ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเกิดใหม่ในโลกของเกม
ฉันควรจะมีชีวิตตามปกติ โตตามปกติ และสุดท้ายก็จากโลกนี้ไป นั่นคือชีวิตของมนุษย์ที่ควรจะเป็นและฉันก็ควรจะมีชีวิตอยู่แบบนั้นเช่นกัน
แต่แล้วฉันก็พบว่าตัวเองกลับชาติมาเกิดใหม่ในโลกของเกมแนวเอโรเกะที่มีชื่อว่า “ฉันถูกชิงไปทุกอย่าง”
ฉันไม่ได้เกิดเป็นตัวเอก แต่ฉันเกิดเป็นผู้ชายที่จะขโมยนางเอกจากตัวเอกคนนั้น -ยูกิชิโระ โทวะ
ในตอนแรกการที่ฉันกลับชาติมาเกิดทำให้ฉันเกิดความสับสนและความสงสัยแน่นอน แต่ราวกับว่าจิตสำนึกของฉันค่อยๆปรับตัวเข้ากับโลกนี้ผ่านทางร่างของ ยูกิชิโระ โทวะ
การที่ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆทำให้ฉันมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นภายในใจฉัน
ฉันอยากจะปกป้องรอยยิ้มของ โอโตนาชิ อายานะ นางเอกที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของตัวเอกในโลกนี้ ฉันอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอ
ไม่ว่าเธอจะต้องเผชิญกับปัญหาอะไรหรือมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่ในโลกนี้…แม้ว่ามันจะถูกซ่อนอยู่ในความมืดไร้ก้นบึ้ง ฉันก็จะคว้ามันมาให้ได้
ฉันเชื่อว่าต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ฉันมาที่โลกแห่งนี้
“อืม…..ถ้าตัดสินใจที่จะทำมันแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด!”
“อะไรเหรอ โทวะคุง?”
“โอ้ เปล่าไม่มีอะไรหรอก”
ฉันอยากรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ของโลกใบนี้และสิ่งที่อายานะกำลังแบกไว้อยู่ แต่ความน่ารักอันท่วมท้นของเธอทำให้ความมุ่งมั่นของฉันละลายหายไปจนหมด
“ในเมื่อพวกเราอยู่ตามลำพังกันแล้ว มาใช้เวลาของเรากันเถอะ”
ฉันมองไปที่ต้นเสียงที่กระซิบข้างหูของฉัน
โอโตนาชิ อายานะ เด็กสาวที่นั่งข้างฉันจับมือฉันไว้และยิ้มขณะที่เธอจ้องมาที่ฉัน
วันนี้หลังจากกินอาหารกลางวันแสนธรรมดากับเจ้าไอซากะเสร็จ ฉันก็พบว่าตัวเองมีเวลาว่างและคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะรวบรวมความคิดของตัวเองสักหน่อย ฉันก็เลยขึ้นมาบนดาดฟ้าเพียงลำพัง
“โทวะคุง เธออยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ขณะที่ฉันจมอยู่กับความคิด ประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดออก และอายานะก็ชะโงกหัวออกมา
แม้ว่าใบหน้าของเธอจะมีรอยยิ้ม แต่การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเธอก็ทำให้ฉันประหลาดใจ
“โทวะคุง….โทวะคุง ♪”
ราวกับจะพูดว่า “ตอนนี้เราอยู่กันสองคนแล้ว ถึงตาฉันละ” เธอเข้ามาใกล้ฉันและโน้มตัวเข้ามาหาฉันมากขึ้น
แม้ว่าฉันอยากจะจมอยู่กับความคิดของตัวเองและคิดเรื่องในอนาคต แต่ความจริงก็คือ ลึกๆแล้ว ฉันปรารถนาที่จะใช้เวลากับร่วมกับเธอในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะงั้นการต่อต้านจึงไร้ประโยชน์
“เราอาจจะมีเวลาอีกประมาณยี่สิบนาทีมั้ง……”
“ถูกต้องเลยจ้า เรายังมีเวลาอีกมากที่จะสนุกกันรู้ไหม?”
