ยามดอกวสันต์ผลิบาน 462 หยั่งเชิง

ตอนที่ 462 หยั่งเชิง

“นี่​ก็​จริง​!” สือ​ควน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ “ได้ยิน​ว่า​หยาง​โซ่ว​ซาน​โยกย้าย​แรงงาน​ไป​หนึ่ง​แสน​คน​ เตรียม​จะขุด​ลอก​แม่น้ำเหลือง​ หาก​น้อง​จื่อ​ชวน​ออกจาก​สำนัก​ข้าหลวง​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​ในเวลานี้​ เกรง​ว่า​จะไม่ค่อย​สมเหตุสมผล​นัก​”

เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “แรงงาน​หนึ่ง​แสน​คน​เป็นเรื่อง​ที่​โยกย้าย​กัน​ได้​ง่าย​ขนาด​นั้น​เชียว​หรือ​ นอกจากนี้​ถึงแม้ฤดูหนาว​ปี​นี้​จะหนาวเย็น​ ทว่า​เป็น​ปี​อธิกมาส​เดือน​สี่ เกรง​ว่า​ฤดูใบไม้ผลิ​จะมาถึงเร็ว​ แรงงาน​หนึ่ง​แสน​คน​ยัง​ไป​ไม่ถึงแม่น้ำเหลือง​ ก็​ใกล้​จะถึงฤดู​หว่าน​ไถแล้ว​…”

สือ​ควน​ได้ยิน​แล้​วอด​ขมวดคิ้ว​มุ่น​ไม่ได้​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “คิดไม่ถึง​ว่า​เจ้าจะเข้าใจ​การคำนวณ​ปฏิทิน​ด้วย​!”

“เป็น​เพียง​งานอดิเรก​เท่านั้น​ขอรับ​!” เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ อย่าง​ไม่ใส่ใจนัก​ “แล้วก็​ไม่ได้​คำนวณ​ได้​แม่นยำ​อะไร​เท่าไร​นัก​”

สือ​ควน​กล่าว​ “น้อง​จื่อ​ชวน​อยาก​เอา​ตัวเอง​ออก​มาจาก​เรื่อง​นี้​หรือไม่​”

“มิใช่ว่า​อยาก​เอา​ตัวเอง​ออกมา​หรอก​ขอรับ​” เฉิงฉือ​ริน​สุรา​ให้​สือ​ควน​อีก​จอก​หนึ่ง​ พลาง​กล่าว​ “เนื่องจาก​ข้า​ได้รับ​การ​ฝากฝัง​จาก​ขุนนาง​ใหญ่​ซ่ง อย่างไร​ก็​ไม่อาจ​ทำให้​เขา​เสียน้ำใจ​ใน​ครั้งนี้​ได้​ เพียงแต่ว่า​หยาง​โซ่ว​ซาน​เพิ่งจะ​มารับงาน​ต่อ​จาก​กู๋​จิ่งอวี้​ อยาก​จะสร้าง​บรรยากาศ​ใหม่​ๆ ขึ้น​มา ค่อนข้าง​รีบร้อน​เกินไป​เล็กน้อย​ ซึ่งมิใช่ช่วงเวลา​ที่​ดี​นัก​ ข้า​จึงอยาก​จะหลบเลี่ยง​ทิศทาง​ลม​นี้​สักหน่อย​ก็​เท่านั้น​”

ความหมาย​โดยนัย​ก็​คือ​ หยาง​โซ่ว​ซาน​ผู้​นี้​ดื้อรั้น​หัวแข็ง​ ไม่ดูแล​การ​ขุด​ลอก​แม่น้ำเหลือง​ใน​ครั้งนี้​ให้​ดี​

สือ​ควน​ครุ่นคิด​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “มิใช่ว่า​ขุนนาง​ใหญ่​หยวน​เป็น​ญาติ​ของ​พวก​เจ้าหรอก​หรือ​ เจ้าลอง​เดิน​อยู่​ใน​เส้นสาย​ของ​ขุนนาง​ใหญ่​หยวน​ดู​ก็ได้​นี่​นา​!”

เฉิงฉือ​ยิ้ม​ขื่น​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ขุนนาง​ใหญ่​หยวน​ไม่ลงรอย​กับ​ขุนนาง​ใหญ่​ซ่งขอรับ​!”

