ชายาเคียงหทัย 346-2 คุณชายสวีอู่ผู้มีวาจาเป็นเลิศ (2)

ตอนที่ 346-2 คุณชายสวีอู่ผู้มีวาจาเป็นเลิศ (2)

คำถาม​ที่​ตรงไปตรงมา​และ​เกือบจะ​เสียมารยาท​เช่นนี้​ กลับ​ทำให้​ตง​ฟางโย​ว​หนักใจ​อยู่​ไม่น้อย​ นาง​ขมวดคิ้ว​ครุ่นคิด​อยู่​พักใหญ่​แล้วจึง​เอ่ย​ว่า​ “แต่​ติ้ง​อ๋อง​เป็น​จักรพรรดิ​องค์​ใหม่​ในอนาคต​ที่​ข้า​เลือก​ ย่อม​ต้องการ​ให้​ข้า​มาช่วย​อยู่แล้ว​”

สวี​ชิงเหยียน​กรอก​ตา​มอง​บน​ เอ่ย​ว่า​ “ก่อนหน้านี้​ไม่มีเจ้ามาช่วย​ ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ก็​ดำรงอยู่​ได้ดี​มาโดยตลอด​”

“หลังจาก​มีข้า​แล้ว​ ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ย่อ​มดี​ยิ่งขึ้นไป​กว่า​นี้​อีก​” ในที่สุด​ตง​ฟางโย​ว​ก็ได้​ความมั่นใจ​กลับคืน​มา เอ่ย​ว่า​ “หลาย​ปี​เพียงนี้​แล้ว​ ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ยังคง​สลัด​สถานการณ์​อัน​ยากลำบาก​จาก​ศัตรู​ที่​รายล้อม​รอบด้าน​มิได้​เลย​ หรือ​นี่​ยัง​ไม่เพียง​พอที่จะ​แสดงให้เห็น​ว่า​ความสามารถ​ของ​ขุนนาง​ข้าง​กาย​ติ้ง​อ๋อง​นั้น​ไม่เพียงพอ​”

“…” สอง​พี่น้อง​เงียบกริบ​ นี่​มัน​ไม่ต่าง​อัน​ใด​กับ​การ​โจมตี​เลย​ เพียง​ประโยค​เดียว​ก็​ต่อว่า​ทุกคน​ทั้ง​หัวหงอก​หัว​ดำ​ ตำแหน่ง​น้อย​ไป​จนถึง​ตำแหน่ง​สูงสุด​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ สถานการณ์​ลำบาก​มารดา​เจ้าสิ สวี​ชิงเหยียน​สบถ​อยู่​ใน​ใจ ตง​ฟางโย​วนา​งนี้​ตาบอด​เสียแล้ว​กระมัง​ ยาม​นี้​พื้นที่​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ต่อให้​ไม่นับว่า​มาก​ที่สุด​ใน​ใต้​หล้า​ แต่​อย่าง​น้อย​ก็​เป็น​ที่สอง​ของ​ใต้​หล้า​เชียว​นะ​ ความ​แข็งแกร่ง​ของ​กองทัพ​ก็​ยิ่ง​ทำให้​ผู้​แข็งแกร่ง​ทั้งหลาย​ไม่กล้า​มาท้าทาย​อำนาจ​ แล้ว​ยัง​จะต้องการ​อะไร​อีก​ ภายใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​ ต้าน​รับ​ศัตรู​จาก​ทั่วทุกสารทิศ​ กวาดล้าง​ใต้​หล้า​ใน​ชั่วพริบตา​ ใน​หนังสือ​นิทาน​ยัง​ไม่เคย​มีใคร​เขียน​ไว้​ได้​มหัศจรรย์​พันลึก​เช่นนี้​เลย​

สวี​ชิงเหยียน​ลอบ​ไม่พอใจ​อยู่​เงียบๆ​ เขา​มอง​ตง​ฟางโย​ว​ที่​ไม่ทุกข์​ไม่ร้อน​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​เข้าใจ​แล้ว​ อันที่จริง​แม่นาง​ตง​ฟางยินยอม​ช่วยเหลือ​ติ้ง​อ๋อง​ พวกเรา​นั้น​ล้วน​ปราบ​ปลื้มใจ​”

