บทที่ 466 นักรบกลางเหมันต์
บทที่ 466 นักรบกลางเหมันต์
ชัดแล้วว่าคราวนี้ท่านพ่อไม่ยอมให้นางไปด้วยแน่ ๆ
เสี่ยวเป่ารู้สึกขัดใจปนโมโหเล็กน้อย แก้มจึงป่องออกจนเกือบเหมือนปลาปักเป้า
แต่นางก็เข้าใจว่าท่านพ่อเป็นห่วง
ถึงอย่างนั้นนางก็หยุดความขัดแย้งภายในใจไว้ไม่ได้
นางอยากช่วยท่านพ่อ แม้แต่เทียนเต้ายังต้องยอมรับในความโชคดีของนาง
ตัวยาสำคัญที่ท่านพ่อและท่านอาจารย์ตามหามานาน บางทีหากนางติดตามไปด้วยอาจช่วยให้ท่านพ่อพบมันก็ได้
แต่อีกใจหนึ่งนางก็กลัวว่าหากตนดื้อดึงจะตามไปให้ได้ นางอาจไปเป็นภาระและเพิ่มความลำบากให้พวกเขา
เสี่ยวเป่ากอดหมอนกลิ้งไปมาบนเตียง ความคิดในหัวตีกันยุ่งเหยิง จนกระทั่ง… ผล็อยหลับไป
เช้าวันใหม่ จิตใจแจ่มใส เสี่ยวเป่าลืมตาตื่นขึ้นมานั่งเกาหัวแกรก ๆ
ก่อนจะปีนลงจากเตียง เตรียมจะไปขอโทษท่านพ่อ
ไม่ให้ไปก็… คราวนี้ไม่ไปด้วยก็ได้
หากท่านพ่อไปกันเองแล้วหาพบก็ดีไป แต่ถ้าไปคราวนี้แล้วยังหาไม่พบ เช่นนั้นคราวหน้านางก็จะขอติดตามพวกเขาไปด้วยให้ได้
เสี่ยวเป่าหาทางออกให้ตนเองได้แล้ว ตอนนี้ความกังวลทั้งหมดถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น!
แต่นางคิดว่าพวกเขาอาจจะยังไม่ได้ไปฉางเซิงเทียนตอนนี้ ถึงอย่างไรก็ยังมีการศึกที่ต้องทำ ชาวเผ่าเทียนกู่น่าอาจยังไม่พาพวกเขาไปก็ได้
ฤดูหนาวอันยาวนาน
ระหว่างทางกลับ ชาวเทียนกู่น่าถูกปล้นอยู่หลายหน ทว่าโจรพวกนั้นไม่เพียงแต่ปล้นไม่สำเร็จ แต่ยังถูกชาวเทียนกู่น่าปล้นเสียเอง
กระทั่งเสื้อผ้าติดกาย ชาวเทียนกู่น่าก็ไม่ละเว้น พวกเขาปล้นโจรชั่วพวกนั้นมาจนหมด
เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลยทีเดียว
เพราะเสื้อผ้าพวกนั้นช่วยให้เด็ก ๆ ในเผ่าอบอุ่นขึ้นได้
การเดินทางออกมาแลกเปลี่ยนสิ่งของในคราวนี้ พวกเขาได้ของดีมากมายกลับไปด้วย ทั้งยังมีเหล้าดี ๆ ให้จิบคลายหนาวระหว่างทาง ช่างเป็นการเดินทางที่วิเศษเสียจริง
ต้องขอบคุณในน้ำใจของชาวต้าเซี่ยอีกครั้ง ฉางเซิงเทียนจะปกป้องคุ้มครองพวกเขาอย่างแน่นอน!
เมื่อกลับมาพร้อมกับเสบียงอาหารมากมาย ชาวเทียนกู่น่าเดินทางไปเรื่อย ๆ ผ่านดินแดนทุ่งหญ้า สายลมหนาว หิมะโปรยปรายไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางแต่อย่างใด จนในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ก่อนจะหายตัวเข้าไปข้างในนั้น
มีเพียงเสียงทุ้มต่ำของเหล่าชายชาตรีร้องรำทำเพลงล่องลอยไปตามสายลมหนาว
ในที่สุดพวกเขาก็ถึงบ้าน
เผ่าเทียนกู่น่าเป็นเผ่าที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาเหมันต์ลึกลับ รายล้อมด้วยอันตราย
ผู้คนในเผ่าบ้างอาศัยในกระโจม บ้างก็อาศัยอยู่ในถ้ำ
พอเห็นกลุ่มคนที่พึ่งเดินทางกลับมาถึงเผ่า คนในเผ่ารีบส่งเสียงต้อนรับ
“กู๋เหมิง พวกเจ้ากลับมาเสียที!”