อายานะหน้าแดงและดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองมาที่ฉัน
รูปร่างหน้าตาของเธอมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ และเสน่ห์ของเธอก็มีอย่างล้นหลาม ฉันวางมือลงบนแก้มของเธอเบาๆ แล้วโน้มตัวเข้าไปจูบเธอ
“ฟุฟุ……”
แทบจะไม่มีนักเรียนคนไหนมาที่ดาดฟ้าเลย และนอกจากพวกเราแล้วก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้ด้วย ตอนนี้เราทิ้งเรื่องยุ่งยากต่างๆไว้ข้างหลังและอย่างที่เธอพูด มาสนุกกับช่วงเวลานี้กันดีกว่า
ผมสีดำยาวสลวยของเธอไม่มีผมเสียเลยแม้แต่เส้นเดียว
“ผมของเธอสวยมากเลยนะ อายานะ”
“ขอบคุณนะ ที่จริงเป็นเรื่องยากมากเลยนะที่จะดูแลผมที่ยาวขนาดนี้ แต่ถ้าโทวะคุงพูดแบบนั้น มันก็จะทำให้ความพยายามของฉันคุ้มค่าแล้วล่ะ♪”
ทำไมเธอถึงทำให้ฉันมีความสุขและสบายใจได้ขนาดนี้กัน? ฉันมองเข้าไปในดวงตาที่ราวกับอัญมณีของเธอ
ดูเหมือนว่าอายานะยังคงต้องการจูบอีก แต่พูดตามตรงนะการจูบต่อไปอีกอาจจะเสี่ยงเกินไป
“เรากลับกันเถอะ”
“อะ? เธอแน่ใจเหรอ ฉันว่าเราอาจจะอยู่ต่อได้อีกสักหน่อยนะ? นอกจากนี้ ‘ต่อจากนี้’ ไม่ใช่สิ่งที่เราพูดไว้เหรอ?”
” ‘ต่อจากนี้’? ”
“ใช่แล้ว ‘ต่อจากนี้ไป’ ♪”
ด้วยดวงตาของเธอที่จ้องมาที่ฉัน เธอแสดงบรรยากาศอันแสนหวานยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
ฉันจำวันแรกที่มายังโลกนี้ได้ ตอนนั้นฉันก็สงใสว่าทำไมเธอถึงเข้าใกล้ฉันขนาดนี้ ทำให้นึกถึงวันเก่าๆจริงๆ
(ในวันนั้น…ความรู้สึกของฉันที่มีต่ออายานะก็แข็งแกร่งขึ้น)
ฉันจะไม่ปฏิเสธที่ฉันได้รับอิทธิพลจากสถานการณ์ต่างๆ แต่ในตอนนั้น ฉันโหยหาอายานะอย่างแท้จริง เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ฉันมีความรู้สึกต่อเธอมากขึ้น และฉันก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนคืออยากอยู่กับเธอ แต่สำหรับตอนนี้ ฉันต้องทำตัวใจร้ายและออกห่างจากอายานะก่อน
“ยังไงซะ เราก็ยังอยู่โรงเรียนนะ ที่จริงฉันก็คงพูดไม่ได้หรอกเพราะฉันเป็นคนเริ่มจูบเอง….…”
“เอ๊ะ~ แต่ก่อนหน้านี้นายเคยทำอะไรกับฉันในห้องโสตฯอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“?!?”
ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับคำพูดพึมพำของเธอ
แม้ว่าฉันจะได้สัมผัสประสบการณ์จากความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับโทวะและทำความเข้าใจกับอายานะและคนอื่นๆมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันจำไม่ได้ สิ่งที่อายานะเพิ่งบอกฉันก็เหมือนกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมาใส่ตัวฉัน
“อืม……เรื่องนั้น…….”
“มู่…!”
ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะเธอนะ แต่ฉันขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม? เฮ้ โทวะ! นายทำอะไรที่โรงเรียนกัน? โรงเรียนเป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้ ไม่ใช่สถานที่สำหรับทำแบบนั้น นายก็รู้!
ไม่ ไม่ ถ้านายบอกว่านายจูบกันที่โรงเรียน ฉันก็คงพูดอะไรไม่ได้มาก แต่ถึงอย่างนั้นนายก็อดไม่ได้ที่จะคิด..…ใช่ไหม?
(โรงเรียนนี้เหรอ นี่เหมือนโรงเรียนที่ออกมาจากเกมเอโรเกะ..…โอ้ ใช่แล้ว นี่คือโลกของเกมเอโรเกะ)
เมื่อฉันตระหนักถึงเรื่องนั้น ฉันจึงกลับไปที่ห้องเรียนและพยายามโน้มน้าวอายานะ
อายานะได้ไปใช้เวลาที่เหลือร่วมกับเพื่อนๆของเธอ
ขณะที่ฉันมองดูเธอเดินจากไป นักเรียนชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน
“นายอยู่กับอายานะเหรอ?”
ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉันคือ ซาซากิ ชู ตัวเอกของโลกนี้
ฉันพยักหน้าให้กับคำถามของชูจากนั้นฉันจึงมุ่งหน้าไปที่ที่นั่งของตัวเอง ชูก็ตามฉันมา
“เธอหายตัวไปหลังกินอาหารกลางวันเสร็จ ฉันโล่งใจนะที่เธอไปอยู่กับนาย”
“คือเราแค่คุยกันนิดหน่อย”
ฉันไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับการจูบหรือการสนทนาของเรา เดิมทีเมื่อฉันรู้สึกตัวตอนอยู่ที่โลกนี้ครั้งแรก ฉันคิดว่าฉันจะไม่เข้าไปแทรกแซงระหว่างชูกับอายานะ อย่างไรก็ตาม เมื่อฉันใช้เวลาเป็นโทวะมากขึ้น ความคิดของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ฉันอยากจะปกป้องอายานะ ฉันอยากจะปกป้องรอยยิ้มของเธอ ฉันตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้ใครเข้ามารับหน้าที่นั้นแม้แต่ชู
“มีอะไรเหรอ?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก”
ฉันละสายตาจากชู
ขณะที่ฉันคิดจะสานต่อความสัมพันธ์ลับๆกับอายานะ โดยที่รับรู้ความรู้สึกของเขา…แม้จะรู้สึกผิดและรู้สึกเหนือกว่าในบางด้าน แต่มันก็หนักใจฉันเหมือนกัน
“…..”
ตอนนี้ฉันรู้สึกเครียดไม่น้อยเลยนะ
ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าความรู้สึกแปลกๆนี้คืออะไร……ฉันจำเป็นต้องรู้
“เอาล่ะ นายก็ได้เวลากลับที่แล้วนะเดียวคาบต่อไปจะเริ่มแล้ว”
“อ๋อ เข้าใจละ”
ชูเดินกลับที่ไปแล้วและความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง
ฉันคิดถึงเรื่องในโลกนี้เกือบตลอดเวลาขณะเตรียมตัวเข้าเรียน แต่การมุ่งความสนใจไปกับความคิดของฉันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เมื่อชั้นเรียนเริ่ม ฉันก็กำลังคัดลอกเนื้อหาจากกระดานลงในสมุดอย่างขยันขันแข็ง
“…เอ๊ะ?”
ตัวอักษรบนกระดานเริ่มบิดเบี้ยว และคำที่ฉันไม่เข้าใจก็ปรากฏขึ้นมาแทน
ต้องทำให้เขาจนมุม…..ไล่ต้อนเขา…..
ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….
“…..นี่มัน?”
ฉันเอื้อมมือมาขยี้ตา ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยหรือนอนไม่พอ ฉันพึมพำอยู่คนเดียวแบบนั้น และเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันมองมาที่ฉันด้วยสีหน้างุนงง ดังนั้นฉันจึงยิ้มกลับไปให้เขาและพยายามมองว่าฉันคงนอนไม่พอ
“เอาล่ะ ยูกิชิโระ ลองทำโจทย์ข้อนี้ดูสิ”
“…..อะ ครับ”
ฉันสงสัยว่าจะมีใครสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆของฉันหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เมื่อฉันหันไปที่กระดานและเริ่มแก้โจทย์ ฉันพบว่ามันค่อนข้างยากพอตัว แต่ด้วยความสามารถของโทวะ ฉันจึงสามารถแก้โจทย์ได้อย่างถูกต้อง
อาจารย์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ และก่อนที่ฉันจะกลับไปที่นั่ง อายานะที่สบตากับฉันอยู่ครู่หนึ่งก็มองมาที่ฉันด้วยสีหน้ากังวล ฉันสงสัยว่าเธอคงสังเกตเห็นอาการประหลาดก่อนหน้านี้
“ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี”
ฉันพึมพำแบบนั้นในใจ แต่อายานะก็พยักหน้าเงียบๆ น่าแปลกใจที่ความคิดของฉันส่งไปถึงเธอ แต่อายานะกลับดูไม่ตกใจเลย
ฉันคิดเรื่องนี้ต่อไปโดยตั้งใจฟังการบรรยายของอาจารย์และไม่ยอมให้เนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของชั้นเรียนหลุดมือไป หลังจบคาบก็ถึงเวลาหลังเลิกเรียน
“ฟิ้ว~! วันนี้เหนื่อยใช้ได้เลย!”
