เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราชบทที่ 464 ข้ามาหาพวกท่านเพื่อเสนอขายสินค้า

บทที่ 464 ข้ามาหาพวกท่านเพื่อเสนอขายสินค้า

บทที่ 464 ข้ามาหาพวกท่านเพื่อเสนอขายสินค้า

บทที่ 464 ข้ามาหาพวกท่านเพื่อเสนอขายสินค้า

ดวงตาของหนานกงฉีโม่ฉายแววสิ้นหวัง ปรากฏว่าพวกเขาเองก็ไม่เคยไปยังสถานที่แห่งนั้น

ทว่าอย่างไรนี่ก็นับได้ว่าเป็นเบาะแส

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสด็จพ่อพาคนเหล่านี้มา ที่แท้พวกเขาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับฉางเซิงเทียนนี่เอง

แต่ไม่อาจรีบร้อนเกินไปจนทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาได้ ก่อนอื่นต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีก่อนค่อยถามข้อมูลลึกกว่านี้

หนานกงฉีโม่เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว บอกพวกเขาเกี่ยวกับของดี ๆ ที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในเมืองหน้าด่าน แต่ละสิ่งนับว่ามีประโยชน์ยิ่ง

คนเผ่าเทียนกู่น่าได้ฟังแล้ว ต่างต้องการทั้งหมด!

ทว่าดูเหมือนของที่พวกเขานำมาจะไม่มากพอให้แลกเปลี่ยน

“สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นของดี ทว่าพวกเจ้าจัดการได้ไม่ถูกต้องจนสูญเสียสรรพคุณทางยาไปมาก ทำให้มูลค่าลดลงไปมหาศาล เหตุใดจึงไม่ให้ท่านหมอปีศาจผู้นี้สอนพวกเจ้าเกี่ยวกับวิธีจัดการสมุนไพรเล่า ครั้งหน้าเมื่อกลับมาย่อมสามารถนำสมุนไพรที่จัดเตรียมอย่างถูกต้องมาแลกของได้มากขึ้น”

กู๋เหมิงได้ยินแล้วพลันตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที “จริงหรือ”

“แน่นอน สมุนไพรเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับพวกข้า ให้เขาสอนวิธีจัดเก็บสมุนไพรกับพวกเจ้าเถิด ข้าหวังว่าวันข้างหน้าพวกเจ้าจะมาขายสมุนไพรให้เราเป็นเจ้าแรก”

กู๋เหมิงตบหน้าอกตนเองเสียงดังทันที

“พวกท่านเป็นสหายของพวกข้า นักรบเทียนกู่น่าแล้ว วันหน้าสมุนไพรเหล่านี้ย่อมแลกเปลี่ยนกับพวกท่านเป็นเจ้าแรกแน่นอน!”

พวกเขานักรบเทียนกู่น่าทำตามคำพูดเสมอ

หนานกงฉีโม่ยิ้มมุมปาก ค่อนข้างประทับใจกับชายร่างกำยำเปี่ยมพลัง แต่กลับมีความคิดเรียบง่ายเป็นอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าราคาที่พวกเขาแลกเปลี่ยนย่อมยุติธรรม

สุดท้ายหนานกงฉีโม่ก็มอบเสบียงอาหารส่วนหนึ่งแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ที่เหลือมอบให้เป็นเงิน

“เอาเงินเหล่านี้ไปเถิด มาถึงเมืองหน้าด่านทั้งทีต้องออกไปเดินชมรอบ ๆ เสียบ้าง คราวหน้ามาจะได้รู้ว่าต้องเตรียมของมาแลกเปลี่ยนมากน้อยเท่าใด ข้าจะส่งคนให้ไปคอยนำทางพวกเจ้า”

“ขอบคุณสหายมาก!”

