สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค 111 After Story: ชีวิตประจำวันของเอลริสและเลย์ล่า

ตอนที่ 111 After Story: ชีวิตประจำวันของเอลริสและเลย์ล่า

วันๆหนึ่งของเอลริสจะเริ่มในช่วงเวลาประเมาณเจ็ดถึงแปดโมงเช้า

การใช้ชีวิตของเธอในชาติก่อนนั้นค่อนข้างที่จะยุ่งเหยิง นอนดึกตื่นเที่ยงนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ว่าในโลกนี้นั้น เธอได้ใช้ชีวิตในฐานะของเซนต์มาเป็นเวลาหลายปี ทำให้กลายมาเป็นเด็กสาวสุขภาพดีนอนเร็วตื่นเช้าเหมือนคนทั่วไป

หลังจากที่เอลริสลงจากตำแหน่งเซนต์ เธอก็มาใช้ชีวิตอันสงบสุขกับเลย์ล่าในป่าที่โปรเฟตะเคยอาศัยอยู่

เวรทำอาหารจะสลับกันในแต่ละวัน เป็นเพราะว่าวันนี้เป็นคิวของเลย์ล่า ทำให้เอลริสว่างไม่มีอะไรทำจนถึงช่วงเวลาอาหารเช้า

เธอจึงใช้พลังของโหรเพื่อส่องนู่นนี่ไปทั่วโลกเพื่อฆ่าเวลาจนกว่าเลย์ล่าจะมาเรียกเธอ

อาหารเช้าของวันนี้มีเนื้อรมควัน ขนมปัง มันฝรั่ง และผักสวนครัวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาสดๆ

ส่วนของหวานเองก็มีผลไม้สดที่ผู้พิทักษ์นำมาให้

ตามมาตรฐานของโลกนี้แล้ว ต้องบอกว่านี่เป็นมื้อที่หรูหราพอสมควรเลย

เตาอบขนมปังนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงขุนนางและโบสถ์เท่านั้นที่จะใช้ได้ แต่อย่างไรเสียตัวเอลริสเองก็เป็นถึงเกรทเซนต์ ทันทีที่เธอส่งคำขอไปให้ราชาไอส์ ช่างหินจำนวนมากก็ถูกส่งมาเพื่อติดตั้งเตาอบหินให้ในทันที

ตัวเอลริสเองไม่ค่อยได้ทำขนมปังมากนักเพราะรู้สึกว่ายุ่งยากและเสียเวลาทำนาน แต่เลย์ล่านั้นมักจะตั้งใจทำขนมปังให้เอลริสอยู่ตลอด

ทำให้ฝีมือในการทำขนมปังของเลย์ล่าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กระทั่งเอลริสยังอดไม่ได้ที่จะตั้งหน้าตั้งตารอชิมขนมปังของเลย์ล่า

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เลย์ล่าก็ออกไปล่าสัตว์ในขณะที่เอลริสรับผิดชอบในการทำสวนทำไร่…รึก็เปล่า

ถ้าเธอต้องการจริง เธอสามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชผลใดก็ได้ในทันที ไม่จำเป็นต้องมาคอยรอจนมันโตถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ด้วยซ้ำ

ยิ่งกว่านั้นพวกผู้พิทักษ์ยังดูจะสนอกสนใจในการปลูกผักเป็นพิเศษ เอลริสจึงสอนวิธีทำการเกษตรให้กับพวกมัน ซึ่งทำให้หน้าที่เหล่านี้กลายเป็นของพวกผู้พิทักษ์ไปแทน

เอลริสจึงใช้เวลาว่างของเธอไปกับการเดินเล่นในป่า

ต้องอย่างนี้สิ ไม่มีงาน ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไร …อา ช่างเป็นชีวิตที่สุขสำราญจริงเชียว

เวลาเป็นของมีค่า การที่เธอสามารถใช้เวลาที่มีไปได้อย่างสุรุ่ยสุร่ายและไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันทั้งสิ้น ช่างเป็นความหรูหราที่คนส่วนมากได้แต่ฝันถึง

ในระหว่างที่เธอเดินชมวิวอยู่ในป่า กวาง กระต่าย และสัตว์ทั้งหลายที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกเก่าก็เข้ามาคลอเคลียเอลริส