หลังจากจบวัน ทาคาชิ ไอซากะ เพื่อนหัวโล้นของฉันก็พูดเช่นนั้น
“ขอบคุณที่เหนื่อย แต่ตอนนี้นายเริ่มทำกิจกรรมชมรมแล้วใช่ไหมล่ะ? ฉันว่านายจะเหนื่อยกับมันมากกว่านะ”
“ไม่ ฉันชอบเบสบอล ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างน้อยก็ดีกว่าการนั่งฟังบรรยายแสนน่าเบื่อหลายร้อยเท่า”
นั่นก็…จริง ฉันหัวเราะเบาๆ
ขณะที่ฉันคุยกับไอซากะ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากทางเข้าห้องเรียน
“ขอโทษที่รบกวน ซาซากิคุงอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ไม่เพียงแต่ไอซากะกับฉันเท่านั้น แต่นักเรียนที่เหลือในห้องเรียนยังหันความสนใจไปที่ทางเข้าพร้อมกัน
เมื่อมองไปที่ทางเข้าประตูคนที่ปรากฏตัวก็คือ ฮอนโจ อิโอริ ประธานนักเรียนของเรา และหนึ่งในนางเอกของโลกนี้ เช่นเดียวกับอายานะ
“มีอะไรเหรอ?”
“…..เปล่า”
ฉันพบว่าตัวเองกำลังจ้องอิโอริอยู่.……มันทำให้ไอซากะสงใสไปชั่วขณะหนึ่ง
ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องนั้น ไม่ใช่แค่อายานะ แต่ฉันคิดว่านางเอกทุกคนในโลกนี้รวมถึงอิโอรินั้นสวยอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอเท่านั้น จิตใจอันแสนบริสุทธิ์ของเธอจะปรากฏชัดเมื่อฉันคุยกับเธอ
(แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น)
ใช่ มีข้อยกเว้นอยู่
เช่นน้องสาวและแม่ของชูและแม่ของอายานะเป็นต้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องนั้น
อิโอริอยู่ตรงหน้าเรา และชูก็เข้าไปหาเธอเมื่อเขาได้ยินเสียงของเธอ
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับบางอย่างตามปกติ ชูก็ไปกับอิโอริดังนั้นฉันเดาว่าเขาจะต้องไปช่วยเธอหลังเลิกเรียนอีกครั้งแน่
“แล้วนายละ โอเคกับการโดดกิจกรรมชมรมเหรอ?”
“อะ นั้นคงจะเป็นปัญหาแน่ นั้นฉันไปก่อนนะ”
ขณะที่ฉันมองดูไอซากะออกจากห้องเรียนด้วยความตื่นตระหนก อายานะก็เข้ามาอยู่ข้างฉันราวกับจะเข้ามาแทนที่เขา
“เรากลับกันเลยไหม?”
“เอ่อ…แปบนะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
ฉันเดินออกจากห้องเรียน คิดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆว่าวันนี้ฉันคงจะไม่ต้องรอชูแล้ว
ระหว่างทาง ฉันเดินผ่านรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าฉันหนึ่งปี ซึ่งหาได้ยากที่ชั้นนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจมันมากนักและตรงไปห้องน้ำทันที
“…ฟุย~”
หลังจากที่ฉันล้างมือแล้ว ฉันมองดูตัวเองในกระจก
ร่างกายของฉันในโลกนี้……ยูกิชิโระ โทวะ มีใบหน้าที่เหล่อเหลา แต่ภาพสะท้อนของโทวะในกระจกทำให้ฉันฟุ้งซ่านอยู่บ้าง
ฉันค่อยๆเอื้อมมือที่เปียกออกและแตะเงาสะท้อนในกระจก
แต่แน่นอนว่า ภาพสะท้อนของฉันในกระจกเป็นเพียงการกระทำแบบเดียวกันเท่านั้น
“….จริงๆ แล้วฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่”
ฉันหัวเราะอย่างขมขื่นกับตัวเองที่ทำสิ่งที่โง่เขลาโดยรู้ความจริงที่ว่ามีฉันอยู่แค่คนเดียวที่นั่น
ระหว่างทางกลับไปหาอายานะ ฉันเช็ดมือด้วยผ้าเช็ดหน้า และนึกถึงข้อความที่เห็นในชั้นเรียนก่อนหน้านี้
“ต้องทำให้เขาจนมุม…..ไล่ต้อนเขา…..ทำให้เขาทุกข์ทรมาน……ทำให้เขาเจ็บปวด…….”
