บทที่ 439 เป็นตายเท่ากัน
ต่อให้เป็นเทพก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
กลุ่มคนที่ยังอยู่ในหุบเขาอเวจีตะลึงลานด้วยความหวาดกลัว มวลอากาศระเบิดตัว สายลมกระโชกแรง
แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือความเร็วของคนผู้นั้น พวกเขาเห็นเพียงจุดดำเล็ก ๆ ที่ขอบฟ้า พริบตาเดียว เขาก็ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้ามือยักษ์ ที่กำลังพลิกก้อนหินเพื่อหาศพของฉู่ชวิ๋น
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าชายคนนี้มีร่างกายผอมสูง สวมเสื้อคลุมสีเหลือง บนศีรษะมีมงกุฎหยก ใบหน้าปกคลุมด้วยหมอกสีทองคำ ปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงของตนเองเอาไว้
“คิดว่าเป็นเทพแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นรึ มันชักจะมากเกินไปแล้ว”
คนผู้นี้เมื่อพูดออกมาก็มีเสียงก้องกังวานไปทั่วหุบเขา แม้จะยืนอยู่ตรงหน้ามือยักษ์และมีร่างกายขนาดเล็กจ้อย แต่กลับดูทรงพลังยิ่ง
“เจ้าทาสรับใช้ ดูเหมือนว่ากาลเวลาที่ผ่านไป คงทำให้พวกเจ้าเลือกที่จะทรยศผู้เป็นเจ้านายกันหมดแล้วสินะ”
เสียงคำรามดังออกมาจากวังน้ำวนบนท้องฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่มือยักษ์หันกลับมาหมายตะปบผู้มาใหม่
บุคคลปริศนาส่งเสียงคำรามในลำคอ พลังลมปราณระเบิดออกมาจากร่างกาย พยายามต้านทานแรงกดดันของมือยักษ์
“ใครเป็นทาสรับใช้ ใครเป็นเจ้านาย? พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์มาตัดสิน”
บุคคลปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยกมือขึ้นสูงและหมุนวนในอากาศ
ครืน!
พลังลมหมุนรวมตัวขึ้นเหมือนพายุทอร์นาโด สาดซัดเข้าใส่มือยักษ์ที่อยู่เบื้องหน้า
แว่วเสียงคำรามดังออกมาจากวังน้ำวนทันที
บรรดาผู้รับชมการถ่ายทอดสดทางบ้าน ต่างก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง รู้สึกเย็นเยียบไปทั่วร่างกาย
แส้สีขาวปรากฏขึ้นตวัดตัวรัดพันนิ้วหนึ่งของมือยักษ์นั้นอย่างแนบแน่น
เสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบดังสนั่น
นอกจากนิ้วมือนิ้วนั้นจะหักงอผิดรูปทรงแล้ว วินาทีต่อมา นิ้วมือนิ้วนั้นก็แหลกสลายเป็นผุยผงไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
เมื่อเห็นว่ามือยักษ์สูญเสียนิ้วไปหนึ่งนิ้ว เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นก็ดังออกมาจากวังน้ำวน
“ทาสรับใช้ผู้ต่ำต้อย เจ้ากล้าทำร้ายข้าได้อย่างไร?” น้ำเสียงในวังน้ำวนเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“แล้วเจ้าจะทำไม? กล้าปรากฏตัวต่อหน้าข้าคนนี้ไหม!”
บุคคลปริศนาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยกมือขึ้น ตวัดแส้รัดพันนิ้วมือยักษ์อีกนิ้วหักงอผิดรูปร่าง
นิ้วชี้ของมือยักษ์ถูกแส้ดึงลงมาจนหักงอ ผิวหนังฉีกขาด เลือดสาดกระจาย กระดูกหักกร๊อบ แล้วนิ้วมือนิ้วนั้นก็ขาดกระจายเป็นหลายส่วน
นี่คือมือยักษ์แห่งความน่ากลัว แม้แต่ภูเขาอเวจีก็ถูกมันกดทับจนถล่มทลาย แต่เพียงแค่บุคคลปริศนาผู้นี้ปรากฏตัว มือยักษ์มือนี้ก็ต้องสูญเสียนิ้วมือไปถึงสองนิ้วแล้ว
น่ากลัวเหลือเกิน กลุ่มผู้รับชมการถ่ายทอดสดถึงกับเกิดอาการสองขาสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว
“ช่างโอหังนัก เดี๋ยวข้าจะฆ่าเจ้าเอง” เสียงคำรามดังออกมาจากวังน้ำวนอีกครั้ง
มือยักษ์สูญเสียนิ้วมือสองนิ้ว พลังโจมตีก็ต้องลดลงเป็นธรรมดา มันพยายามจะตะปบลงมาบนร่างกายของบุคคลปริศนา เหมือนมั่นใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีทางต้านทานได้
บุคคลปริศนามองฝ่ามือที่กำลังกดทับลงมาด้วยความเฉยชา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นโบกสะบัดเบา ๆ
ครืน!