สือ​ควน​ได้ยิน​แล้ว​สีหน้า​ดู​ไร้​ทางออก​เล็กน้อย​เช่นกัน​ ครุ่นคิด​ครู่หนึ่ง​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “หรือไม่​ ข้า​ช่วย​เป็น​ด้าย​ประสาน​ให้​เจ้าสัก​เส้น​ดี​หรือไม่​ หวัง​จ้วน​รอง​เจ้ากรม​ขุนนาง​กับ​ข้า​เคย​ติดต่อกัน​อยู่​บ้าง​ มิสู้ไปหา​เขา​ดู​ หา​ข้ออ้าง​หนึ่ง​โยกย้าย​เจ้ากลับมา​ก่อน​ รอ​ให้​ถึงฤดูใบไม้ผลิ​ งาน​ที่​แม่น้ำเหลือง​ก็​เหลือ​ไม่มาก​แล้ว​ เจ้าค่อย​ไป​จี่หนิง​ตอนนั้น​ก็​ยัง​ไม่สาย​ อย่างไร​เสีย​เจ้าก็​ได้รับแต่งตั้ง​ให้​เป็น​ที่ปรึกษา​ฝ่ายจัดการ​น้ำ​กรม​โยธา​ ก็​เป็น​อะไร​ที่​สมเหตุสมผล​” กล่าวถึง​ตรงนี้​ เขา​ตบ​หน้าผาก​ตัวเอง​แรง​ๆ ครั้งหนึ่ง​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “ข้า​นึกออก​แล้ว​ หลาย​ปี​มานี้​ดอกบัว​ที่​ราช​อุทยาน​หลวง​ไท่เย่ฉือ​ล้วน​บาน​ได้​ไม่ค่อย​ดี​นัก​ คน​ของ​สำนัก​ดูแล​พระราชวัง​ให้​คน​ของ​ฝ่าย​จัดสรร​และ​ดูแล​ทิวทัศน์​ไปดู​แล้ว​ บอ​กว่า​ต้อง​ทำความสะอาด​ องค์​ฮ่องเต้​ทรง​เตรียม​จะให้​กรม​โยธา​มาเป็น​ผู้รับผิดชอบ​งาน​นี้​ ข้า​ว่า​เจ้ามิสู้ใช้โอกาส​นี้​เป็น​ข้ออ้าง​กลับ​เมืองหลวง​มาจัดการ​เรื่อง​นี้​สัก​ครั้งหนึ่ง​” ขณะที่​กล่าว​ เขา​ก็​กด​เสียงต่ำ​ลง​ เอ่ย​ว่า​ “อาจจะ​ทรง​ให้​องค์​รัชทายาท​มาควบคุม​ดูแล​ และ​ให้​พระ​ราช​นัดดา​พระองค์​โตมา​เป็น​ผู้ช่วย​”

เฉิงฉือ​มิสนใจ​

นับตั้งแต่​ที่​รู้​ว่า​ชาติก่อน​ตระกูล​เฉิงถูก​องค์​ฮ่องเต้​สั่งลงทัณฑ์​ทั้ง​ตระกูล​เป็นต้นมา​ ใน​ใจของ​เขา​ก็​อัด​แน่น​ไป​ด้วย​ความขุ่นเคือง​หนึ่ง​มาโดยตลอด​

ตระกูล​เฉิงไม่มีทาง​คิดคด​เป็น​กบฏ​ได้​

องค์​ฮ่องเต้​ทำให้​ตระกูล​เฉิงไร้​ผู้สืบทอด​สกุล​ นั่น​เป็นเรื่อง​ไม่ถูกต้อง​

เขา​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “หลัก​ๆ แล้ว​ข้า​เพียง​อยาก​จะหลีกเลี่ยง​การ​ขุด​ลอก​แม่น้ำเหลือง​ใน​ครั้งนี้​เท่านั้น​ ส่วน​เรื่อง​อื่น​ข้า​ไม่ได้คิด​อะไร​มาก​ขนาด​นั้น​”

สือ​ควน​มอง​สำรวจ​เฉิงฉือ​อย่าง​ละเอียด​ รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่ผิด​จาก​ที่​เคย​ได้ยิน​มาจริงๆ​ รู้สึก​ยกย่อง​ชื่นชม​อยู่​ใน​ใจเป็น​อย่างยิ่ง​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “น้อง​จื่อ​ชวน​ช่างเป็น​ผู้ทรง​คุณธรรม​จริงๆ​”

เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “ผู้ทรง​คุณธรรม​กับ​ผู้​ไร้​คุณธรรม​ก็​ห่าง​กัน​เพียง​หนึ่ง​เส้น​บาง​ๆ กั้น​เท่านั้น​ เวลานี้​ข้า​ปรารถนา​จะให้​เวลา​กับ​ที่​บ้าน​ จึงเป็นธรรมดา​ที่จะ​ได้​เป็น​ผู้ทรง​คุณธรรม​ แต่​ถ้าเวลานี้​ข้า​อยาก​จะให้​หน้าที่​การงาน​ราบรื่น​ คง​ไม่แคล้ว​ได้​เป็น​ผู้​ไร้​คุณธรรม​ไป​แล้ว​!”

