ตอนที่ 499 โอกาสรอดไม่สูง
“คุณหมอเทวดา ฉัน…ฉันก็ป่วยเหรอคะ” หวังโย่วเฉินถูกมองจนลนลาน
หวังต้าฟากับภรรยาก็เริ่มวิตกตามไปด้วย
มู่เถาเยาส่ายมือ “คุณแข็งแรงมากค่ะ แต่สาเหตุของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงยังไม่ทราบแน่ชัด ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ ฉันเลยอยากให้คุณกินยาเพื่อป้องกันค่ะ”
มู่เถาเยาหยิบขวดสีเขียวออกมาจากกล่องยาใบน้อยให้หวังโย่วเฉิน
ครอบครัวหวังทั้งสามคนหน้าซีดลงทันที มือเท้าเย็นไปหมด
ลู่จือฉินอธิบาย “ถึงแม้โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงส่วนใหญ่จะเป็นระยะๆ แต่จากการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่าห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์มีประวัติมาจากครอบครัว หรือก็คือ ถ้าพ่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็สูงกว่าคนปกติอย่างมีนัยสำคัญค่ะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “คุณลุงคุณป้าไม่ต้องเครียดไปนะคะ ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหรือมีอาการแน่ ๆ ถ้ายาพวกนี้ที่หนูให้ลุงหวังได้ผล ถ้าอย่างนั้นยาป้องกันขวดนี้ก็ต้องเห็นผลเหมือนกันค่ะ”
เพราะก็ใส่หญ้าพิษชีวิตลงไปด้วย
ก้านดอกที่ไม่อวบไม่ยาวครึ่งหนึ่งถูกนำไปทำยารักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อีกครึ่งถูกแบ่งเป็นสามส่วนผสมลงในยาคงอายุ ยาบำรุงแบบครอบคลุม และยาป้องกัน
ครอบครัวหวังต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อย วิตกกังวล
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และหยางหยางหัวหน้าแผนกประสาทผลัดกันอธิบายและปลอบครอบครัวหวังทั้งสามคน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาในที่สุดก็พาพวกเขากลับมาสู่สภาวะอารมณ์ที่ปกติได้
นัดมาตรวจอีกครั้งตอนเหลือยาเม็ดสุดท้าย จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย
ตรงทางเข้าโรงพยาบาล มู่เถาเยาโทรหาศิษย์พี่ใหญ่ก่อน พอรู้ว่าครอบครัวของหวังซูเหยาเด็กที่เปลี่ยนไตตั้งแต่สิบขวบอยู่ที่โรงพยาบาลผิงคังพอดี เธอจึงขับรถไปพร้อมลู่จือฉินกับตี้อู๋เปียน
ตอนที่เธอทำยาก็ได้วางแผนไว้ว่าจะเอายาบำรุงให้หวังซูเหยากับพ่อด้วย
พอทั้งสามคนถึงโรงพยาบาลก็ตรงไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการ
หวังซูเหยากับครอบครัวกำลังพูดขอบคุณเฉิงหราน
“ศิษย์พี่ใหญ่”
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ลู่ อู๋เปียน มาถึงแล้วเหรอ”
“ศิษย์พี่ใหญ่คะ น้องไม่สบายตรงไหนเหรอคะ”
“ไม่ใช่เรื่องไตหรอก สาวน้อยแค่เป็นหวัดน่ะ พี่เห็นพวกเขามาหาหมอ จำได้ว่าสาวน้อยเคยเปลี่ยนไตก็เลยบอกให้พ่อแม่พามาตรวจดูหน่อยน่ะ”
ครอบครัวนี้จำมู่เถาเยาได้ขึ้นใจ
“ยินดีด้วยค่ะคุณหวัง” ที่ออกมาจากคุกแล้ว
หวังอันผิงพูดด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณครับ! ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ ครับ!”
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวคนนี้ เขาคงทำร้ายคนไปแล้ว แบบนั้นคงไม่ได้โดนตัดสินโทษแค่สามปี ลูกสาวก็อาจไม่ได้เปลี่ยนไต…
“ไม่เป็นไรค่ะ วันหน้ามีเรื่องอะไรก็อย่าบุ่มบ่าม ทางออกมีเยอะกว่าอุปสรรคนะคะ”
“ใช่ค่ะใช่ค่ะ” ภรรยาของหวังอันผิงพยักหน้าต่อเนื่อง
ตอนนั้นเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีจะใช้วิธีที่สุดโต่งแบบนั้นไปทวงเงินเดือน
เรื่องที่สาวน้อยคนนี้กับลูกชายของผู้อำนวยการได้ทำไว้เท่ากับช่วยครอบครัวพวกเขาทั้งสามคนไว้!
มู่เถาเยาลูบศีรษะของหวังซูเหยาที่มองเธออย่างไม่ละสายตา ถามเสียงเบา “ซูเหยาจ๊ะ สามปีมานี้รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าจ๊ะ”
“พี่คะ หนูสบายดีค่ะ ไม่ได้รู้สึกแย่ตรงไหน”
สาวน้อยวัยสิบสามปีตอนนี้เพิ่งเรียนประถมสี่เพราะอาการป่วย แต่เธอรู้ประสามากแล้ว และก็รู้ว่าตอนนั้นพ่อทำเรื่องผิดพลาดลงไปเพราะต้องการทวงเงินเดือนเอามารักษาเธอ
“มา ขอพี่ตรวจดูหน่อยนะ”
หวังซูเหยายื่นมือออกไปอย่างว่าง่าย
เฉิงหรานยิ้มพลางพูดกับสองสามีภรรยา “พวกคุณอย่าเห็นว่าศิษย์น้องของผมอายุน้อยนะครับ แต่เธอเรียนจบดอกเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูตอนอายุยี่สิบ ฝีมือการรักษาเหนือกว่าผมอีกครับ”
หวังอันผิงกับภรรยาดีใจมาก
ถึงแม้การปลูกถ่ายไตของลูกสาวจะประสบความสำเร็จ นัดตรวจสุขภาพเป็นประจำก็ปกติดี ไม่มีอาการต่อต้านภายในร่างกาย แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่ไตที่มีมาแต่กำเนิด สองสามีภรรยาย่อมไม่วางใจ
เพราะโอกาสที่จะมีชีวิตรอด…มีไม่สูงจริงๆ
มู่เถาเยาตรวจชีพจรให้สาวน้อยเสร็จก็ตรวจให้หวังอันผิงต่อ
“ร่างกายของทั้งสองคนใช้ได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ในฐานะหมอ เธอเข้าใจความรู้สึกของผู้ปกครอง และก็รู้ถึงปัญหาหลังการผ่าตัด
ต่อให้ไตที่ปลูกถ่ายนี้ถึงขีดจำกัดแล้วก็ยังสามารถปลูกถ่ายได้อีกเป็นครั้งที่สอง คนที่ใช้ชีวิตได้อีกหลายสิบปีก็ใช่ว่าจะไม่มี
แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้มียาบำรุงแบบครอบคลุม
มู่เถาเยาหยิบขวดสีเขียวออกมาจากกล่องยาใบน้อยแล้วยื่นให้หวังอันผิง “ในนี้มียาอยู่หกเม็ด ดีต่ออวัยวะภายในเป็นพิเศษ พี่หวังกับซูเหยากินเดือนละเม็ด อีกสามเดือนฉันจะมาตรวจสุขภาพให้ใหม่ค่ะ”
หวังอันผิงรับยามาก่อน จากนั้นก็ถามด้วยความไม่สบายใจ “คุณหมอเทวดาครับ ร่างกายของพวกเรายังจำเป็นต้องกินยาอีกเหรอครับ”