มวลอากาศรอบกายปั่นป่วน พายุทอร์นาโดปรากฏตัวขึ้นในพริบตาเดียว
พายุทอร์นาโดลูกนี้มีลักษณะรูปทรงเหมือนมังกรปีศาจ หมุนตัวผ่านท้องฟ้า ทยานเข้าปะทะกับมือยักษ์ที่กำลังตะปบตบลงมา
“อ๊าก.. .” เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นกลัวดังออกมาจากด้านในวังน้ำวน
แล้วหยาดฝนเลือดก็โปรยปรายในอากาศ มือยักษ์ข้างนั้นถูกพายุทอร์นาโดพุ่งเข้าปะทะอย่างแรง ผิวหนังฉีกขาด ก่อนที่จะแหลกสลายกลายเป็นม่านหมอกเลือดในพริบตาเดียว
กร๊อบ!
แขนยักษ์ที่ยื่นลงมาจากวังน้ำวนมีขนาดความยาวประมาณสิบเมตร สามารถคว้าจับผู้คนได้ประมาณ 5 ถึง 6 คนในเวลาเดียวกัน แต่มันก็ถูกหางของพายุหมุนซัดพลังเข้าใส่ แว่วเสียงกระดูกแขนข้างนั้นแตกหัก ก่อนที่จะถูกพลังของพายุหมุนปั่นสะท้าน จนแขนทั้งข้างแหลกสลายยับเยิน
ทุกสายตาเฝ้ามองด้วยความไม่อยากเชื่อ มือเย็นเท้าด้านชาด้วยความหวาดกลัว มือยักษ์ที่มีอานุภาพสามารถทำลายฟ้าดิน กลับถูกบุคคลปริศนาทำลายทิ้งไปได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สะบัดมือ
นี่ทำให้ผู้คนตื่นกลัวแล้ว บนโลกมนุษย์มีคนที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ?
“เจ้าทาสรับใช้ทรยศ กล้าทำร้ายข้า วันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่แหละ” ผู้เป็นเจ้าของมือยักษ์คำรามด้วยความโกรธแค้น แขนของมันที่ยื่นออกมาจากวังน้ำวนหลงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เลือดไหลทะลักอย่างต่อเนื่อง ดูน่าสยองขวัญเป็นอย่างยิ่ง
“เก่งจริงก็ลงมาสู้กันตัวต่อตัว แล้วข้าจะฆ่าเจ้าเอง”
บุคคลปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนที่ตัวคนจะลอยขึ้นไปกลางอากาศ กระโดดเข้าหาท่อนแขนที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวบนท้องฟ้า เขาโบกสะบัดมือตัดอากาศ แล้วประกายสีทองก็เปล่งแสงสว่างจ้า พุ่งวาบออกไปสว่างกระจ่างตา
ฟู่!
หลังจากที่หยาดฝนเลือดพร่างพรมลงมาอยู่อึดใจใหญ่ ท่อนแขนที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวก็ถูกตัดออกไปอีกครึ่งหนึ่งแล้ว ง่ายดายไม่ต่างจากหั่นแครอทสักแท่งหนึ่ง
“อ๊าก…” เจ้าของท่อนแขนร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
บุคคลปริศนายังลอยตัวอยู่กลางอากาศ สะบัดมือซัดพลังออกไปอย่างต่อเนื่อง ท่อนแขนที่ยังเหลืออยู่จากด้านในวังน้ำวน ถูกพลังลมปราณสาดซัดไม่หยุดยั้ง มีสภาพยับเยินไม่เหมือนแขนมนุษย์อีกแล้ว
“เจ้าเป็นใครกันแน่? สามารถทำอย่างนี้ได้อย่างไร?” ในขณะที่สอบถามออกมาเสียงดังกังวาน น้ำเสียงจากในวังน้ำวนไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเดิมแล้ว
“เจ้าไม่ต้องรู้หรอก รู้เอาไว้อย่างเดียวก็พอ ว่าถ้าเหล่าเทพกลับมาเหยียบเท้าบนโลกมนุษย์เมื่อไหร่ พวกเจ้าต้องตาย!” บุคคลปริศนาพูดด้วยเสียงดังกังวานไม่แพ้กัน
ครืน!