ครึ่งนึงของสัตว์พวกนี้จริงๆแล้วเป็นสัตว์ที่อาจจะเข้ามาขโมยผลผลิตทางการเกษตรได้ ความจริงแล้วเธอสมควรที่จะไล่พวกมันไป แต่เอลริสไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนั้น แถมตัวเธอก็ไม่อยากจะฆ่าสัตว์โดยใช่เหตุให้รู้สึกผิดด้วย เธอจึงพยายามโน้มน้าวพวกมัน

ดูเหมือนจะได้ผลซะด้วย

เอลริสลองผสมความรู้สึกของตัวเองลงในพลังเวทย์ ก่อนที่จะส่งพลังเวทมย์เหล่านั้นให้กับเหล่าสัตว์ทั้งหลาย หลังจากลองไปมาอยู่สักพักหนึ่ง เอลริสก็พบว่าตัวเองดูจะสามารถสื่อสารอารมณ์กับสัตว์ได้ในระดับหนึ่ง

ที่พวกสัตว์ต้องการก็มีแค่ความช่วยเหลือและอาหาร ซึ่งเอลริสก็ให้ไปตามที่ขอ ทำให้เหล่าสรรพสัตว์ในป่านี้ติดเธอแจเลย

เป็นเพราะว่ารอบๆตัวของเอลริสจะมีการร่ายเวทย์ชำระล้างเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวเชื้อโรค สิ่งสกปรก หรือพิษจากสัตว์พวกนี้

นอกจากนี้บาเรียที่หุ้มผิวของเธออยู่ตลอดเวลานั้นก็หน้าเกินกว่าที่การโจมตีแค่ระดับหมีตะปบจะสามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว

ถึงอย่างนั้น พวกสัตว์เองก็ไม่เคยแม้แต่จะโจมตีเอลริสเลยสักครั้ง สัตว์ที่อยู่รอบตัวเธอมักจะเงียบสงบเป็นพิเศษ

เอลริสนั่งหลังชนต้นไม้ ในขณะที่เสือ…ไม่สิ แมวตัวขนาดเท่าเสือก็มานอนคลอเคลีย เอาหัวถูตักของเธอ

นี่เป็นหนึ่งในความฝันที่เอลริสมีมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากจะลองเลี้ยงเสือโคร่ง

การเลี้บงเสือหรือสิงโตนี่ถือเป็นความฝันของลูกผู้ชายเลยนะ ไม่แปลกเลยที่พวกคนรวยมักจะชอบเลี้ยงสัตว์จำพวกนี้กัน

นั่นทำให้เอลริสที่ความฝันกลายเป็นจริงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ถึงแม้นี่จะไม่เชิงว่าเป็นเสือจริงๆก็เถอะ แต่ก็ไม่เลวเลย

เอลริสเกาคางมันอย่างเพลิดเพลินจนส่งเสียงครางออกมา

สัตว์เหล่านี้รู้สึกนับถือและสำนึกในบุญคุณของเอลริส

ในสมัยที่แม่มดยังอยู่นั้น พวกปีศาจถือเป็นศัตณุร่วมที่สัตว์ทุกชนิดมี

ยังไงซะปีศาจก็คือสัตว์ที่ถุฏเปลี่ยนแปลงไปด้วยพลังของแม่มด

จากมุมมองของพวกสัตว์แล้ว แม่มดคือสิ่งที่เปลี่ยนสัตว์ตัวอื่นให้กลายเป็นตัวประหลาด เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำลายธรรมชาติเพียงเพื่อที่จะทำลายล้างมนุษยชาติ

ถึงแม้สัตว์ป่าทั้งหลายจะไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตี แต่แหล่งน้ำที่ถูฏทำให้เป็นพิษและอาหารที่น้อยลงก็ยังส่งผลต่อพวกมันอยู่ดี

ถึงแม้จะพยายามสู้กับ ระดับพลังของสัตว์ธรรมดานั้นไปอาจเทียบกับปีศาจได้เลย

อาจจะเป็นเหราะสัญชาตญาณหรืออะไรสักอย่าง แต่พวกมันดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเอลริสนั้นเป็นผู้ที่ปราบเหล่าปีศาจและแม่มดให้หายไป

นอกจากนี้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆตัวเอลริสก็ทำให้สุขภาพของพวกมันดีขึ้นและมีเนื้อตัวที่สะอาดขึ้นเป็นเพราะเวทย์ชำระล้างที่เอลริสร่ายเอาไว้รอบตัว

แมวที่อยากจะนอนหนุนตักไม่ได้มีแค่ตัวเดียว ไม่นานนักก็มีอีกตัวมาแจมพยายามที่จะเบียดแย่งที่

หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก แมวบนตักของเอลริสก็สามารถสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้มันลุกขึ้นและวิ่งหนีไป นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เลย์ล่าโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้

“อยู่นี่เองสินะคะท่านเอลริส ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว จะกลับเลยไหมคะ?”

“เข้าใจแล้วจ้ะ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะทุกคน”

เอลริสให้สัตว์ที่อยู่รอบตัวเธอออกไปก่อนที่จะเดินไปหาเลย์ล่า

นี่คือชีวิตนีทที่เอลริสใฝ่ฝัน ชีวิตประจำวันของเอลริสในโลกที่สงบสุขแล้วก็เป็นเช่นนี้เอง

.

วันๆหนึ่งของเลย์ล่าจะเริ่มต้นขึ้นก่อนเอลริส

อย่างแรกที่เธอทำในตอนเช้าเลยก็คือการฝึกดาบ

ในตอนที่เอลริสถอนตัวจากตัวแหน่งเซนต์ ในเวลาเดียวกันนั้น เลย์ล่าก็เลือกที่จะถอนตัวจากตำแหน่งองครักษ์ส่วนตัวเช่นเดียวกัน

ถ้าจะให้พูด ก็คงเรียกได้ว่าเลย์ล่าในตอนนี้เป็นพวกว่างงาน

ถึงอย่างนั้น ตัวเลย์ล่าเองก็ยังคิดว่าตัวเธอคืออัศวินของเอลริส เธอไม่เคยละเลยการฝึกฝนถึงแม้จะเป็นโลกที่ไม่มีภัยจากแม่มดแล้วก็ตาม

หลังการฝึก ก็เป็นเวลาที่เธอจะทำอาหารเช้า และวันนี้ก็เป็นเวรทำอาหารของเลย์ล่า

ถึงแม้ว่าฝีมือการทำอาหารของเธอจะเทียบกับเอลริสไม่ได้ แต่เธอก็จะพยายามอย่างสุดกำลังในทุกๆครั้ง

หลังๆมานี้เลย์ล่าเองก็เริ่มที่จะมองว่าการอบขนมปังเป็นงานอดิเรกของเธอไปแล้วเช่นกัน เธอรู้สึกสนุกกับมันไม่น้อยเลย

หลังจากเวลาอาหารเช้า ก็ถึงคราวที่เลย์ล่าจะออกไปล่าสัตว์

โดยส่วนมากแล้วเธอจะเน้นไปที่การตกปลาเป็นหลัก แต่บางครั้งบางคราวก็จะมีหมีที่หลงมาจากภูเขาข้างๆ เพื่อลดอันตรายที่อาจจะมีต่อเอลริสให้ได้มากที่สุด เลย์ล่าจึงจำเป็นต้องสังหารมัน จะปล่อยให้มันไปทำร้ายพวกผู้พิทักษ์ก็คงจะไม่ได้

ถึงแม้เลย์ล่าจะรู้ดีกว่าการโจมตีจากหมีไม่สามารถทำอะไรเอลริสได้อยู่แล้ว แต่เลย์ล่าก็จะไม่ยอมปล่อยความเสี่ยงไว้เด็ดขาด

วันนี้ไม่มีหมีโผล่มาให้เห็น แต่เธอก็จับปลาตัวใหญ่มาได้ เอาจริงๆปลาขนาดหนึ่งเมตรนี่ก็ออกจะใหญ่เกินไปหน่อยนะ

“ตัวใหญ่น่าดูเลยแฮะ ไม่น่าจะหมดภายในวันเดียว”

เธอจัดการควักเครื่องในปลาและรีดเลือดมันออกให้หมดก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน

ในระหว่างทางกลับบ้าน เลย์ล่าก็เดินไปตามทางที่เอลริสมักจะใช้เดินเล่น

ที่ตรงนั้นเอง ภาพของอลริสและเหล่าสรรพสัตว์ใต้เงาร่มไม้เองก็เป็นฉากที่งดงามเช่นเคย