“นี่ไม่ใช่ยารักษาโรคค่ะ แต่เป็นยาบำรุงอวัยวะภายใน ตัวยาหลักเป็นสมุนไพรที่หาได้ยาก แม้แต่คนแข็งแรงก็กินได้อย่างสบายใจค่ะ”
เฉิงหรานยิ้มพูด “ยาที่ศิษย์น้องของผมทำเห็นผลดีที่สุดครับ พวกคุณลองดูผมสิครับ อายุห้าสิบกว่าแล้วแต่กลับเหมือนคนสามสิบกว่า ก็เพราะพึ่งยาบำรุงที่ศิษย์น้องของผมเป็นคนทำครับ”
แม่หวัง “คุณหมอเทวดา ผู้อำนวยการ ซูเหยายังเด็ก กินยาบำรุงได้เหรอคะ”
มู่เถาเยายิ้มบาง “นี่ไม่ใช่ยาบำรุงแบบเดิม ๆ ค่ะ แต่เป็นยาที่เอาไว้ใช้บำรุงอวัยวะภายในโดยเฉพาะ อ่อนโยนต่ออวัยวะภายในที่เจ็บป่วย อ่อนแอ และบาดเจ็บ ซูเหยาก็กินได้ค่ะ”
พอฟังถึงตรงนี้หวังอันผิงก็กำขวดยาแน่น กะจะเก็บไว้ให้ลูกสาวกินทั้งหมด
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีไตอยู่ข้างเดียว แต่ไตที่แข็งแรงสามารถทำหน้าที่ทั้งหมดของไตได้สมบูรณ์ จึงไม่ส่งผลต่อร่างกายมากนัก พอมีของดีเขาก็อยากเก็บไว้ให้ลูกสาวก่อน
มู่เถาเยาเห็นสีหน้าของสองสามีภรรยาก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้น “พี่หวังคะ พี่เป็นเสาหลักของครอบครัว มีสุขภาพที่ดีถึงจะไปพยายามเพื่อครอบครัวได้ดียิ่งขึ้นนะคะ”
สองสามีภรรยาได้ยินดังนั้นก็เข้าใจถึงความสำคัญทันที
หวังอันผิงยิ้มขอบคุณ “คุณหมอเทวดาพูดถูกครับ พวกเราคิดอะไรตื้นๆ เอง”
มู่เถาเยาลูบศีรษะของสาวน้อยอีกครั้งแล้วพูดกับสองสามีภรรยา “ถ้าร่างกายของซูเหยาผิดปกติพวกพี่ก็มาหาศิษย์พี่ของฉันที่โรงพยาบาลได้เลยนะคะ ฉันก็จะได้รู้ในทันทีค่ะ”
“ขอบคุณคุณหมอเทวดาค่ะ” แม่หวังยิ้มกว้างขอบคุณ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หวังอันผิง “ขอถามหน่อยนะครับ คุณหมอเสี่ยวเฉิงยังเรียนอยู่เหรอครับ ทำไมไม่เห็นอยู่โรงพยาบาลเลย” เขาจำได้ว่าเมื่อสามปีกว่าที่แล้วใกล้จบดอกเตอร์แล้ว
“ตอนนี้ศิษย์หลานของฉันไม่อยู่เย่ว์ตูค่ะ อีกสองปีถึงจะกลับมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
“อ้อ..”
“ตอนนี้พี่หวังมีงานทำหรือยังคะ”
“ทำงานแล้วครับ คนที่บริจาคก่อนหน้านี้ช่วยหางานให้ครับ วันนี้ได้หยุดพอดี ขอบคุณคุณหมอเทวดาครับ”
บนโลกนี้คนดีก็ยังมีอยู่มาก พวกเขาต้องจดจำเอาไว้ วันไหนสามารถตอบแทนได้ก็ทำ ถ้าหาเจ้าตัวไม่เจอก็ตอบแทนสังคมเอา
มู่เถาเยาพยักหน้า
พวกเขาคุยกันอีกสักพักก็ออกจากโรงพยาบาลด้วยกันแล้วแยกกันที่ประตู
ครอบครัวหวังไปขึ้นรถโดยสารประจำทางกลับบ้าน มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และตี้อู๋เปียนไปลานจอดรถ