“…ชั้นควรต้องทำด้วย?”
“ใช่แล้ว ชิราซาวะซังหั่นกะหล่ำไปแล้วกัน”
“อะ.อืม แต่ว่า…”
ชิราซะวะซังเหมือนจะดูลังเลนิดหน่อย
หรือว่าบางทีเธอจะไม่ชอบทำอาหาร?
ผมที่กำลังหั่นหน่อไม้ฝรั่งอยู่หันไปมองดูว่าชิราซะวะซังเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้ยินเสียงเรียกขึ้นมาว่า
“นี่! นิจิโนะคุงทำแบบนั้นไม่ได้นะจ๊ะ”
โคอาคุทักขึ้นมาเสียงดัง
ตอนนั้นทุกๆคนในห้องมองมาที่ผมเป็นตาเดียว โคฮาคุทำขมวดคิ้วพร้อมหน้าจริงจังแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ห้ามมองไปทางอื่นขณะกำลังใช้มีดซิจ๊ะ ถ้าเธอไม่ระวังเธออาจจะได้รับบาดเจ็บได้”
ผมคิดว่าเธอจะมัวแต่จดจ่ออยู่กับการตอบคำถามของนักเรียนซะอีก แสดงว่าเธอคอยสังเกตนักเรียนคนอื่นๆด้วยว่าทำอาหารถูกวิธีหรือไม่ด้วย
“ผมขอโทษครับอาจารย์ ต่อไปผมจะระวังมากขึ้นครับ”
ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ผมถูกโคฮาคุดุแบบนี้ ผมรู้สึกแปลกใจมากๆเลย แต่ก็รู้สึกดีใจอยู่หน่อยๆเหมือนกัน เธอไม่เพียงแต่เป็นคนที่ใจดี
แต่เธอกลับมีด้วยที่เข้มงวดสมกับที่เป็นครูด้วยสินะ
ผมจึงตั้งใจหั่นหน่อไม้ฝรั่งและผักกาดอย่างตั้งใจ
และเมื่อผมหันไปมอง ก็เห็นชิราซะวะซังกำลังหั่นกะหล่ำปลีด้วยท่าทางที่ดูอันตรายโคตรๆอยู่ ผมมองดูท่าทางของเธอด้วยความกังวลจนกระทั่ง
เธอหนั่นกะปล่ำเสร็จ
เมื่อพวกเราของคนสบตากัน เธอก็ทำสีหน้ากระวนกระวาย
“ชั้นทำเสร็จแล้ว”
“ขอบคุณครับ ทีนี้ก็เหลือเเค่เบค่อน”
“นายจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?”
“พูดเรื่อง?”
“นายคงกำลังคิดว่าชั้นทำไมดูไม่เก่งเหมือนพี่เลย…หรืออะไรประมาณนั้นอยู่ใช่มั้ย?”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ทั้งพี่สาวทำอาหารเก่งนาดนั้น แต่น่าแปลกที่น้องสาวเเท้ๆของเธอกลับทำอาหารไม่ได้เรื่อง นายคงกำลังคิดแบบนั้นอยู่เเน่ๆ”
อ่อ คงจะเคยมีคนเปลี่ยนเทียบเธอกับโคฮาคุสินะ บางทีที่เธอไปยืนหนังสือทำอาหารมาอ่านคงเพื่อเตรียมตัวสำหรับเรียนทำอาหารในวันนี้สินะ
แล้วก็เธอพูดติดตลกออกมาว่า
“ชั้นจะไปเทียบกับโอเน่จังได้ยังไง คนที่เอาชั้นไปเทียบนิคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”
เมื่อเธอพูดจบ พวกผู้ชายคนอื่นๆก็กกลับมา
“ขอโทษที่ให้รอ เดี๋ยวชั้นจะต้มเส้นพาสต้าเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ชั้นจะแสดงให้พวกนายดูเอง ถึงเทคนิคในการหั่นเบค่อนที่ได้เรียนมาจากชิราซะวะเซนเซย์”