สัตว์เหล่านี้โดยส่วนมากแล้วจะระแวงมนุษย์และไม่ยอมเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะเปิดใจให้กับเอลริสได้อย่างง่ายดาย

ถ้าเป็นเลย์ล่าที่อยู่ตรงนั้นแทน พวกสัตว์คงจะวิ่งกระเจิงหนีไปแล้ว

เลย์ล่าเองก็ไม่ต้องการที่จะทำลายฉากอันงดงามนี้ คิดแล้วคิดอีกว่าสมควรจะเรียกเอลริสดีหรือเปล่า

จนกระทั่งเธอเหลือบไปเห็นแมวตัวใหญ่บนตักของเอลริส

ปะ-เป็นแค่สัตว์เดรัจฉานแท้ๆ ช่างน่าอิ…ไม่ใช่สิ ช่างเสียมารยาท!

แมวตัวนั้นดูจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเลย์ล่าซึ่งเกิดขึ้นจากความอิจฉาริษยาขั้นสุด ทำให้มันวิ่งหนีไปทันที

เอลริสหันมามองที่เลย์ล่าผู้พยายามปั้นหน้าให้สงบที่สุดและทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อยู่นี่เองสินะคะท่านเอลริส ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว จะกลับเลยไหมคะ?”

“เข้าใจแล้วจ้ะ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะทุกคน”

พอได้ยินเอลริสพวกเช่นนั้น เหล่าสรรพสัตว์ก็ยอมแยกตัวไปแต่โดยดี

หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จก็ถึงช่วงบ่าย เลย์ล่าจึงถือโอกาสนี้เพื่อที่จะเตรียมอาหารค่ำเอาไว้แต่เนิ่นๆเลย

ปลาใหญ่ขนาดนี้ แค่สองคนไม่สามารถทานจนหมดได้ในวันเดียว เธอจึงขอให้เอลริสใช้เวทย์น้ำแข็งเพื่อแช่เนื้อที่เหลือไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

วันนี้จะทำอะไรดีนะ…? เอาไปโรยเกลือแล้วย่างก็อร่อย หรือจะเอาไปตุ๋นก็ดี

ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงใครสักคนเคาะประตูอยู่

คนที่จะมายังป่าอันห่างไกลนี้มีไม่กี่คน

มีเพียงเหล่าผู้พิทักษ์ คนส่งสารจากอัลเฟรืยและราชาไอส์ และเจ้าหมอนั่นที่ชอบโผล่มาโดยอ้างว่านำข่าวสารโลกภายนอกมาส่ง…

พอเลย์ล่าเปิดประตูออก ก็ตามที่เธอคิดเอาไว้เลย เป็นเจ้าแว่นคนนั้นจริงๆด้วย

“อะไรกัน ผู้ฝึกสอนซัปเปิ้ลเมนต์เองรึ”

“เสียมารยาทจริงนะ เอาเถอะ แล้วท่านเอลริสอยู่ที่ไหนล่ะ?”

“เธอกำลังพักผ่อนอยู่ด้านบนน่ะ ถ้ามีอะไรล่ะก็ บอกผ่านตัวข้าก็ได้”

จริงๆซัปเปิ้ลก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่ในฐานะผู้ส่งข่าวสารล่ะนะ

แต่เอาจริงๆไม่จำเป็นต้องให้เอลริสมานั่งฟังโดยตรง แค่ส่งข่าวผ่านทางเลย์ล่าก็ได้

“เลย์ล่าคุง นี่เจ้าบ้าหรือเปล่า? ถ้ากระผมไม่ได้เห็นหน้าท่านเอลริสสักครั้งภายในห้าวัน ร่างกายของกระผมคงจะเกิดอาการลงแดงไปแล้ว”

“ก็เพราะว่าเจ้าเป็นพวกแปลกไม่ใช่รึ?”

“ถ้าอย่างนั้นกระผมก็ขอถาม คิดว่าเจ้าจะทนไม่เห็นหน้าท่านเอลริสได้สักกี่วันกันล่ะ?”

