ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้นพลันลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก ก่อนประคองเสี่ยวจื่อขึ้นมา
“เสี่ยวจื่อ เจ้าเป็นเช่นไร บาดเจ็บหรือไม่!”
“อืม พี่ซินเอ๋อร์ ข้าไม่เป็นไร ไปพวกเรารีบหนีกันเถิด!”
เสี่ยวจื่อลุกจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนเอ่ยกับซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ได้ยินจึงรีบพยักหน้า
ก่อนดึงมือเสี่ยวจื่อขึ้นคิดหนีออกไป!
แต่ทันใดนั้นด้านนอกเรือน กลับมีเสียงบ่าวรับใช้มากมายออกมา
อาจเพราะเสียงโหยหวนเมื่อครู่ของชายหนุ่ม ทำให้คนพวกนั้นตกใจ
และเหยาเจี่ยก็ยืนอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น
เมื่อเห็นฮว่าเทียนเฉิงกลิ้งอยู่บนพื้นไม่หยุด เหยาเจี่ยหน้าเปลี่ยนสี
ก่อนมองซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อที่ตื่นตระหนก ทั่วกายเสื้อผ้าขาดวิ่น สีหน้าอ่อนแรง เหยาเจี่ยพลันเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นทันที
หัวคิ้วแต่งแต้มงอนยาวคู่นั้นพลันขมวดขึ้น ก่อนยื่นนิ้วสีแดงสดชี้ไปยังพวกซินเอ๋อร์ ตะโกนขึ้น
“เด็กๆ จับตัวนางสองคนที่ไม่รู้จักดีชั่วให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเหยาเจี่ย บ่าวรับใช้กว่าสิบคนนั้นต่างกระโจนเข้าใส่ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อ
ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อเห็นเช่นนั้น ต่างตกใจจนหน้าถอดสี
ทันใดนั้นซินเอ๋อร์เหลือบดวงตาคู่งามไป ก่อนหยิบของข้างกายขึ้นมาทุบบ่าวรับใช้ที่ร้ายกาจพวกนั้น
เสี่ยวจื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบเลียนแบบทันที
ทันใดนั้นคืนที่ควรเงียบสงัด เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอึกทึกวุ่นวายขึ้นมา
เสียงของหนักตกลงพื้น เสียงแจกันแตกกระจาย และเสียงร้องโหยหวนของคนถูกของทุบกระแทก ดังขึ้นไม่ขาดสาย ทำให้คืนนี้คึกคักยิ่งนัก!
ตรงข้ามกับซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อที่กำลังออกแรงทุบตีอย่างไม่ยินดียินร้าย ด้านเหยาจื่อที่หน้าแดงพลันเขียวคล้ำ หน้าผากโปดปูนเดือดดาล ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างประณีตอัปลักษณ์ขึ้นมาเพราะโมโห น่าสยดสยองยิ่งนัก!
เพราะสิ่งของทุกอย่างในหอราตรีวสันต์นี้ ต่างเป็นสิ่งที่เธอจ่ายเงินจำนวนมหาศาลรังสรรค์ขึ้นมา ทุกสิ่งล้วนคือเงิน! ตอนนี้เมื่อเห็นเรือนที่เธอสละเงินทองสร้างขึ้นมา พริบตาเดียวระเกะระกะทั่วพื้น แจกันม้วนภาพเก้าอี้แตกหัก เหยาเจี่ยจึงโมโห!
ความจริงเธอเพียงวางแผนเก็บตัวพวกซินเอ๋อร์ไว้ เพื่ออบรบสั่งสอนให้ดี เพราะรูปโฉมของซินเอ๋อร์ถือว่าชั้นหนึ่ง หากขายออกไป ต้องได้ราคาที่สูงแน่นอน!
