บทที่ 628 ค้นหาถ้ำ
บทที่ 628 ค้นหาถ้ำ
ฮ่วนเฉียนอี่มองห่อเล็ก ๆ ในมือของฮ่วนซิงไป๋ แล้วชะงักไปชั่วขณะ ในใจพลุ่งพล่านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ผู้อาวุโสในตระกูลให้มางั้นหรือ?”
ฮ่วนเฉียนอี่พึมพำ
นางจากตระกูลฮ่วนมานานมากแล้ว นานจนแทบจำผู้ใดไม่ได้นอกจากท่านพ่อท่านแม่ของตนเอง
ขออภัย
เกิดเหตุขัดข้องในการเชื่อมต่อ กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
ลองใหม่อีกครั้ง
นางยื่นมือรับห่อนั้นมาจากฮ่วนซิงไป๋ ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวว่า “ท่านป้าก็รู้ว่าสายเลือดตระกูลเรานั้นเป็นอย่างไร คนในตระกูลเราล้มตายไปมากโข ท่านพ่อท่านแม่ของท่านป้าก็เสียชีวิตไปหมดแล้วเมื่อหลายปีก่อน สิ่งเหล่านี้ผู้อาวุโสในตระกูลเป็นคนบอกข้า แต่ตระกูลก็ยังคิดถึงท่านป้าอยู่ จึงให้ข้านำของพวกนี้มาให้”
ฮ่วนเฉียนอี่ส่งจิตเทวะเข้าไปในห่อจึงเห็นว่ามีของหลายอย่างอยู่ในนั้น ล้วนไม่ใช่ของมีค่าอะไร
มีเสื้อผ้าที่ดูเหมือนจะเดาขนาดตัวนางในตอนนี้แล้วตัดมา แต่ก็ไม่ค่อยพอดีตัวเท่าไรนัก
มีอาหาร เป็นของที่นางชอบกินตอนยังอยู่ในตระกูลฮ่วน
บทที่ 629 เข้าเมือง
บทที่ 629 เข้าเมือง
“คนของเจ้า?” ลู่เทียนเฉิงมองลู่หยวนแล้วถามขึ้น
“ใช่” ลู่หยวนโบกมือเรียก เฟยซิงก็เข้าใจทันทีจึงรีบมายืนอยู่ด้านหลังของลู่หยวนพร้อมรอรับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา
ลู่เทียนเฉิงละสายตาของตนเองกลับมาจากนั้นก็ปลุกคนที่นอนอยู่สองสามคนให้ตื่น แล้วแนะนำลู่หยวนกับคนอื่น ๆ ให้รู้จักคร่าว ๆ ก่อนที่จะปัดเรื่องเมื่อครู่นี้ไป
ถึงจะปัดไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มองออกว่าลู่หยวนนั้นแข็งแกร่งมาก และเฟยซิงก็เป็นคนของลู่หยวน
ต่อให้ตีหมาก็ต้องดูเจ้าของหมาด้วย นับประสาอะไรกับพวกเขา จากสถานการณ์การต่อสู้เมื่อครู่ แม้แต่หมาพวกเขายังสู้ไม่ได้เลย
หลังจากทุกคนเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางไปในทิศทางหนึ่ง
ส่วนลู่หยวนนั้นไม่รีบร้อน เขามีลางสังหรณ์ว่า ด้านหลังของลู่เทียนเฉิงและคนอื่น ๆ จะมีสิ่งที่พิเศษมากอยู่!
หลังจากเดินทางไปทั้งวันในทิศทางเดียวกัน ในโลกที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้ก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าในดินแดนแห่งความตายอันไร้ขอบเขตนี้จะมีเมืองหนึ่งตั้งอยู่
ทว่าเมืองนี้กลับดูธรรมดามาก ถึงขั้นเรียกว่าเป็นเมืองร้างก็ไม่ผิด
“นั่นคือเมืองไร้ขอบเขตที่ผู้คนที่เข้ามาในเกาะสังหารเซียนร่วมกันสร้างขึ้น” ลู่เทียนเฉิงอธิบายเช่นนั้น
ลู่หยวนเพียงแค่หัวเราะเบา ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ลู่เทียนเฉิงโกหกหรือพูดความจริงไม่หมด
ถึงแม้ว่าแผ่นดินหยวนหงจะมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่หลังจากการต่อสู้เมื่อสามสิบล้านปีก่อน วัฒนธรรมวิถีชีวิตก็เริ่มเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถึงแม้จะมีห้าอาณาจักรใหญ่ สถาปัตยกรรมก็ยังมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นและมีกฎเกณฑ์ที่สืบทอดกันมา
แต่พอมองดูเมืองตรงหน้าแล้ว ลู่หยวนพูดตามใจตัวเองว่า มันไม่ตรงกับงานฝีมือของผู้คนในแผ่นดินหยวนหงเลยแม้แต่น้อย
นี่มันสร้างอะไรกัน?
