“เฮ้อ ในที่สุดก็ได้อาบน้ำเสียที”
ทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน สองนายบ่าวหันหน้าสบตาพลางหยักยิ้ม
ขบวนการค้าไม่เหมาะสำหรับสตรีเพศ อย่าว่าแต่การเดินทางที่เร่งรีบเลย สตรีทุกผู้ล้วนรักความสะอาด
ทว่าโรงเตี๊ยมข้างทางมีน้ำเพียงพอให้ดื่มกินเท่านั้น การอาบน้ำถือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย
เพียงหวนนึกถึงตนเองยามมิได้อาบน้ำราวสิบวัน หลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวรู้สึกเหมือนตกอยู่ในฝันร้าย
ท่านกัวแจ้งแล้วว่ามีผู้หญิงร่วมขบวนมาในคราวนี้ด้วย แต่ผู้หญิงที่สามารถเข้าร่วมในขบวนการค้าล้วนเป็นคนหยาบกระด้างและโหดเหี้ยม
หลินเมิ้งหยาเห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
น่าเสียดาย นางมิอาจเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเหมือนพวกนางได้
หากได้ยากลับมาในคราวนี้ คาดว่านางคงขยาดการเดินทางไกลไปอีกนาน
“พวกเรายังต้องเดินทางอีกหลายวันเลยเจ้าค่ะ นายหญิง อีกเดี๋ยวพวกเราออกไปซื้อของกินกันดีหรือไม่?”
ป๋ายซ่าวอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่านายหญิงของตนหลับไปแล้ว
นั่งพิงขอบอ่าง ใบหน้านวลแดงระเรื่อเผยความอ่อนล้า
แม้จะมีท่านอ๋องและหมอชิวอวี้คอยดูแล ทว่าร่างกายของนายหญิงอ่อนแอกว่าผู้อื่น
นางขยับตัวออกไปด้านนอก น้ำยังคงอุ่นอยู่ ปล่อยให้นายหญิงหลับสักประเดี๋ยวก็คงไม่เป็นหวัดหรอก
พอนายหญิงตื่น นางจะต้องหิวอย่างแน่นอน เช่นนั้นตนเองไปตระเตรียมอาหารเอาไว้ก่อนดีกว่า
ป๋ายซ่าวครุ่นคิด ก่อนจะปิดประตูห้องของหลินเมิ้งหยา
ภายในอ่างอาบน้ำ หลินเมิ้งหยากำลังหลับฝันหวาน
เปลือกตาทั้งสองข้างปิดสนิท แขนสีขาวราวหิมะรองรับใบหู บรรยากาศอันเงียบงันภายในห้องเหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจของนาง
อยู่ๆ หน้าต่างที่ถูกปิดสนิทพลันถูกเปิดออกจากทางด้านนอก จากนั้นมือที่สวมถุงมือสีดำสนิทคว้าขอบหน้าต่างแน่น ร่างในชุดดำพลันกระโดดเข้ามาในห้อง
ใบหน้าถูกผ้าสีดำพันปิดเอาไว้ โดยเหลือเพียงดวงตาทั้งสองข้าง
หันไปมองหญิงสาวในอ่างอาบน้ำ ดวงคาคู่นั้นฉายแววแปลกใจ ท่าทางเหมือนคนกำลังลำบากใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสืบเท้าเข้าใกล้อ่างอาบน้ำ
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยากำลังหลับสนิท นางไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
ร่างในชุดดำปรี่เข้าไปสกัดจุดบนร่างของหญิงสาว ก่อนจะอุ้มตัวนางออกจากอ่างอาบน้ำแล้วใช้ผ้าห่มห่อพันร่างกายของนางเอาไว้
ต่อมาจึงอุ้มนางเอาไว้ในอ้อมกอดเตรียมพาหนีไปทางเก่า
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฝีเท้าของคนผู้นี้จึงหยุดลงกะทันหัน
ขณะที่กำลังโอบอุ้มหลินเมิ้งหยาซึ่งกำลังหลับสนิทแล้วคิดจะจากไป อยู่ๆ ภาพเมื่อครู่ยังคงตราตรึงอยู่ในสมอง
ครุ่นคิด คนในชุดดำวางร่างของนางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะยื่นมือที่กำลังสั่นเทิ้มเข้าไปแหวกผ้าห่มออกเล็กน้อย
หลินเมิ้งหยานอนขดตัวอยู่บนเตียง ร่างกายเปลือยเปล่า
แผ่นหลังเนียนละเอียดขาวราวหิมะทำให้คนผู้นั้นอดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้
ขณะที่คิดจะแหวกผ้าห่มออกจนหมด ประตูใหญ่พลันถูกถีบเข้ามากะทันหัน
“ตายเสียเถอะ!”
