EP.466 กองทัพแมงดาทะเล
วันที่สิบเจ็ด ณ ค่ายเผ่าปีศาจ
ธงศึกตราดาบคู่สะบัดไหว เสียงโหยหวนของสายลมดังแว่วไปทั่วสารทิศ เหล่าอสูรระดับสูงในกระโจมหลักของกองทัพตกอยู่ในความเงียบขณะรอเฉียนเฟิงกล่าวคำออก
ขณะนั้นเฉียนเฟิงลากนิ้วลงบนปลายดาบของเขาแผ่วเบา “เอี๊ยด” นายพลอสูรต่างขนหัวลุกไปตามๆ กัน
“พวกมันขุดคลองจากแม่น้ำต้าวเจียงไปถึงกำแพงเมืองแล้วรึ?” เฉียนเฟิงเอ่ยถามหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอรับ” เลี่ยนฉิงกำหมัดแน่น “เหมือนว่าหลินมู่อวี่จะมีเรือรบหรือไม่ก็เรือประมงจำนวนมากในเมืองห้าหุบเขา มิเช่นนั้นเขาคงไม่เสียเวลาขุดแม่น้ำต้าวเจียงไปถึงเมืองแน่ นอกจากนี้กองทัพอสูรปีกยังได้ข้อมูลมาว่าเมืองห้าหุบเขามีท่าเรือเก่าทรุดโทรมอยู่ใต้ดิน ที่นั่นคงมีเรือรบจำนวนมิน้อยเลยขอรับ”
“เรือรบรึ?”
เฉียนเฟิงจิ้มนิ้วลงบนตำแหน่งของแม่น้ำต้าวเจียงในแผนที่อย่างแผ่วเบาก่อนกล่าวออกด้วยสายตาเยือกเย็น “สมกับเป็นหลินมู่อวี่ เขาคิดจะหนีไปทางน้ำและหลีกเลี่ยงป้อมปราการหลายสิบแห่งที่เราสร้างขึ้นงั้นรึ?”
“เหมือนจะเป็นเช่นนั้นขอรับ”
“หึ…กองทัพแมงดาทะเลมาถึงแล้วหรือยัง?”
“ขอรับ แมงดาทะเลทั้งห้าพันตัวอยู่ในแม่น้ำพร้อมรับคำสั่งของท่านจอมพลแล้วขอรับ”
“เยี่ยม…”
เฉียนเฟิงชี้นิ้วลงไปบนจุดหนึ่งในแผนที่พร้อมกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม “สั่งให้พวกมันไปรวมพลที่นี่และอย่าริอ่านโผล่หัวขึ้นมาเด็ดขาด เมื่อเรือรบของหลินมู่อวี่แล่นมา จงเจาะรูจากใต้ท้องเรือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้จงสั่งให้กองทัพอสูรเกราะทั้งหมดตั้งทัพอยู่ในป่าเพื่อรอจู่โจม หากเรือถูกเจาะจนทะลุ หลินมู่อวี่ต้องกลับเข้าฝั่งแน่ เราจะใช้โอกาสนี้สกัดกั้นและฆ่ามันเสีย ครานี้…ต่อให้มีปีกมันก็หนีข้าไม่พ้น!”
เลี่ยนฉิงรู้สึกใจชื้นเล็กน้อย เขากล่าวตอบอย่างนอบน้อม “ขอรับ”
“อีกอย่างหนึ่ง…”
เฉียนเฟิงยกมือขึ้นพร้อมกล่าว “ได้ข่าวว่าหลินมู่อวี่มีกองทัพเผ่าคนป่าพร้อมโล่ขนาดยักษ์ซึ่งมุ่งเป้าไปที่กองทัพอสูรเกราะโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?”
“ขอรับ”
“เช่นนั้น…”
เฉียนเฟิงหรี่ตาพร้อมกล่าว “จงรวบรวมเครื่องยิงและถังน้ำมันบีชสีดำที่สามารถใช้ได้จากบริเวณใกล้เคียง จากนั้นสั่งให้เหล่าอสูรปีกทั้งหมดเตรียมจุดไฟ”
“ท่านจอมพล…จะโจมตีด้วยไฟหรือขอรับ?”
