หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรักตอนพิเศษ 96 มาปลูกบุปผา ให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยกันเถิด (3)

ตอนพิเศษ 96 มาปลูกบุปผา ให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยกันเถิด (3)

ตอนพิเศษ 96 มาปลูกบุปผา ให้กำเนิดเจ้าตัวน้อยกันเถิด (3)

ถนนขรุขระทำให้ร่างของหลิงจือสะเทือนจนสะดุ้งตื่น นางปวดไปหมดทั้งตัวราวกับถูกหินยักษ์บดขยี้มา กระดูกแต่ละชิ้นรู้สึกเหมือนจะแหลกสลาย ศีรษะของนางยังมึนงงอยู่ นางไม่รู้สักนิดว่าตัวนางอยู่ที่ใด รู้สึกแต่ว่าร่างกายกระเด้งกระดอนอย่างร้ายกาจ หูได้ยินเสียงล้อบดถนนดังมาเลือนราง

หลังจากมึนงงอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดนางก็นึกออกว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางถูกเดรัจฉาน มือถือสากปากถือศีลคนหนึ่งกินเรียบตลอดตัวแล้ว!

เดรัจฉานตัวนั้นเล่า!

หลิงจือกลอกลูกตาไปมาก็เห็นเดรัจฉานที่บังคับนางตลอดทั้งคืนตัวนั้นกำลังนั่งสบายใจเฉิบตัวเป็นๆ อยู่ข้างกายนาง เพลิงโทสนะของหลิงจือลุกพรึ่บ!

หลิงจือรวบรวมพลังปราณน้ำแปลงเป็นกระบี่คมกริบแทงใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พูดพร่ำ!

แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันแตะถูกผมสักเส้นของอีกฝ่าย คมกระบี่ก็พลันสลายหายไปเพราะพลังปราณไม่พอ

อวิ๋นเยี่ยใช้ดวงจิตควบคุมอาชาร่างกำยำให้ลากรถอยู่ เขาเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน “ตื่นแล้วก็สวมเสื้อผ้าเสีย อย่ามาล่อลวงข้าอีก”

“ล่อ…ล่อลวงเจ้าหรือ” หลิงจือเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ผู้ใดกันที่กระโจนเข้ามาก่อน เจ้าทำลายความบริสุทธิ์ของข้า ข้ายังไม่ทันคิดบัญชีกับเจ้า เจ้ากลับทำตัวเป็นโจรชั่วใส่ร้ายเหยื่อก่อนแล้ว! ใต้หล้ามีคนไร้ยางอายเช่นเจ้าได้อย่างไรกัน!”

อวิ๋นเยี่ยเอี้ยวหน้ากลับมา สายตาจับจ้องบนหน้าอกของนาง เพราะขยับตัวจะสังหารอวิ๋นเยี่ยเมื่อครู่ ผ้าห่มบนร่างนางจึงไหลลงไปกองด้านล่าง เผยภาพอันเย้ายวนออกมา

หลิงจือมองตามสายตาเขา ดวงหน้างามถอดสีรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิด แล้วต่อว่าอย่างอับอายปนโกรธเกรี้ยว “เจ้ายังจะมองอีกหรือ!”

อวิ๋นเยี่ยหันกลับไปอย่างเฉยเมย “ก็เห็นมาหมดแล้ว”

หลิงจือโกรธจัด “เจ้า!”

อวิ๋นเยี่ยคว้าเสื้อผ้าของสตรีชุดหนึ่งโยนมาตรงหน้าหลิงจือ นี่มิใช่เสื้อผ้าชุดนั้นที่หลิงจือสวมก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าชุดนั้นถูกใครบางคนเผาเป็นขี้เถ้าไปแล้วเพราะยากจะสะกดกลั้นราคะเอาไว้ได้ เสื้อผ้าชุดนี้เป็นของที่อวิ๋นเยี่ยซื้อมาระหว่างทาง

นับว่าเตรียมไว้พร้อมสรรพ เอี๊ยมชั้นใน กางเกงชั้นใน เสื้อตัวใน เสื้อตัวกลาง เสื้อชั้นนอกกับกระโปรง แม้แต่ผ้าคาดเอวกับผ้ามัดผมก็เตรียมไว้เข้าชุดเสร็จสรรพ

หลิงจือหยิบกางเกงชั้นในกับเอี๊ยมตัวในขึ้นมา สีหน้าอิหลักอิเหลื่อเล็กน้อย

อวิ๋นเยี่ยจึงบอกว่า “หลังซื้อมาข้าซักแล้ว พวกมันสะอาด”

หลิงจือหน้าแดงก่ำในพริบตา!