หลงเทียนอวี้ตะโกนอย่างมีโทสะ ดวงตาคมกริบเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต
ดาบแวววาวในมือถูกชักออกจากฝักนานแล้ว ทว่าร่างในชุดดำรีบกระโดดหลบการโจมตีของเขา
เพียงปราดเดียวหลงเทียนอวี้ก็ได้เห็นร่างบางเปลือยเปล่าเต็มสองตา
กัดฟันกรอด โทสะพุ่งพล่านไปทั่วทั้งสมอง
หากมิใช่เพราะป๋ายซ่าวบอกเขาว่าหลินเมิ้งหยาอยากพักผ่อนสักครู่ เช่นนั้นเขาคงไม่ออกไปสำรวจตำบลซื่อฟางแห่งนี้ว่ามีของกินอะไรน่าสนใจหรือไม่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงกลับเข้ามาถึงหน้าประตูห้องของหลินเมิ้งหยา เขาจะได้ยินเสียงบานหน้าต่างเปิด
ตอนแรกคิดว่านางตื่นแล้ว แต่เขากลับได้ยินเสียงน้ำไหลผิดปกติ
ต่อมาหลงเทียนอวี้รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงรีบถีบประตูเข้ามา ผลปรากฎว่าภาพตรงหน้าทำให้เพลิงโทสะองเขาพวยพุ่ง
ไอ้โจรชั่ว บังอาจคิดมิดีมิร้ายกับผู้หญิงของเขาอย่างนั้นหรือ!
หากวันนี้เขาไม่เด็ดหัวมันให้ขาด เช่นนั้นอย่าเรียกเขาว่าหลงเทียนอวี้อีกต่อไป!
กำดาบแน่นพร้อมทั้งพุ่งเข้าไป แต่ร่างกายของอีกฝ่ายกลับแปลกประหลาดยิ่ง
ไม่ว่าเขาจะฟาดฟันไปสักกี่หน แม้ปลายดาบเกือบจะแทงทะลุร่างเขาแล้ว แต่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็สามารถเอี้ยวตัวหลบได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
ร่างในชุดดำพลันตะโกนกร้าว เสียงแหบแห้งฟังไม่ถนัดคล้ายกับเสียงของอีกา
หลงเทียนอวี้ไม่รอช้า มือยกขึ้นตวัดดาบอีกครั้ง หมายมั่นจะจ้วงแทงเขาให้ได้
เห็นได้ชัดว่าอันที่จริงชายชุดดำมิได้ผ่อนคลายเหมือนอย่างท่าทางที่แสดงออกมา
วิทยายุทธ์ของหลงเทียนอวี้สูงกว่าเขามาก
ชายชุดดำเริ่มร้อนใจ เขาใช้วิชาหลบหลีกแปลกประหลาดอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวออกจากประตู
เสียงการต่อสู้ของพวกเขาดังลงไปถึงชั้นล่าง
ชิวอวี้ซึ่งพักผ่อนอยู่ห้องข้างๆ รีบวิ่งเข้ามา แต่เขากลับได้เห็นหลงเทียนอวี้ยืนขวางประตูเอาไว้
“เฝ้าประตูเอาไว้ อย่าให้ใครเข้าไปเด็ดขาด!”
ตอนนี้หลินเมิ้งหยายังคงหลับใหล หลงเทียนอวี้จึงรู้สึกลำบากใจ
แต่เมื่อเห็นชิวอวี้ เขามิได้สนใจอะไรมากมายนัก ดังนั้นจึงรีบสั่งให้ชิวอวี้ดูแลหลินเมิ้งหยา ก่อนตัวเองจะกุมดาบวิ่งออกไป
ทั้งสองวิ่งไล่ต้อนกันจนลับหายไป ทิ้งชิวอวี้ยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่นานหูก็ได้ยินเสียงของป๋ายซ่าว
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
ชิวอวี้ถามป๋ายซ่าว แต่อีกฝ่ายเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน
“จริงสิ! นายหญิงของข้ากำลังอาบน้ำอยู่! นายหญิง!”