มวลอากาศระเบิดตัว วังน้ำวนบนท้องฟ้าขยายขนาดกว้างใหญ่มากขึ้น แล้วศีรษะคนที่มีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขาลูกหนึ่ง ก็ค่อย ๆ ยื่นออกมาจากวังน้ำวน ดวงตาของใบหน้ามนุษย์นั้นสว่างเจิดจ้าเหมือนกับตะเกียงไฟขนาดใหญ่ยักษ์ จ้องมองไปที่บุคคลปริศนาในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองไม่วางตา
นี่คือใบหน้าของคนธรรมดา แต่มีขนาดใหญ่โตกว่าคนปกติหลายพันเท่า ดูไปแล้วน่ากลัวขนหัวลุก ไม่ว่าเป็นใครต่างก็ต้องตัวสั่นเทาแล้ว
“ปีศาจร้าย อย่าแอบอ้างว่าตัวเองเป็นเทพไปหน่อยเลย”
บุคคลปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนยกมือขึ้น ระเบิดพลังลมปราณเข้าใส่ใบหน้ายักษ์อย่างไม่หยุดยั้ง
เพี๊ยะ!
พลังลมปราณกระแทกเข้าใส่ใบหน้ายักษ์เต็มแรง เกิดเป็นเสียงเหมือนฝ่ามือตบใบหน้าคนดังสนั่น บัดนี้ ใบหน้ายักษ์เต็มไปด้วยรอยฝ่ามือแดงปื้น ริมฝีปากบวมเจ่อ มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก ฟันหน้าสองซี่หลุดออกมาแล้ว ร่วงหล่นผ่านอากาศเหมือนกับบานประตูที่หลุดออกมาจากเครื่องบิน เมื่อตกกระแทกพื้นดิน ก็เกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่สองหลุม
“อ๊าก... “ ใบหน้ายักษ์บิดเบี้ยว ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
บุคคลปริศนาโบกสะบัดมืออีกครั้ง พลังลมปราณพุ่งเข้าไปกระแทกใบหน้ายักษ์อย่างแรง
เพี๊ยะ!
เสียงตบหน้าคนดังขึ้น ปะปนมาพร้อมกับเสียงกระดูกแตกหัก แล้วเลือดก็สาดกระจายไหลท่วมใบหน้าขนาดใหญ่
ศีรษะยักษ์แสดงสีหน้าตื่นกลัวออกมาแล้ว พยายามจะดึงตัวเองกลับขึ้นไปในวังน้ำวน
“คิดจะหนีไปไหน?” บุคคลปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ศีรษะยักษ์หายกลับเข้าไปในวังน้ำวนได้แล้ว แต่ท่อนแขนที่ขาดเหวอะหวะยังคงห้อยออกมานอกวังน้ำวนร่องแร่ง
บุคคลปริศนาลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงกว่าเดิม มือของเขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ยักษ์ คว้าจับท่อนแขนของฝ่ายตรงข้ามและฉุดกระชากลงมาอย่างรุนแรง
ฟู่!
เลือดพุ่งกระจายราวน้ำพุ หยาดฝนเลือดปกคลุมท้องฟ้าอีกครั้ง ท่อนแขนข้างนั้นถูกกระชากจนฉีกขาดจากหัวไหล่ เลือดพุ่งกระฉูด เส้นเลือดที่ท่อนแขนพันกันยุ่งเหยิงระโยงระยาง
เปรี้ยง!
ท่อนแขนที่ถูกกระชากออกมาเพียงโดนสะบัดไม่กี่ครั้ง ก็ระเบิดกระจาย กลายเป็นม่านหมอกเลือดไปเรียบร้อย
“เจ้าพวกทาสรับใช้ผู้ต่ำต้อย รอให้พวกข้ายกพลกลับมาที่นี่ครบกันหมดเมื่อไหร่ ข้าจะเอาเลือดของพวกเจ้ามาทำเป็นน้ำล้างพื้น” เสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำใจ ดังกังวานออกมาจากวังน้ำวนอย่างเชื่องช้า
“ขอให้พวกเจ้ากล้ากลับมาได้จริง ๆ เถอะ” บุคคลปริศนายังคงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและไม่ทำเพียงแค่พูดข่มขู่เท่านั้น เขายกมือขึ้น ก่อนที่จะซัดพลังลมปราณรูปทรงมังกรทองคำตัวหนึ่ง พุ่งเข้าใส่วังน้ำวนบนท้องฟ้า
ตู้ม!