สือ​ควน​ชื่นชม​เป็น​อย่างยิ่ง​ ยก​จอก​สุรา​ขึ้น​แสดง​ความนับถือ​ต่อ​เฉิงฉือ​ กล่าว​ขึ้น​ว่า​ “น้อง​จื่อ​ชวน​มีจิตใจ​กว้างขวาง​ ข้า​เทียบ​ไม่ได้​จริงๆ​ เรื่อง​กลับ​เข้า​เมืองหลวง​ของ​เจ้า ก็​ปล่อย​ให้​เป็น​หน้าที่​ของ​ข้า​ก็แล้วกัน​”

น้ำเสียง​การ​พูด​ดู​มั่นใจ​ยิ่งนัก​

แววตา​ของ​เฉิงฉือ​สว่าง​วาบ​ นั่ง​อยู่​ที่​ร้านเหล้า​เล็ก​ๆ ท้าย​ซอย​แห่ง​นั้น​กับ​สือ​ควน​ไป​เกือบจะ​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ดื่ม​และ​พูดคุย​กัน​จน​ลิ้นพัน​กัน​เล็กน้อย​แล้ว​ ถึงได้​นำ​เอา​สุรา​ที่​เหลืออยู่​ทั้งสอง​ขวด​มอบให้​สือ​ควน​ทั้งหมด​ ทั้งสอง​คน​เดิน​เรียงหน้า​คน​หนึ่ง​หลัง​คน​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ร้านเหล้า​เล็ก​ๆ แห่ง​นั้น​ สือ​ควน​นั่ง​เกี้ยว​ออก​ไป​จาก​หน้า​ประตู​ ส่วน​เฉิงฉือ​ขึ้น​รถม้า​คัน​หนึ่ง​ที่​จอด​อยู่​ไม่ไกล​จาก​ท้าย​ซอย​แห่ง​นั้น​ แต่​เมื่อ​เขา​ขึ้น​มาบน​รถม้า​แล้ว​ แววตา​ที่​ดู​เมามาย​เล็กน้อย​นั้น​ก็​พลัน​กระจ่าง​ใสขึ้น​มาในทันที​ สั่งการ​ไหว​ซาน​ที่​รอ​อยู่​ใน​รถม้า​เป็นเวลา​นาน​นั้น​ให้​เตรียม​กระดาษ​และ​หมึก​ นั่ง​เขียนจดหมาย​แผ่น​หนึ่ง​อยู่​บน​รถม้า​แล้ว​ส่งให้​ไหว​ซาน​ ให้​เขา​นำ​ไป​ส่งให้​โจว​เสาจิ่น​

ไหว​ซาน​ไม่กล้า​ชักช้า​ ถือ​กระดาษ​ไป​ที่​ซอ​ยอ​วี๋เฉียน​อย่าง​รีบร้อน​ นำ​ไป​ส่งให้​ซางมามา

โจว​เสาจิ่น​เปิด​ออก​อ่าน​ครั้งหนึ่ง​ เฉิงฉือ​ถามนาง​ว่า​รู้จัก​หวัง​จ้วน​หรือไม่​ ท้ายที่สุด​แล้ว​คน​ผู้​นี้​ได้​ดำรงตำแหน่ง​อะไร​

นาง​ครุ่นคิด​อย่าง​ละเอียด​ บอก​เฉิงฉือ​ไป​ว่า​ หลังจากที่​ฮ่องเต้​พระองค์​ใหม่​เถลิง​ราชย์​แล้ว​ หวัง​จ้วน​ก็ได้​เข้า​ดำรงตำแหน่ง​แทน​ชวี​หยวน​ผู้​เป็น​เจ้ากรม​โยธา​และ​ที่ปรึกษา​ประจำ​พระที่นั่ง​จิ่นเซินคน​ก่อน​อย่าง​รวดเร็ว​ ขึ้น​มาเป็นสมาชิก​ราชเลขาธิการ​และ​ที่ปรึกษา​ระดับสูง​คน​ใหม่​ใน​ราชสำนัก​ ส่วน​บุตรชาย​ของ​เขา​ถูก​ดึง​ตัว​จาก​สำนัก​ฮั่น​หลิน​ไป​เป็น​หัวหน้า​ฝ่าย​ดูแล​ทรัพย์สิน​ยศ​ขั้น​ห้า​ล่าง​ มีครั้งหนึ่ง​ที่​หลิน​ซื่อ​เซิ่งและ​ผู้อื่น​เคย​รับงาน​ของ​พิธี​ล่าสัตว์​ด้วยกัน​ครั้งหนึ่ง​ ตอน​วาง​ใบเสร็จ​คิด​ค่าใช้จ่าย​ต้อง​ไปหา​บุตรชาย​ของ​หวัง​จ้วน​เพื่อ​ประทับตรา​ ด้วยเหตุนี้​ยัง​ส่งสร้อย​ไข่มุก​ที่​มุก​แต่​ละเม็ด​มีขนาดใหญ่​เท่า​นิ้วโป้ง​สองชั้น​ไป​ให้​เส้น​หนึ่ง​ด้วย​ ตอนนั้น​เอง​นาง​ถึงได้​รู้​ว่า​หัวหน้า​ฝ่าย​ดูแล​ทรัพย์สิน​คือ​บุตรชาย​ของ​หวัง​จ้วน​ นอกจากนี้​ หลังจากที่​ตระกูล​เฉิงถูก​สั่งตรวจสอบ​แล้ว​นั้น​ เลี่ยว​เส้าถังเคย​ไป​ขอร้อง​หยวน​เหวย​ชาง แต่​ถูก​เขา​ปฏิเสธ​ คล้าย​กับ​ว่า​เหตุผล​ที่​ปฏิเสธ​จะบอกเป็นนัย​ว่า​เขา​มิได้​เป็นที่​โปรดปราน​ของ​องค์​ฮ่องเต้​แล้ว​ หวัง​จ้วน​อาจจะ​ได้​ขึ้น​เป็น​หัวหน้า​ราชเลขาธิการ​ ตัว​เขา​เอง​ก็​ไร้​อำนาจ​จะปกป้อง​ตัวเอง​เช่นกัน​

