกเจ็บจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา
ถลึงตาโตจ้องหลงเทียนอวี้ ใจคิดอยากฆ่าเขาเหลือเกิน
“ไสหัวไป! อย่าแตะต้องตัวข้า!”
พยายามออกแรงครั้งสุดท้าย หลงเทียนอวี้คิดทำร้ายคนที่หมายจะเข้ามาถอดเสื้อผ้าของเขา
สมองของเขามีเพียงใบหน้าเปื้อนยิ้มของชายาตนเองเท่านั้น
นอกจากนางแล้ว เขาไม่อยากได้ผู้หญิงคนไหน ความคิดนี้ฝังลึกอยู่ในสมองของเขา
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าตนเองควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
เจ้าบ้านี่ ขนาดนางอยู่ต่อหน้าเขาแล้วแท้ๆ แต่เขากลับออกแรงผลักนางเสียได้