ตอนที่ 721 เจ้าหน้าที่ข่าวกรองขั้นเทพ
หลายปีก่อนหลิงเย่ว์แค่เคยได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนกำลังคิดวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ อีกทั้งยังลงมือปฎิบัติจริง แต่หลังจากนั้นมาเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ด้วยฐานะของหลิงเย่ว์ เธอไม่สามารถเข้าถึงผู้หญิงคนนั้น ยิ่งไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังวางแผนอะไร สุดท้ายทำอะไรลงไปบ้าง
ไม่เพียงแต่ผู้หญิงหายตัวไป เพื่อนสนิทหลายคนของเธอก็หายไปพร้อมกัน
ตอนแรก หลิงเย่ว์ไม่คิดว่าคนนั้นจะตาย แต่มาถึงวันนี้แล้วยังไม่มีข่าวใดๆ จากคนนั้นเลย ทุกวันนี้
หลิงเย่ว์ถึงค่อยๆ ยอมรับความจริง
ผู้หญิงที่สูงส่งไม่สุงสิงกับใครๆ น่าจะประสบอุบัติเหตุตายแล้วล่ะ
ตอนแรก หลิงเย่ว์รับคำสั่งจากคนนั้นไม่ได้ ถึงกระทั่งหลงทางลืมตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร แต่ตอนนี้เธอเลือกที่จะอยู่ในบ้านตระกูลเผย ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป แล้วออกจากวงการอันลึกลับซับซ้อนไป ก็ถือว่า…ยังพอรับได้อยู่
หลิงเย่ว์เคยลืมอดีตของตัวเองไปช่วงหนึ่ง จนกระทั่งได้เจอหลินเยียน
หลินเยียนคล้ายคลึงกับผู้หญิงในความทรงจำของเธอ
แต่หลิงเย่ว์แค่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นเมื่อนานมาแล้ว อีกทั้งเป็นเวลาเพียงสั้นๆ ประมาณไม่กี่วิเท่านั้น ถ้าให้หลิงเย่ว์อธิบายลักษณะหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นล่ะก็…เธอคงจะจำไม่ได้
เธอใช้ชีวิตอยู่ในวงการที่คนทั่วไปไม่มีทางนึกออกตั้งแต่เด็ก อีกทั้งโดนลูกน้องของผู้หญิงคนนั้นรับเลี้ยง ตั้งแต่เธอจำความได้ เธอก็ทำงานให้ผู้หญิงคนนั้นมาโดยตลอด แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เธอไม่มีบ้านให้กลับแล้ว
“เสี่ยวเย่ว์?”
เห็นหลิงเย่ว์ไม่พูดไม่จา หลินเยียนเลยเอ่ยปากพูดขึ้น
สิ้นเสียงหลินเยียน หลิงเย่ว์เพิ่งจะดึงสติตัวเองกลับมาได้และมองไปทางหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้จะไปเป็นคนผู้สูงส่งไม่แยแสต่อทุกสิ่งตรงหน้าแบบนั้นได้ยังไง เธอเข้ากับคนง่าย…ไม่มีฟอร์มอะไร นอกจากนั้นยังกลายเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอได้อีกด้วย
เพื่อน…ถ้าเป็นคนนั้นล่ะก็ ไม่มีทางที่จะมองตัวเองว่าเป็นเพื่อน เธอเป็นดั่งดวงดาวดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้า ส่วนตัวเองก็เป็นได้แค่เศษดินที่อยู่บนดิน ความแตกต่างก็มากขนาดนี้แหละ
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะพี่ แค่ตอนที่เจอพี่ใหม่ๆ รู้สึกว่าพี่เหมือนใครบางคน” หลิงเย่ว์มองไปทางหลินเยียน ปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจไป แล้วหัวเราะขึ้น
“ใครบางคน?” หลินเยียนมองไปทางหลิงเย่ว์ “เป็นคนที่เธอคุ้นเคยมากเหรอ”
ได้ยินเช่นนั้น หลิงเย่ว์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
ตนเองเป็นได้แค่หนึ่งในลูกน้องที่อยู่ชั้นต่ำสุด ไม่มีความคุ้นเคยหรือไม่คุ้นหรอก
ทันใดนั้น หลิงเย่ว์ส่ายหน้า “ไม่คุ้นเคยกันหรอก คนนั้นเป็นแม่มดร้ายเลยล่ะ”
สิ้นเสียงหลิงเย่ว์ หลินเยียนแลดูลำบากใจเล็กน้อย “สรุปว่า เธอคิดว่าฉันเหมือนเป็นแม่มดร้ายงั้นเหรอ…”
ขอโทษนะ…คนละเรื่องกันเลย!
“พี่ถือว่าเป็นแม่มดร้ายของวงการหนึ่งแล้วนะ” หลิงเย่ว์พูดขึ้นด้วยท่าทางมีบางอย่างในใจ
“หืม?”
หลินเยียนชะงักเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าหลิงเย่ว์หมายถึงวงการไหน ด้านไหนกันแน่
“เยวาผู้เลื่องลือในวงการรถแข่ง” หลิงเย่ว์หัวเราะเบาๆ
ได้ยินเช่นนั้น หลินเยียนมองไปทางหลิงเย่ว์ด้วยสายตาตะลึง เธอรู้เรื่องนี้ได้ไง?
ตัวตนของเธอ หลิงเย่ว์ดันรู้เรื่องอย่างชัดเจน…
“พี่คะ จริงๆ แล้วฉันเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ…ข่าวกรองของฉันมีอยู่ทั่วโลกเลย” หลิงเย่ว์พูดเหมือนจะหัวเราะปนไปด้วยเล็กน้อย
“ทั่วโลกเลยเหรอ? ตระกูลเผยเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลินเยียนชะงักไปครู่หนึ่ง
ถ้าเป็นแบบนั้น เผยอวี่ถังและเผยอวี้เฉิงพวกเขาก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วสิ?
ตอนที่ 722 เชื่อใจขนาดนี้เลยเหรอ
หลินเยียนแสดงความสงสัยของตัวเองให้รู้ แต่ยังดีที่หลิงเย่ว์อธิบายว่าข่าวกรองในเครือข่ายนั้นมีแค่เธอคนเดียวที่เข้าถึงได้ ไม่มีทางเปิดเผยให้คนอื่นได้รู้ง่ายๆ
ตามที่หลิงเย่ว์เล่ามา เหมือนเผยอวี้เฉิงไม่เคยใช้เครือข่ายข่าวกรองในมือหลิงเย่ว์มาสืบเรื่องราวของตัวเธอเลย
อ้อ เผยอวี้เฉิงเชื่อใจเธอขนาดนี้เลยเหรอ
ตอนแรกเธอคิดว่าด้วยฐานะเผยอวี้เฉิง ต่อให้คนที่เขาคบหาดูใจอยู่โดนสืบไปยังแปดชั่วโคตรก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
……
ณ งานเลี้ยงเพื่อการกุศล
หลินซูหย่ามาถึงงานนานแล้ว เธอกำลังสังเกตผู้หญิงที่อยู่ไม่ไกลจากเธอ
วันนี้เฉิงซือหมิ่นสวมชุดสูทสีดำ ผมสั้นเสมอหู ดูสะอาดสะอ้าน และกำลังคุยกับกรรมการสมาคมเพื่อการกุศลหลายคนอยู่
เหมือนที่เขาเล่าขานกันว่าเฉิงซือหมิ่นเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนอย่างเต็มตัว วันนี้เธอเพิ่งบินกลับมาจากเมืองเอส เดี๋ยวมีงานต้องไปต่ออีก
การประกวดแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลกำลังจะสิ้นสุดลง คนที่ได้รับความนิยมสำหรับตำแหน่งแอมบาสเดอร์เพื่อกุศลนอกจากหลินซูหย่าแล้วยังมีอีกหลายคน
หลินซูหย่าสังเกตเห็นว่าคืนนี้นอกจากเธอแล้วยังมีผู้ลงประกวดที่ได้คะแนนสูงมาด้วยสองคน
หลินซูหย่าไม่ได้ใส่ใจคู่แข่งเหล่านั้น เพราะคะแนนของเธอถือว่าลอยตัวแล้ว
คืนนี้เป้าหมายของเธอคือเฉิงซือหมิ่น