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นการทำลายล้างของซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อ เหยาเจี่ยใจแข็งขึ้นมา ก่อนเอ่ยอย่างโหดร้ายว่า
“ฟ่านถงบุกเข้าไป ต้องจับนังตัวดีสองคนนี้ให้ได้ กล้าก่อกวนเรือนของข้า หากไม่แสดงฝีมือให้พวกเจ้าเห็น คงคิดว่าข้าเหยาเจี่ยน่ารังแก”
เหยาเจี่ยกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้น ส่วนซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อนำของรอบตัวทั้งหมดที่ขว้างได้ขว้างออกไป
เวลานี้เห็นบ่าวรับใช้เหล่านั้นต่างบุกเข้ามาทางพวกเธอ ทั้งสองคนจึงตกใจกอดกันกลมกรีดร้องออกมา
สุดท้ายเพราะอีกฝ่ายจำนวนคนเยอะกว่า ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อจึงถูกจับกุม จากนั้นกักตัวอยู่ด้านหน้าเหยาเจี่ย
ฮว่าเทียนเฉิงที่ถูกเสี่ยวจื่อกัดใบหูขาด เวลานี้ก็ถูกบ่าวรับใช้ประคองขึ้นมานั่งอยู่ตรงนั้น
เวลานี้เขากำลังใช้มือข้างหนึ่งอุดหู เมื่อเห็นเสี่ยวจื่อและซินเอ๋อร์ถูกจับเข้ามา จึงโมโหเดือดดาลก่อนยกเท้าถีบไปบนตัวของเสี่ยวจื่ออย่างรุนแรง
เท้านี้ของฮว่าเทียนเฉิง ถือว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีถีบออกไป ดังนั้นไม่ตายก็คงพิการ
เสี่ยวจื่อเห็นเช่นนั้น ตกใจกรีดร้องเสียงหลง
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ดิ้นหลุดจากการควบคุมของบ่าวรับใช้ทันที จากนั้นโผตรงเข้าหาเสี่ยวจื่อ
เมื่อเห็นเท้านี้ของฮว่าเทียนเฉิงกำลังจะถีบลงบนกาย ซินเอ๋อร์หลับตาแน่นรอรับกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น
แต่เธอรออยู่ครู่หนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่เป็นเสียง ‘ปัง’ คล้ายมีบางสิ่งหักลง
จากนั้น มีเสียงร้องราวสุกรถูกเชือดของชายหนุ่มดังขึ้น
เมื่อได้ยิน ซินเอ๋อร์ตกใจอย่างหนัก ทันใดนั้นอดแปลกใจ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
หลังเห็นภาพตรงหน้า ร่างกายดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
เห็นเพียงฮว่าเทียนเฉิงที่ยืนขึ้นเตรียมถีบเธอ บริเวณหัวเข่าของขาใหญ่อวบอ้วนนั้น ถูกเท้าเรียวยาวข้างหนึ่งเหยียบลงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น ขาอันอวบอ้วนนั้นโค้งงอเข้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงมองก็รู้ว่าขาข้างนี้ใช้การไม่ได้แล้ว
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ดวงตาคู่งามจึงเบิกกว้าง
แววตาปรากฎความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่เมื่อสายตาของเธอมองจากต้นขาเรียวยาวขึ้นไป เห็นใบหน้าคุ้นตานั้นเข้า ร่างกายพลันตกตะลึงอีกครั้ง
พระจันทร์ลอยกลางท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้ทั่วพื้นดินรอบด้านสับสนยุ่งเหยิง
มีชายหนุ่มผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้นราวกับเทพเซียน
ร่างกายสูงใหญ่ ยืนตระหง่าน รูปโฉมหล่อเหลา ดุดันดื้อรั้น บุคลิกโดดเด่น หน่วยก้านล้ำเลิศ โดดเด่นเหนือผู้คน ทำให้คนไม่อาจดูแคลน เพียงมองยากลืมเลือน
และคนผู้นี้ ไม่ใช่คนที่เธอคิดถึงอยู่ในใจตลอดเวลาหรือ
ซินเอ๋อร์เห็นเช่นนั้น ทั่วร่างตะลึงงัน ใบหน้าเล็กที่ควรถอดสีพลันเปลี่ยนไปแข็งทื่อดุจหุ่นไก่ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง มองเพียงใบหน้าของชายหนุ่มอยู่เงียบๆ และไม่ละสายตา
“เซวียนหรือ!”
เป็นเขาหรือ!