ลู่หยวนคิดว่า ถ้าเขาฉี่ลงบนพื้นทรายมันอาจจะดูดีกว่าเมืองนี้เสียอีก!
อีกอย่าง ตลอดมาคนที่เข้ามาในเกาะสังหารเซียน มีไม่มากอยู่แล้ว ส่วนคนที่เข้ามาด้านในได้ยิ่งน้อยลงไปอีก
คนจำนวนน้อยขนาดนี้ ถึงจะมารวมตัวกันก็ไม่น่าจะสามารถสร้างเมืองใหญ่ขนาดนี้ได้
เมืองนี้ประมาณการคร่าว ๆ ว่ากว้างและยาวหลายร้อยลี้ เมื่อเทียบเท่ากับเมืองขนาดเล็กในแผ่นดินหยวนหงแล้ว
ภายในเมืองขนาดนี้สามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้หลายหมื่นชีวิต
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เมืองนี้ดูไม่ปกติ” เสียงของฮ่วนซิงไป๋ดังขึ้นข้าง ๆ หูของลู่หยวนอย่างลับ ๆ
“เข้าใจแล้ว”
ลู่หยวนตอบกลับ “ไปดูสิว่าในนี้ยังมีมารหรือปีศาจอะไรอีกบ้าง”
ลู่เทียนเฉิงพาคนทั้งหมดเดินไปยังเมืองใหญ่นั้น
รอบ ๆ เมืองไม่มีกำแพงสูงใหญ่ มีเพียงแค่กองหินที่กองรวมกันเป็นแนว คิดว่าน่าจะกำหนดพื้นที่ของเมืองไว้
แม้แต่บริเวณใกล้ ๆ เมืองก็ไม่มีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งคอยเฝ้าระวัง
ในชั่วขณะที่ก้าวเข้าสู่เมือง ลู่หยวนก็รู้สึกได้ว่ามีสายตานับหมื่นจับจ้องมาที่พวกเขา
แต่ไม่นาน สายตานับหมื่นเหล่านั้นก็หายไปจนหมด
ตอนที่สายตาเหล่านั้นมองมา มันช่างเร้นลับยิ่งนัก แม้แต่กู้ชิงหรันก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ได้สืบค้นให้ถึงที่สุดว่าเป็นเพราะอะไร
ลู่เทียนเฉิงเดินไปพลางแนะนำทุกคน “ข้างในนี้มีคนน้อยจริง ๆ ที่ที่พวกเราอาศัยอยู่ก็แตกต่างกันมาก ปกติแล้วเมื่อมีภารกิจ พวกเราจึงจะมารวมตัวกัน พวกเจ้ามาครั้งแรก ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบผู้นำก่อน”
พูดจบ ลู่เทียนเฉิงก็ส่งกล่องเล็กที่ใส่ลูกปัดสีเข้มให้ฮ่วนเฉียนอี่ “เจ้าพาคนที่เหลือไปส่งภารกิจเถิด”
“ได้!”
ฮ่วนเฉียนอี่ตอบรับ ซือหม่าเชิ่นและเยว่จู้ต่างก็จากไปด้วยกัน
เยว่จู้ได้ถามกับลู่หยวนแล้ว แต่ลู่หยวนยังไม่ต้องการใช้เขาในตอนนี้จึงปล่อยให้เขากลับไปก่อน
ลู่หยวนมองไปยังอาคารที่สูงที่สุดในเมือง อาคารนี้สูงใหญ่มากราวกับจะทะลุท้องฟ้าได้
“ผู้นำของพวกเจ้าอยู่ในนั้นหรือ?”
ลู่หยวนชี้ไปยังอาคารสูงใหญ่แล้วถาม
แต่ลู่เทียนเฉิงกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ ตามข้ามาเถิด”
ลู่เทียนเฉิงพาทุกคนอ้อมผ่านอาคารไปสองสามหลัง ก็มาถึงบ้านร้างที่ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
ที่ว่าเป็นบ้านร้างก็ไม่ถูกต้องนัก
ลู่หยวนคิดว่า ควรจะเรียกมันว่าซากปรักหักพังมากกว่า
นอกจากผนังทั้งสี่ด้านที่ยังดีอยู่ หลังคาก็ไม่มีแล้ว
ลู่เทียนเฉิงหยุดยืนอยู่หน้าบ้านร้างนั้น ยกมือคำนับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ “ท่านผู้นำ ภารกิจเทียนเฉิงเสร็จสิ้นแล้ว ระหว่างทางได้พบกับคนจากภายนอกที่เพิ่งมาถึงส่วนลึก จึงพากลับมาด้วย”
“มาจากภายนอกหรือ?”