เฉิงฉือ​ได้รับ​กระดาษ​แล้วก็​แสยะ​ยิ้ม​เย็น​

ฝ่าย​ดูแล​ทรัพย์สิน​นั้น​รับผิดชอบ​ดูแล​ทรัพย์สมบัติ​ของ​พระราชวัง​ เครื่องรางของขลัง​ และ​ตราประทับ​ ส่วน​กรม​โยธา​รับผิดชอบ​ดูแล​กำแพงเมือง​การ​ขุด​ลอก​คู​คลอง​ การ​ก่อสร้าง​ซ่อมแซม​ ช่างฝีมือ​กองทหาร​รักษาการณ์​ และ​แม่น้ำ​คู​คลอง​ต่างๆ​ ทั่ว​ใต้​หล้า​…กรม​โยธา​ทำงาน​เสร็จ​แล้ว​ ต้อง​ไป​ประทับตรา​ที่​ฝ่าย​ดูแล​ทรัพย์สิน​ จากนั้น​ถึงค่อย​ไป​วาง​ใบเสร็จ​คิดเงิน​กับ​กรม​การคลัง​ บิดา​ควบคุม​ดูแล​กรม​โยธา​ บุตรชาย​ควบคุม​ดูแล​ตราประทับ​ นี่​ช่างเปรียบ​ได้​กับ​ยื่น​เงิน​ของ​ราชสำนัก​จาก​มือ​ข้าง​ซ้าย​ส่งไป​ให้​มือ​ข้าง​ขวา​เสีย​จริง​ ทุกอย่าง​ล้วน​ขึ้นอยู่กับ​การ​คิด​คำนวณ​ของ​สอง​พ่อ​ลูกคู่​นี้​ทั้งสิ้น​

ถ้าหาก​หวัง​จ้วน​ผู้​นี้​มิใช่คน​ที่​องค์​ชาย​สี่ไว้ใจ​นั่น​ถึงจะเป็นเรื่อง​แปลก​!

เฉิงฉือ​เผา​กระดาษ​ที่​โจว​เสาจิ่น​เขียน​ทิ้ง​ไป​

เขา​ให้​ไหว​ซาน​นำ​ของขวัญ​ล้ำค่า​ไป​เยี่ยม​สือ​ควน​ “…บอ​กว่า​แทน​น้ำใจ​ที่​ช่วยเหลือ​ เรื่อง​งาน​ที่​อุทยาน​หลวง​ตะวันตก​นั้น​ให้​ช่างมัน​เถิด​ ทำให้​ข้า​ได้​กลับมา​พักผ่อน​ที่​เมืองหลวง​สัก​สอง​สามเดือน​ ได้​จัดการ​เรื่อง​งานแต่ง​ให้​แล้วเสร็จ​ได้​พอดี​นั่น​ต่างหาก​ที่​สำคัญ​กว่า​”

เฉิงฉือ​ถึงได้​ไป​อาบน้ำ​เปลี่ยน​อาภรณ์​ เตรียมตัว​ไป​คารวะ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​

ทว่า​ชิงเฟิงกลับ​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ “นาย​ท่าน​สี่ นาย​ท่าน​ใหญ่​เวิ่น​ได้ยิน​ว่า​ท่าน​กลับมา​แล้ว​ อย่างไร​ก็​ต้องการ​ขอ​พบ​ท่าน​ให้ได้​ขอรับ​…”

เนื่องจาก​เป็น​ญาติ​ของ​ตัวเอง​ เฉิงฉือ​จึงเชิญเฉิงเวิ่น​มานั่ง​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ให้​ชิงเฟิงไป​ชงชาอย่าง​ดี​มารับรอง​เขา​ เมื่อ​จัดการ​ตัวเอง​เสร็จ​แล้ว​ถึงได้​ไป​พบ​เฉิงเวิ่น​