สวี​ชิงเฉิน​ที่​ลูบ​ถ้วย​ชาไปมา​เลิกคิ้ว​ขึ้น​เล็กน้อย​ มอง​ไป​ยัง​น้อง​ห้า​ที่​ฉลาด​หลักแหลม​มาแต่ไหนแต่ไร​แล้ว​ไม่พูด​อะไร​ ตง​ฟางโย​ว​มอง​สวี​ชิงเหยียน​ด้วย​ความ​ฉงน​

สวี​ชิงเหยียน​กระแอม​ขึ้น​เบา​ๆ เอ่ย​ด้วย​ท่าทาง​เคร่งขรึม​ว่า​ “หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​สูญเสีย​ภรรยา​ไป​นาน​หลาย​ปี​แล้ว​ จากนั้น​ก็​อยู่​คนเดียว​มาโดยตลอด​ ทว่า​เขา​เป็นหนึ่ง​ใน​คน​ที่​ท่าน​อ๋อง​ไว้วางใจ​ หาก​แม่นาง​ตง​ฟางยอม​ลดเกียรติ​ลง​เขา​มาแต่งงาน​ล่ะ​ก็​ ข้า​เชื่อ​ว่า​ไม่ว่า​จะเป็น​ติ้ง​อ๋อง​หรือ​พระชายา​ล้วน​เชื่อมั่น​ใน​ความจริงใจ​ของ​แม่นาง​และ​เขา​ซางหมาง​เป็นแน่​ พี่ใหญ่​ พี่​ว่า​อย่างไร​”

ครั้งนี้​ถึงคราว​คุณชาย​ชิงเฉิน​ต่อ​มุมปาก​กระตุก​บ้าง​แล้ว​ เพียงแต่​เขา​เก่งกาจ​ใน​การ​ปกปิด​อะไร​เช่นนี้​ จึงย่อม​ยก​ถ้วย​ชาขึ้น​มาบัง​ริมฝีปาก​เอาไว้​ พยักหน้า​เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​สงบนิ่ง​ว่า​ “น้อง​ห้า​พูด​ได้​มีเหตุผล​ยิ่ง​”

“หะ​…หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​หรือ​” ตง​ฟางโย​ว​พลัน​งุนงง​ นึก​ไม่ค่อย​ออ​กว่า​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​เป็น​คน​เช่นไร​ อันที่จริง​ตง​ฟงโย​ว​เคย​เห็น​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​มาหลายครั้ง​ แต่​นาง​เย่อหยิ่ง​ถึงขนาด​ที่จะ​พยักหน้า​ทักทาย​กับ​เพียง​คุณชาย​สวี​ห้า​เท่านั้น​ ต่อให้​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​มีตำแหน่ง​พิเศษ​อย่างไร​แต่​ใน​สายตา​นาง​แล้วก็​เป็น​เพียง​คนรับใช้​ใน​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​เท่านั้น​ นาง​ย่อม​ไม่เก็บ​มาจำใส่ใจ

สวี​ชิงเหยียน​พยักหน้า​ เอ่ย​ด้วย​สีหน้า​จริงใจ​อย่าง​มาก​ “ใช่น่ะ​สิ เป็น​ท่าน​ลุง​ที่อยู่​ใน​ชุด​สีดำ​คน​นั้น​ จะว่า​ไป​แล้ว​ทั่ว​ทั้งเมือง​หลี​ก็​มีเพียง​เขา​คนเดียว​ที่​ใส่ชุด​สีดำ​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อ​ทั้ง​ยัง​เป็น​ท่าน​ลุง​ที่​มีบุคลิกลักษณะ​ที่​องอาจ​ผึ่งผาย​อย่าง​มาก​ด้วย​” คน​ที่​อายุ​อา​นา​มมาก​สักหน่อย​หาก​ไม่ใช่ขุนนาง​สาย​บู๊​ก็​เป็น​บัณฑิต​สาย​บุ๋น​ มีเพียง​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อคน​นี้​ที่​แม้ว่า​เกิด​มาพร้อมกับ​การศึกษา​ด้าน​วร​ยุทธ​ แต่กลับ​ได้​ทำงาน​สาย​บุ๋น​มาโดยตลอด​ มีเพียง​คน​อย่าง​เขา​เท่านั้น​ถึงจะใส่ชุด​สีดำ​สนิท​ได้​อย่าง​องอาจ​ผึ่งผาย​และ​สง่างามเช่นนี้​

สมอง​ตง​ฟางโย​ว​พลัน​นึก​ไป​ถึงครา​แรก​ที่​นาง​มาที่​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แล้ว​ได้​พบ​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ใน​ชุด​สีดำ​ที่​มีเส้น​ผม​ที่​หงอก​ขาว​ผู้​นั้น​ สีหน้า​ก็​พลัน​ย่ำแย่​ขึ้น​มาทันที​ เกรง​ว่า​ตอนที่​ม่อ​ซิว​เหยา​ไล่​นาง​ต่อหน้าธารกำนัล​ใน​ครา​แรก​ สีหน้า​นาง​ก็​ยัง​ไม่ถึงกับ​ดูไม่ได้​เพียงนี้​

“คน​อย่าง​เขา​…จะแต่ง​กับ​ข้า​ได้​อย่างไร​!” ตง​ฟางโย​ว​ปฏิเสธ​อย่าง​เด็ดขาด​แทบจะ​ในทันที​

สวี​ชิงเหยียน​กะพริบตา​ปริบๆ​ เอ่ย​ว่า​ “เหตุใด​จะไม่ได้​เล่า​ ตระกูล​สวี​ของ​เรา​แม้จะบอ​กว่า​ใกล้ชิด​สนิทสนม​กับ​ติ้ง​อ๋อง​ แต่​ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ยัง​ด้อย​กว่า​ผู้อาวุโส​หลาย​ยุค​หลาย​สมัย​ของ​ตำหนัก​แห่ง​นี้​ หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​เป็น​ผู้​ที่​มีความจงรักภักดี​ให้​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​มาตลอดชีวิต​ ยิ่งไปกว่านั้น​…แม่นาง​ตง​ฟางไม่ได้​สนใจ​ว่า​จะแต่ง​กับ​ผู้ใด​มิใช่หรอก​หรือ​ เช่นนั้น​แล้ว​การ​แต่ง​กับ​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​ก็​มิใช่เรื่อง​ที่​เหมาะเจาะ​พอดี​หรือ​ไร​ เชื่อ​เถิด​ว่า​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​แม้จะไม่มีความสนใจ​ที่จะ​แต่งงาน​ แต่​เพื่อ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แล้ว​เขา​ย่อม​ยอม​พลีชีพ​โดย​ไม่พูด​อะไร​แม้สัก​คำ​อย่าง​แน่นอน​ ไม่เหมือนกับ​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​ ตระกูล​สวี​ของ​เรา​ให้ความสนใจ​กับ​คน​ที่​พี่ใหญ่​จะแต่งงาน​ด้วย​อย่าง​มาก​ ท่าน​ปู่​ข้า​บอก​ไว้​ว่า​…ยอม​ขาดแคลน​ดีกว่า​ได้​ของ​ด้อยค่า​”

ดูเหมือน​นี่​จะเป็นครั้งแรก​ที่​ตง​ฟางโย​ว​ได้​เจอ​กับ​คน​ที่​พูดจา​เช่นนี้​อย่าง​สวี​ชิงเหยียน​ สีหน้า​นาง​เดี๋ยว​แดง​เดี๋ยว​คล้ำ​เดี๋ยว​เขียว​ เปลี่ยนไป​เปลี่ยน​มาราวกับ​จาน​เปลี่ยนสี​อย่างไร​อย่างนั้น​

สวี​ชิงเฉิน​แอบ​ส่งสายตา​ชื่นชม​ไป​ให้​สวี​ชิงเหยียน​ เขา​วาง​ถ้วย​ชาลง​แล้ว​เอ่ย​กับ​ตง​ฟางโย​ว​ว่า​ “แม่นาง​ตง​ฟาง น้อง​ห้า​กล่าว​ได้​ถูกต้อง​ยิ่ง​ หาก​แม่นาง​ยินยอม​ล่ะ​ก็​ ทุก​คนใน​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ย่อม​ยินดีต้อนรับ​ ข้า​ก็​จะเชิญท่าน​อ๋อง​ให้​ไป​สู่ขอ​กับ​ผู้นำ​ของ​เขา​ซางหมาง​ด้วยตัวเอง​ แม่นาง​เห็น​ว่า​อย่างไร​”

“ไม่ได้​!” ตง​ฟางโย​ว​แทบจะ​กรีดร้อง​ออกมา​ สีหน้าที่​เปลี่ยน​ไปมา​พลัน​ทำให้​ท่าทาง​ลึกลับ​อัน​แปลกประหลาด​ที่​มีอยู่​บน​ตัว​นางใน​ครา​แรก​หาย​ไป​เป็นปลิดทิ้ง​ ราวกับ​เด็กสาว​หยาบคาย​ธรรมดาๆ​ คน​หนึ่ง​ที่​ไม่พอใจ​กับ​การ​แต่งงาน​ของ​ตัวเอง​จึงกรีดร้อง​ออกมา​ด้วย​ความโมโห​อย่างไร​อย่างนั้น​ “นั่น​มัน​คนแก่​! ซ้ำยัง​เป็น​เพียง​คนรับใช้​! จะเหมาะกับ​ข้า​ได้​อย่างไร​”

สีหน้า​สวี​ชิงเฉิน​กับ​สวี​ชิงเหยียน​เคร่งขรึม​ขึ้น​มาเล็กน้อย​ ไม่ยอมรับ​และ​ไม่ปฏิเสธ​ต่อ​คำพูด​ของ​ตง​ฟางโย​ว​ ต้อง​บอ​กว่า​สตรี​นาง​นี้​ไม่เหมาะกับ​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​จึงจะถูก​ แม้ว่า​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​จะอายุ​มาก​แล้ว​ แต่​หน้าตา​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว​ ซ้ำยัง​ไม่ได้​ดู​แก่​ถึงเพียงนั้น​ เป็น​ถึงหัวหน้า​ผู้ดูแล​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ ย่อม​เป็น​คนสนิท​ของ​ติ้ง​อ๋อง​อย่าง​แน่นอน​ แต่​เขา​ไร้​ความสนใจ​จะแต่ง​ภรรยา​ หาก​คิด​จะแต่ง​ภรรยา​จริงๆ​ ล่ะ​ก็​ เกรง​ว่า​คง​มีหลาย​ตระกูล​ใน​เมือง​หลี​ที่จะ​รีบ​แจ้น​เอา​ลูกสาว​ใส่พาน​มายื่น​ให้​อย่าง​แน่นอน​

ถึงแม้การนำ​เรื่อง​เช่นนี้​มาทำให้​สตรี​นาง​หนึ่ง​โกรธเคือง​จะเป็นเรื่อง​ไม่ถูกต้อง​นัก​ แต่​หลาย​วัน​มานี้​สวี​ชิงเฉิน​ถูก​ตง​ฟางโย​ว​ก่อกวน​ให้​รำคาญใจ​จน​แทบจะ​ทน​ไม่ได้​แล้ว​ ยิ่ง​ยาม​นี้​ได้มา​เห็น​ท่าทาง​เช่นนี้​ของ​นาง​ ความไม่พอใจ​บน​ใบหน้า​เขา​ก็​ยิ่ง​ฉาย​ชัด​

“เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ดูท่า​แม่นาง​ตง​ฟางก็​คง​มิได้​มีความจริงใจ​อัน​ใด​ ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​เดิมที​ก็​ไม่ได้​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​อะไร​อยู่แล้ว​ เชิญแม่นาง​กลับ​ไป​เถิด​” สวี​ชิงเฉิน​เอ่ย​เสียง​เรียบ​พลาง​ยก​ชาส่งแขก​

ตง​ฟางโย​ว​พ่ายแพ้​กลับ​ไป​อีกครั้ง​ นาง​ถลึงตา​มอง​สวี​ชิงเหยียน​ด้วย​ความคับแค้นใจ​ ทิ้ง​ประโยค​หนึ่ง​ไว้​ว่า​ข้า​ไม่ยอมแพ้​หรอก​ แล้วก็​หมุนตัว​เดิน​ออก​ไป​

พอ​นาง​ไป​แล้ว​ ภายใน​ห้อง​หนังสือ​ก็​เงียบสงบ​อยู่​พักใหญ่​ ในที่สุด​สวี​ชิงเหยียน​ก็​ทนไม่ไหว​กุม​ท้อง​หัวเราะ​เสียงดัง​ออกมา​ สวี​ชิงเฉิน​เห็น​น้องชาย​หัวเราะ​จน​งอหาย​ก็​อมยิ้ม​ส่ายหน้า​ไม่กล่าว​อะไร​ สวี​ชิงเหยียน​ลูบ​ท้อง​ไป​พลาง​เช็ด​น้ำตา​จาก​หาง​ตา​ไป​พลาง​ เอ่ย​ถามว่า​ “พี่ใหญ่​ สตรี​นาง​นี้​เป็น​ชาว​ซางหมาง​จริงๆ​ หรือ​ นี่​มัน​ช่าง…”

