จวนเฉิงเอินโหวกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย สถานการณ์ในห้องโถงตอนนั้นเมื่อไปสอบถามได้ความออกมาว่าเหวินอิ๋งถูกจับได้ต่อหน้าทุกคนทำให้ไม่มีที่ให้หันหลังกลับ
“ท่านโหว จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ” เฉิงเอินโหวฮูหยินดึงแขนเสื้อสามี “หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอาอิ๋งจะออกเรือนได้อย่างไร นาง…”
เส้นเลือดผุดขึ้นบนหน้าผากเฉิงเอินโหวเมื่อได้ยินเรื่องนี้อดไม่ได้ที่จะพูดตัดบท “ยังคิดจะออกเรือนอีกหรือ มีชีวิตอยู่ได้ก็ไม่เลวแล้ว! บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าอย่าไปตามใจนางเพียงนั้น แต่เจ้าก็ไม่ฟังจู่ๆ ก็ให้นางมาทำเรื่องเช่นนี้ ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นแล้วเห็นหรือไม่”
เมื่อได้ยินเขาตำหนิเฉิงเอินโหวฮูหยินก็โกรธ “ท่านโหวพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้เห็นด้วยหรือ ข้าเป็นสตรีทำเรื่องใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว จะไม่เชื่อฟังท่านได้อย่างไร ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้าท่านไม่สนใจบุตรสาวเลยใช่หรือไม่”
ทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ถูกพ่อบ้านที่รีบเข้ามาขัดจังหวะ “ท่านโหว ฮูหยิน ว่านกงกงมาขอรับ!”
เฉิงเอินโหวและภรรยาตกตะลึงว่านกงกงเป็นขันทีคนสนิทอันดับหนึ่งของฮ่องเต้ การที่เขามาด้วยตนเองเช่นนี้หรือว่า…
“เร็วเข้า ไปเชิญมา! ไม่สิ พวกเราออกไปต้อนรับ!”
เมื่อว่านกงกงเห็นเฉิงเอินโหวและภรรยาก็ยังคงยิ้มให้เหมือนเมื่อก่อน “ไอหยา ท่านโหวไม่ต้องมากพิธี ข้าน้อยมิสมควรๆ ลุกขึ้นเถิด ข้าน้อยแค่เป็นตัวแทนฝ่าบาทมาส่งข้อความถึงพวกท่านเท่านั้นไม่ใช่พระราชโองการ ไม่ต้องเคร่งครัดเพียงนั้น…”
เฉิงเอินโหวและภรรยาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีกพวกเขาจึงเชิญว่านต้าเป่าเข้ามาแล้วมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้
ว่านต้าเป่าดื่มชาแล้วรับของขวัญจากนั้นก็พูดท่ามกลางสายตาคาดหวังของพวกเขา “เรื่องในวันนี้ฝ่าบาทตรัสว่าคุณหนูสามยังเด็กอยู่จึงไม่รู้ความ พระองค์ไม่ถือสา เพียงแต่บุตรกระทำความผิดเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของบิดามารดา จึงริบเงินเดือนเฉิงเอินโหวหนึ่งปีพวกท่านสองคนจะได้คิดเรื่องครอบครัวให้มากขึ้น”
เฉิงเอินโหวถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่แค่ริบเงินเดือนหนึ่งปี เป็นการลงโทษสถานเบา
เฉิงเอินโหวฮูหยินที่เป็นห่วงบุตรสาวจึงถามว่า “ว่านกงกง แล้วอาอิ๋งของพวกเรา…”
ว่านกงกงยิ้ม “ฝ่าบาทตรัสว่าในเมื่อเฉิงเอินโหวและฮูหยินสั่งสอนคุณหนูสามได้ไม่ดีจึงให้ไท่จื่อผู้เป็นพี่ชายเป็นคนสั่งสอนแทน ตั้งแต่วันนี้คุณหนูสามจะถูกส่งไปตำหนักตงกง วานฮูหยินช่วยเก็บของให้หน่อยคุณหนูสามจะได้ไม่ขาดอะไร”