เฉิงเวิ่น​ออก​ไป​เดิน​รอบ​ๆ มาหนึ่ง​รอบ​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ หลังจาก​ได้​พบเห็น​ความเจริญรุ่งเรือง​ของ​จิงเฉิงแล้ว​ เขา​ก็​ยิ่ง​มีความมั่นใจ​ใน​ตัวเอง​มากขึ้น​ ลูบ​กำปั้น​ของ​ตัวเอง​ เตรียมตัว​ลงสนาม​สัก​ตั้ง​ด้วย​อารมณ์​ฮึกเหิม​ เมื่อ​เห็น​เฉิงฉือ​เดิน​เข้ามา​ ก้าว​ออก​ไป​เพียง​สอง​สามก้าว​ก็​คว้า​แขน​ของ​เฉิงฉือ​เอาไว้​ เอ่ย​ขึ้น​อย่าง​ตื่นเต้น​ว่า​ “น้องชาย​ฉือ​ ข้า​วางแผน​จะเช่าร้าน​ที่​ประตู​ซีจื๋อ​สัก​ร้าน​หนึ่ง​มาทำการค้า​ใบชา​ เจ้าว่า​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “นั่น​ก็​ต้อง​ดู​ว่า​ท่าน​มีเงิน​จำนวน​เท่าไร​”

เฉิงเวิ่น​ถูใบ​หู​พลาง​กล่าว​ด้วย​ดวง​หน้าแดง​ว่า​ “ข้า​ตั้งใจ​จะขาย​หุ้นส่วน​ที่​ร้าน​ตั๋วแลกเงิน​อวี้ไท่​ออก​ไป​บางส่วน​ น่าจะ​รวบรวม​เงิน​มาได้​สัก​หนึ่ง​หมื่น​เหลี่ยง​อยู่​กระมัง​”

เฉิงฉือ​รู้​ว่า​เขา​อยาก​ให้​ตน​ให้​เขา​ยืม​เงิน​เพื่อ​ทำการค้า​

เขา​กล่าว​เสียง​เคร่งขรึม​ว่า​ “หาก​ข้า​เป็น​พี่ชาย​เวิ่น​ จะหา​ผู้เชี่ยวชาญ​ให้ได้​สัก​คน​หนึ่ง​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​ การค้า​ใบชา​นี้​ดูเหมือน​จะง่าย​ ทว่า​ต้อง​อาศัย​ความ​เชี่ยวชาญ​เป็นอย่างมาก​ ไม่พูดถึง​อย่าง​อื่น​ แค่​เรื่อง​รับ​ใบชา​ก่อน​ฤดู​ชิงหมิง​[1]และ​ก่อน​ฤดู​หว่าน​เมล็ด​แรก​[2]มาขาย​ก็​ไม่ง่าย​แล้ว​ ไม่อย่างนั้น​หา​กรับ​ใบชา​ใหม่​มาขาย​ล่าช้า​กว่า​ผู้อื่น​ หรือว่า​เกิด​การ​ล่าช้า​ระหว่าง​ขนส่ง​ล่ะ​ก็​ การค้า​ของ​ทั้งปี​นั้น​ก็​คงจะ​จบสิ้น​กัน​แล้ว​ ถ้าหาก​ไม่มีเรื่อง​แยก​ตระกูล​ ข้า​ก็​คงจะ​มอบหมาย​ให้​หลงจู๊​ใหญ่​สัก​คน​พา​เสมียน​ออกมา​ด้วย​สัก​สอง​สามคน​ไปดู​ให้​ท่าน​ได้​ แต่​ตอนนี้​จวน​หลัก​เอง​ก็​สูญเสีย​กำลังวังชา​ไป​มาก​ เกรง​ว่า​คง​ไม่อาจ​ช่วย​ท่าน​ได้​เหมือน​เมื่อก่อน​แล้ว​ แต่​อย่างไรก็ตาม​ จะดีร้าย​ข้า​ก็​อยู่​ใน​แวดวง​การค้า​นี้​มานาน​หลาย​ปี​ คงจะ​พอ​หาทาง​แนะนำ​พ่อค้า​ใบชา​รายใหญ่​ให้​ท่าน​ได้​สัก​สอง​สามคน​ ส่วน​เรื่อง​หลงจู๊​และ​เสมียน​ใน​ร้าน​นั้น​ คง​ได้​แต่​ต้อง​รอ​ดู​ว่า​พวกเขา​พอ​จะแนะนำ​ใคร​ดี​ๆ ให้ได้​บ้าง​หรือไม่​แล้ว​”

นี่​ดีกว่า​การ​ให้​เขา​ยืม​เงิน​เสีย​อีก​!

