EP.465 เตรียมพร้อม
เหล่าปีศาจโจมตีอีกคราในตอนเย็นก่อนล่าถอยไปหลังทิ้งซากศพอสูรเกราะหลายร้อยตนไว้กลาดเกลื่อน เหมือนว่าเฉียนเฟิงจะไม่มีเจตนาโจมตีเมืองอย่างเต็มกำลัง เขาต้องมีแผนอื่นเป็นแน่
ภายในค่ายเผ่าปีศาจ เหล่านายพลระดับสูงยืนรอคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เฉียนเฟิงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบแผ่วเบาก่อนเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “ได้ข่าวองค์หญิงทั้งสองบ้างหรือไม่?”
“ยังขอรับ”
เลี่ยนหยานประสานหมัดพร้อมกล่าว “องค์หญิงถูกจับขึ้นเรือรบของจักรวรรดิ ซึ่งมันแล่นอยู่ในแม่น้ำต้าวเจียง ทว่าอสูรปีกที่ติดตามไปกลับไม่พบผู้ใดบนเรือเลยขอรับ”
“หือ?”
เฉียนเฟิงกระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะก่อนกล่าวออก “หากเจ้าหาองค์หญิงทั้งสองไม่พบก็เตรียมหัวหลุดออกจากบ่ากันได้เลย…แล้วพวกแมงดาทะเลจะมาถึงเมื่อใด?”
“แมงดาทะเลหรือขอรับ?” เลี่ยนฉิงกล่าวออกพร้อมสีหน้าเย้ยหยัน “พวกแมงดาทะเลโง่เขลาและไม่รู้วิธีการสื่อสาร เราจึงยังไม่ได้รับข่าวคราวใดจากพวกมันเลยขอรับ ทว่าพวกมันมาถึงทะเลน้ำตื้นทางทิศตะวันออกของมณฑลหลิงตงเมื่อสองเดือนก่อน หากไม่หลงทาง…ตอนนี้คงมาถึงลุ่มแม่น้ำต้าวเจียงในมณฑลชางหนานแล้วขอรับ”
“หล่อกริชเตรียมไว้เสีย”
“ท่านผู้บัญชาการจะเอาไปทำสิ่งใดขอรับ?”
“นำไปให้กองทัพแมงดาทะเล” เฉียนเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หลินมู่อวี่ต้องรู้แน่ว่าเราปิดล้อมทางหนีทางบนบกไว้หมดแล้ว เขาจึงเริ่มขุดแม่น้ำต้าวเจียงเพื่อวางแผนหนีไปทางอื่น เฮ้อ…หากแต่จะหนีไปทางน้ำก็ไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย ข้าต้องการให้แผนของหลินมู่อวี่พังไม่เป็นท่า…ฉะนั้นรีบหล่ออาวุธไว้ให้กองทัพแมงดาทะเลเสีย และอย่าให้พวกมันโผล่มาเหนือน้ำเด็ดขาด มิเช่นนั้นอีกฝ่ายไหวตัวทันแน่”
“ขอรับ…”
…
ทางทิศตะวันตกของเมืองห้าหุบเขา “เอี๊ยด” ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ฝุ่นเกาะหนาทึบถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้าหลินมู่อวี่ค่อยๆ ก้าวลงบันไดไปยังชั้นใต้ดิน ตามมาด้วยเว่ยโฉว ซือตู่เซินและซือตู่เฉว่ ขณะนั้นจ่าวหลีเทียนอดีตเจ้าเมืองห้าหุบเขากล่าวออกด้วยความเคารพขณะชูคบเพลิงในมือ “อู่สร้างเรือนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อสามร้อยปีก่อนขอรับ เนื่องจากมันถูกซ่อนอยู่ใต้ดินจึงมีน้อยคนนักที่รู้ เราค้นพบอู่นี้โดยบังเอิญเมื่อไม่นานมานี้”
พื้นที่ใต้ดินกว้างขวางมาก
ไกลออกไป มีเรือรบหลายลำตั้งอยู่บนพื้นดิน ขณะที่น้ำในอู่สร้างเรือใต้ดินแห่งนี้แห้งเหือดไปจนหมดสิ้น
“ท่านพบมันเมื่อใดหรือ?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม
“เมื่อเช้านี้เองขอรับ มีเด็กกลุ่มหนึ่งพบมันเข้าขณะที่พวกเขากำลังเล่นกัน จากนั้นข้าก็ดูแลที่นี่อย่างดี ยังไม่มีสิ่งใดถูกจับต้องแม้แต่น้อยขอรับ”
“งั้นรึ?”
