ได้ยินเพียงเสียงคุณชายชิงเฉินเอ่ยต่อว่า “ฮองเฮาทั้งสามรัชสมัยเป็นของทั้งสามแคว้นพอดี ผ่านมาหลายร้อยปีตามลำดับ ดังนั้นจะบอกว่าเขาซางหมางมีอำนาจมากมายก็น่าจะไม่เกินจริง มิฉะนั้นแล้วความเจริญรุ่งเรืองและความลึกลับคงมิอาจดำรงอยู่ต่อมาได้ มายามนี้ ในเมื่อทายาทของเขาซางหมางลงเขามาแล้ว เช่นนั้น…คนอื่นๆ ในเขาซางหมางก็คงอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก ดังนั้นยามนี้ท่านอ๋องมีบนกลางล่างให้เลือกอยู่สามทาง”
ม่อซิวเหยายิ้มเอ่ยอย่างมีความคิดบางอย่างในใจ “ข้ารอฟังอยู่”
สวีชิงเฉินยิ้มเอ่ยว่า “ทางข้างล่างคือ ท่านอ๋องมิต้องสนใจตงฟางโยว ไว้นางยอมแพ้แล้วเชื่อว่าคงไปเลือกผู้อื่นแน่ แต่ถึงเวลานั้นตำหนักติ้งอ๋องจะมีศัตรูตัวฉกาจเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ทางตรงกลางคือท่านอ๋องรับตงฟางโยวเข้ามาเป็นชายารองตามที่นางประสงค์ ถึงเวลานั้นเขาซางหมางต้องช่วยตำหนักติ้งอ๋องอย่างเต็มที่แน่นอน” ม่อซิวเหยาเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเลือกแต่ทางข้างบนมาโดยตลอด”
สวีชิงเฉินยิ้มเอ่ย “ทางข้างบนก็คือ…ทำลายเขาซางหมางทิ้งเสีย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไร้ซึ่งตำนานเลือกจักรพรรดิให้แก่ใต้หล้าอีก”
“เป็นวิธีที่ดียิ่ง” ม่อซิวเหยาพยักหน้าเห็นด้วย
สวีชิงเฉินพยักหน้ายิ้มว่า “เป็นวิธีที่ดีจริงๆ ขอรับ เช่นนี้แล้วหากว่าในอนาคตท่านอ๋องรวบรวมใต้หล้าได้แล้วก็จะได้ไม่ต้องมาเจอความกังวลที่เกิดจากเขาซางหมางอีก ทว่าปัญหาในตอนนี้คือ…เกรงว่าเขาซางหมางจะมิได้ทำลายได้ง่ายๆ เช่นนั้น” แม้ว่าตำหนักติ้งอ๋องอย่างพวกเขาจะดูแคลนเขาซางหมาง แต่มิได้หมายความว่าคนอื่นจะคิดเช่นเดียวกัน ขอเพียงมีคนสนใจเขาซางหมาง สนใจการเป็นตัวแทนสวรรค์ในการเลือกจักรพรรดิให้แก่ใต้หล้าของเขาซานหมาง เช่นนั้นเขาซางหมางก็ไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง ย่อมมีคนมาต่อกรกับตำหนักติ้งอ๋องแทนอย่างแน่นอน หรือหากพวกเขาประมาทไม่ทันระวังก็อาจถึงขั้นก่อให้เกิดการโจมตีโดยพร้อมเพรียงกันจากทั่วทุกสารทิศของใต้หล้าได้ ต่อให้ตำหนักติ้งอ๋องไม่เกรงกลัว แต่การทำสงครามพร้อมกันหลายๆ ด้านก็เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก
ม่อซิวเหยาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ไม่ยากอย่างที่เจ้าคิด คนที่ต่อกรกับเราได้มีเพียงม่อจิ่งหลีกับเหลยเจิ้นถิงเท่านั้น เหลยเจิ้นถิงมีฮ่องเต้ซีหลิงคอยห้ามปรามอยู่ ส่วนม่อจิ่งหลี…ระหว่างนั้นยังมีเหลยเจิ้นถิงคอยตามติดอยู่ เขาอยากจะต่อกรกับข้าก็คงต้องจัดการเหลยเจิ้นถิงก่อนจึงจะได้ ส่วนเป่ยหรงกับเป่ยจิ้ง พวกเขาไม่มีโอกาสนี้”
สวีชิงเฉินก็รู้ถึงการวางแผนจัดการเป่ยหรงเป่ยจิ้งของม่อซิวเหยา โอกาสสำเร็จนั้นมีไม่น้อย สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้จริงๆ เขาเลิกคิ้วมองม่อซิวเหยาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋องตัดสินใจแล้วหรือ”
ม่อซิวเหยาส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆ คร้านที่จะตอบ