เฉิงเวิ่น​ซาบซึ้งใจ​เป็น​อย่างยิ่ง​ กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​จริงใจ​ว่า​ “จื่อ​ชวน​ ยังคง​เป็น​เจ้าที่​ตรงไปตรงมา​ สมกับ​ที่​เป็น​คน​ทำการ​ใหญ่​จน​ประสบความสำเร็จ​ เจ้าคง​ยัง​ไม่รู้​กระมัง​ นับตั้งแต่​ที่​เจ้าส่งต่อ​ร้าน​ตั๋วแลกเงิน​อวี้ไท่​ให้​จวน​รอง​แล้ว​ จวน​รอง​ก็​ให้​พ่อ​บ้านใหญ่​ของ​ทาง​ด้าน​โน้น​เป็น​คน​ไป​ดูแล​ จาก​การ​แบ่ง​จ่าย​รายได้​หนึ่ง​ครั้ง​ต่อ​หนึ่ง​ฤดูกาล​อย่าง​ที่​เจ้าเคย​กำหนด​ไว้​ก็​เปลี่ยนเป็น​ตัด​จ่าย​หนึ่ง​ครั้ง​ต่อ​หนึ่ง​ปี​แทน​ นี่​ล้วน​ไม่ต้อง​กล่าวถึง​ ยัง​ไล่​คนเก่าคนแก่​ของ​ร้าน​ตั๋วแลกเงิน​อวี้ไท่​เหล่านั้น​ออก​ไป​ด้วย​ ข้า​ดู​แล้ว​หลังจากที่​ร้าน​ตั๋วแลกเงิน​อวี้ไท่​ไป​อยู่​ใน​มือ​ของ​พวกเขา​แล้ว​ ไม่ช้าก็เร็ว​จะต้อง​ล่มสลาย​เป็นแน่​ จื่อ​ชวน​ เจ้าเคย​คิด​จะกลับ​ไป​บ้าง​หรือไม่​ ข้า​ทราบ​มาว่า​พี่ชาย​เหมี่ยน​ถ่ายโอน​หุ้นส่วน​ให้​จวน​สามไป​แล้ว​ ข้า​จะไป​พูด​กับ​จวน​สามให้​รวม​ส่วน​ที่อยู่​ใน​มือ​ของ​ข้า​ไป​ด้วย​ แล้ว​พวกเรา​สอง​ครอบครัว​ไว้ใจ​ให้​เจ้าเป็น​คน​ดูแล​กิจการ​ให้​! เจ้าเห็น​ว่า​เป็น​อย่างไร​”

คนเก่าคนแก่​ของ​ร้าน​ตั๋วแลกเงิน​อวี้ไท่​ที่​เขา​กล่าวถึง​ คง​หมายถึง​พี่ชาย​น้องชาย​และ​หลานชาย​ของ​อนุ​ที่อยู่​ข้างนอก​ผู้​นั้น​กระมัง​

เรื่อง​บางอย่าง​ หาก​ไม่มีที่​ให้​เปรียบเทียบ​ก็​ไม่มีวัน​รู้​สั้น​ยาว​!

เฉิงฉือ​กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “พี่ชาย​เวิ่น​เลอะเลือน​แล้ว​ ตอนนี้​ข้า​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​จาก​ราชสำนัก​อย่าง​เป็นทางการ​แล้ว​ จะไป​ทำการค้า​อีก​ได้​อย่างไร​ นอกจากนี้​ท่าน​ลองดู​จิงเฉิงแห่ง​นี้​ สถานที่​อัน​รุ่งเรือง​ที่​เต็มไปด้วย​ผู้คน​ยิ่งใหญ่​ มั่งคั่ง​ไป​ด้วย​สิ่งของ​มากมาย​ ได้​อยู่​ที่นี่​นาน​วัน​เข้า​ ผู้ใด​จะอยาก​กลับ​จิน​ห​ลิง​ไป​ดูแล​ครอบครัว​เล็ก​ๆ อย่าง​ซอย​จิ่ว​หรู​กัน​”

“จริง​ด้วย​ๆ!” เฉิงเวิ่น​กล่าว​แสดง​ความ​เห็นด้วย​ไม่หยุด​ในทันที​ เอ่ย​ต่อว่า​ “ไม่ต้อง​ว่า​แค่​เจ้าเท่านั้น​ แม้แต่​ข้า​ก็​ไม่อยาก​กลับ​ไป​แล้ว​ น้องชาย​ฉือ​ เจ้าว่า​ข้า​พา​ครอบครัว​ย้าย​มาที่​จิงเฉิงเลย​ดี​หรือไม่​ ข้า​เบื่อ​ที่จะ​อยู่​ที่​เมือง​จิน​ห​ลิง​แล้ว​จริงๆ​”

อยู่​จิงเฉิงเขา​เป็น​เฉิงเวิ่น​ ทว่า​อยู่​ที่​จิน​ห​ลิง​เขา​กลับเป็น​นาย​ท่าน​ห้า​ของ​ซอย​จิ่ว​หรู​

เฉิงฉือ​สัมผัส​ได้​รางๆ​ ถึงความคิด​ของ​เขา​ กล่าว​ยิ้ม​ๆ ว่า​ “นี่​เป็น​เรื่องใหญ่​ ข้า​คง​ออก​ความคิดเห็น​ให้​ท่าน​ไม่ได้​ หรือไม่​ ท่าน​ลอง​จัดการ​เรื่อง​การค้า​ให้​เรียบร้อย​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​ ครอบครัว​ต้อง​มีรายได้​ก่อน​ชีวิต​ถึงจะมีความ​สะดวกสบาย​ได้​ ที่​ท่าน​จะย้าย​มาอยู่​จิงเฉิงก็​เพื่อ​มาใช้ชีวิต​ใน​บั้นปลาย​อย่าง​มีความสุข​ มิใช่มาเพื่อ​รับ​ความทุกข์​หรอก​กระมัง​!”