“ใช่” เฉียนเฟิงกล่าวออกขณะกำหมัดแน่น “ครานี้พวกมนุษย์ต้องลิ้มรสชาติจากการถูกโจมตีด้วยไฟเสียบ้าง ข้าต้องการให้ทุ่งอัคนีเป็นหลุมฝังศพของหลินมู่อวี่!”
“ขอรับ…”
…
ณ ท่าเรือใต้ดิน เมืองห้าทุบเขา
เรือรบทั้งหมดถูกปล่อยลงน้ำเป็นที่เรียบร้อย หลินมู่อวี่ในชุดคลุมองครักษ์มังกรยืนนิ่งเงียบจนเว่ยโฉวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการได้วางแผนไว้หมดแล้ว เหตุใดจึงยังเคร่งเครียดเช่นนี้ขอรับ?”
หลินมู่อวี่กดด้ามดาบของตนก่อนกล่าวออก “เว่ยโฉว เจ้าว่าจะมีมังกรเกราะน้ำแข็งอาศัยอยู่ในแม่น้ำจ้าวเตียงในมณฑลชางหนานบ้างหรือไม่?”
“มังกรเกราะน้ำแข็งหรือขอรับ?”
เว่ยโฉวผงะไปครู่หนึ่งก่อนส่ายศีรษะ “มังกรชนิดนี้เป็นสัตว์ที่พบได้แค่ในมณฑลอวิ้นจงขอรับ นอกจากนี้สายน้ำซึ่งไหลผ่านมณฑลอวิ้นจงยังมีเขื่อนโบราณขนาดยักษ์ปิดกั้นไว้ ซึ่งผู้คนเรียกกันว่าเขื่อนอวิ้นจง เขื่อนนี้ถูกหล่อขึ้นจากเหล็กอันลึกลับเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนเพื่อคอยป้องกันไม่ให้มังกรเกราะน้ำแข็งเข้าสู่มณฑลชางหนาน ริมฝั่งแม่น้ำต้าวเจียงในมณฑลชางหนานจึงสามารถหาปลาได้อย่างปลอดภัย สังเกตได้จากที่ชาวประมงมักจะมาตกปลาบริเวณนั้นอยู่เสมอ ฉะนั้นเราไม่ถูกมังกรเกราะน้ำแข็งโจมตีแน่นอน ท่านอย่าได้เป็นกังวลเลยขอรับ”
“อืม”
ในใจของหลินมู่อวี่ยังคงเต็มไปด้วยคำถาม เขากล่าวออก “ข้ายังไม่สบายใจอยู่ดี จงออกคำสั่งให้ติดแผ่นเหล็กใต้ท้องเรือรบทุกลำเพื่อความปลอดภัย ในค่ำคืนวันมะรืนเราจะแล่นเรือขึ้นเหนือทันที”
“ขอรับ…”
ในคืนนั้น เสี่ยวไป๋บินมาถึงยังเมืองห้าหุบเขาอย่างเนิบนาบ หลินมู่อวี่ดีใจมากหลังจากได้รับสาร เขาสั่งให้ทหารจัดหากรงมาให้เสี่ยวไป๋และให้อาหารแก่มัน สารฉบับต่อไปที่เขาต้องการจะส่งนั้นมีใจความสำคัญอย่างยิ่ง ถึงขั้นชี้ชะตากรรมของจักรวรรดิแห่งนี้ได้
…
เวลาล่วงไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันที่ยี่สิบ เผ่าปีศาจบุกโจมตีประตูเมืองเป็นคราที่สองของวันก่อนถอยกลับไปอย่างไร้ประโยชน์
ในเวลาพลบค่ำ ทหารกองทัพมังกรผงาดทั้งหมดเริ่มรวมพล
หลินมู่อวี่คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนตัดสินใจเลือกฉือเจี้ยนเทา หนึ่งในนักรบผู้เก่งกาจของกองทัพมังกรผงาดซึ่งเป็นผู้คิดค้นโล่ทรงกรวยให้ประจำการอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเมืองห้าหุบเขา ในขณะที่จ่าวหลีเทียนและคนอื่นๆ ต่างรวบรวมกองกำลังทหารกว่าหมื่นนายเพื่อคุ้มกันเมือง
เรือรบล่องลอยอยู่ในสายน้ำพร้อมออกจากท่า เหล่าทหารมังกรผงาดนำม้าศึกขึ้นเรืออย่างขะมักเขม้น โชคดีที่จักรวรรดิมีฝีมือในการสร้างเรือเป็นอย่างมากทำให้เรือรบขนาดมหึมาเหล่านี้สามารถบรรทุกคนได้ถึงห้าร้อยคนต่อหนึ่งลำ เรือรบทั้งสี่สิบสองลำจึงบรรทุกกองทหารมังกรผงาดทั้งหมดได้อย่างเหลือเฟือ
เมื่อขึ้นมาบนเรือรบพร้อมกับเว่ยโฉวและคนอื่นๆ แล้ว หลินมู่อวี่หันกลับไปมองฉือเจี้ยนเทากับเหล่าทหารมังกรผงาดกว่าสองร้อยนายด้วยแววตาโศก การขอให้พวกเขาประจำการอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเมืองแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดนัก
“ท่านผู้บัญชาการต้องระวังตัวให้มากนะขอรับ…” ฉือเจี้ยนเทาประสานหมัดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ข้าจะปกป้องเมืองห้าหุบเขาอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าท่านจะชนะหรือพ่ายแพ้ศึกในครานี้ ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อรอฟังข่าวและร่วมสู้ไปกับท่าน!”
หลินมู่อวี่ยืดตัวตรงและแสดงความเคารพแก่ฉือเจี้ยนเทาเฉกเช่นทหารแห่งจักรวรรดิ “ข้าไตร่ตรองอย่างดีแล้วจึงมอบเมืองห้าหุบเขาให้แก่เจ้าดูแล หากครานี้จักรวรรดิสามารถเอาชนะเผ่าปีศาจได้ ข้าจะกราบทูลให้องค์จักรพรรดินีทรงแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ว่าการแห่งเมืองห้าหุบเขาและผู้บัญชาการกองทัพ”
ฉือเจี้ยนเทากล่าวออกอย่างหนักแน่น “ข้าทำทุกอย่างเพื่อศักดิ์ศรีแห่งจักรวรรดิ หาใช่เพื่อชื่อเสียงของตนไม่ ท่านผู้บัญชาการรีบไปเถิดขอรับ… ”
“อืม”
หลินมู่อวี่ยกมือส่งสัญญาณแผ่วเบา “ออกเรือได้”
“ขอรับ…”
เหล่าทหารผู้ทำหน้าที่เป็นกะลาสีเริ่มโยกพายอย่างพร้อมเพรียงเพื่อออกเรือ สายน้ำไหลเชี่ยวของแม่น้ำต้าวเจียงด้านนอกทะลักเข้ามาทันทีที่ประตูทิศทางตะวันตกเปิดออก ไม่นานนักเรือรบทั้งสี่สิบสองลำก็ออกจากเมืองห้าหุบเขาและแล่นไปตามสายน้ำเพื่อมุ่งหน้าไปทางเหนือ
…
ธงดอกจื่อยินแห่งจักรวรรดิพลิ้วไหวตามสายลมยามเย็นที่พัดผ่าน เช่นเดียวกับเสื้อคลุมองครักษ์มังกรของหลินมู่อวี่ เขาทอดสายตามองผืนน้ำที่อยู่ไกลออกไปก่อนกระตุ้นทักษะชีพจรวิญญาณอย่างเชื่องช้า กระบี่วิญญาณมังกรในมือสั่นไหวเล็กน้อยราวกับรอคอยการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น ครานี้หลินมู่อวี่มีกองกำลังเพียงหมื่น แม้จะมีนักรบคนป่าผู้แข็งแกร่งถึงห้าพันนาย พวกเขาก็ไม่อาจเผชิญหน้าต่อสู้กับกองทัพปีศาจนับแสนได้
ซือตู่เฉว่ ซือตู่เฉว่ เว่ยโฉวและเหล่าผู้บัญชาการด้านข้างเขาต่างมีสีหน้ากังวล ซือตู่เซินกระแอมไอก่อนเอ่ยถาม “ท่านผู้บัญชาการคิดว่าเรามีโอกาสชนะเพียงใดขอรับ?”