ความจริงแล้วยังมีอีกทางหนึ่งที่สวีชิงเฉินมิได้เสนอออกไป ม่อซิวเหยาสามารถตกลงร่วมมือกับเขาซางหมางได้ รอกระทั่งเรื่องราวสำเร็จเรียบร้อยแล้วแล้วค่อยลงมือจัดการเขาซางหมางก็ได้เช่นกัน ด้วยสติปัญญาของม่อซิวเหยา หากจะคิดบัญชีกับเขาซางหมางจริงๆ สวีชิงเฉินก็คิดว่ามิใช่เรื่องยากอันใด เยี่ยหลีมองบุรุษทั้งสองที่สีหน้าจริงจัง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “เป็นไปได้หรือไม่ที่ตงฟางโยวนั่นมิใช่ชาวซางหมางมาตั้งแต่แรก หรือพวกท่านมิได้รู้สึกว่านางออกจะ…”
สวีชิงเฉินส่ายหน้าเอ่ยว่า “ราชวงศ์มีการผลัดเปลี่ยนมาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลตระกูลหนึ่งมิอาจฉลาดปราดเปรื่องได้ทุกยุคทุกสมัย แต่ตงฟางโยวนั่นเป็นชาวซางหมางจริงๆ”
เยี่ยหลีเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ สวีชิงเฉินเอ่ยด้วยความรังเกียจอยู่เล็กน้อย “คนในตระกูลตงฟางของชาวซานหมางมีวิชาลับชนิดหนึ่ง เกิดมาก็สามารถทำให้คนที่เห็นมีความรู้สึกดีๆ ด้วยได้ สถานการณ์ในงานเลี้ยงเมื่อคืนเยี่ยหลีก็พอเห็นอยู่บ้างมิใช่หรือ”
เยี่ยหลีอยากจะแย้งว่านั่นเป็นความรู้สึกดีๆ จริงหรือ นางกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ตงฟางโยวล่อลวงนั้นคือความปราถนาบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวบุรุษเพศ
“พี่ใหญ่รู้ชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นนี้ได้อย่างไร” เยี่ยหลีถามด้วยความฉงน
สวีชิงเฉินกลับไม่ปิดบังนาง เขาเอ่ยเสียงเรียบว่า “มิใช่ว่ามีเรื่องเล่าขานว่าตระกูลสวีของเราเคยมีบรรพบุรุษที่แต่งงานกับสตรีซางหมางหรอกหรือ”
“เช่นนั้นความจริงคือ”
“มีสตรีนางเช่นนั้นอยู่นางหนึ่งจริงๆ ทว่าบรรพบุรุษตระกูลสวีกลับมิได้แต่งกับนาง ในครานั้นเกือบจะหลงกลนางเข้าแล้วจริงๆ ดังนั้นในบันทึกที่เขียนด้วยลายมือจึงเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ อีกทั้งยังเตือนลูกหลานรุ่นหลังให้ระวังสตรีแห่งเขาซางหมางเอาไว้ให้ดีด้วย” สวีชิงเฉินบอก
ที่แท้ก็มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วย ทั้งเยี่ยหลีกับม่อซิวเหยาต่างเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก นอกจากความตกใจแล้ว ยังไม่ชอบชาวซางหมางเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เยี่ยหลีครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงเอ่ยถามว่า “ในเมื่อเขาซางหมางมีความสามารถที่จะเลือกจักรพรรดิของใต้หล้าได้ เหตุใดเหลยเจิ้นถิงจึงยินยอมมอบตงฟางโยวให้แก่ตำหนักติ้งอ๋องเล่า หรือเหลยเจิ้นถิงก็โดนคนซางหมางบังคับเช่นกัน” สวีชิงเฉินส่ายหน้าเอ่ยว่า “หากบอกว่าถูกบังคับก็คงไม่ถึงขนาดนั้น บางทีเหลยเจิ้นถิงอาจจะรู้ว่าหากอาศัยแค่ความสามารถของเหลยเถิงเฟิงอย่างเดียวคงมิอาจจัดการกับเขาซางหมางได้ แต่ตำหนักติ้งอ๋อง…บางทีเหลยเจิ้นถิงอาจกำลังวางเดินพันอยู่ เดิมพันว่าติ้งอ๋องไม่มีรับตงฟางโยวเป็นแน่ เช่นนี้แล้ว ตำหนักติ้งอ๋องกับเขาซางหมางก็จะกลายเป็นศัตรูกัน ถึงเวลานั้นไม่ว่าเขาซางหมางจะเลือกช่วยเหลือผู้ใด แต่เมื่อมีตำหนักติ้งอ๋องที่เป็นศัตรูตัวฉกาจอยู่ เขาก็สามารถรอโอกาสหาประโยชน์จากเรื่องนี้ได้”