พวกเขาเคลื่อนไหนอย่างกระฉับกระเฉง สงสัยว่าพยายามโชว์ด้านดีๆของตัวเองให้โคฮาคุได้เห็น ชิราซาวะซังกับผมก็คงยังช่วยกันทำอาหารต่อไปโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกทิ้งไว้ ในที่สุดพาสต้าแสนอร่อยก็พร้อมเสิร์ฟ
หลังเลิกเรียน
ผมกำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาล
ในช่วงพักของคาบที่ 5 ผมได้รับข้อความจากอาคาริ
[หลังเลิกเรียนให้มาที่ห้องพยาบาลหน่อย] เมื่อผมถามกลับไปว่าทำไง ก็ได้รับคำตอบเเค่ว่า [ชั้นอยากเจอนาย]
ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ผมไม่สามารถเพิกเฉยต่ออาคาริได้
หากมีนักเรียนอยู่ที่ห้องพยาบาล อาคาริก็คงทำหน้าที่เป็นครู หรือแม้จะไม่มีนักเรียนอยู่ก็ตาม เธอก็ไม่น่าจะกล้าทำอะไรที่มันเสียงๆหรอกมั้ง
ขณะที่ผมภาวนาอยู่ในใจว่าขอให้มีนักเรียนคนอื่นอยู่ด้วยเถิดอยู่นั้น ผมก็เดินมาถึงห้องพยาบาลจนได้
“ขออนุญาตครับ”
ผมเคาะประตูห้องพยาบาลและเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นอาคาริกำลังนั่งไข่วห้างอยู่บนเก้าอี้ วันนี้เธอใส่กระโปรงสั้นรัดรูป
ทำให้ตอนนี้เธอดูเซ็กซี่มาก
“เชิญนั่งลงก่อนสิ”
เธอบอกให้ผมนั่งลงโดยที่รักษาท่าทีที่่ของเธอเอาไว้ ดูเหมือนเธอจะอยู่คนเดียว ผมควรจะต้องระมัดระวังแล้วปฏิบัตต่อเธอด้วยความเคารพ
ขณะที่ผมนั่งลงตรงข้ามกับอาคาริ
“แล้วที่ให้ผมมาวันนี้ต้องการอะไรครับ?”
“ให้คำปรึกษา ชั้นจะช่วยให้เธอไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในโรงเรียน ชั้นจะถามคำถามเธอซัก2-3ข้อ เพราะฉะนั้นให้ตอบมาตามตรง”
เมื่อเธอพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง แล้วอาคาริก็ไขว้ขาสลับข้างจากท่าเดิม สายตาของผมถูกสะกดไว้ที่เรียวขาของเธอ ต้นขาของเธอโผล่
ออกมาให้เห็นจากกระโปรงสั้นรัดรูปของเธอ
“เธอสนุกกับชีวิตในโรงเรียนของเธอในต้องนี้ไหม?”
“เอ่อ ก็สนุกดีครับ”
“งั้นเหรอ? เอาล่ะคำถามต่อไป เธอสามารถตามบทเรียนในห้องเรียนได้ทันหรือไม่?”
อาคาริจัดไขว้ขาสลับข้างอีกครั้ง มันทำให้ผมเสียสมาธิจนต้องเหลียวไปมอง ขณะที่อาคาริกำลังพยายามให้คำปรึกษากับผมอย่างจริงจัง
แต่ผมกลับละสายตาไปจากเรียวขาของเธอไม่ได้เลย
“จนถึงตอนนี้ผมว่าผมก็ทำได้ดีอยู่ครับ”
“เธอได้หลับระหว่างคาบเรียนบ้างไหม?”
“ผมไม่ได้ทำครับ”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นก็ดี”
เธอจัดขาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ผมไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของอาคาริ แล้วอาคาริก็ทำท่าเอื้อมไปหยิบปากกาที่โต๊ะ
แต่ดันทำปากกาหล่นลงพื้นซะนี่!