“เกลือของเรากำลังจะหมด หากพวกเจ้าไม่กลับมา พวกเราคงไม่มีแรงออกไปล่าสัตว์แล้ว”
แม้พวกเขาจะอาศัยอยู่บนหุบเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่ก็มีสัตว์มากมายอาศัยอยู่ที่นี่
เขาเหมันต์แห่งนี้ยังมีป่าหนาทึบอยู่หลายแห่ง
“คราวนี้เราได้ของมาเยอะทีเดียว”
เหล่าผู้เดินทางไปแลกเปลี่ยนสิ่งของกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“อะนี่… เกลือที่เจ้าต้องการ”
เมื่อเห็นกระสอบเกลือที่พวกเขาขนลงจากเกวียน คนทั้งเผ่าถึงกับเบิกตากว้าง
หัวหน้าเผ่าเปิดกระสอบเกลือออกเพื่อลองลิ้มรสเกลือด้านใน เคราบนหน้าถึงกับสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น
“เกลือจริงด้วย เกลือนี่ไม่ขมเลยสักนิด ทั้งยังมีเยอะมาก เยอะจน…”
เขาดีใจเสียจนพูดไม่ออก ทำได้แค่เดินไปตบไหล่กู๋เหมิงและคนอื่น ๆ อย่างแรงจนเกิดเสียงดัง
ด้วยแรงขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงล้มจมกองหิมะแล้ว
แต่กู๋เหมิงกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน
ส่วนผู้ที่ติดตามไปกับกู๋เหมิงก็เริ่มแนะนำสิ่งของอื่น ๆ ที่ได้มาพร้อมเล่าถึงความมีน้ำใจของชาวต้าเซี่ย บ้านเมืองความเป็นอยู่ และของดีมากมายที่ต้าเซี่ยมีให้คนในเผ่าฟัง
พอคนในเผ่าได้ฟังดังนั้นก็พลันอยากลองไปดูด้วยตาตนเอง
แต่ว่าพวกเขาเพียงอยากร่วมเดินทางไปแลกเปลี่ยนสิ่งของเท่านั้น
ออกไปเปิดหูเปิดตา ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายกว่าที่นี่นั้นหาได้สนใจ
พวกเขาเป็นเผ่านักรบที่เกิดและโตมาท่ามกลางหิมะขาว เป็นผู้พิทักษ์ที่ภักดีที่สุดของฉางเซิงเทียน
มันคือชีวิตที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาลืมตาดูโลก
ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด พวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะไปจากที่นี่
แต่หากเป็นการออกไปแลกเปลี่ยนสิ่งของจำเป็นสำหรับคนในเผ่า พวกเขาย่อมยินดียิ่ง
ซึ่งข้าวของที่พวกเขาแลกมาได้คราวนี้ล้วนจำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างมาก
เกลือจำนวนมาก พอให้ใช้ไปอีกนาน มันทำให้ชาวเผ่าทุกคนมีกำลังใจและโล่งใจอย่างยิ่ง
ตราบใดที่ยังมีเกลือ พวกเขาย่อมมีแรงออกไปล่าสัตว์ คนทั้งเผ่าจะไม่มีทางตกอยู่ในความสิ้นหวัง
และครั้งนี้พวกเขาไม่เพียงแต่นำเกลือกลับมาเท่านั้น แต่ยังนำข้าวของแปลกตากลับมาด้วย
ทั้งเสื้อขนสัตว์และผ้าห่มหนานุ่มล้วนเป็นที่ชื่นชอบของผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี
แต่เสื้อขนสัตว์และผ้าห่มพวกนั้นดูใหม่และสะอาดมาก เนื้อตัวพวกเขาสกปรกเกินไปจึงไม่กล้าแตะต้องพวกมัน
เสบียงอาหารจำนวนมาก พอให้กินอิ่มท้องอีกนาน
นมผงยังทำให้สตรีในเผ่าร่ำไห้ด้วยความดีใจ
ส่วนเหล้านั้นถึงขั้นทำให้เหล่าชายชาตรีหลั่งน้ำตา
“ท่านผู้นำ นำของไปแลกเปลี่ยนคราวหน้าข้าขอไปด้วย ข้าอยากลองไปเหยียบเมืองหน้าด่านของอาณาจักรต้าเซี่ยสักครั้ง”
“ท่านผู้นำ ข้าก็อยากไปเหมือนกัน กู๋เหมิงบอกว่าระหว่างทางเขาเจอโจรดักปล้นอยู่หลายหน หากข้าไปด้วย พวกมันไม่มีทางแตะต้องสิ่งของของเราได้”
“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร เราเองก็ไม่ได้ปล่อยให้โจรพวกนั้นแตะต้องสิ่งของของเราเหมือนกันนั่นแหละ!”
คราวนี้โชคดีที่เอาชนะโจรพวกนั้นได้ หากคราวหน้าโดนปล้นอีกจะทำอย่างไร ไม่ได้การแล้ว ยอมไม่ได้เด็ดขาด!
หัวหน้าเผ่า “ทุกคนใจเย็นหน่อย เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยหารือกันทีหลัง เรื่องสำคัญที่สุดตอนนี้คือเราต้องหาขนสัตว์และสมุนไพรที่จะนำไปแลก หากเรามีของล้ำค่าและหายาก เราอาจจะนำไปแลกเปลี่ยนกับชาวต้าเซี่ยได้มากกว่านี้”
หัวหน้าเผ่าเชื่อว่าชาวต้าเซี่ยเป็นมิตร น่าคบหากว่าชาวเผ่าทุ่งหญ้าเสียอีก
เมื่อเห็นว่าการแลกเปลี่ยนคราวนี้เป็นที่น่าพอใจยิ่ง นักรบเผ่าเทียนกู่น่าจึงฮึกเหิมและมีกำลังใจในการหาของป่า เพื่อนำไปแลกเปลี่ยนกับชาวต้าเซี่ยในครั้งต่อไป!
ในขณะที่พวกเขากำลังขนข้าวของที่แลกเปลี่ยนมาได้ไปเก็บกันอย่างระมัดระวัง กู๋เหมิงและคนอื่น ๆ ก็ถูกหมอผีประจำเผ่าเรียกไปพบเสียก่อน