เหลยเจิ้นถิงมีชื่อเสียงและผลงานโดดเด่นมาทั้งชีวิต แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดก็คือลูกชายของเขาอย่างเหลยเถิงเฟิง ไม่ได้หมายความว่าเหลยเถิงเฟิงนั้นไม่ดี เขาดีมาก ไม่ว่าจะด้านนิสัยใจคอหรือความสามารถ ทว่าเขายังดีไม่พอ เหลยเถิงเฟิงที่เติบโตมาท่ามกลางความสามารถของบิดามารดากลับสู้อุปนิสัยของติ้งอ๋องที่เก่งกาจสามารถเกินอาจารย์มิได้ ดังนั้น ในฐานะที่เป็นซื่อจื่อของเจิ้นหนานอ๋อง เขานั้นเพียงพอแล้ว แต่ในฐานะประมุขที่ต้องแบกรับซีหลิงไว้ทั้งแคว้น เหลยเถิงเฟิงยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ
“หรือก็หมายความว่า…เหลยเถิงเฟิงก็ไม่มีทางที่จะร่วมมือกับเขาซางหมาง” ม่อซิวเหยาตรึกตรองแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้น เป้าหมายที่เขาซางหมางมีโอกาสเลือกมากที่สุดก็คือม่อจิ่งหลี” ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแห่งต้าฉู่ เขาครอบครองเจียงหนานที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในต้าฉู่ มีทหารนับล้านนายอยู่ในมือ ที่สำคัญที่สุดคือเขาเป็นคนเลวทราม แต่ขาดความเด็ดขาดและความกล้าหาญ คนเยี่ยงนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะเป็นหุ่นเชิด หากให้ม่อซิวเหยาเลือกล่ะก็ เขาก็จะเลือกม่อจิ่งหลีเช่นกัน
สวีชิงเฉินเลิกคิ้ว “ยามนี้จำเป็นต้องไปทำอะไรม่อจิ่งหลีหรือไม่”
ม่อซิวเหยาส่ายหน้าเอ่ยว่า “ยังไม่ถึงเวลา ยามนี้สิ่งสำคัญก็คือรับมือกับเยียหลี่ว์เหยี่ยและเหรินฉีหนิง เพียงแต่…สิ่งที่ควรได้มาอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้ ส่งคนให้ไปบอกม่อจิ่งหลีว่าให้รีบส่งของที่ข้าต้องการมาได้แล้ว มิฉะนั้นข้าจะมอบของที่เขาต้องการไปให้เหลยเจิ้นถิง” เขาต้องการของล้ำค่าเพียงไม่กี่อย่าง แต่หากไปอยู่ในมือเหลยเจิ้นถิง ก็ไม่รู้ว่าเหลยเจิ้นถิงจะต้องการของสิ่งใดบ้างแล้ว “แล้วก็ถือโอกาสนี้แพร่งพรายเจตนาของตงฟางโยวให้ม่อจิ่งหลีรู้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน ดูว่าม่อจิ่งหลีจะทำเช่นไร”
“หากเป็นเช่นนี้ ทางเยี่ยอิ๋ง…” เยี่ยอิ๋งก็เป็นหมากตัวสำคัญเลยทีเดียว แต่หากจะให้เยี่ยอิ๋งทั้งจัดการธุระแทนพวกเขา ทั้งจะเอาคงแทรกเข้าไปอยู่ข้างกายม่อจิ่งหลีแล้ว เช่นนั้นก็เห็นได้ชัดว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งเยี่ยอิ๋งก็ไม่ได้มีไหวพริบดีเช่นนั้น
สวีชิงเฉินส่ายหน้า “เรื่องนี้หลีเอ๋อร์อย่าได้กังวลไป หากตงฟางโยวเข้าช่วยเหลือม่อจิ่งหลีขึ้นมาจริงๆ เยี่ยอิ๋งก็มีแต่จะยิ่งพึ่งพิงตำหนักติ้งอ๋องมากขึ้น” ตระกูลเยี่ยไร้ซึ่งคืนวันที่จะกลับมาได้อีกแล้ว การที่ยามนี้เยี่ยอิ๋งยังครองตำแหน่งพระชายาได้อย่างมั่นคง โดยมากสาเหตุก็เป็นเพราะนางยังมีน้องสาวท่เป็นพระชายาติ้งอ๋อง เมื่อใดก็ตามที่ข้างกายม่อจิ่งหลีมีสตรีที่มีความสำคัญเพิ่มเข้ามา ความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากตำหนักติ้งอ๋องก็จะยิ่งสำคัญต่อเยี่ยอิ๋งมากขึ้นกว่าเดิม