เมื่อเห็นเสบียงอาหารจำนวนมาก เหล่าคนจากเผ่าเทียนกู่น่าตื่นเต้นดีใจจนเต้นกระโดดออกมา

ทว่าด้วยตัวที่ใหญ่เกินไป กระโดดหนึ่งทีพื้นก็สะเทือนหนึ่งที

รอจนพวกเขาจากไปแล้ว หนานกงฉีโม่จึงไปหาเสด็จพ่อเพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

ยามนี้เสี่ยวเป่าเองก็ได้ข่าวว่าเผ่าเทียนกู่น่ามาถึงเมืองหน้าด่านแล้ว ทั้งยังมากับท่านพ่อด้วย!

นางมีความสุขมาก เตรียมตัวจะไปหาท่านพ่อ ทว่าพ่อค้าหลิวกลับบอกนางว่าเหล่าคนจากเผ่าเทียนกู่น่ากำลังเที่ยวชมซื้อของอยู่ในเมือง

เสี่ยวเป่ากลอกตา บอกให้คนหยิบนมผงและสุราที่เพิ่งทำออกมาไปหาพ่อค้าหลิว

ก่อนหน้านี้นางเคยสอบถามข่าวเกี่ยวกับเผ่าเทียนกู่น่ามาก่อน จนรู้ว่าของสองอย่างนี้คือสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด

และสิ่งที่เสี่ยวเป่าคิดก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง

ชาวเผ่าเทียนกู่น่ามาที่เมืองหน้าด่านด้วยคำบอกเล่าและคำแนะนำจากพ่อค้าหลิว ทำให้ครั้งนี้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนสิ่งของจำนวนมาก ทำให้รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นเมื่อพ่อค้าหลิวมาพบเพื่อเชื้อเชิญไปที่ร้าน พวกเขาจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล

เมื่อเสี่ยวเป่าไปถึง พ่อค้าหลิวกำลังแนะนำสินค้าในร้านให้คนจากเผ่าเทียนกู่น่าฟังอยู่พอดี

ร้านของพ่อค้าหลิวขายผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์ เสื้อผ้าฝ้าย และเครื่องนอนเป็นหลัก

น่าเสียดายที่ไม่มีขนาดใหญ่พอสำหรับพวกเขา เสื้อผ้าผู้ใหญ่เมื่อพวกเขาสวมใส่ก็ประหนึ่งเป็นเสื้อผ้าเด็ก ดูเล็กลงไปถนัดตา

ต้องกล่าวว่ารูปร่างของคนเหล่านี้สูงใหญ่เกินไปจริง ๆ กระทั่งพ่อค้าหลิวที่อ้วนท้วนยังดูเป็นเด็กน้อยต่อหน้าพวกเขา

ไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยจริง ๆ อย่างเสี่ยวเป่าเลย

ยามเผชิญหน้ากัน นางต้องเงยหน้าจนคอตั้งเพื่อมองหน้าพวกเขา

พวกเขาเองก็ต้องก้มเพื่อมองดูนาง

“ที่นี่เองก็มีเด็ก ทั้งยังตัวเล็กยิ่ง”

“เด็กของต้าเซี่ยได้รับการดูแลดีจริง ๆ”

เหล่าชายฉกรรจ์เผ่าเทียนกู่น่าสนทนาด้วยภาษาของพวกเขา

เสี่ยวเป่าฟังไม่เข้าใจเลย

“สหายกู๋เหมิง ให้ข้าแนะนำท่าน อย่าได้ดูแคลนว่านางยังเด็ก แต่ก็เป็นเถ้าแก่น้อยชื่อดังของเมืองหน้าด่าน!”

เสี่ยวเป่ายิ้มงดงามจนเห็นฟันน้อย ๆ พร้อมกับคิ้วที่โค้งขึ้น เอ่ยทักทายออกมาด้วยภาษาทุ่งหญ้า

“สวัสดี ท่านอากู๋เหมิง”

โอ๊ย นางแหงนคอมองจนปวดไปหมดแล้ว

มีเก้าอี้สูงหรือไม่ นางต้องการเพิ่มความสูง!

กู๋เหมิงมองเด็กน้อยสูงเท่าน่องท่าทางสะอาดสะอ้านเรียบร้อยด้านหน้าด้วยความประหลาดใจ

“นางเองก็เป็นพ่อค้าหรือ”

น้ำเสียงของกู๋เหมิงมีความตื่นตะลึงอย่างมาก

พ่อค้าหลิวแย้มยิ้มร่าพร้อมพยักหน้า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”

กู๋เหมิง “!!!”

ต้าเซี่ยน่ากลัวนัก กระทั่งเด็กเล็กขนาดนี้ก็สามารถทำธุรกิจหาเงินได้

ส่วนเสี่ยวเป่านั้นกำลังหันซ้ายหันขวามองหาเก้าอี้

สุดท้ายนางก็สามารถหาเก้าอี้สูงตัวหนึ่งพบ ก่อนจะปีนขึ้นไปยืนอยู่ด้านบนอย่างทุลักทุเล

เมื่อเงยหน้าขึ้นมา แม้จะยังเตี้ยกว่าพวกเขาอยู่ดี แต่ไม่ต้องแหงนเท่าก่อนหน้านี้แล้ว

“ข้ามาหาพวกท่านเพื่อเสนอขายสินค้า”

สีหน้าของนางจริงจัง นางไม่ได้โง่งมพอจะถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องฉางเซิงเทียนโดยตรง

ก่อนอื่นต้องสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นก่อน จากนั้นก็ค่อยเชื่อมสัมพันธ์ สุดท้ายค่อยไปเยี่ยมเยือนเพื่อถามข่าวสาร

นี่คือแผนการของนาง

พวกกู๋เหมิง “???”

เสี่ยวเป่าโบกมือ ชุนสี่ยื่นขวดนมให้นางทันที นมผงด้านในถูกผสมเรียบร้อยแล้ว

“คุณหนู นมผงผสมเรียบร้อยแล้ว”

เสี่ยวเป่า “…”

เกิดอันใดขึ้น จริงอยู่ที่ข้าบอกให้พวกเจ้าผสมนมผง แต่ว่า…แต่ว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องผสมในขวดนมเล่า!

เสี่ยวเป่าทำหน้า ‘囧’ นางต้องการจะขายนมผง อย่างนี้จะให้ชายร่างใหญ่เพียงนี้ลองดูดนมจากขวดหรือ

“นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการนำมาเสนอพวกท่าน”

เสี่ยวเป่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ว่าชุนสี่ นี่สะอาดใช่หรือไม่”

ชุนสี่ “คุณหนูสั่งให้พวกข้าทำอย่างสะอาดแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

Score 10
Status: Completed
จากลูกเป็ดขี้เหร่สู่การเป็นองค์หญิงคนสุดท้องแห่งราชวงศ์ ความน่ารักของซูเสี่ยวเป่าพร้อมจะพิชิตใจทุกคนแล้ว! นิยายแปลเรื่อง เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช ผู้แต่ง :垂耳兔 หลังจากภูตพฤกษาตัวน้อยตายลง นางก็มาเกิดในยุคสมัยโบราณ และหลงคิดไปว่าตนเองเป็นเพียงเด็กลูกชาวบ้านแถบชนบทธรรมดา ๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าท่านพ่อที่นางไม่เคยพบหน้ามาก่อนจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ปานนี้ เขา…ถึงกับเป็นราชาของแผ่นดิน! เสี่ยวเป่าที่อายุเพียงสามขวบถูกพาตัวไปยังพระราชวังทันทีหลังจากที่แม่ของนางสิ้นชีพลง แล้วนางก็กลายเป็นองค์หญิงน้อย สตรีเพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางพี่ชายแปดคน!

Options

not work with dark mode
Reset