เสียงสตรียั่วยวนดังมาจากในบ้านร้าง
เสียงนี้ลากยาวทีละคำ นำพาความหมายที่ยืดยาว เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกเหมือนกระดูกของตัวเองจะอ่อนยวบไปหมด
ถึงแม้จะยังไม่ได้เห็นตัวจริง เพียงแค่ได้ยินเสียง ก็สามารถจินตนาการได้ว่า ในบ้านหลังนั้น มีสตรีงามผู้เลอโฉมเพียงใดอาศัยอยู่
เสียงนั้นยังคงดัง ความยั่วยวนไม่ลดลงเลย
“ขอรับ”
ลู่เทียนเฉิงจากไปทันที
“เชิญทุกท่านเข้ามาเถิด”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น แล้วสตรีผู้มีเสน่ห์เย้ายวนก็ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคน นางเกี่ยวเสื้อผ้าของพวกเขาไว้ พาเดินเข้าไปข้างใน
ในสายตาของลู่หยวนเห็นหมอกสีแดงลอยออกมาจากห้องนั้นเบาบางล้อมรอบตัวทุกคน
ท่วงท่าเย้ายวนเช่นนี้ ลู่หยวนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ในแผ่นดินหยวนหงการฝึกฝนเสน่ห์เย้ายวนส่วนใหญ่ต้องอาศัยสื่อกลาง ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือเสียง
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ใดเปลี่ยนสิ่งนี้ให้เป็นรูปร่างได้ แล้วยังแผ่ซ่านไปรอบ ๆ อย่างเงียบเชียบซึ่งทำให้ผู้คนหลงใหล
ลู่หยวนยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก็สลายหมอกสีแดงล้อมรอบเขาจนหมดสิ้น
รอบตัวของฮ่วนซิงไป๋มีพลังดาบของกู่อี้เจี้ยน ล้อมรอบ เซียวเทียนมีอำนาจมังกรคุ้มกัน กู้ชิงหรันมีพลังแห่งวิถีปกป้อง หมอกสีแดงนั้นเพียงแค่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
แต่เฟยซิงนั้นไม่เหมือนกัน เพียงแค่ได้ยินเสียงพูดไม่กี่คำ คอของเขาก็แดงก่ำหมอกสีแดงกลืนกินตัวเฟยซิงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
เฟยซิงเหมือนหลุดเข้าไปในห้วงอวกาศอันไม่มีที่สิ้นสุด ในห้วงอวกาศนั้นมีสตรีงามราวกับเมฆหมอกล้อมรอบตัวเขา ชักนำไป
เฟยซิงรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน ขาอ่อนยวบ คุกเข่าลงกับพื้น ใบหน้าฉายแววตื่นเต้นปรีดา พึมพำว่า “สตรีงาม ฮิฮิ งาม…”
เสียงหัวเราะเย้ายวนดังขึ้นจากในห้อง “ดูเหมือนว่าทุกท่านจะมีวิชาอยู่บ้างนะ เข้ามาสังสรรค์กันหน่อยเถิด”
พูดจบ เสน่ห์เย้ายวนก็จางหายไป หมอกทั้งหมดที่ห่อหุ้มเฟยซิงก็ค่อย ๆ จางลง
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ พลังวิญญาณของเฟยซิงก็ถูกแย่งชิงไปเกือบครึ่ง ตอนนี้เฟยซิงนอนแผ่หราอยู่บนพื้น ดูเหมือนจะใกล้สิ้นไร้พลังแล้ว
ลู่หยวนไม่แม้แต่จะมองเฟยซิง ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนั้น
คนที่เหลือเดินตามเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว เห็นได้ว่าข้างในก็ดูเรียบง่ายมาก มีเพียงโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่ง เก้าอี้ไม่กี่ตัว และมีสิ่งที่คล้ายเตียงอยู่อีกอย่าง บนนั้นมีหนังสัตว์ที่ไม่รู้ว่าถูกลอกออกมาจากสัตว์ชนิดใด
สตรีงามนุ่งผ้าน้อยชิ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เมื่อมองให้ดี นางก็นับว่าเป็นสาวงาม รวมกับเสน่ห์เย้ายวนของนางแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นดั่งเทพธิดาลงมาจุติ