“มุ นั่นก็…ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าเสียทีเดียวหรอกนะ…”

นี่คือสิ่งที่มีเพียงคนบ้าด้วยกันเท่านั้นถึงจะเข้าใจกันได้ แสดงให้เห็นว่าเลย์ล่าเองก็ยังเป็นสต๊อกโกะอยู่วันยังค่ำ

เห็นว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เลย์ล่าจึงขึ้นไปเรียกเอลริสลงมาฟังข่าวจากซัปเปิ้ล

ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไร

ส่วนมากก็พูดถึงแค่ว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง อัลเฟรียเป็นอย่างไรบ้าง หรือว่ามันเทศแพร่กระจายไปแค่ไหนแล้ว

ว่าแล้วเชียว นี่มันก็แค่ข้ออ้างให้ซัปเปิ้ลมาเจอเอลริสจริงๆด้วย

สักพักหนึ่งหลังจากที่ซัปเปิ้ลเดินทางกลับบ้านไปอย่างพึงพอใจ เวลาอาหารค่ำก็มาถึง

หลังจากคิดอยู่สักพัก เลย์ล่าก็ตัดสินใจที่จะนำปลาไปย่างเกลือ และดูเหมือนว่าเธอจะตัดสินใจได้ถูกต้อง

ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารอยู่นั้น แมวขนาดปกติก็ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง

เป็นเพราะว่าถูกกลิ่นของปลาล่อมา ทำให้มักจะมีแมวเข้ามาในกระท่อมไม้นี้อยู่บ่อยครั้ง

เอลริสก็ดูจะชอบพวกแมว เธอมักจะนำเนื้อปลาที่แช่แข็งส่วนหนึ่งไว้มาอุ่นและทำให้เย็นลงในทันทีเพื่อไม่ให้ลวกลิ้นแมว จากนั้นจึงส่งปลานั้นให้แมวทาน

หลังจากที่แมวรับปลาไปอย่างมีความสุข มันก็มักจะเข้ามาคลอเคลียเอลริสอย่างพึงพอใจ

“……”

เลย์ล่าเห็นแล้วก็อยากจะทำบ้าง เธอจึงนำเนื้อปลาที่ไม่โดนเกลือไปวางไว้ตรงหน้าแมวตัวนั้น

แล้วก็โดนเมินไปเสียนี่

คงบอกได้แค่ว่าเลย์ล่านั้นไม่ค่อยจะเป็นที่รักของสัตว์สักเท่าไร

“กุนุนุนุ…”

เลย์ล่าอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสังหารปีศาจก็จริง แต่เธอก็สิ้นท่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์โลกน่ารัก

สำหรับเลย์ล่าแล้ว แมวตัวนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่ามหามารเสียอีก

…..

ตอนต่อไปจะเป็นตอนสุดท้ายของจริงแล้วนะครับ จริงๆก็ยังมีตอนพิเศษอื่นๆอีกแหละ แต่คิดว่าคงจะไม่แปลเรื่องนี้ต่อแล้ว(ตอนพิเศษอื่นๆมันไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากด้วยแหละ)

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ ใกล้จะจบบริบูรณ์ของจริงแล้ว

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

สุดยอดเซนต์ตัวปลอมแห่งยุค

Score 10
Status: Completed
[บุปผานิรันดร์ร่วงโรย] ไม่เหมาะสมที่จะถูกเรียกว่าเกมจีบสาว เพราะไม่ว่าเลือกรูทไหน นางเอกหลักก็จะต้องตายในทุกรูทไป ฟุโดว นิอิโตะ เข้านอนทันทีหลังจากผ่านฉากจบของเกมที่ไม่น่าพอใจ เมื่อเขาตื่นมา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นอยู่ในร่างของตัวละครเซนต์ตัวปลอมผู้น่ารังเกียจ เอลริส ถึงแม้จะสับสน แต่เขาเข้าใจว่าการกระทำของเอลริสจะส่งผมกระทบร้ายแรงต่อตัวละครมากมายในอนาคต เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนเแปลงประวัติศาสตร์ของเกม กลับกลายเป็นว่า ถึงแม้ข้างในจะเน่าเหม็น แต่เอลริสกลับถูกยกย่องโดยผู้คนทั่วโลกในฐานะของเซนต์ผู้สมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเกมที่อยู่ในโลกเก่าก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยตามการกระทำของเอลริสผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ข้างนอกคือเซนต์ ข้างในคือชายใจทราม ผู้เกิดใหม่นิสัยสารเลวที่เกิดในร่างของตัวละครสารชั่ว! การรวมกันของขยะเปียกและขยะแห้ง เกิดเป็นเซนต์ตัวปลอมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

Options

not work with dark mode
Reset