“นี่เธอช่วยเก็บปากกาให้ครูหน่อยได้ไหม”
เมื่อผมก้มลงไปหยิบปากกาที่หล่นอยู่ตรงเท้าของอาคาริ เธอจัดขาใหม่อีกครั้งอย่างตั้งใจในจังหวะที่เหมาะสมกับที่ผมเงยหน้าขึ้นมาพอดี
จากมุมนั้นทำให้ผมเห็นขาอ่อน และกางเกงในของเธอชัดเต็มสองตาเลย
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ เชิญต่อได้เลย”
ผมส่งปากกาให้กับอาคาริ แล้วกลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
“ขอบคุณนะ เอาล่ะคำถามต่อไป เธอใจเต้นแรงหลังจากที่เห็นกางเกงในของชั้นหรือไม่?”
เห้ยนั้นมันเป็นคำถามที่คนเป็นครูควรถามงั้นเหรอ!
ผมเห็นว่าอาคาริไขว้ขาสลับไปมาอยู่ซักพักแล้ว นี่เธอพยายามยั่วผมอยู่งั้นเหรอ!
“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้หรอกนะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราอยู่กันที่โรงเรียนนะ อย่ามาทำเรื่องบัดสีแบบนี้
ถ้าเธอคิดจะโชว์กางเกงในให้ผมดูล่ะก็ ให้ไปทำตอนที่เราอยู่ที่บ้าน”
เมื่อผมพูดออกไปอย่างชัดเจน อาคาริก็ดูโล่งใจขึ้นมา
“ชั้นขอโทษนะที่ให้นายมาเห็นกางเกงในที่โรงเรียน”
“แต่ว่าชั้นอยากให้นายเห็นกางเกงในของชั้นที่โรงเรียนจริงๆนะ”
“แล้วทำไมเธอต้องยึดติดกับการที่ต้องทำรงเรียนขนาดนั้น?”
“เอ่อคือว่า…”
เธอทำหน้าเหมือนกันเป็นเรื่องที่พูดยาก แต่สุดท้ายเธอก็พูดออกมา
“ชั้นหวังให้มันเกิด ทฤษฎีสะพานแขวน นะ”
(ทฤษฎีสะพานแขวน เป็นทฤษฎีที่ว่ากันว่าคนเราสามารถตกหลุมรักคนที่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์เสี่ยงๆมาด้วยกันได้ อธิบายก็คือ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่จิตใจไม่มั่นคง กำลังหวาดกลัว ตื่นเต้น หรือกำลังถูกกดดัน หากมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วย มีความเป็นได้สูงมาก ๆ ที่เราจะตกหลุมรักเขาหรือเธอคนนั้นนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป)
เพื่อทำให้ผมตกหลุมรักเธอ เธอจีงสร้างสถานการณ์ตื่นเต้นนี้ขึ้นมา โดยใช้ห้องพยาลบาลแล้วให้ผมดูกางเกงในสินะ
“ถึงเธอจะไม่พึ่งวิธีแบบนี้ ผมก็รักอาคาริมากๆอยู่แล้ว พูดตรงๆเลย ผมล่ะอยากเห็นกางเกงในของเธออีกจัง”
“เอ๊ะ! จริงเหรอ อยากเห็นกางเกงในชั้นอีกใช่มั้ย?”
“นั่นมันคือกางเกงในของผู้หญิงที่ผมรักนะ แน่นอนอยู่แล้วที่ผมอยากจะเห็นมัน แต่ถึงอย่างนั้นที่โรงเรียนก็ไม่ใช่สถานที่ที
ผมจะพูดออกไปว่าอยากเห็นได้ ผมว่ามันต้องเป็นที่ที่สงบใจได้มากกว่านี้”
“แต่ว่า…ชั้นไม่สามารถรู้สึกสงบใจที่บ้านของโทวมะได้”
“บ้านผมไม่ดีเหรอ?”
“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้น คือที่ชั้นสงบใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าชิราซาวะเซนเซย์จะโผล่เข้ามาตอนไหนนะ”
“แล้วที่บ้านของอาคาริล่ะ?”
“เออคือ…บ้านของชั้นมันรกมากนะ”
อาคาริพูดออกมาด้วยความเขินอาย