ตอนที่ 501 มองเป็นคู่กัน
มู่เถาเยาอาศัยช่วงเวลาหลายวันนี้ไปค่ายทหารเช็กวิชาพลังฝ่ามือของเยี่ยหู่ผู้บัญชาการสูงสุดที่เรียนจากลุงจง ไหนจะพวกตี้อู๋โยว ซังเฟย เยี่ยเซียวที่ฝึกวิทยายุทธ์อีก
นอกจากนี้ยังไปเยี่ยมศิษย์พี่สามหลินหลิง ดูสุขภาพของคนที่ตอนนั้นถูกพ่อเจียงเย่ว์วางยาพิษด้วย
นัดจั่วอีเหิงที่ไม่ได้นอนหอพักมหาวิทยาลัยออกไปเที่ยวตลาดกลางคืน
พูดคุยกับพวกฟางฝ่าง โจวซือหย่วนเรื่องการพัฒนาการใช้เอไอรักษาทางการแพทย์ เข้าร่วมการคิดค้นการใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดของพวกเขา
ต่อมาได้ไปบ้านของโค้ชเถียนกับศูนย์ฝึกม้า ทั้งยังนัดพวกโค้ชมากินข้าวด้วยกัน
แต่ละวันมีเรื่องต้องทำมากมาย
ตี้อู๋เปียนไปด้วยตลอด
ทุกคนมองพวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากยกเว้นพวกโจวซือหย่วนกับเซี่ยซิงเฉิน
หญิงงามชายหล่อ
พวกเขาดูด้อยกว่าหน่อยเมื่อเทียบกับคุณชายเล็กตระกูลตี้ แต่ก็เป็นคนหล่อเหมือนกันนะ!
ดังนั้นใช่ว่าพวกเขาจะหมดโอกาสไปเสียทีเดียว
ถึงแม้มู่เถาเยาจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด แต่ก็ชินแล้วกับการที่มีคนอยู่ข้างกาย ดังนั้นไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนก็จะถามตี้อู๋เปียนก่อนว่าอยากไปด้วยไหม
ตอนเด็กๆ ตี้อู๋เปียนไม่มีเพื่อนเล่น ตอนนี้ถึงได้ติดคนขนาดนี้
เธอจึงไม่คิดอะไร
พวกผู้ใหญ่เห็นรูปแบบการอยู่ด้วยกันของทั้งสองคนก็อดยิ้มไม่ได้
หลังกลับจากฟาร์มม้าก็พักที่วังตระกูลตี้หนึ่งวัน มู่เถาเยาเตรียมกลับเมืองเย่ว์ตูแล้ว
“พี่สามจะอยู่เมืองหลวงต่อหรือไปไหนคะ”
“ไปเย่ว์ตูกับเธอ”
“แล้วงานของพี่สามอย่างสร้างทางระบายน้ำ ช่วยเหลือคนยากจน คิดค้นผลิตภัณฑ์ เก็บข้อมูล และอื่นๆ อีก พี่สามหายดีแล้วไม่ใช่ว่าควรตั้งใจทำงานเหรอคะ”
จะติดคนก็ต้องดูความพอดีด้วย
ลูกผู้ชายวันๆ จะเอาแต่ลอยไปลอยมาได้ยังไง ขนาดคนแก่ยังช่วยเลี้ยงเด็กสอนเด็กกันเลย!
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย มีตั้งหลายเรื่องที่ไม่ต้องลงไปหน้างานด้วยตัวเอง มันไม่เหมือนที่เธอรักษาคนเสียหน่อย”
“งั้นจะตามฉันไปทำอะไร”
“…อยากอยู่ด้วย”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่เคยคิดไปในทางนั้นมาก่อน
ตี้อู๋เปียน “…ซาลาเปาน้อย ฉันชอบอยู่กับเธอ” แบบนี้คงเข้าใจแล้วใช่ไหม!
“แต่พี่สามจะเอาแต่ตามฉันโดยไม่ทำงานทำการก็ไม่ได้หรือเปล่าคะ”
ยังไม่เข้าใจ!