ถ้ามีเฉิงซือหมิ่นสนับสนุนอยู่ ก็ถือว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีประโยชน์กับอนาคตของเธอมาก
กู้ซินหานที่อยู่ข้างๆ มองไปทางผู้ลงแข่งขันอีกสองคนด้วยสายตาไม่แยแส “หึ พวกหล่อน คิดจะเกาะรองหัวหน้าสมาคมเฉิงงั้นเหรอ”
หลินซูหย่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าถ่อมตัว “แต่คะแนนของพี่เข่อหลิงกับพี่ซีอวิ๋นก็สูงเหมือนกันนะคะ”
“ก็เพราะโดนเธอแซงหน้าไงล่ะ คะแนนของทั้งสองคนรวมกันยังไม่เท่าครึ่งหนึ่งของเธอ พวกเธอก็เป็นเหมือนพี่สาวเธอนั่นแหละ มาจัดฉากเฉยๆ รองหัวหน้าสมาคมเฉิงไม่มีทางเห็นหัวคนแบบนี้ได้ เมื่อกี้เธอไม่เห็นท่าทางของรองหัวหน้าสมาคมเฉิงตอนที่พวกหล่อนเข้าไปคุยด้วยเหรอ”
กู้ซินหานพูดไปด้วย สังเกตสถานการณ์ทางเฉิงซือหมิ่นไปด้วย พลันเห็นเฉิงซือหมิ่นคุยกับเหล่ากรรมการเสร็จ รีบสะกิดหลินซูหย่าที่อยู่ข้างๆ “ซูหย่า ตามฉันมา!”
หลินซูหย่ารีบเดินไปทางเฉิงซือหมิ่นพร้อมกู้ซินหาน
“พี่เฉิงซือหมิ่นคะ!” กู้ซินหานทักทายขึ้นอย่างนอบน้อม
เฉิงซือหมิ่นเห็นแล้ว กู้ซินหานพยักหน้าให้เธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถึงแม้ดูแล้วไม่ถึงกับกระตือรือร้น แต่ก็ดีกว่าท่าทางที่มีต่อดาราสาวทั้งสองคนเมื่อสักครู่นี้
“กิจกรรมเพื่อการกุศลที่ซีอีโอเชวยบอกครั้งที่แล้ว ฉันลองคุยกับบริษัทแล้วนะคะ ทางบริษัทเรายินดีสนับสนุน ถึงตอนนั้นฉันจะทำให้เต็มที่เลยค่ะ!”
จนกระทั่งกู้ซินหานพูดถึงเรื่องงาน สายตาเฉิงซือหมิ่นถึงดูตั้งใจขึ้นมาหน่อย จากนั้นได้คุยรายละเอียดกับกู้ซินหาน
ดาราสองคนเห็นเฉิงซือหมิ่นคุยกับกู้ซินหานแล้วสีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา
“กู้ซินหานเสียทั้งเวลาทั้งแรงกายในการทำเพื่อกุศลมาหลายปี ใช้เวลาเยอะกว่าแสดงละครซะอีก ไม่น่ารองหัวหน้าสมาคมเฉิงถึงยอมรับในตัวเธอ!”
“ยอมรับในตัวอะไรกัน เธอคิดว่ารองหัวหน้าสมาคมเฉิงไม่รู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่เหรอ”
……
หลังจากคุยไปได้สักพัก กู้ซินหานเห็นบรรยากาศเริ่มได้ ทีนี้ถึงจูงหลินซูหย่าที่อยู่ข้างๆ มา “พี่เฉิงซือหมิ่นคะ นี่คือดาราจากเคเอส เอนเตอร์เทนเมนต์ หลินซูหย่า การประกวดแอมบาสเตอร์เพื่อกุศลในครั้งนี้ คะแนนของเธออยู่อันดับหนึ่งเลยนะคะ!”
เฉิงซือหมิ่นชำเลืองหางตามองหลินซูหย่า พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษเท่าไหร่