มังกรทองคำตัวนั้นระเบิดกระจายเสียงดังสนั่น ทำให้ผู้คนหูดับไปชั่วคราว วังน้ำวนหายวับไปจากด้านบน ท้องฟ้ากลับมาสดใสดังเดิม แต่ก่อนที่วังน้ำวนจะจางหายไป ไม่ว่าเป็นใครต่างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังชัดเจน
กลุ่มผู้ชมจ้องมองบุคคลปริศนาด้วยความเหลือเชื่อ ชายคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไป ฝีมือน่ากลัวมากเกินไป แม้แต่เทพเจ้าก็ต้องถอยหนี คนผู้นี้เพียงแค่สะบัดมือก็สามารถเอาชนะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่คนจากแดนสวรรค์ก็ไม่อาจทำอะไรได้
เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของทุกคน บุคคลปริศนาก็ลอยกลับลงมาสู่พื้นดิน เขากวาดสายตามองรอบกาย โบกสะบัดมือซัดพลังลมปราณใส่ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านข้างตัว
หลังจากนั้น เขาก็รีบกระโดดไปดูบริเวณใต้ก้อนหิน และพบว่ามีคนผู้หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
ทุกสายตาเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าคนผู้นั้นก็คือจอมมารฉู่ชวิ๋น
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นอยู่ในสภาพที่เลือดท่วมตัว ดวงตาปิดสนิท เป็นตายเท่ากัน ร่างกายแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
เมื่อเห็นดังนี้ ทุกคนต่างก็อกสั่นขวัญหาย แต่ก็รู้สึกเคารพบูชาจอมมารฉู่ชวิ๋นในเวลาเดียวกัน เนื่องจากภูเขาถล่มทลายลงไปทั้งลูก แต่ร่างกายของฉู่ชวิ๋นยังสมบูรณ์ครบ 32 ประการ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา
แล้วบุคคลปริศนาก็ก้มตัวอุ้มฉู่ชวิ๋นขึ้นมาจากพื้นดิน ยังคงไม่มีใครทราบว่าฉู่ชวิ๋นเป็นหรือตายกันแน่
กลุ่มจอมยุทธ์และสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด หยุดการต่อสู้ลงกลางคัน ตั้งแต่ตอนที่บุคคลปริศนาในชุดเสื้อคลุมสีเหลืองปรากฏตัวขึ้น
ในขณะนี้ จอมยุทธ์หนุ่มที่ฉู่ชวิ๋นเคยช่วยชีวิตเอาไว้ หันไปเห็นเข้าพอดีว่ากลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์กำลังฉวยโอกาสคิดหลบหนี
“ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้หนีไปได้”
จอมยุทธ์หนุ่มรีบร้องเตือนพวกพ้องของตัวเองทันที
การต่อสู้ที่แสนดุเดือดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
กลุ่มสัตว์ร้ายกลายพันธุ์มีกำลังคนไม่มากนัก แถมส่วนใหญ่ก็มีพลังขั้นจักรพรรดิระดับแรกเริ่ม ไม่สามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์กลุ่มนี้ได้เลย
เมื่อเห็นเหตุการณ์ทำท่าไม่ดี กงหยิงก็รีบเปลี่ยนร่างเป็นนกยูงยักษ์ด้วยความตื่นกลัว หมายจะบินหนีไปทางอากาศ
ผู้ที่ร่วมเผ่าพันธุ์เดียวกับเธอเห็นดังนั้น ก็รีบทำตาม แปลงร่างเป็นนกยูงยักษ์ และบินหนีไปบนท้องฟ้า
แต่เผ่าพันธุ์ผีดิบไม่สามารถบินได้ พวกมันมีแต่ต้องทนรับการฆ่าฟันจากกลุ่มมนุษย์เท่านั้น หัวผีดิบถูกตัดขาดกระเด็นลงมาบนพื้นดิน เลือดไหลนองกองรวมกันเหมือนแม่น้ำขนาดย่อม
“เจ้าพวกมนุษย์ต่ำต้อย หนี้แค้นครั้งนี้พวกฉันต้องมาเอาคืนแน่” กงหยิงก้มหน้ามองกลุ่มมนุษย์ด้วยความอาฆาต
“แม่นางนกยูงน้อย เก่งจริงก็ลงมาสู้กันสิ อย่าเอาแต่หนีลูกเดียวแบบนี้” กลุ่มจอมยุทธ์ตะโกนสวนขึ้นไป
“ไม่ต้องทำเป็นอวดดี อีกไม่นานพวกเราจะกลับมาแก้แค้น ฝากไว้ก่อนเถอะ” กงหยิงคำรามทิ้งท้าย ก่อนที่จะกระพือปีกบินหนีไป
วูบ!