สวี​ชิงเฉิน​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​ “จะใช่หรือไม่​ ไม่นาน​ก็​จะได้​รู้​เอง​ แต่​น่าจะ​ไม่มีอะไร​ผิดพลาด​ ดังนั้น​จึงกล่าว​ได้​ว่า​…มนุษย์​ไม่ควร​ปลีกตัว​จาก​แดน​โลกีย์​ไป​นาน​เกินไป​ มิฉะนั้น​หาก​ไม่ทัน​ระวัง​จะสอน​คน​ให้​ออกมา​แปลกประหลาด​เช่นนี้​ได้​ ไม่รู้​ว่า​หาก​ผู้นำ​ของ​เขา​ซางหมาง​ได้มา​เห็น​แม่นาง​ตง​ฟางเช่นนี้​แล้​วจะ​เสียใจ​ภายหลัง​หรือไม่​”

“คุณชาย​ใหญ่​ คุณชาย​ห้า​ ท่าน​อ๋อง​กับ​พระชายา​ให้​มาเชิญขอรับ​” ไม่รู้​ว่า​หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​มายืน​อยู่​ตรงหน้า​ประตู​ตั้งแต่​เมื่อใด​ เขา​มอง​ทั้งสอง​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

คน​ที่​ไร้​วร​ยุทธ​ทั้งสอง​หันมา​สบตา​กัน​ คุณชาย​สวี​ห้า​นึกย้อน​ไป​ว่า​ได้​พูดถึง​เขา​ไป​เมื่อ​ครู่​ก็​รู้สึก​ผิด​อยู่​ใน​ใจ “หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ.​..มาตั้งแต่​เมื่อใด​หรือ​”

หัวหน้า​พ่อบ้าน​ม่อ​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​ “ตั้งแต่​ตอนที่​คุณชาย​ห้า​บอ​กว่า​ข้า​ยอม​เสียสละ​เพื่อ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​โดย​ไม่พูด​อะไร​แม้สัก​คำ​ขอรับ​ ขอบพระคุณ​คุณชาย​ห้า​ที่​เอ่ย​ชื่นชม​เช่นนี้​”

สวี​ชิงเหยียน​เหงื่อ​เต็ม​หน้า​ “หัวหน้า​พ่อบ้าน​เกรงใจ​เกินไป​แล้ว​”

ตง​ฟางโย​วอ​อก​มาจาก​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แล้วแต่​สีหน้า​ยังคง​ดู​ไม่ดี​อย่าง​มาก​ สายตา​ที่​พินิจ​มอง​นาง​ตลอดทาง​ก็​ยิ่ง​ทำให้​นาง​รู้สึก​เหมือน​มีเข็ม​ทิ่มแทง​ให้​ทรมาน​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ นาง​มิใช่หุ่นไล่กา​ที่จะ​ไร้ความรู้สึก​ แน่นอน​ว่า​ก็​รับรู้​ได้​ถึงสายตา​และ​คำพูด​ของ​คน​รอบข้าง​ที่​มีต่อ​ตัวเอง​ ถึงแม้คน​โดยมาก​จะมองว่า​เป็นเรื่อง​น่าขัน​ของ​สวี​ชิงเฉิน​ แต่​เรื่อง​นี้​เดิมที​สวี​ชิงเฉิน​โดน​ลูกหลง​โดยที่​ไม่เกี่ยว​อะไร​กับ​ตน​ด้วย​ ฉะนั้น​เอา​เข้า​จริง​คน​ที่​ทุกคน​นึก​ดูแคลน​ นึก​เยาะ​หยัน​ก็​มีเพียง​ตง​ฟางโย​ว​เท่านั้น​ แต่​ตง​ฟางโย​ว​ก็​มองว่า​นี่​คือ​อุปสรรค​และ​การ​ล้มลุกคลุกคลาน​ที่​นาง​ต้อง​เจอ​บน​หนทาง​แห่ง​ความสำเร็จ​ ดังนั้น​จึงมักจะ​กัดฟัน​ตั้งใจ​ ทำ​เสมือน​ว่า​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​ แต่​วันนี้​เมื่อ​ถูก​สวี​ชิงเหยียน​เยาะเย้ย​และ​หยอก​นาง​อย่าง​ไม่ละอายใจ​เช่นนี้​ ต่อให้​นาง​หน้าด้าน​กว่า​นี้​ก็​คง​อดกลั้น​เอาไว้​ไม่ได้​แล้ว​

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1-37 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า!

การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน

แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

Options

not work with dark mode
Reset