เฉิงเอินโหวและภรรยาของเขามองหน้ากันนี่มันหมายความว่า…
ว่านต้าเป่าจัดแขนเสื้อแล้วลุกขึ้น “ถ่ายทอดคำพูดออกไปหมดแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวกลับวังเพื่อรายงานฝ่าบาท ท่านโหวอยู่ที่นี่เถอะไม่ต้องออกไปส่ง”
เฉิงเอินโหวส่งว่านต้าเป่าออกจากจวนด้วยความสับสนและกลับมานั่งนิ่งตรงข้ามกับภรรยาแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน “ว่านกงกงบอกว่าอาอิ๋งจะถูกส่งเข้าตำหนักตงกงในฐานะอนุภรรยา” เฉิงเอินโหวฮูหยินก็เข้าใจเช่นนั้น แต่นางไม่อยากเชื่อ
นี่เป็นการลงโทษหรือสิ่งที่พวกเขาหวังมากที่สุดคือให้เหวินอิ๋งเข้าตำหนักตงกง หากไม่มีหวังค่อยยอมลดระดับมาเอาสิ่งที่ดีรองลงมา
แต่…
“หมายความว่าอาอิ๋งของพวกเราจะไม่ได้รับตำแหน่งหรือ”
เฉิงเอินโหวพูด “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นถือเป็นพระกรุณาของฝ่าบาท ไม่ได้รับตำแหน่งถือว่าไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นรางวัลอย่างไรก็ตามอาอิ๋งก็ได้เข้าตำหนักตงกงแล้วปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปไม่ช้าก็เร็วคงได้ตำแหน่ง”
เฉิงเอินโหวฮูหยินดีใจมากนางพนมมือ “ขอบพระทัยอวี่หวงต้าตี้ ขอบคุณพระพุทธเจ้า ขอบพระทัยในพระเมตตาของฝ่าบาท…”
จวนโหวกำลังตกอยู่ในความยินดี แต่ไท่จื่อกลับรู้สึกไม่ชอบใจ
“อะไรนะ เสด็จพ่อจะให้ข้ารับน้องหญิงสาม” ฟู่จินชงชาฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก การเคลื่อนไหวของเขาดูสง่างามและน่ามอง
“ไท่จื่อไม่ต้องกังวลไป ดื่มชาก่อนเถิด”
สำหรับไท่จื่อแล้ว ฟู่จินเป็นบุคคลที่ต้องเคารพเขาจึงอดทนกับความเกลียดชังอย่างไม่เต็มใจพลางนั่งลงดื่มชาต่อหน้าอีกฝ่ายและบ่นว่า “อาจารย์ ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจอดีตหรอกนะ แต่ตระกูลเหวินข้าก็ดูแลทุกอย่างแล้ว สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าพวกเขาเป็นตัวถ่วง ตอบแทนอะไรข้าบ้าง ท่านคิดแผนมาอย่างดี!
ช่วงเวลาเร่งรีบเช่นนั้นท่านยังช่วยให้น้องหญิงเข้าไปในห้องโถงอย่างราบรื่น แล้วยังให้นางจับป้ายหงส์ได้อีก แต่นางดันอยากแสดงความฉลาดเปลี่ยนป้ายหงส์ไปอย่างนั้นเพราะเรื่องนี้ข้าต้องถูกเสด็จพ่อตำหนิ ตอนนี้ยังให้นางเข้าตำหนักตงกงอีกหรือ”
ฟู่จินถอนหายใจ “ฝ่าบาท พูดถึงเรื่องนี้ท่านไม่พิจารณาให้รอบคอบอีก! นิสัยนี้ของคุณหนูสามตระกูลเหวินไม่ใช่เป็นแค่วันสองวัน เช่นนั้นไม่นับว่านางถูกยั่วยุหรอก”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับอาจารย์ด้วย” ไท่จื่อรีบพูด “ผู้ใดจะไปรู้ว่านางจะคิดมากมายเช่นนั้น พวกเราอุตส่าห์เตรียมการไว้มากมาย เสียเวลาเปล่า!”
“ไม่ใช่แค่นั้น” ฟู่จินพูดอย่างเงียบๆ “ไท่จื่อดำเนินการฝ่ายมือของเซียนอวี้หยาง ซื้อตัวคนดูแลป้ายหงส์ ตอนนี้ถูกตรวจพบโดยราชครูเสวียนเฟยเกรงว่าจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีกแล้วในอนาคต”
ใบหน้าของไท่จื่อซีดเผือดเขากัดฟัน “ตระกูลเหวินล้วนทำร้ายข้า! อาจารย์ ตอนนี้ทำอย่างไรดีสามารถช่วยอวี้หยางได้…”
“ไม่ได้!” ฟู่จินพูดเสียงเข้ม “ไท่จื่อ ผู้ที่รู้ว่ามีการใช้กลอุบายกับป้ายหงส์ไม่ได้มีแค่ราชครูเสวียนเฟย แต่มีฝ่าบาทด้วย! หากพวกเรายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเสวียนตูกวันเกรงว่าท่านจะมีปัญหาไปด้วย”
“เช่นนั้นพวกเราต้องมานั่งดูสายในเสวียนตูกวันถูกจัดการหรือ”
ฟู่จินพูด “ไท่จื่อ อันที่จริงพวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกับราชครูเสวียนเฟยมิใช่หรือ แม้ว่าท่านจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซียนอวี้หยาง แต่ก็ไม่ได้คิดกดขี่เขา เหตุใดเราไม่เปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพเล่า”
“นั่น…” ไท่จื่อพูดอย่างไม่แน่ใจ “เสวียนเฟยทำตัวราวกับเป็นสตรีพรหมจรรย์ การจะเอาใจเขานั้นลำบาก อีกอย่างเขาภักดีต่อเสด็จพ่อเท่านั้น เกรงว่าจะไม่สามารถทำให้เขาประทับใจได้”
ฟู่จินหัวเราะ “เพราะว่าไม่ง่ายที่จะซื้อใจเมื่อซื้อใจได้สำเร็จ ผลตอบแทนยิ่งมากขึ้น ราชครูเสวียนเฟยถูกใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ หากเราสามารถทำให้เขาหันมาหาพวกเรา ไท่จื่อก็จะมีบุคคลอื่นที่สามารถพูดต่อหน้าฝ่าบาทได้” ไท่จื่อรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาพูด
“ส่วนเรื่องของคุณหนูสามตระกูลเหวิน ไท่จื่อไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ฝ่าบาทส่งนางเข้าตำหนักตงกงอาจต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อเตือนท่าน สำหรับตัวนางนั้นก็หาสถานที่ให้นางพักอาศัยตำหนักตงกงมีอาหารไม่ขาดอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็มอบให้น้องหญิงสี่จัดการ” ไท่จื่อพูด
ฟู่จินพูดว่า “ไท่จื่อควรระมัดระวังซิ่นอ๋องเป็นพิเศษครั้งนี้ไท่จื่อตอบโต้อย่างรวดเร็ว และสารภาพผิดได้ทันเวลาไม่เช่นนั้นอาจถูกซิ่นอ๋องฉวยโอกาสกดขี่ได้”
ไท่จื่อพยักหน้า “อาจารย์วางใจได้ข้าเข้าใจความร้ายแรงดี เจ้าเด็กหยางชูนั่นถึงหยิ่งทะนง แต่ไร้ซึ่งภัยคุกคามผู้ที่เป็นภัยคุกคามคือน้องรอง”
ฟู่จินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มด้วยท่าทีโล่งใจ ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ขันทีก็เข้ามารายงานว่าบุตรชายคนโตจากตระกูลเหวินมาขอเข้าเฝ้า
ไท่จื่อรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย “ตระกูลเหวินนี่ความสามารถที่จะทำให้งานสำเร็จนั้นมีไม่พอ แต่ความสามารถที่จะทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือ ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีก!”
ฟู่จินปลอบใจ “คุณชายใหญ่ตระกูลเหวินเป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน ตระกูลเหวินก็เป็นตระกูลฝั่งมารดาของท่าน เกรงว่าพวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายอยู่ห่างจากพวกเขาไว้ แต่ก็ยังคงให้เกียรติกันอยู่เถิด”
ไท่จื่อถอนหายใจ “อาจารย์ใจดีไปแล้วก่อนหน้านี้ตระกูลเหวินวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับท่านมามากมายเป็นเพราะพวกเขาขี้อิจฉา ข้าจะออกไปพบเขาสักหน่อย เชิญอาจารย์ตามสบาย”
ฟู่จินยืนส่งไท่จื่อมองแผ่นหลังของเขาด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ เหวินอิ๋งเกิดอยากเปลี่ยนป้าย แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา กุนซือที่ดีจะไม่คำนึงถึงนิสัยของตัวหมากได้อย่างไรตนเองใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเหวินอิ๋งเห็นหมิงเวยในห้องโถงย่อมต้องสงสัยอย่างแน่นอนส่วนที่เหลือก็ให้หมิงเวยออกโรงเอง
หากนางไม่ตกหลุมพรางก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีแผนสำรองของเสวียนเฟย เมื่อถึงเวลาก็จะบอกใบ้เรื่องของนาง อย่างไรก็ตามแผนสำรองก็ไร้ประโยชน์ เพราะคุณหนูสามตระกูลเหวินติดกับเข้าแล้ว
……………