ตอนนี้หัวใจของนางเพลิงโทสะลุกโหมมากกว่าเดิม ช่วยไม่ได้ที่นางเป็นสตรีหน้าบาง อาภรณ์ที่ต้องแนบชิดเรือนกายถูกบุรุษเอาไปซัก ต่อให้เป็นของใหม่ นางก็…

หลิงจือตวาดแหว “เจ้าไสหัวออกไปเลยนะ!”

อวิ๋นเยี่ยไม่ขยับสักนิด

“ข้าให้เจ้าออกไป เจ้าไม่ได้ยินหรือไร”

อวิ๋นเยี่ยทำราวกับไม่ได้ยินเสียงตวาดด่าทอของนาง

หลิงจือดึงผ้าห่มขึ้น เท้าน้อยๆ ขาวผ่องงดงามข้างหนึ่งโผล่มาจากด้านในแล้วยกขึ้นถีบเขา “ไสหัวออกไปเลยนะ!”

ลูกถีบหนนี้ หากเป็นมนุษย์ธรรมดาคงถูกถีบจนอาการร่อแร่ แต่อวิ๋นเยี่ยเป็นเทพ ในสายตาเขาลูกถีบของหลิงจือเรี่ยวแรงไม่ต่างกับแมวน้อย

หลิงจือเห็นเขายังทึมทื่อไม่รู้สึกรู้สาก็ยกเท้าขึ้นถีบอีกหน แต่หนนี้ถูกอวิ๋นเยี่ยยึดข้อเท้าขาวผ่องของนางเอาไว้

แววตาของอวิ๋นเยี่ยเข้มขึ้น “ฤทธิ์ยายังอยู่ เจ้าอย่ามายั่วข้า”

ในสมองของหลิงจือผุดภาพเมื่อคืนวานของเขาขึ้นมา นั่นเป็นมนุษย์เสียที่ไหน เป็นเดรัจฉานตัวหนึ่งชัดๆ!

เรื่องพรรค์นั้นนางไม่อยากเผชิญอีกรอบหรอกนะ

หลิงจือถูกขู่สำเร็จ นางตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา แล้วสั่งเสียงแผ่ว “เจ้า…เจ้าปล่อยมือสิ”

อวิ๋นเยี่ยปล่อยมือ

หลิงจือขดตัวเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อเห็นเขายังไม่มีท่าทางจะหลบออกไปสักนิดจึงบอกว่า “เจ้าหันไปด้านโน้น”

อวิ๋นเยี่ยบอกอย่างเฉยชา “ก็บอกว่าข้าเห็นหมดแล้ว”

หลิงจือโกรธจนหน้าแดง “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็หันไปสิ!”

“ผู้หญิงน่ารำคาญจริงๆ” อวิ๋นเยี่ยหมุนตัวไปอีกฝั่งอย่างระอา

หลิงจือเริ่มสวมเสื้อผ้า นางเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์แต่จู่ๆ กลับถูกบุรุษผู้หนึ่งข่มเหง แล้วยังต้องมาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ต่อหน้าอีกฝ่ายอย่างน่าอับอายเช่นนี้อีก นางรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนเองถูกบดขยี้จนแหลกลาญแล้ว

ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นสตรีนางใด เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกอัปยศ

ระหว่างที่นางสวมเสื้อผ้า หยดน้ำตาก็ร่วงพรูลงมา

อวิ๋นเยี่ยว่าอย่างเย็นชา “ข้าเกลียดเวลาผู้หญิงร้องไห้ที่สุด ทางที่ดีเจ้าเก็บน้ำตาของเจ้าไปเสีย”

ครานี้เพลิงโทสะที่ข่มลงไปอย่างยากเย็นของหลิงจือปะทุออกมาทั้งหมดในคราวเดียว “ข้าเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว ข้าร้องไห้ก็ไม่ได้หรือ เจ้าเป็นคนเช่นไรกัน เจ้าข่มเหงรังแกข้าเพราะข้าสู้เจ้าไม่ได้สินะ ข้าไม่เคยพบบุรุษที่น่าชิงชังเช่นเจ้ามาก่อน! เจ้าหยุดรถ ข้าจะลง!”

อวิ๋นเยี่ยจับข้อมือของนางไว้ “ตอนนี้เจ้ายังลงไม่ได้”

หลิงจือดิ้นรน แต่กลับพบว่าตนเองดิ้นไม่หลุด ฝ่ามือใหญ่ของเขาราวกับคีมยักษ์ หนีบนางไว้แน่นสนิท “เจ้าจะเอาอย่างไร!”