“ข้า​รู้​อยู่แล้ว​ว่า​น้องชาย​ฉือ​เป็น​ผู้​มีวิสัยทัศน์​กว้างไกล​ มิใช่คน​ที่​พวก​คนแก่​ล้าหลัง​ผุพัง​เหล่านั้น​จะเปรียบเทียบ​ได้​” เฉิงเวิ่น​กล่าว​ด้วย​ความดีใจ​ หมุน​กาย​หมาย​จะจากไป​ “ข้า​ต้อง​ไปหา​สหาย​ร่วม​ชั้น​ของ​ข้า​ที่พัก​อยู่​ที่​จิงเฉิงเหล่านั้น​สักหน่อย​ ดู​ว่า​พวกเขา​มีช่องทาง​อะไร​พอ​จะแนะนำ​เรื่อง​หลงจู๊​ใหญ่​ต่างๆ​ ให้​ข้า​สัก​คน​หรือไม่​ รอ​ให้​ข้า​จัดหา​หน้า​ร้าน​และ​คน​ได้​สัก​เจ็ด​แปด​ส่วน​แล้ว​ ค่อย​มารบกวน​ให้​เจ้าช่วย​แนะนำ​พ่อค้า​ใบชา​รายใหญ่​ให้​ข้า​สัก​สอง​สามคน​อีกที​ก็แล้วกัน​”

ยัง​มิได้​ดื่ม​ชาสัก​จิบ​ก็​เดิน​จากไป​แล้ว​

เฉิงฉือ​มอง​เงาหลัง​ของ​เขา​แล้ว​ได้​แต่​ส่าย​ศีรษะ​

ปรากฏ​ว่า​ตอนที่​ไปหา​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​นั้น​กลับ​ได้​พบ​กับ​อู๋​เป่า​จางที่​กำลัง​เตรียมตัว​กลับ​หลังจาก​มาคารวะ​ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​เสร็จ​แล้ว​

เฉิงฉือ​ไม่แม้แต่​จะมอง​นาง​ตรงๆ​ เลย​สักครั้ง​ พยักหน้า​ให้​อย่าง​เย็นชา​ ปล่อย​ให้​สาวใช้​เด็ก​เลิก​ผ้าม่าน​ขึ้น​ให้​แล้ว​เดิน​ตรง​เข้าไป​นั่ง​ใน​ห้องโถง​

อู๋​เป่า​จางกลับ​หันกลับ​ไป​มอง​เขา​อีกครั้ง​อย่า​งอด​ไม่อยู่​

เฉิงฉือ​ช่างมีรูปลักษณ์​ที่​หล่อเหลา​จริงๆ​…รูปร่าง​นั่น​ หลัง​ตรง​สง่า บ่า​กว้าง​ผึ่งผาย​ มือ​เรียว​ยาว​ เอว​เรียว​บาง​ไร้​ส่วนเกิน​ เวลา​เดิน​สาวก้าว​เท้า​อย่าง​มั่นคง​แต่​ก็​รวดเร็ว​ แค่​ดู​ก็​รู้​ว่า​เป็น​คน​รับผิดชอบ​การงาน​ได้​ ไม่เหมือน​เฉิงนั่ว​หรือว่า​เฉิงลู่​ ผอมบาง​และ​ขาวซีด​ ท่าทาง​เหมือน​คน​ที่​มือ​หยิบ​จับ​อะไร​ไม่ได้​บ่า​ก็​แบกหาม​อะไร​ไม่ได้​ประเภท​นั้น​…เป็น​ภรรยา​แล้ว​ถึงได้​รู้​ความแตกต่าง​นี้​…แม้แต่​เฉิงสวี่​เมื่อ​นำมา​เปรียบเทียบ​กับ​เฉิงฉือ​แล้ว​ ถ้าหาก​บอ​กว่า​เฉิงฉือ​เป็น​ดั่ง​ต้นไม้​ใหญ่​ที่​กำบัง​ลม​และ​เป็นที่​ให้​หลบ​ฝน​ ทำให้​คน​รู้สึก​ปลอดภัย​และ​มั่นคง​ได้​แล้ว​ เช่นนั้น​เฉิงสวี่​ก็​เป็น​เสมือน​กับ​ต้น​แปะก๊วย​ งดงาม​สูงสง่า ทว่า​เหมาะสำหรับ​เอาไว้​ดู​ชมเท่านั้น​ ยาม​คับขัน​กลับ​ไร้​ซึ่งประโยชน์​

โจว​เสาจิ่น​ช่างมีวาสนา​ดี​จริงๆ​!