หลินมู่อวี่เหลือบมองรอยเท้าบริเวณท้ายเรือรบก่อนยกยิ้มพร้อมกล่าว “เช่นนั้นขึ้นไปสำรวจบนเรือกันเถิด”
เมื่อทุกคนขึ้นไปบนเรือลำแรก พวกเขาพบกล่องมากมายวางเรียงรายอยู่ เว่ยโฉวก้าวเข้าไปเปิดมันอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นแสงสีทองส่องประกายออกมาจากภายในกล่อง ทั้งหมดคือเงินเหรียญทอง…
“พระเจ้า…” ดวงตาคู่สวยซือตู่เฉว่เปล่งประกาย
จ่าวหลีเทียนกล่าวออก “เรือรบเหล่านี้เป็นของหูเถี่ยหนิงขอรับ”
“เช่นนี้เอง…”
หลินมู่อวี่ยิ้มแผ่วเบา “คงเป็นของหูเถี่ยหนิงที่วางแผนจะใช้เรือรบเหล่านี้ขนส่งเหรียญทองออกจากเมืองห้าหุบเขา ทว่ากลับถูกสังหารตายตกเสียก่อนจะได้จากไป จงนับดูว่ามีเหรียญทองทั้งหมดเท่าใด”
เว่ยโฉวนับอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการ เรือรบเหล่านี้เต็มไปด้วยเหรียญทอง หากดูจากจำนวนกล่องคงมีเหรียญอย่างน้อย…ยี่สิบล้านเหรียญหรือมากกว่านั้นขอรับ…”
ซือตู่เฉว่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “โอ้ ครานี้ข้าช่างโชคดีนัก…”
หลินมู่อวี่กล่าวคำออก “ทั้งหมดนี้เป็นผลกำไรผิดกฎหมายจากการลักลอบขุดเหรียญทองของหูเถี่ยหนิง ส่งคนมาขนเหรียญทองทั้งหมดลงจากเรือ เราต้องใช้เรือรบเหล่านี้หลบหนีซึ่งไม่สามารถขนเหรียญทองจำนวนมากเหล่านี้ไปด้วยได้”
“หือ ท่านผู้บัญชาการ ท่านไม่ต้องการเหรียญทองเหล่านี้หรือเจ้าคะ?” ซือตู่เฉว่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
หลินมู่อวี่มองนางก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพเฉว่ อย่าได้กังวลไป หลังจากเอาชนะเผ่าปีศาจได้ เมืองแห่งนี้ก็จะเป็นอาณาเขตของเรา เมื่อมึงเวลานั้นค่อยกลับมาขนเหรียญทองเหล่านี้ไปก็ไม่สาย”
เว่ยโฉวสูดหายใจเข้าก่อนกล่าวออก “ท่านผู้บัญชาการขอรับ ด้วยความเคารพอย่างสูง เมืองห้าหุบเขาแห่งนี้เดิมทีเป็นเมืองที่ปกครองโดยเซี่ยงอวี้และอยู่ในอาณาเขตของท่านหลานกง ทว่าทหารของพวกเขาทั้งสองตายตกไปจนหมดสิ้น คงเป็นการดีหากเราให้ทหารบางส่วนอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องเมือง เช่นนั้นหลังจากเอาชนะเผ่าปีศาจได้ เมืองห้าหุบก็จะตกเป็นของพวกเราจักรวรรดิฉิน มิใช่ของตระกูลถังอีกต่อไปขอรับ”
“ข้าก็ตั้งใจเช่นนั้น” หลินมู่อวี่พยักหน้า “เลือกผู้บัญชาการของกองทหารมังกรผงาดมาหนึ่งนายเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารแห่งเมืองห้าหุบเขา แต่งตั้งจ่าวหลีเทียนให้เป็นรองผู้บัญชาการพร้อมทั้งผู้บัญชาการกองร้อยอีกสิบนาย จากนั้นให้ผู้บัญชาการทหารรวบรวมกองกำลังป้องกันและกองกำลังรักษาการณ์ของเมืองห้าหุบเขา โดยที่กองทัพนี้จะขึ้นตรงต่อข้าและองค์จักรพรรดินีเท่านั้น”
เว่ยโฉวยิ้มและพยักหน้า “ข้าจะจัดการทันทีขอรับ”
…
กลางดึกสงัด ท่าเรือใต้ดินเต็มไปด้วยเหล่าทหารค่ายมังกรผงาดที่พากันขนกล่องเหรียญทองลงจากเรืออย่างมีชีวิตชีวา พวกเขาปล่อยน้ำจากแม่น้ำต้าวเจียงเข้ามาเพื่อเตรียมเรือรบห้าสิบลำให้พร้อมออกจากท่า ทุกคนต่างเฝ้ารอคำสั่งของหลินมู่อวี่เพื่อล่าถอยจากเมืองห้าหุบเขาเพราะไม่มีผู้ใดอยากอยู่ที่นี่เพื่อรอความตาย
ณ กระโจมหลัก ซือตู่เฉว่ถือเทียนส่องให้ความสว่างแก่หลินมู่อวี่ที่กำลังสำรวจภูมิประเทศบนโต๊ะทรายอย่างเคร่งเครียด
หลินมู่อวี่จ้องมองอยู่นานก่อนจะเหลือบไปเห็นที่ราบลุ่มระหว่างเมืองห้าหุบเขาและเมืองลี่เฉิง เขาชี้นิ้วลงไปพร้อมเอ่ยถาม “พื้นที่นี้อยู่ที่ใด?”
