บทที่ 516 ราชาร้อยกู่โจมตี รับลูกน้อง
“หึ ต่อให้อาจารย์ข้ามาด้วยตัวเอง เรื่องที่วางยาพิษทำร้ายข้าเขาก็ต้องให้คำอธิบายมา นับประสาอะไรกับคนที่มีความเกี่ยวข้องกันเล็กน้อยเช่นนี้เล่า”
คนของทั้งสองสำนักเช่นพวกเขา ไหนเลยจะมีสิ่งที่เรียกว่าไมตรีจิตต่อกัน เพราะพวกเขาสามารถตายได้ตลอดเวลา ดังนั้นมิตรภาพและสายสัมพันธ์ในครอบครัวจึงบางเบายิ่งนัก เกินกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ
ถึงขนาดที่ว่าในอดีต พวกเขาอาศัยกันฆ่าศิษย์ร่วมสำนัก เพื่อยกระดับฐานะของตัวเองได้อย่างเลือดเย็น
ฆ่าคนเหล่านั้น เพื่อให้ได้พิษที่ดียิ่งขึ้นมาครอง ได้เรียนรู้ทักษะที่ดียิ่งขึ้น นี่ต่างหากคือคำสอนที่พวกเขาได้รับการปลูกฝังมา
สหายคนเดียวในชีวิตของพวกเขาก็คือตัวเอง
แต่ก็เคยได้ยินคนพูดมาว่า เมื่อก่อนพิษกู่ไม่แบ่งแยกยังสามารถพูดคุยกันได้ ทว่าตอนนี้กลับเหมือนน้ำกับไฟไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
“ทางนั้นไอพิษรุนแรงยิ่งนัก”
“ทางนี้ก็มีกลิ่นหนอนกู่ที่เหม็นมาก”
ทั้งสองต่างรังเกียจกันและกัน หลังจากมองหน้ากันแล้ว ต่างคนต่างก็มุดเข้าไปในเขตแดนของตัวเอง
เนื่องจากในเรือนหลังนี้ทุกที่ล้วนมีของที่คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคอยดูแลที่นี่
มีดอกไม้พิษที่เมื่อได้กลิ่นของคนแปลกหน้า ก็คลี่กลีบออกด้วยความดีใจ แต่เมื่อมันสัมผัสได้ถึงไป๋จิ่น กลับหุบลงอย่างหวาดกลัว
ทั้งสองคนต่างก็รีบทำเวลาเพื่อสืบหาตัวตนของชายชุดดำ แต่ในเรือนแห่งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว
แต่สมบัติที่มีอยู่เต็มห้อง ก็ทำให้พวกเขาต้องตกตะลึง
“ผลไม้พิษเทียนซาน!”
“คางคกทองคำขั้นสูงสุด”
“งูทำลายศพ”
“นี่…นี่มันกู่ตะวันจันทราที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อนานแล้วของสำนักกู่อย่างนั้นหรือ?!”
ทั้งสองคนยิ่งค้นก็ยิ่งตื่นเต้น อยากจะโกยสมบัติเหล่านี้เข้าไปในกระเป๋า
เมื่อพวกเขาคิดได้ดังนั้นก็ลงมือทันที รีบหยิบของตรงมุมขึ้นมา พร้อมยื่นแขนออกไปกวาด เอาไปให้หมดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น!
สมบัติสวรรค์ หนอนกู่ขั้นสุดยอด!
เอามาให้หมด!
อย่างไรเสียในเรือนก็ไม่มีคนอยู่แล้ว พวกเขาสองคนจึงสนุกสนานเป็นอย่างมาก และถุงนั้นก็ใกล้จะยัดไม่ได้เต็มทีแล้ว สุดท้ายไป๋จิ่นก็ยังยัดงูเหลือมลงไปอีกตัวหนึ่ง
งูเหลือมนั่นกินจนตัวอ้วนพี เห็นได้ชัดว่าในท้องของมันต้องมีของดีอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อไป๋จิ่นหมายตาแล้ว ก็ต้องถูกจับแต่โดยดี
“เหตุใดเจ้ายังจะเอาของเช่นนี้ไปอีกเล่า! เพลา ๆ ลงบ้างเถอะ จะเหาะไหวอีกอย่างนั้นหรือ!”