เมื่อฉันพูดออกมา มันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ตอนนั้นฉันรู้สึกประหลาดใจกับความกระทันหันที่อยู่ดีๆมันก็โผล่ออกมา แต่สุดท้ายฉันก็คิดว่ามันเป็นเพียงจินตนาการของฉันเท่านั้น แต่ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร…คำเหล่านั้นติดอยู่ในหัวฉันอย่างน่าประหลาด
มันเหมือนกับความรู้สึกที่คุณได้รับหลังจากฟังเพลงที่น่าจดจำ
(ฉันไม่เข้าใจ……แต่ฉันเดาว่าความจริงที่ว่ามันกวนใจฉันแบบนี้หมายความว่ามีบางอย่างเกียวข้องกับฉัน ฉันคิดว่าจำไว้ก็ไม่น่าเสียหาย)
พอกลับมาที่ห้องเรียนสิ่งที่ฉันคิดก่อนหน้านี้ดันเกิดขึ้นจริง รุ่นพี่ที่เดินผ่านฉันมาตอนนี้เขามายืนอยู่ที่ข้างหน้าของอายานะ
“เฮ้ โอโตนาชิซัง ขอเวลาให้ฉันสักหน่อยได้ไหม”
“ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องแบบนั้น ได้โปรดให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ตอนนี้เธออยู่คนเดียวใช่ไหมละ”
“……”
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอายานะกับรุ่นพี่ก็เพียงพอแล้วที่ฉันจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเขาหน้าด้านแค่ไหนที่จะมาห้องเรียนของรุ่นน้องโดยดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขา แต่ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อยฉันก็อยากให้เขาตระหนักว่าเขากำลังสร้างปัญหาให้กับเด็กผู้หญิงอยู่
“อายานะ”
“อา โทวะคุง!”
แค่ยืนดูอย่างงั้นเหรอ? ฉันคงจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
เพื่อนร่วมชั้นที่เหลือมองมาที่ฉันด้วยความโล่งใจ ส่วนรุ่นพี่ก็มองมาที่ฉันด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงของอายานะ
“โทษที ฉันปล่อยให้เธอรอนานเลยล่ะสิ”
“ไม่หรอกจ้า เรื่องแค่นี้เอง”
อายานะยิ้มและราวกับว่าไม่มีรุ่นพี่อยู่ที่นี้ เธอก็สะพายกระเป๋าพาดไหล่และเดินมาข้างๆ ฉัน
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน โอโตนาชิซัง—”
“รุ่นพี่ครับ ดูเหมือนว่าอายานะจะไม่มีความตั้งใจแบบนั้น ดังนั้นได้โปรดยอมแพ้เถอะ”
“ฮึ..…”
แม้ว่าน้ำเสียงของฉันจะยังนุ่มนวล แต่สายตาของฉันก็เฉียบคมขึ้น ซึ่งมีความหมายว่าฉันต้องการให้เขาคำนึงถึงความรู้สึกของเธอและความน่ารำคาญที่เขาก่อขึ้น
รุ่นพี่ จ้องมาที่ฉันสักพัก แต่เขาคงจะตระหนักได้ว่าเราไม่ใช่นักเรียนคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องเรียนนี้ และเพื่อนของอายานะก็อยู่ด้วยและจ้องมาที่เขาอย่างไม่ชอบใจนัก ในที่สุดรุ่นพี่ก็เข้าใจว่าสถานการณ์ไม่เข้าข้างเขาจึงรีบออกจากห้องเรียนไป
“แล้วเรากลับกันเลยไหม?”
“จ้า♪”
————————————————————————————————————————————————————
คุยท้ายตอน
สวัสดีครับ พ่อค้าร้านเต้าหู้ เองครับ แหมทื้งช่วงจากเล่มหนึ่งไปนานพอสมควรเลยนะครับ แต่ในที่สุดก็แปลเล่มสอง2เสร็จแล้วครับ ถึงช่วงแรกๆเนื้อเรื่องจะน่าเบื่อมากๆแต่ก็ผ่านมาได้ “เก่งมาเลยตัวฉัน” อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะครับ
ก็นั้นละครับต่อจากนี้จะอัพวันละตอนยาวไปจนจบเล่มสองเลยนะครับ ถ้าใครยังตามเรื่องราวของโทวะคุงกับอายานะจังอยู่ก็ขอบคุณมากครับที่ยังไม่ลืมพวกเขาเหล่านี้ไป (อย่าพึ่งลืมผมด้วยนะครับ)
ถ้ามีอะไรตรงไหนแปลแล้วขัดใจหรืออยากเสริมตรงไหนก็บอกกันได้นะครับ (อย่าเอาผมไปแขวนที่ไหนเลยขอร้องล่ะ)
สุดท้าย ขอแค่ทุกคนสนุกกับการอ่านเรื่องนี้ผมก็ดีใจแล้วครับ (หวังว่าจะสนุกกันนะครับ)