อวิ๋นเยี่ยแค่นเสียงหยัน “จะว่าไปแล้ว สาเหตุที่ข้าตกอยู่ในกำมือสตรีนางนั้นก็เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าร่วงลงมาทับข้าจนสลบ ข้าก็คงไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือนาง หากข้าไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือนางก็คงไม่ถูกนางวางยา พูดไปพูดมาเรื่องทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเจ้า เจ้าเป็นคนก่อเรื่องก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง ก็ถูกต้องแล้ว เจ้าจะรู้สึกอยุติธรรมอะไรมากมายปานนั้น”

หลิงจือ…หลิงจือโกรธจนขนพองแล้ว

บุรุษผู้นี้นอกจากหน้าตาดีก็หาดีตรงไหนไม่ได้แล้วจริงๆ!

นิสัยน่าชิงชังเช่นนี้ เขาอยู่มาจนถึงป่านนี้ได้อย่างไรกัน!

หลิงจือโกรธจน…จนลืมถามเขาเสียสนิทว่าเหตุใดจึงไม่ยอมปล่อยนางลง

เวลานี้ท้องฟ้าสว่างโร่แล้ว แม้หลิงจือจะประสานเม็ดตันแล้ว แต่เพราะมังกรน้อยตัวแสบทำให้นางไม่เคยเลิกกินอาหารได้สำเร็จ นางจึงยังต้องกินอาหารอยู่

บนรถม้ามีอาหารที่อวิ๋นเยี่ยเตรียมไว้

หลิงจือไม่เคยรู้สึกว่าตนเองหิวโหยเท่านี้มาก่อน แม้แต่วันเวลาที่กินไม่เคยอิ่มท้องสมัยอาศัยอยู่ที่ตีนเขา นางก็ไม่เคยน้ำลายสอยามเห็นอาหารเช่นนี้ แต่ตอนนี้เพราะถูกใครบางคนบีบคั้น นางจึงแทบจะกินถาดอาหารลงไปด้วย

อวิ๋นเยี่ยรินชาให้ตนเองหนึ่งถ้วยแล้วนั่งดื่มชาของตนเองไป

หลิงจือกินอาหารอยู่ก็รู้สึกฝืดคอ นางหันมาค้อนควักใส่เขา บนโต๊ะมีถ้วยเปล่าเหลืออยู่ตั้งมาก คนผู้นี้ไม่รู้จักรินให้นางสักถ้วย

ช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและนิสัยเลวร้ายจริงๆ!

หลิงจืออดทนกับความเจ็บปวดที่แขนรินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย

หลังจากกินอิ่มดื่มชาจนพอใจ หลิงจือก็พิงหมอนนุ่มนิ่มสะลึมสะลือหลับไปอีกหน

ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น นางรู้สึกว่ารถม้าแล่นเข้าไปในตลาดเสียงดังเอะอะแห่งหนึ่ง รถม้าจอดตรงที่แห่งหนึ่ง บุรุษที่อยู่ด้านข้างลงจากรถม้า ไม่นานก็กลับขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว

นางคิดว่าตนเองกำลังฝันอยู่ จนกระทั่งปลายนิ้วเย็นยะเยือกข้างหนึ่งบีบปลายคางของนาง มันบีบแรงจนนางสะดุ้งตื่นจากฝัน นางเพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน

ในมือของอวิ๋นเยี่ยถือยาร้อนควันฉุยถ้วยหนึ่ง พอเห็นนางตื่นแล้วจึงคลายมือที่บีบคางนาง “ดื่มเสีย”

หลิงจือขมวดคิ้วอย่างฉงน “นี่คือสิ่งใด”

อวิ๋นเยี่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา “ยาห้ามครรภ์ของโลกมนุษย์”

“ยาห้ามครรภ์อะไร” หลิงจืองงงวย

อวิ๋นเยี่ยหัวเราะหยัน “เจ้าเคยเป็นมนุษย์ธรรมดามิใช่หรือ เหตุไฉนแม้แต่ยาห้ามครรภ์ก็ไม่รู้จัก คิดจะแสร้งโง่หรือ”

หลิงจือถลึงตาใส่เขา “ผู้ใดแสร้งโง่ เจ้าเก่งนักก็อธิบายมาให้เข้าใจสิ!”