เป็นเขาจริงหรือ
เวลานี้ซินเอ๋อร์ลังเลเล็กน้อย
เพราะเธอตอนนี้ทั้งตื่นเต้น หวาดกลัว ศีรษะยังสับสนมึนงง รู้สึกคิดสิ่งใดไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้คือเซวียนจริงหรือไม่ หรือจะเป็นเช่นเมื่อครู่ เพียงเธอได้สติพบว่าจำคนผิด
ดังนั้น ซินเอ๋อร์จึงไม่กล้ามั่นใจและลังเลในใจ
จนกระทั่งชายหนุ่มได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาแดงก่ำเปี่ยมด้วยไอสังหารคู่นั้น ขณะที่มองมายังสาวน้อยบนพื้นข้างกาย คิ้วดวงตาดูอ่อนโยนลง พร้อมสีหน้าก็อ่อนลงเช่นนั้น
ริมฝีปากแดงเผยอขึ้น ก่อนเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำนั้นจะดังขึ้นมาจากปากของชายหนุ่ม
“ซินเอ๋อร์ ในที่สุดข้าตามหาเจ้าพบแล้ว”
เสียงชายหนุ่มทุ้มต่ำ แผ่วเบาอย่างมาก และภายในน้ำเสียงแฝงความโล่งอกและคลายกังวล
คล้ายใจที่เคยหวาดหวั่น โล่งอกลงในที่สุด
เมื่อได้ยินเสียงแฝงการอุทานของชายหนุ่ม ใจที่ลังเลของซินเอ๋อร์ผ่อนคลายลงในที่สุด
เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ!
พอคิดถึงตรงนี้ซินเอ๋อร์ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายดุจลูกธนูพุ่ง ทะยานตรงเข้าสู่อ้อมกอดของชายหนุ่ม
ส่วนชายหนุ่มยื่นแขนออกมารับตัวสาวน้อยพร้อมโอบรัดไว้อย่างแม่นยำ
เมื่อรู้สึกถึงร่างกายของหญิงสาวนั้นในอ้อมกอด เหลิ่งอวี้เซวียนอดรัดแขนแน่นขึ้นไม่ได้ ก่อนออกแรงอย่างหนักกอดรัดคนในอ้อมแขน คล้ายต้องการนำคนในอ้อมกอดฝังเข้าไปในกระดูกของตน
เพราะเพียงเท่านี้ เธอจะอยู่ข้างกายเขาไปตลอดชีวิต ไม่แยกจากไปอีก
“ซินเอ๋อร์ ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ ดียิ่งนัก!”
เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยปาก พลันก้มหน้าลงนำคางซบลงบนซอกคอสาวน้อย ก่อนสูดกลิ่นหอมสดชื่นกระจายออกมาจากกายสาวน้อย เพื่อให้หัวใจที่ว่างเปล่าในสองวันที่ผ่านมาสงบลง
สองวันสองคืนแล้ว
หลังรู้ว่าซินเอ๋อร์หายตัวไป ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนคล้ายขาดหายไป ทำเช่นไรล้วนไม่สามารถกลับมาเต็มเช่นเดิม
และหลังเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ได้รับข่าวทำให้ผิดหวัง เหลิ่งอวี้เซวียนรู้สึกว่าตนใกล้จะเสียสติ
เพราะเพียงนึกถึงหากเพียงชั่ววินาทีนั้น ซินเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย และเขากลับไม่สามารถมาอยู่ข้างกายเธอได้ทันเวลา ทำให้เธอต้องถูกทำร้ายใดๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็น
เพราะความเจ็บปวดทั้งหมดบนกายเธอ ทำให้เขาเจ็บปวดกว่าเธอพันเท่าหมื่นเท่า!
โชคดี โชคดีที่ตอนนี้เขามาได้ทันเวลา และในที่สุดสามารถกอดคนที่ทำให้เขาคิดถึง ร้อนใจนี้ไว้แน่นในอ้อมกอด
เช่นเดียวกับเหลิ่งอวี้เซวียนที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจ ซินเอ๋อร์จะไม่ตื่นเต้นดีใจได้เช่นไร!
เมื่อรู้สึกถึงร่างกายของตนถูกชายหนุ่มกอดไว้แน่น
พละกำลังของชายหนุ่มมากมายยิ่งนัก ราวกับจะบดกระดูกของเธอให้แหลกเหลว จนรู้สึกว่าเจ็บเล็กน้อย
แต่ซินเอ๋อร์กลับไม่ใส่ใจ กลับกันรู้สึกเช่นนี้ดียิ่งนัก
ปล่อยให้เขาโอบกอดตนอย่างสบายใจ
ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์ใช้สองมือโอบรัดเอวของชายหนุ่มอย่างช้าๆ
หลังรับรู้ตนถูกชายหนุ่มกอดไว้แน่น อ้อมกอดหนาที่อบอุ่น แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยความปลอดภัยของชายหนุ่มนั้น ทำให้เธอรู้สึกแม้ท้องฟ้าจะถล่มลงมา เธอล้วนไม่ต้องหวาดกลัวอีก
เพราะมีเขาอยู่!
“เซวียน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”
ซินเอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นเงียบๆ ภายในน้ำเสียงดูน้อยใจเจ็ดส่วน น่าสงสารสามส่วน
เอ่ยจบ ซินเอ๋อร์แสบจมูก ดวงตาร้อนผ่าว ดวงตาคู่งามนั้นปกคลุมด้วยชั้นหมอกทันที
เห็นเพียงน้ำตาสุกใสแวววาวนั้นไหลกลิ้งอยู่ในดวงตาของสาวน้อยไม่หยุด สุดท้ายกลายเป็นหยดน้ำตา ท่าทางนั้นงดงามอ่อนหวานยิ่งนัก และทำให้ชายหนุ่มที่เห็นอดกล้ามเนื้อหัวใจหดเกร็งจนเจ็บปวดไม่ได้!
เขาเกลียดตนเอง เหตุใดไม่ปรากฎตัวและตามหาเธอให้เร็วกว่านี้ สองวันสองคืนมานี้เธอต้องได้รับความไม่เป็นธรรมมาไม่น้อยแน่
พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งอวี้เซวียนออกแรงที่แขนกอดรัดซินเอ๋อร์แน่นขึ้นอีก ก่อนก้มศีรษะเอ่ยว่า
“ขออภัย ข้ามาช้าไป จนทำให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม”
“ไม่ เซวียน ท่านมาก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อรับรู้ถึงความเสียใจและขอโทษในน้ำเสียงของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์จึงรีบส่ายหน้าพร้อมเอ่ยปากขึ้นทันที
และเธอพูดความจริง เขามาก็เพียงพอแล้ว เมื่อเขามาเธอล้วนไม่หวาดกลัวสิ่งใด!
ขณะซินเอ๋อร์ถอนหายใจ จึงพบว่าความจริงชายหนุ่มในใจของเธอมีตำแหน่งที่สำคัญอยู่ก่อนแล้ว
เธอวางใจและชื่นชอบในตัวเขา
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจถึงเรื่องนี้ อดขวยเขินไม่ได้
แต่ทันใดนั้นเสียงอันแหลมคมกลับดังขึ้นอย่างไม่ถูกกาละเทศะ
“เจ้าพวกโง่เง่ายังยืนบื้ออยู่อีกหรือ รีบบุกเข้าไปสิ จับตัวชายผู้นี้มาให้ข้า!”
เหยาเจี่ยมองฮว่าเทียนเฉิงบาดเจ็บอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวช ตกใจจนหน้าถอดสี
เห็นเพียงฮว่าเทียนเฉิงเวลานี้ ขาหัก ใบหูขาด คนก็หมดสติไปแล้ว
เหยาเจี่ยเห็นเช่นนั้น แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่หลังได้สติกลับมาพลันออกคำสั่งกับทุกคนที่ตกใจจนเลอะเลือน ให้เข้าไปจับตัวชายตรงหน้าผู้นี้
เมื่อกล้ามาก่อกวนที่หอราตรีวสันต์ของเธอ เธอจะไม่ปล่อยเขาไป!
แต่เหยาเจี่ยกลับไม่รู้ว่าวันนี้เธอยั่วโมโหคนที่ไม่ควรยั่วเข้าแล้ว!
เมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนโมโห ผลลัพธ์สุดท้ายร้ายแรงยิ่งนัก!