ขณะที่​นาง​คิด​ ก็​คล้าย​กับ​มีเปลวเพลิง​หนึ่ง​กำลัง​เผาไหม้​อยู่​ใน​ใจก็​ไม่ปาน​

มาจาก​ครอบครัว​ขุนนาง​ที่​ไม่ได้​สูงส่งเท่าไร​เหมือนกัน​ สูญเสีย​มารดา​ไป​ตั้งแต่​เด็ก​เหมือนกัน​ แต่​เหตุใด​คน​บางคน​ถึงได้​ทุกอย่าง​มาโดยที่​ไม่ต้อง​ทำ​อะไร​ ขณะที่​นาง​ทุ่มเท​กำลัง​และ​มันสมอง​ทั้งหมด​ที่​มีแล้ว​กลับ​ไม่อาจ​สมดังปรารถนา​ได้​

อู๋​เป่า​จางกำหมัด​แน่น​ จน​เล็บ​จิก​ลง​ไป​ที่​เนื้อ​กลางฝ่ามือ​แล้วก็​ยัง​ไม่รับรู้​ถึงความเจ็บปวด​

เฉิงฉือ​เอ่ย​ถามฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​ว่า​ “ภรรยา​ของ​นั่ว​เก​อเอ๋อร์​ตามมา​ด้วย​ได้​อย่างไร​”

“พี่ชาย​เวิ่น​ของ​เจ้าพา​พวกเขา​สอง​สามีภรรยา​มาด้วย​” ฮูหยิน​ผู้เฒ่า​กัว​กล่าว​อย่าง​ไม่ใส่ใจนัก​ “ก็​คง​เพราะ​อยาก​มาดู​ความ​ครึกครื้น​สักหน่อย​กระมัง​ ข้า​คิด​ว่า​พวกเขา​นั้น​เป็นตัวแทน​ของ​จวน​ห้า​ เมื่อ​ถึงงาน​วัน​แต่ง​ของ​เจ้าหาก​มีพวกเขา​อยู่​ด้วย​ ก็​จะทำให้​บรรดา​ญาติสนิท​มิตรสหาย​ที่อยู่​จิงเฉิงได้​เห็น​ว่า​เรื่อง​แยก​ตระกูล​นั้น​ จริงๆ​ แล้ว​เป็น​พวกเรา​ที่​ทำ​ไม่ถูก​หรือ​จวน​รอง​ที่​ทำ​ไม่ถูกกัน​แน่​ ข้า​ได้​บอก​หลาน​เจิงเอาไว้​แล้ว​ ให้​นาง​ไป​บอก​หลาน​เจีย​สัก​คำ​ว่า​ให้​หลาน​เจีย​พา​สามีของ​นาง​มาร่วม​ดื่ม​สุรา​มงคล​ที่​ประตู​เฉาหยาง​ทาง​ด้าน​นี้​ด้วย​”

…………………………………………………………………….

[1] ใบชา​ก่อน​ฤดู​ชิงหมิง​ ใบชา​ที่เก็บ​ก่อน​ช่วง​เทศกาล​เชงเม้งหรือ​ประมาณ​วันที่​ 5 เดือน​สี่

[2] ใบชา​ก่อน​ฤดู​หว่าน​เมล็ด​แรก​ ใบชา​ที่เก็บ​ก่อน​การหว่าน​เมล็ด​แรก​หรือ​ประมาณ​วันที่​ 19-21 เดือน​สี่

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

ยามดอกวสันต์ผลิบาน

Score 10
Status: Completed

ในยามที่ โจวเสาจิ่น เด็กสาวจากตระกูลโจวผู้แสนอ่อนหวานและว่านอนสอนง่ายถูกชายคนรักที่นางไว้ใจหักหลังคร่าชีวิต นางได้แต่ภาวนาร้องขอโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หากนางสามารถย้อนเวลากลับไปได้ นางจะหนีไปให้ห่างไกลจากบุรุษจอมเสแสร้งอย่างเขา นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกย่ำยีอย่างน่าอดสู จะไม่ทำให้ตระกูลต้องอับอายขายขี้หน้า ไม่มีวันทำให้พี่สาวผู้แสนอ่อนโยนหัวใจแตกสลาย ขอแค่โอกาสอีกเพียงสักครั้ง…

ดูเหมือนสวรรค์จะสดับฟังคำอธิษฐานก่อนสิ้นใจของนาง ท่ามกลางค่ำคืนอันแสนสงบปราศจากเค้าลางของพายุ โจวเสาจิ่นสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝันร้ายและพบว่าตนได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งราวปาฏิหาริย์ในร่างเดิมวัยสิบสองปี!

ด้วยประสบการณ์อันขื่นขมที่นางได้เผชิญมาในชาติก่อน หญิงสาวตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางแก้ไขชะตาชีวิตของตนเองและของตระกูลในชาตินี้ให้ได้ ไม่มีอีกแล้วเด็กสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอ แม้แต่ดอกไม้ก็ยังไม่กล้าเด็ดคนนั้น ได้เวลาที่นางต้องยืนหยัดลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset