ตอนที่10 เวทมนต์ของนาโอมิ
พวกเขาออกมาจากยานลงจอด
นาโอมินั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
รูดี้เปิดประตูหลังของยานลงจอดด้วยการเชื่อมต่อผ่านสมองอิเลคทรอนิกส์ของเขา แล้วหลังจากนั้นไม่นาน รถบรรทุกที่มีแขนก็เคลื่อนออกมา
มนุษย์บนดาวดวงนี้ผ่านสถานการณ์ที่เกือบจะทำให้พวกเขาสูญพันธุ์มาแล้วครั้งหนึ่ง และมันก็ทำให้อารยะธรรมของพวกเขาต้องกลับไปตั้งต้นใหม่อีกครั้ง ทำให้แรงงานสำหรับใช้ในการเคลื่อนย้ายสิ่งของหนักๆที่พวกเขามี ก็มีเพียงแค่ ม้า ลา และวัวเท่านั้น
นาโอมิ ทึ่งไปกับรถบรรทุกอัตโนมัติที่แล่นออกมา
นอกจากนั้นยังมีจักรกลสำหรับงานหนักหลายประเภท ตาหลังรถบรรทุกออกมาด้วย พวกมันมุ่งหน้าไปยังสถานที่ ที่ถูกกำหนดไว้ว่าจะใช้เป็นพื้นที่ตั้งฐาน และเริ่มทำการปรับพื้นที่ด้วยพละกำลังอันมหาสารและเสียงที่ดังก้อง
ตื่นเต้นไปกับการทำงานของเหล่าจักรกลหนักที่เธอเห็น นาโอมิ กระตุกชายเสื้อของ รูดี้
“รูดี้ พวกที่กำลังขุดหลุมอยู่นั่นมันคืออะไรเหรอ?”
รูดั้นที่หันกลับมาก็ผงะให้กับกับอาการตื่นเต้นของนาโอมิ
“เอ่อ…พวกมันคือรถบรรทุก กับ จักรกลหนัก มันจะสร้างฐานที่พักให้ตามคำสั่ง เดส”
“พวกมันดูเหมือนโกเล็มเลย แต่ดูมันฉลาด และแข็งแกร่งกว่ามาก”
ระหว่างที่นาโอมิพูดด้วยความตื่นเต้น รูดี้ ที่ไม่รู้ว่าโกเล็ม คืออะไร ก็มองนาโอมิผ่านหางตาแล้ว งงว่ามันมีอะไรน่าตื่นเต้นกับของพวกนี้
ทั้งสองคนมองดูการปรับพื้นที่ของพวกมันจนเสร็จ หลังจากนั้น พวกมันก็เริ่มหยิบวัสดุที่รถบรรทุกขนมาให้ ขึ้นมาประกอบ เป็นฐานที่พัก
“สุดยอดไปเลย มันถูกสร้างขึ้นได้เร็วมาก”
เธอกล่าวด้วยเสียงอันท่วมท้นไปด้วยตื่นเต้น เมื่อเห็นการทำงานของพวกมัน
การก่อสร้างที่พักนั้นไม่ใช้เรื่องยากเพราะจริงๆแล้วมันเป็นแค่การเอาชิ้นส่วนสำเร็จรูปมาประกอบเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม นาโอมิที่เกิดบนดาวดวงนี้ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนั้น ตามแนวคิดของเธอ บ้าน เป็นสิ่งที่ผู้คนสร้างขึ้นมาทีละส่วนด้วยมือของพวกเขา และใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ
เหล่าจักกลหนักและโดรน ร่วมมือกันในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆของฐานที่พักโดยการที่พวกจักกลหนักยกชิ้นส่วนวัสดุชิ้นแล้วชิ้นเล่าเข้าไปในตำแหน่งที่กำหนดไว้ในขณะที่พวกโดรนที่ลอยอยู่รอบๆ ยึดมันเข้าด้วยกัน ด้วย น๊อต และ สกรู
นาโอมิเฝ้ามองการก่อสร้างอย่างไม่รู้จักเบื่อ แต่จู่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเข้าไปในป่า
“หืม?…พวกมันโผล่มาจริงๆด้วย”
“อะไรเหรอ? เดส”
รูดี้ถาม เมือได้ยินเสียงพึมพรำของนาโอมิ
“ฉันเดาไว้ว่าพวกมอนสเตอร์น่าจะมาตามเสียงอึกทึกครึกโครมพวกนี้น่ะ…แล้วมันก็มาจริงๆด้วย”
เมื่อได้ยินคำเตือนของนาโอมิ รูดี้ ก็เปลี่ยนตาซ้ายเป็นโหมด เทอโมกราฟ แล้วพบว่ามี สิ่งมีชีวิตหลายอย่าง ที่ซ่อนตัวอยู่ตามชายป่ารอบๆเป็นจำนวนมาก
“อืม…มีพวกที่อยู่ด้านหลังเราด้วย แต่อย่าหันไปนะ”
“นั้นคือเวทมนต์เหรอ? เดส”
“คุณเห็นมันด้วยเหรอ? ใช่แล้วล่ะ ฉันฝังเวทย์ดินเอาไว้รอบๆ”
“เห…สะดวกดีจัง เดส”
“เพื่อตอบแทนที่คุณแสดงของน่าสนุกพวกนี้ให้ดู เดี๋ยวฉันจะไปจะการกับพวกมันให้เอง”
นาโอมิชูมือขาวขึ้นมาแล้วเริ่มท่องคาถา หลังจากนั้นเปลวไฟสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาจากผ่ามือของเธอ แล้วห่อหุ้มมือเธอไว้
“ไม่ร้อนเหรอ? เดส”
“ก็ไม่นะ”
เธอตอบเขาพร้อมกับยิ้มออกมา
ระหว่างที่พวกเขารออยู่นั้น เหล่ามอนสเตอร์ก็ทยอยออกมาจากป่า พวกมันมีทั้ง ก๊อบบลิน , อ๊อค ที่มีหน้าเหมือนหมู และแม้แต่ตัวที่เหมือนกับหมาป่าขนาดใหญ่ก็โผล่มาด้วย
เท่าที่เห็น พวกมันมีมากกว่า20ตัว นอกจากนั้น ตามข้อมูลที่ฮาล ส่งมา ยังมี พวกที่ซ่อนอยู่หลังพวกมัน ในจำนวนพอๆกันอีกด้วย
“ลุยเดี่ยวจะไหวเหรอ? เดส”
” รูดี้แค่คิดซะว่ามันเป็นการทัศนะศึกษาละกัน”
นาโอมิตอบสั้นๆแล้วดีดนิ้วหลังจากนั้นเปลวไฟก็ลอยออกไปจากมือขวาของเธอ
เปลวไฟที่ปล่อยออกไปเร่งความเร็วแล้วพุ่งเข้าชนหนึ่งในก๊อบลิน
ทันไดนั้นทั้งตัวของมันก็ถูกกลืนโดยเปลวไฟ มันพยายามจะกลิ้งไปรอบๆเพื่อดับไฟบนร่างของมัน แต่เปลวไฟกลับไม่ยอมดับ มันเลยตายไปทั้งแบบนั้น
เหล่ามอนสเตอร์ ตื่นกลัวกับการที่อยู่ๆหนึ่งในพวกมันก็โนไฟคลอกตาย แต่ทว่าเปลวไฟของนาโอมิไม่ยอมดับไปแค่นั้น แต่กลับกระจายไปสู่พวกมันตัวแล้วตัวเล่า
ระเบิดนาปาล์มที่วิ่งเข้าหาเป้าหมายได้ด้วยตัวเองโดยไม่ยอมดับ? รูดี รู้สึกประทับใจไปกับเวทมนต์ของนาโอมิ และเริ่มตรวจสอบมัน
ตอนที่เขาเห็นว่ามีเปลวไฟออกมาจากมือของนาโอมิเขาคิดว่าถึงจะจัดการพวกมอนสเตอร์ได้ก็ตามแต่ถ้ามันเกิดไฟป่าตามมาแย่เอา ดูท่าว่าเขาต้องตามไปดับมันทีหลัง
แต่ถึงแม้ว่าเปลวไฟพวกนั้นจะเผาไหม้เหล่ามอนสเตอร์ แต่มันกับไม่มีผลต่อพืชโดยรอบ มันเป็นเรื่องที่ที่ให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก
“ทำไมไฟไม่ลามไปที่ต้นไม้? เดส”
“นั้นก็เพราะว่า เปลวไฟที่สร้างขึ้นมาจากมานาของฉันมันไม่ใช่ของจริงยังไงล่ะ แล้วฉันก็ใส่คำสั่งให้มันเผาเฉพาะมานาของ มอนสเตอร์ เท่านั้น เพราะอย่างนั้นมันเลยไม่ลามไปเผาอย่าอื่น”