ตี้อู๋เปียนอยากจะกระอักเลือดเสียตรงนั้น “ฉันก็มีทำงาน คอมพิวเตอร์เครื่องเดียวทำได้ตั้งหลายเรื่อง! พวกงานวิศวกรรมทางระบายน้ำ ช่วยเหลือคนยากจน ฉันมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญไปทำแล้ว”
มู่เถาเยายังอยากพูดอะไรต่อ แต่คุณนายอวิ๋นเหออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ อู๋เปียนเพิ่งหายดี ไม่ต้องรีบร้อน วันหน้าอย่างน้อยก็ยังมีเวลาเจ็ดแปดสิบปีให้ทำงานนะจ๊ะ”
มีเสี่ยวเยาเยาอยู่ อายุยืนไปถึงร้อยยี่สิบร้อยสามสิบปีก็เรื่องปกติหรือเปล่า อายุร้อยปีก็น่าจะยังทำงานได้อยู่ด้วยซ้ำ!
ดูอย่างลุงหยวน อายุเก้าสิบกว่าเหมือนคนอายุหกสิบกว่า ยังดูกระฉับกระเฉง!
ย่าตี้ก็หัวเราะ “เสี่ยวเยาเยา อู๋เปียนอยากตามหนูไปด้วยก็ให้เขาตามไประยะหนึ่งเถอะ ยังไงหนูอยากทำอะไรเขาก็ไม่ได้รบกวน บางครั้งยังช่วยได้อีก”
ยังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เอาให้ชินกับการมีคนอยู่ข้างๆ ก่อนก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมีอู๋เปียนคอยเฝ้าอยู่ ผู้ชายคนอื่นก็จะไม่มีโอกาส!
อย่าคิดว่าพวกเขามองไม่ออก เด็กหนุ่มตระกูลเซี่ยกับโจวซือหย่วนจ้องเสี่ยวเยาเยาตาเป็นมัน!
ปู่ตี้หัวเราะ ฮึ ฮึ “เอาล่ะ พวกเราไปลานจอดเครื่องบินเถอะ”
สองผู้สูงวัยจะพาจินเหยี่ยน้อยไปหมู่บ้านเถาหยวนด้วย ให้ไปเรียนไปเล่นกับเด็กที่นั่น จึงไปเมืองเย่ว์ตูพร้อมเสี่ยวเยาเยาก่อนแล้วค่อยกลับหมู่บ้านเถาหยวน
ทุกคนหยิบสัมภาระติดตัวเดินออก พวกกระเป๋าเดินทางกับของฝากถูกพ่อบ้านสั่งคนให้ขนไปที่ลานจอดเครื่องบินก่อนแล้ว
พวกมู่เถาเยากลับถึงเย่ว์ตู พักที่บ้านตระกูลตี้ในเซิ่งซื่อฉางอัน
ตอนเย็นได้เชิญคนของสำนักแพทย์โบราณ คนสนิทอย่างลู่จือฉิน ลู่หันซู ปาอิน ถังถัง ตี้อู่หลันฉือมากินข้าวเย็นกัน
ตี้อู่เหลียนจิงมาเยี่ยมลูกสาวพอดีก็เลยมาด้วยกัน
ตระกูลตี้อู่กับตระกูลเซี่ยเกี่ยวดองเป็นญาติกัน หลายปีมานี้ที่เซี่ยซิงเหยียนคบกับตี้อู่เสีย พวกเขาจึงคุ้นเคยกับตระกูลตี้แล้ว
เรื่องที่ชวนให้คาดไม่ถึงแต่กลับอยู่ในความคาดหมายก็คือ ปาเฝ่ยพี่ชายของปาอินกับเฉิงอันนั่วที่เดิมควรอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนก็อยู่เมืองเย่ว์ตูด้วย เพราะวันมะรืนเป็นวันเกิดอายุครบยี่สิบสองปีของปาอิน
นี่ก็เป็นสาเหตุที่มู่เถาเยากลับจากเมืองหลวงมาล่วงหน้า
ถึงแม้จุดประสงค์หลักที่กลับเมืองเย่ว์ตูคือมาตรวจสุขภาพให้หวังต้าฟา แต่ตอนนี้ยังไม่ครบหนึ่งเดือน
ตี้อู่หลันฉือ “เสี่ยวเยาเยา ต่อไปเธอก็คงไปกลับระหว่างหมู่บ้านเถาหยวนกับเผ่าหมาป่าพระจันทร์หรือเปล่า”
“ค่ะ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเสร็จก็อาจไปกลับระหว่างสองที่นี้ คงมีมาเมืองเย่ว์ตูบ้างค่ะ” อย่างไรเสียอาจารย์สามกับลู่หันซูยังต้องใช้ชีวิตระยะสั้นที่นี่อยู่
ตี้อู๋เปียนตะโกนอยู่ในใจ ยังต้องไปเมืองหลวงด้วย!
ถังถังถอนหายใจ “ยังไม่อยากแยกจากทุกคนเลยจริงๆ”
มู่เถาเยายิ้ม “ตอนนี้ก็เหมือนกันนี่คะ”
“แต่พอพี่เรียนจบก็ต้องกลับบ้านเกิดแล้ว! ปู่ทวดพี่อยากไปใช้ชีวิตเกษียณที่หมู่บ้านเถาหยวนกับปู่หยวน ปู่ซย่าโหว พี่ก็ต้องกลับไปรับช่วงต่อแทน”
ใครใช้ให้เธอเป็นว่าที่นายใหญ่ของตระกูลล่ะ
มู่เถาเยายิ้มพูด “พี่กลับบ้านแล้วก็ไม่มีใครจำกัดอิสระของพี่เสียหน่อย ว่างๆ ก็ออกมาเที่ยวเล่นด้วยกันได้นี่คะ”
“ก็จริง ไว้ปิดเทอมหน้าหนาวพี่กับเสี่ยวอินจะไปหมู่บ้านเถาหยวน” ใช้เวลาอันมีค่าอยู่กับเพื่อนๆ
ปาอินยิ้มถาม “แบบนี้ถือว่าพี่ถังถังบอกลาวงการถาวรเลยไหมคะ”
ถังถังพยักหน้า “เมื่อก่อนรู้สึกว่าวงการบันเทิงสนุก ตอนนี้รู้สึกว่าการเรียนสนุก ก็เลยไม่ค่อยอยากกลับเข้าวงการบันเทิงแล้ว ถือว่าออกถาวรแล้วล่ะ”
“หลายคนตัดใจออกจากวงการในช่วงขาขึ้นไม่ได้ ถังถัง พี่นับถือเธอจริงๆ” ตี้อู่หลันฉือยกนิ้วโป้งให้
“ฮ่าๆ ฉันไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ ก็แค่ติดเล่น เล่นพอแล้วก็ย่อมต้องหยุด ก็แค่แอบรู้สึกผิดต่อพี่เหวินจิ้งที่ดูแลตั้งแต่ฉันเดบิวต์ ตอนนี้บทจะออกก็ออก…เสี่ยวหว่านก็มีอาซานแล้ว…”
มู่เถาเยา “หร่วนซู่ลูกสาวโค้ชเรือใบของฉันตอนนี้อยู่ม.ห้า ได้ยินว่าจะสอบเข้าสถาบันเดียวกับเสี่ยวหว่าน วันหน้าจะเข้าวงการบันเทิงค่ะ”
“งั้นก็ดีเลย! พี่จะหาโอกาสคุยกับพี่เหวินจิ้ง เด็กใหม่ว่าง่าย ดูแลไม่ยาก”
“งั้นพี่ลองถามดูนะคะว่าอยากย้ายไปอยู่บริษัทของผู้กำกับหนิงไหม”
“ผู้กำกับหนิงเหรอ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะกลายเป็นสามีของพี่เหลียงจี!” ดวงตากลมโตของถังถังโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ในชั่วขณะ
ทุกคนต่างพยักหน้า
เดิมทีสองคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย แถมอยู่คนละวงการ สุดท้ายกลับได้เคียงคู่กัน
ใครจะไปคาดคิด!