ทหารเมืองห้าหุบเขาประสานหมัดพร้อมกล่าว “ขออนุญาตขอรับท่านผู้บัญชาการ ที่ราบลุ่มแห่งนี้ถูกเรียกว่าทุ่งอัคนีขอรับ”
“มีความสูงจากน้ำทะเลเท่าใด?”
“พันสองร้อยยี่สิบห้าเมตรขอรับ”
“แล้วแม่น้ำต้าวเจียงล่ะ?”
“พันยี่สิบสามเมตรขอรับ ในฤดูนี้คงสูงราวพันยี่สิบสี่เมตร”
“ต่ำเกินไป” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “เขื่อนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำต้าวเจียงสูงเท่าใด?”
“หนึ่งร้อยเมตรจากผิวน้ำขอรับ ราชาผู้เที่ยงธรรมเป็นผู้สั่งสร้างเขื่อนเมื่อยี่สิบปีก่อน”
“โอ้…”
หลินมู่อวี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกวูบไหว “เสด็จพ่อช่วยข้าไว้อีกแล้ว”
“ท่านผู้บัญชาการหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?” ซือตู่เฉว่งุนงง
หลินมู่อวี่ยกยิ้มโดยไม่กล่าวคำใดก่อนเอ่ยถาม “หากเทียบพื้นที่ทุ่งอัคนีกับความจุของแม่น้ำต้าวเจียงล่ะ?”
ทหารผู้ให้คำปรึกษาขมวดคิ้วก่อนกล่าว “ข้อมูลเช่นนั้น…ต้องออกไปสำรวจและจัดทำแผนที่โดยเฉพาะก่อนขอรับ ข้าไม่กล้ายืนยันสิ่งใดในตอนนี้”
“เราไม่มีเวลาขนาดนั้น ลองบอกอัตราส่วนที่เจ้าคิดว่าถูกต้องมาเถิด”
“ขอรับ”
นายทหารประสานหมัดก่อนกล่าว “แม่น้ำต้าวเจียงกว้างใหญ่และไหลเชี่ยวกรากนัก เมื่อคำนวณจากพื้นที่ของทุ่งอัคนี หากต้องการให้น้ำท่วมทุ่งหนึ่งเมตร ท่านต้องปล่อยน้ำจากแม่น้ำต้าวเจียงอย่างน้อยสามเมตรเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงขอรับ ดังนั้นหากจะให้น้ำท่วมสูงอย่างน้อยห้าเมตร ท่านต้องปล่อยน้ำประมาณสามเมตรขึ้นไปเป็นเวลาชั่วโมงครึ่งขอรับ ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ของข้าเท่านั้น”
“อืม ข้ารู้”
หลินมู่อวี่พยักเห็นด้วย “ขอบใจที่ทำงานหนัก อย่าบอกผู้ใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากแผนนี้สำเร็จ เจ้าจะช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย”
“ขอบคุณที่ท่านวางใจขอรับ…”
หลินมู่อวี่จ้องมองโต๊ะทรายอีกครา ทหารผู้ให้คำปรึกษายกยิ้มก่อนชี้มือไปยังจุดหนึ่งในแม่น้ำต้าวเจียงพร้อมกล่าว “ที่นี่ห่างจากเมืองลี่เฉิงที่ท่านผู้บัญชาการเฟิงประจำการอยู่เพียงห้าไมล์ขอรับ อีกทั้งเมืองนี้ยังเคยมีเขื่อนกั้นน้ำทว่าถูกรื้อถอนไปในเวลาต่อมา กระนั้นก็ยังมีคงก้อนอิฐจำนวนมาก เราสามารถใช้กองกำลังทหารและพลเรือนราวแสนคนเพื่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำได้ภายในสามวันขอรับ”
“อืม…”
หลินมู่อวี่ตบโต๊ะพร้อมกล่าวด้วยความมุ่งมั่น “นำกระดาษและพู่กันมา ข้าจะเขียนสารถึงพี่เฟิง”
ซือตู่เฉว่ตอบรับด้วยสีหน้างุนงง “เจ้าค่ะ…”
“นอกจากนี้ จงออกคำสั่งให้ทหารมังกรผงาดทุกนายไปหาไม้ในเมืองห้าหุบเขามาคนละหนึ่งแผ่น โดยที่ขนาดของแผ่นไม้ต้องใหญ่พอที่จะบรรทุกร่างมนุษย์คนหนึ่งให้ลอยเหนือผืนน้ำได้”
“เจ้าค่ะ”
…
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยวไป๋พิราบส่งสารของฉู่เหยาสยายปีกร่อนลงบนขอบระเบียงของลานขนาดเล็กแห่งหนึ่งในเมืองลี่เฉิง ก่อนส่งเสียงร้องสองสามครา
เจ้าหน้าที่หญิงของสมาพันธ์โอสถนางหนึ่งจับเสี่ยวไป๋ขึ้นมาบนมืออย่างอ่อนโยนก่อนเดินไปเคาะประตู “ท่านผู้นำ พิราบมาส่งสารเจ้าค่ะ”
“งั้นรึ?”
ฉู่เหยาเดินไปรับสารซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นลายมือของหลินมู่อวี่ แววตาปรากฎความตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว ทว่ากลับพบว่าสารนั้นเขียนถึงเฟิงจี้สิง
“พาข้าไปหาผู้บัญชาการเฟิง”
“เจ้าค่ะ…”
ฉู่เหยาสวมใส่เสื้อคลุมผู้นำสมาพันธ์โอสถก่อนมุ่งไปทางใต้ของเมืองลี่เฉิงทันที
ณ ค่ายทหารทางใต้ เหล่าทหารจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับพวกปีศาจต่างพักฟื้นอยู่ที่นี่ ฉู่เหยาเดินเข้ามาขณะที่เฟิงจี้สิงกำลังเดินตรวจตราการฝึกยิงอาวุธของกองทหาร “ว่าอย่างไรอาเหยา?”
“มีสารจากอาอวี่…”
“ส่งมาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ”
หลังเปิดสารออกและตั้งใจอ่านอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าของเฟิงจี้สิงพลันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อาอวี่ว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะผู้บัญชาการเฟิง?”
“ฮ่าๆๆ” เฟิงจี้สิงหัวเราะก่อนกล่าว “ในโลกนี้คงมีเพียงอาวี่เท่านั้นที่สามารถคิดกลยุทธ์บ้าๆ นี้ขึ้นมาได้…เอาล่ะ จงรวบรวมถุงผ้าและกระสอบทั้งหมดในเมืองเพื่อทำกระสอบทรายพร้อมหาดินและทรายมาใส่ให้เยอะที่สุด ใช้กองกำลังคนทั้งหมดเท่าที่มีเริ่มภารกิจนี้ทันที นี่เป็นคำสั่งสูงสุดของเมืองลี่เฉิงหรือแม้แต่ของจักรวรรดิ…”
“รับทราบเจ้าค่ะ”
เฟิงจี้สิงทอดสายตาไปยังทิศใต้ของเมืองห้าหุบเขาก่อนกล่าว “ข้าหวังว่าแผนครานี้จะสำเร็จลุล่วง เช่นนั้น…อาอวี่จะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ฉู่เหย่าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
เฟิงจี้สิงมองนางอย่างมีเลศนัยก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นความลับทางทหาร ข้าไม่อาจบอกเจ้าได้ เมื่อแผนประสบความสำเร็จ อาเหยาจะเข้าใจเอง…”
ฉู่เหยาเป็นน้องสาวของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้เป็นสหายรักของเฟิงจี้สิง จึงไม่แปลกที่เขาจะเอ็นดูฉู่เหยาเฉกเช่นน้องสาวในสายเลือดของตน
…………………………………..