“คุณสามารถใส่ทิศทางและคำสังลงไปในเวทมนต์ได้ด้วยเหรอ? นั่นมันสะดวกดีจัง เดส”
แม้รูดี้จะประทับใจไปกับคำอธิบายของนาโอมิ แต่จริงๆแล้วบนดาวดวงนี้มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำอะไรแบบนั้นได้ จอมเวทย์โดยทั่วไปไม่แม้แต่จะสามารถนำวิถีให้กับเวทย์ของพวกเขาได้ในระดับที่น่าพอใจ เรื่องการใส่คำสั่งลงไปนั้นก็ลืมไปได้เลย พวกเขาทำได้แค่ปล่อยมันออกมาเท่านั้น
“ก็นะ การใช้แต่เวทย์เดิมๆมันจะน่าเบื่อเอาเปล่าๆ เพราะงั้น เดี๋ยวฉันจะแสดงอย่างอื่นให้ดู”
นาโอมิหันกลับไปแล้วโบกมือ หลังจากนั้นก็มีลูกบอลน้ำ จำนวนมาก ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เธอหลับตาแล้วเริ่มท่องคาถา
“เอาล่ะ ไปได้!!”
เมื่อ นาโอมิตะโกนออกมา บอลน้ำจำนวนมากก็พุ่งออกไป และเมื่อมันโดนกับมอนสเตอร์ที่แอบซุ่มอยู่ด้านหลังพวกเขา มันก็เข้าไปเกาะและปกคลุมใบหน้าของพวกมัน
พวกมันหายใจไม่ออกและพยายามที่จะดึงน้ำพวกนั้นออกไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงเริ่มขาดอากาศตายไปทีละตัว
นาโอมิผู้เปลี่ยนฝูงมอนสเตอร์เป็นตอตะโกและศพจมน้ำนั้นหันกลับมาที่ รูดี้
“เป็นไงล่ะ”
“เท่ห์ สุดๆ เดส”
“ใช่มะ?”
นาโอมิ ขยิบตาขวาของเธอให้กับการตอบสนอง ที่ดูประทับใจของรูดี้
หลังจากจัดการกับมอนสเตอร์ รูดี้ก็หยุดการก่อสร้างชั่วคราว และตามเก็บกวาดศพของพวกมันไปฝังรวมกันในหลุมที่ขุดโดยจักกลหนัก
“ฉันคิดว่าการเก็บกวาดจะยุ่งยากกว่านี้ แต่มันกลับเสร็จง่ายกว่าที่คิดไวเยอะเลย”
นาโอมิ กล่าวออกมาระหว่างที่ดูเหล่าเครื่องจักรทำการเก็บกวาดศพพวกนั้น
“จริงสิ!! ถ้ารูดี้อยากออกจากป่าแล้วไปเป็นนักผจญภัย คุณสามารถเอาแม้แต่ชิ้นส่วนที่ได้จากจากพวกลูกจ๊อกพวกนั้น ไปขึ้นเงินได้นะ “
“นักผจญภัย?”
“ใช่แล้ว นักผจญภัยล่ะ”
ตามที่นาโอมิเล่าให้ฟังดูเหมือนดาวดวงนี้จะมีอาชีพที่เรียกว่า นักผจญภัย อยู่ด้วย
งานของพวกเขามีตั้งแต่ รับงานทั่วไปในเมือง คุ้มกันนักเดินทาง ล่ามอนสเตอร์ที่โจมตีหมู่บ้าน และตามหาวัตถุดิบหายากในพื้นที่อันตราย ซึ่ง รูดี้ คิดว่ามันก็คล้ายๆกันกับทหารรับจ้างอิสระ
เขาก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินขนาดที่ต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น รูดี้หวังไว้ว่าจะใช้ชีวิตสบายๆ ไม่ได้มีความสนใจที่จะไปเป็นนักผจญภัยเลยสักนิด
“ไม่อยากเป็น เดส”
“เหรอ…”
เมือรูดี้ตอบแบบนั้น นาโอมิ ก็ยักไหล่แล้วหยุดพูดถึงมัน