หลินมู่อวี่ส่ายศีรษะ
ซือตู่เซินตกตะลึง “ท่านส่ายศีรษะเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรหรือเพราะคาดว่าเราคงไม่มีโอกาสชนะ?”
หลินมู่อวี่ยกยิ้ม “ข้าไม่รู้ หากพระเจ้าเข้าข้าง เราคงมีโอกาสชนะสักหนึ่งในสิบ ทว่าหากพระองค์ไม่ช่วย เราคงพ่ายแพ้”
ซือตู่เซินยิ้ม “ข้ารู้สึกเหมือนรับใช้คนผิดมาตลอด…”
“ท่านพี่…”
ซือตู่เฉว่หัวเราะก่อนกล่าวต่อ “ข้าเชื่อว่าท่านผู้บัญชาการจะสามารถนำพวกเราไปสู่ชัยชนะได้เจ้าค่ะ”
เว่ยโฉวพยักหน้าพร้อมกล่าว “ข้าก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่านผู้บัญชาการเช่นกัน ท่านไม่เคยนำกองทัพไปสู่ความพ่ายแพ้ แม่ทัพเซินโปรดวางใจในตัวของท่านผู้บัญชาการหลินเถิด…”
ซือตู่เซินเอนกายลงด้านข้างเรือราวกับอันธพาลนักต่อรองก่อนยกยิ้ม “ท่านผู้บัญชาการขอรับ หากเราชนะศึกในครานี้ กองทัพมังกรผงาดคงกลายเป็นผู้ที่นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่จักรวรรดิใช่หรือไม่?”
“แน่สิ” หลินมู่อวี่ตอบอย่างสบายๆ “หากสิ่งนี้ไม่สามารถกำจัดศัตรูที่รุกรานจักรวรรดิได้ เราจะทำไปเพื่อสิ่งใด”
“เยี่ยมยอด”
ซือตู่เซินเกาจมูกของก่อนกล่าวออก “ข้าไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์ใด ขอเพียงเหรียญทองสักสองแสนเหรียญและนางสนมอีกห้าก็พอ”
“เอ่อ…”
หลินมู่อวี่จ้องอีกฝ่ายก่อนกล่าว “เจ้าพอใจกับเงินทองและหญิงงาม ทว่ากลับไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์งั้นรึ
?”
ซือตู่เซินกล่าวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยิ่งตำแหน่งสูงเท่าใด ยิ่งตายเร็ว เว้นแต่จะได้ตำแหน่งเฉกเช่นท่านหลานกงและหยุนกง”
หลินมู่อวี่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก “ถูกของเจ้า แต่แน่ใจหรือว่าจะสามารถมีสนมได้ถึงห้านาง แม่ทัพซือตู่เซิน ไตของเจ้า…จะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่…”
ซือตู่เซินหน้าขึ้นสี “หากสุดท้ายข้าเพียงอยากมีไว้เพื่อเชยชมได้หรือไม่? คงเพลิดเพลินตาดีมิน้อย”
“ฮ่าๆ”
เว่ยโฉวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
…
เสียงพายกระทบน้ำยังคงดังแข่งกับสายลมยามค่ำคืนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีผู้ใดได้พักผ่อน แม้แต่ผู้บัญชาการหลินมู่อวี่ก็ยังคงยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบหลักราวกับรูปปั้นหิน ดวงดาวบนฟากฟ้าส่องประกายระยิบระยับเหมือนเป็นลางสังหรณ์บางอย่าง ทว่าก็ไม่อาจมีผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าอนาคตของจักรวรรดิจะเป็นอย่างไร
ยามเช้าตรู่ แสงรุ่งอรุณส่องสว่างทางทิศตะวันออก
ขณะนั้นทักษะชีพจรวิญญาณของเขาพลันควบแน่นก่อนสัมผัสถึงบางสิ่งใต้แม่น้ำต้าวเจียง หลินมู่อวี่ลืมตาขึ้นพร้อมชักกระบี่ออกจากฝัก “ชิ้ง!” ก่อนตะโกนสั่งดังลั่น “ตีกลองส่งสัญญาณเตรียมต่อสู้ มีบางสิ่งอยู่ใต้น้ำ พลธนูเตรียมตัวให้พร้อม!”