เมื่อเห็นว่าแม้แต่ชามทองคำที่อยู่ในห้องไป๋จิ่นก็ยังจะเอาไปด้วย เยว่พั่วหลัวจึงรีบห้ามทันที
ไป๋จิ่นลูบชามทองคำใบเล็กด้วยความอาลัยอาวรณ์ “เช่นนั้นก็ได้”
เขารู้สึกว่าคืนนี้แม้จะไม่พบเป้าหมาย แต่พวกเขาสองคนก็ได้ของมีค่ามามากมาย
“นั่นคืออะไร?” ขณะที่ทั้งสองคนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เห็นว่าที่มุมห้องมีบางสิ่งกำลังส่องแสงอยู่
คล้ายกับหิ่งห้อย เพียงแต่แสงที่ส่องออกมาเป็นสีทอง
อีกทั้งพวกเขาก็กำลังเดินเข้าไปหาแหล่งกำเนิดแสงนั้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับถูกคนใช้กู่ล่อลวงก็มิปาน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย
“เหตุใดเจ้าจึงขยับเข้าไปเล่า?”
“ข้าไม่ได้ขยับ”
คนทั้งสองราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง ทว่ากว่าจะรู้ตัวพวกเขาก็เดินมาถึงแหล่งกำเนิดแสงเล็ก ๆ นั่นแล้ว
แมลงตัวเล็ก ๆ สีทองทั้งตัวกำลังกระพือปีก
จากนั้นดวงตาของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และยื่นมือเข้าหาอีกฝ่าย หมายมาดจะปล่อยกระบวนท่าสังหารออกมา
เมื่อเห็นว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเกิดขึ้น หนอนกู่สีทองนั่นก็แทบจะโบยบินด้วยความดีใจ
แต่เมื่อมันเตรียมจะโจมตี เงาสีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม และสู้กับหนอนกู่สีทองตัวนั้น นั่นก็คือราชาร้อยกู่ที่หิวโหย!
ส่วนหัวของไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวก็ถูกมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างของอาชิงดึงมาชนกัน!
“เจ็บ ๆ ๆ ๆ!” ทั้งสองคนกุมหัวเอาไว้ รู้สึกตัวขึ้นมาทันที ดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงพลันหายวับไป และมองหน้ากันด้วยความงงงัน
เยว่พั่วหลัวโมโหเป็นอย่างมาก “ได้ เจ้าผู้ชายหลายใจ เจ้าคิดจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ!?”
“ข้า…เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?!”
ทั้งสองคนเพิ่งจะตะโกนใส่กันด้วยความโมโหเสร็จ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที และมองไปทางแสงสีทองนั่น
“อาชิงระวัง อย่ามองหนอนนั่นเด็ดขาด”
“ใช่ กลั้นหายใจเอาไว้!”
ทว่าอาชิงที่ขี่ไหล่หานฉีอยู่กลับเอามือเท้าคาง และพาดข้อศอกลงบนหัวของเขา เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างก็แกว่งไปมา พลางเอ่ยอย่างชื่นชมว่า “เมื่อครู่ไป่ไป่โมโหมากเลย ข้ายังไม่ทันเข้ามามันก็กระโดดลงไปสู้แล้ว”
เมื่อทั้งสองคนเพ่งมองใกล้ ๆ ก็เห็นว่าในความมืดนั้น แสงสีทองบินจากซ้ายไปขวาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็บินจากด้านขวาขึ้นไปด้านบน
เยว่พั่วหลัวแทบอยากจะโบกธงแล้วตะโกนออกมา “ราชาร้อยกู่ เข้าไปเลย ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ เลย!”
“อาจารย์พั่วหลัว นี่คืออะไรหรือขอรับ?” อาชิงค่อย ๆ หยิบผลไม้แห้งเม็ดเล็ก ๆ หนึ่งกำมือออกมา
“เจ้าไม่รู้จักสิ่งนี้หรือ นี่ก็คือกู่ลึกลับ สิ่งที่มันชอบที่สุดก็คือการล่อลวงใจคน จากนั้นก็กินหัวใจคนเป็นอาหาร เป็นสิ่งต้องห้ามของสำนักกู่ของเรา หลังจากถูกศิษย์สายนอกผู้หนึ่งขโมยมันไปเมื่อหลายปีก่อน เราก็ไม่พบร่องรอยมันอีก และกู่ลึกลับนี้ต่อให้อยู่ในสำนักกู่ ก็ถือเป็นหนอนกู่ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง”
“เจ้าลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง กู่ลึกลับนี่สามารถเปลี่ยนเป็นสีใดก็ได้ ในตอนนั้นสำนักกู่ของเจ้าและสำนักพิษของข้าร่วมมือกันหลอมมันออกมา ส่วนราชาร้อยกู่นั่นต่างหากที่เป็นหนอนกู่ที่มีพรสวรรค์”
อย่างไรเสียตัวหนึ่งได้รับการหลอมจากความพยายามของสองสำนัก ส่วนอีกตัวกลับอาศัยการกลืนกินหนอนกู่ตัวอื่น และไต่ขึ้นมาทีละก้าว ๆ
นี่ก็คือหนอนน้อยที่น่ารัก แข็งแกร่ง และน่าสงสาร ที่ชอบเขียนกันในบทละครไม่ใช่หรือ!