ป๋ายซ่าวรีบผลักประตูเข้าไป ผลปรากฏว่านางได้เห็นร่างเปียกปอนของเจ้านายตนเองบนเตียง
ชิวอวี้ที่วิ่งตามนางเข้ามาด้วยรีบหันหน้าหนีแล้วเดินกลับออกไปเมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่าของหลินเมิ้งหยา
เพราะเหตุนี้หลงเทียนอวี้จึงสั่งให้เขาเฝ้าประตูสินะ
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? น้องชิว เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเสี่ยวหยวนกัน?”
จ้าวเฟยและเหวินสือรีบวิ่งขึ้นมา พวกเขากำลังจะผลักประตูเข้าไป
ทว่าชิวอวี้รีบเข้าไปขวางหน้า ก่อนจะสงสายตาเศร้าสร้อย
“ไม่รู้โจรที่ใดคิดจะเข้ามาขโมยเงินของญาติผู้น้องข้า ตอนนี้ญาติผู้พี่ของข้าไล่ตามไปแล้ว แต่เสี่ยวหยวนตกใจนิดหน่อย ข้าว่าพี่ชายทั้งสองอย่าเพิ่งรบกวนเขาเลย”
จ้าวเฟยและเหวินสือสบตากัน ก่อนจะผงกศีรษะลง
แม้หยวนหลินตั้งใจสวมใส่ชุดผ้าหยาบราคาไม่แพง แต่ด้วยหน้าตาผิวพรรณของเขาย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาหาใช่คนธรรมดาไม่
แต่ถึงอย่างไรหยวนหลินก็เป็นคนของขบวนการค้าของพวกเขา พวกหัวขโมยเหล่านั้นควรจะไว้หน้ากันบ้าง
พวกมันถึงขั้นแอบเข้ามาขโมยของถึงที่ ดูท่าพวกมันจะไม่รู้จักกฎระเบียบดีพอ
“น้องชิวโปรดวางใจ คนพวกนั้นกล้าขโมยของของเสี่ยวหยวน แสดงว่าพวกมันไม่ไว้หน้าพวกเราเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะรีบไปเค้นถามพวกอันธพาลแถวนี้ดูว่าใครกันที่บังอาจเข้ามายุ่งวุ่นวายกับขบวนการค้าของพวกเราอย่างไม่กลัวตายเช่นนี้!”
พูดจบ ทั้งสองก็เดินออกไปด้วยความโมโห
หลังจากรออยู่พักหนึ่งป๋ายซ่าวจึงเดินออกมาจากห้อง คิ้วขมวดชนกันแน่น
“เป็นเช่นไร? นาง…ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เรื่องนี้ดูจะพูดยากสักเล็กน้อย
ใบหน้าของป๋ายซ่าวแดงก่ำ ส่ายหน้าระรัว ก่อนจะเอ่ย
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเจ้าค่ะ แต่นายหญิงนอนหลับไม่ยอมตื่น ข้าไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว คาดว่าจะต้องตามหมอมาดูอาการเจ้าค่ะ”
ทันทีที่พูดจบ ป๋ายซ่าวจึงนึกขึ้นได้ว่าชายตรงหน้าคือหมอเทวดาฝีมือเยี่ยม
รีบลากตัวชิวอวี้เข้าไปในห้อง ก่อนหน้านี้นางสวมใส่เสื้อผ้าให้หลินเมิ้งหยาแล้ว
เส้นผมตรงยาวถูกเช็ดจนแห้ง ใบหน้านวลอิ่มเอิบ แต่กลับหลับใหลไม่รู้เรื่อง
หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน หลินเมิ้งหยามีสัญชาตญาณว่องไวยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทั้งที่เกิดเสียงเอะอะโวยวายขนาดนี้ แต่เหตุใดนางจึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย?
ยื่นมือเข้าไปจับชีพจรของนาง ครู่ต่อมาสีหน้าพลันตื่นตะลึง เหตุเพราะชีพจรของนางขาดๆ หายๆ
นี่มัน…เหมือนกับชีพจรของคนป่วยหมดหนทางรักษา
รีบตรวจสอบลมหายใจและปอดของนาง แต่เขากลับพบว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ครู่ต่อมาจึงจับชีพจรของนางอีกครั้ง แต่คราวนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติดังเดิมแล้ว
แปลก ทั้งที่เมื่อครู่ยังไม่เป็นเช่นนี้ หรือเขาจะเข้าใจผิดไป?
“ท่านหมอชิว นายหญิงเป็นอะไรหรือไม่?”
ป๋ายซ่าวยืนมองท่าทางตื่นตระหนกก่อนจะกลับมาเป็นปกติของชิวอวี้อยู่ทางด้านข้าง หัวใจของนางกระเด็นกระดอนจนเกือบจะหลุดออกจากปาก
ตอนแรกคิดว่านายหญิงป่วยหนักเสียแล้ว ทว่าชิวอวี้กลับส่ายหน้า
“ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นางถูกคนสกัดจุดเอาไว้เท่านั้น อีกเดี๋ยวข้าจะคลายจุดให้ นางจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน จริงสิ นายหญิงของเจ้าเคยมีอาการป่วยรุนแรงหรือไม่?”
ชิวอวี้เอ่ยถามพร้อมทั้งพลิกตัวหลินเมิ้งหยาหันหลังแล้วทำการคลายจุดให้นาง
ป๋ายซ่าวครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย
“ไม่เคยป่วยเป็นโรคร้ายแรงเจ้าค่ะ นายหญิงค่อนข้างแข็งแรงมาก อ้อ ข้านึกออกแล้ว เมื่อปีก่อนตอนที่คุณหนูเยว่เสียชีวิต นายหญิงเสียใจมากจนหัวใจได้รับความเสียหาย ทุกวันนี้พวกเราล้วนบำรุงร่างกายของนายหญิงไม่หยุดหย่อน ท่านอ๋องเคยเชิญหมอมาตรวจอาการ แต่พวกเขาล้วนบอกว่าไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”
ได้รับบาดเจ็บที่หัวใจ? ชิวอวี้กลับไม่คิดเช่นนั้น
จับชีพจรของหลินเมิ้งหยาอีกรอบ อย่าว่าแต่ได้รับบาดเจ็บที่หัวใจเลย แม้แต่ชีพจรของชายหนุ่มยังมิอาจสมดุลได้เท่านาง
บางทีเขาอาจจะตรวจพลาดไป
เหตุเพราะชีพจรของทุกคนล้วนแตกต่างกัน บางทีอาจเพราะร่างกายของหลินเมิ้งหยาค่อนข้างพิเศษ ฉะนั้นเขาจึงตรวจชีพจรของนางพลาด
หลังจากคลายจุดแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงสูดลมหายใจเข้าออกเร็วขึ้นเหมือนก่อน เปลือกตาทั้งสองข้างสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะเปิดออกในที่สุด
“โอ้ย…ป๋ายซ่าว ข้าเป็นอะไรไป? เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนถูกใครตีอย่างไรอย่างนั้น?”
ทันทีที่ลืมตา นางก็พบว่าชิวอวี้กำลังนั่งอยู่ข้างเตียง
รีบยกผ้าห่มขึ้นปกปิดร่างกาย
นางจำได้ว่าตัวเองอยู่ในอ่างอาบน้ำ นี่หรือว่าเขา…
“อย่าเข้าใจผิด ข้ามิใช่พวกถ้ำมอง เมื่อครู่เจ้าถูกคนสกัดจุด ข้าจึงมาคลายออกให้”
ชิวอวี้เอ่ยเสียงนุ่มนวล การถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีของสตรีล้วนเป็นเรื่องโศกเศร้าของพวกนาง
โดยเฉพาะผู้หญิงฉลาดอย่างหลินเมิ้งหยา บางทีนางอาจคิดไม่ตก
“อะไรนะ? มีคนคิดจะลวนลามข้าอย่างนั้นหรือ! มารดามันเถอะ! มันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่! มันอยู่ที่ไหน! วันนี้ข้าจะควักลูกตาของมันออกมาเป็นของสะสมเล่น!”