“ขอรับ!”
เสียงกลองศึกดังกึกก้อง เหล่าพลธนูนอนราบบริเวณขอบเรือขณะเล็งคันศรไปยังผิวน้ำ ซึ่งมีเพียงแหนลอยผ่านไปมา
เวลาล่วงไปสักพัก ทว่ากลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ทหารผ่านศึกนายหนึ่งยกยิ้มพร้อมกล่าว “เหมือนว่าท่านผู้บัญชาการจะเป็นกังวลยิ่ง ใต้น้ำมีอะไรหรือขอรับ?”
“ฟึ่บ”
ทันใดนั้นลิ้นชื้นโผล่ออกมาจากก้นแม่น้ำรัดเข้าที่คอของทหารผ่านศึกราวกับลิ้นของกบยามจับเหยื่อ ก่อนดึงเขาตกลงไปในน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว “ตู้ม” ไม่นานนัก สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายแมงดาทะเลโบราณพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำอย่างรวดเร็วก่อนฉีกทหารผ่านศึกออกเป็นชิ้นเนื้อจนผืนน้ำกลายเป็นสีแดงฉาน
“นั่นมันตัวอะไร?” หลินมู่อวี่ขนลุก
เว่ยโฉวหรี่ตาก่อนกล่าว “เหมือนว่าจะเป็นแมงดาทะเลขอรับ ทว่าพวกมันคงได้รับการพัฒนาเฉกเช่นเดียวกับอสูรครึ่งอสรพิษของเผ่าอสูรเป็นแน่ ดวงตาของพวกมันดุร้ายและกระหายเลือด”
“ทุกคนระวัง!”
หลินมู่อวี่ตะโกน
ขณะนั้น แสงยามเช้าส่องสว่างไปทั่วท้องนภาและตกกระทบลงบนเรือรบของกองทัพมังกรผงาด
“ฟึ่บ!”
ฉับพลันลิ้นอ่อนนุ่มโผล่ออกมาจากผืนน้ำพุ่งตรงไปหาหลินมู่อวี่ ผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามของจักรวรรดิ
ทว่าสัญชาตญาณของเขาว่องไวกว่า กระบี่วิญญาณมังกรตวัดฟันลิ้นชื้นขาดสะบัดในพริบตา ทันใดนั้นเขตแดนพลังแหวกผิวน้ำดันเหล่าสัตว์ประหลาดลอยขึ้นกลางอากาศ สิ่งมีชีวิตเบื้องหน้ามีรูปร่างคล้ายแมงดาทะเลทว่ากลับมีดวงตาและแขนที่ใหญ่ผิดปกติ ในมือของพวกมันถือกริชแน่นขณะที่พยายามดิ้นอย่างสุดแรงและส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหู
“แมงดาทะเล…”
ซือตู่เฉว่พึมพำ “สัตว์ประหลาดชนิดนี้ถูกบันทึกไว้ในตำราทะเลจีนตะวันออก พวกมันอาศัยอยู่เฉพาะในทะเล อีกทั้งยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวประมง…ให้ตายเถอะ! เหตุใดสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถึงมาอยู่ในแม้น้ำต้าวเจียงได้?”
………………………………….