อาชิงพยักหน้าหงึก ๆ มองราชาร้อยกู่ที่สู้กับแมลงสีทองจนตัวลอยขึ้นมา ทันใดนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่า คนที่ทำร้ายพวกท่านสองคน ก็คือคนที่ตอนนั้นขโมยแมลงสีทองตัวนี้มาหรือขอรับ!”
ทั้งสองคนสบตากันเล็กน้อย “ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน!”
พูดถึงสาเหตุที่สำนักพิษและสำนักกู่แตกหักกันแล้วก็น่าขัน!
เดิมทีทุกคนก็แค่แข่งขันกันด้านทักษะ และช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นครั้งคราว แต่แล้วสำนักกู่ก็มีศิษย์สายนอกผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมา และก็เป็นคนเดียวกับศิษย์ทรยศที่หนีออกมาของสำนักพิษ สาเหตุที่เขาแปรพักตร์ก็เพราะเขาได้วางยาพิษลูกสาวแท้ ๆ ของผู้อาวุโสของสำนักพิษ ฆ่าคนในสำนักยังไม่เท่าไร แต่สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือการทำให้อีกฝ่ายแปดเปื้อน ดังนั้นทุกคนในสำนักพิษจึงโมโหอย่างมาก
แต่สำนักกู่กลับยอมรับคนผู้นี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ขัดแย้งกันเรื่องนี้อยู่แล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าสำนักกู่เองก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ดังนั้นจึงถูกสำนักพิษหัวเราะเยาะ
และเพราะเหตุนี้ คนที่อัปลักษณ์และไม่เตะตาผู้หนึ่ง กลับทำให้ทั้งสองสำนักไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
จนสุดท้ายก็ไม่มีคนรู้ว่าเจ้าคนผู้นั้นมีชื่อว่าอะไร
ทางด้านนั้นกู่ลึกลับกำลังกรีดร้องออกมา เพราะถูกราชาร้อยกู่กัดคอแล้วคาบขึ้นมาแล้ว
อย่าว่าแต่เยว่พั่วหลัวที่รู้สึกถึงความกดดันที่รุนแรงนี้ เพราะแม้แต่ในถุงผ้าที่ไป๋จิ่นมัดเรียบร้อยแล้ว หนอนพิษเหล่านั้นก็เริ่มปั่นป่วนเช่นกัน
นั่นคือการดิ้นรนครั้งสุดท้ายของกู่ลึกลับ
อย่างไรเสียการเติบโตมากับไช่หุ่ยที่ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่และอยู่ดีกินดี เคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองเมื่อใดกัน?
สุดท้ายเมื่อกระโดดออกมากลับถูกตีจนตั้งตัวไม่ทัน
เมื่อเห็นว่าแสงบนร่างของกู่ลึกลับเริ่มอ่อนแสงลงเรื่อย ๆ อาชิงจึงลงจากร่างของหานฉี ราชาร้อยกู่จึงกระโดดขึ้นไปบนหลังมือของอาชิง และใช้หนวดเล็ก ๆ สองอันดันกู่ลึกลับมา
กู่ลึกลับนั่นถูกทุบตีจนไร้เรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงนอนนิ่งอยู่ข้างกายราชาร้อยกู่อย่างเชื่อฟัง ไม่ต่างอะไรจากลูกน้องตัวหนึ่ง
แต่อาชิงกลับรู้สึกรังเกียจ “มันหน้าตาน่าเกลียดยิ่งนัก!”
เยว่พั่วหลัวตีหน้าผากเขาเบา ๆ “เจ้าเด็กโง่ เจ้ารีบกินมันซะ เมื่อมันรวมกับราชาร้อยกู่แล้ว เจ้าก็จะมีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกขั้น!”
ราชาร้อยกู่ขยับหนวดเล็กน้อย ดึงกู่ลึกลับมุดหายเข้าไปในร่างของอาชิง
กู่ลึกลับต้องการที่จะขัดขืน แต่น่าเสียดายที่มีพี่ใหญ่อยู่ และเห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถเอาชนะได้ ทำได้เพียงถูกลากไปอย่างไร้ชีวิตชีวา จะตายหรือว่าเปลี่ยนเจ้านาย จะทำอะไรได้อีกเล่า?
.
.
.