อวิ๋นเยี่ยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด เขาพูดเหมือนนี่เป็นเรื่องถูกต้องเที่ยงธรรมแล้ว “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าอุ้มท้องลูกของข้า ดื่มมันเสียแล้วเจ้าก็ไปได้”

หัวใจของหลิงจือเย็นวาบในทันใด

นางคิดว่าบุรุษผู้นี้บังคับขืนใจนางแล้ว จะมากจะน้อยในใจก็คงมีความละอายอยู่บ้าง แม้วาจาจะร้ายกาจ นิสัยจะน่ารังเกียจ แต่น่าจะเหมือนกับฉินหลิงเอ๋อร์ที่นิสัยแท้จริงไม่ถึงขั้นเลวทราม จวบจนเวลานี้หลิงจือเพิ่งตระหนักว่าตนเองช่างไร้เดียงสา

บุรุษผู้นี้แค่น่าชังเสียที่ไหน เขาทั้งเห็นแก่ตัว เลวร้าย เย็นชา ไร้ยางอายอย่างถึงที่สุด!

ก่อนนี้หลิงจือไม่รู้จักเขาดี หากนางรู้ นางก็ไม่คิดจะมีลูกกับบุรุษผู้นี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย ระหว่างนางไม่ต้องการมีเอง กับบุรุษผู้นี้ไม่ต้องการให้นางมี

จู่ๆ หัวใจนางก็รู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง นางไม่เคยถูกผู้ใดหยามหมิ่นเช่นนี้มาก่อน

อวิ๋นเยี่ยมองนางอย่างเย็นชา “อย่าท้าทายความอดทนของข้า”

ตอนนี้พลังของหลิงจือสู้เขาไม่ได้ หนีก็หนีเขาไม่พ้น นางโมโหเขา ไม่ต้องการทำตามที่เขาสั่ง แต่นางไร้ทางเลือก

นางรับยาที่ร้อนจนควันฉุยนั่นมา ก้อนสะอื้นตีขึ้นมาในลำคอจนแสบร้อน น้ำตาแห่งความอัปยศหยดแล้วหยดเล่าร่วงพรูลงในถ้วย

นางยกมือขึ้นปาดน้ำตา กลืนยาสีดำปี๋ถ้วยนั้นลงไปทั้งน้ำตา หัวใจราวกับถูกมีดกรีดเฉือนเป็นริ้วๆ

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

Score 10
Status: Completed
นิยายแปลไทยเรื่อง : หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก ผู้เขียน : เพียนฟางฟาง (偏方方) แนะนำเรื่องย่อ เมื่อหมอสาวยุคปัจจุบันต้องทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณแถมพ่วงด้วยลูกแฝดอีกสอง ทำขนม ดักสัตว์ ทำไร่ ทำทุกอย่างที่ได้เงิน! เฉียวเวย เด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรจู่ๆ ก็ทะลุมิติมายังยุคโบราณที่ไม่รู้จัก นอกจากจะมาอาศัยร่างคนอื่นอยู่แล้ว ร่างเดิมนี้ยังมีลูกแฝดอีกสองชีวิตให้ต้องเลี้ยงดู! นางที่ไร้ซึ่งความทรงจำใดๆ ในโลกใบใหม่แต่พราะทักษะติดตัวสมัยยังต้องดิ้นรนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทำให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไปนัก ทำขนม ดักสัตว์ ปลูกพืช รักษาคน จากนี้นางจะเลี้ยงลูกๆ ให้เติบใหญ่ด้วยมือของนางเอง! เจ้าซาลาเปาน้อยจูงมือบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมเข้ามา "ท่านแม่ ท่านลุงบอกว่าเขาเป็นพ่อของข้า" เฉียวเวยยิ้มละไม "ลูกรัก บอกพ่อเจ้าหน่อย ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะพิสูจน์ว่าเป็นพ่อของเจ้าได้" เจ้าซาลาเปาน้อยเปิดสมุดทองคำ พูดอย่างชื่อๆ ว่า "ข้อที่หนึ่งร้อยหนึ่งของ 'กฎครอบครัวเฉียว' หลอกลวงเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีโทษตัดอวัยวะสืบพันธุ์ ท่านลุง หากท่านเป็นพ่อของข้าจริงๆแล้วล่ะก็..." โดยไม่รอให้เจ้าซาลาเปน้อยจะพูดจบ ปลายนิ้วอันย็นเฉียบของชายคนนั้นก็บีบคางของเฉียวเวย เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและเป็นอันตราย "หากข้าจำไม่ผิด คืนนั้น เหมือนเจ้าจะเป็นคนบังคับขืนใจข้า!"

Options

not work with dark mode
Reset