ทันใดนั้นเอง แส้สีขาวพุ่งวาบเข้ามาเหมือนสายฟ้าฟาด
ฟู่!
แส้ตวัดรัดลำคอกงหยิง เลือดสาดกระจาย ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของกงหยิงตกลงมาจากกลางอากาศ กระแทกพื้นดินอย่างแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือน
ทุกคนรีบหันมองรอบกายด้วยความแตกตื่น
แล้วหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เธอสวมใส่ชุดสีขาว มีลักษณะลึกลับปริศนา แต่ความงดงามของเธอนั้นเกินกว่าที่ผู้ใดจะเคยจินตนาการถึง
เป็น จิงหง นั้นเอง!
กลุ่มจอมยุทธ์รีบเข้ามาช่วยเหลือเธอสังหารนกยูงปีศาจอย่างรวดเร็ว
จิงหงโคจรพลังลมปราณ กรงจักรน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
แต่เมื่อหญิงสาวยกมือดีดนิ้ว กรงจักรน้ำแข็งพลันหมุนตัวด้วยความรวดเร็ว โจมตีใส่ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง
ฟู่…!
เลือดสาดกระจายในอากาศ นกยูงยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหมดหวัง กรงจักรน้ำแข็งโจมตีด้วยความรุนแรงเหลือเกิน มันพุ่งตัดผ่านลำคอ ปีกและลำตัวของมนุษย์นกยูงอย่างปราศจากความปราณี
บรรดานกยูงปีศาจได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาในขณะที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ก่อนหน้านี้ มีนกยูงปีศาจ 20 กว่าตัวบินอยู่บนท้องฟ้า แต่พวกมันทุกตัวก็ถูกจิงหงสังหารทิ้งไปหมดแล้ว
“ฉู่ชวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง?” จิงหงถามหนึ่งในกลุ่มจอมยุทธ์
“มะ มีคนช่วยเขาไปแล้วครับ” จอมยุทธ์คนนั้นมองหน้าจิงหง พลัน รู้สึกว่าเลือดในร่างกายไหลเวียนไม่สะดวก เสียงพูดจึงสั่นเครือ
“ใครเป็นคนช่วยเขา?” จิงหงถามต่อ
จอมยุทธ์ผู้นั้นอธิบายลักษณะของคนที่มาช่วยเหลือจอมมารฉู่ชวิ๋น
จิงหงรู้ทันทีว่าบุคคลปริศนานั้นก็คือจักรพรรดิอ๋าวฮวง
เธอหมุนตัวกลับ แล้วก็หายวับไปในพริบตาเดียว
กลุ่มจอมยุทธ์ที่เหลืออยู่ได้แต่หันมองหน้ากัน พลางคิดอยู่ในใจว่าผู้ที่ใกล้ชิดกับจอมมารฉู่ชวิ๋น ล้วนแต่มีฝีมือน่ากลัวขนาดนี้เชียวหรือ?
จักรพรรดิอ๋าวฮวงอุ้มฉู่ชวิ๋นเหาะผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วราวกับดาวตก
ครืน!
มวลอากาศระเบิดตัว กลุ่มก้อนเมฆดำเริ่มก่อตัวขึ้นเหนือศีรษะของจักรพรรดิอ๋าวฮวงแล้ว
สีหน้าของอ๋าวฮวงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะนี้ผ่านไปแล้ว 4 ชั่วโมง ถ้าเขากลับไปถึงที่พักไม่ทันกำหนดเวลา บทลงทัณฑ์จากสวรรค์ก็จะตามมาทันที
จักรพรรดิอ๋าวฮวงเร่งความเร็วของตัวเองมากขึ้น เขาต้องรีบกลับไปให้ทันก่อนถึงเส้นตายให้ได้ ไม่เช่นนั้น บทลงทัณฑ์จากสวรรค์คงทำให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่านี้ ปกติแล้วเขาแหวกมิติกลับไปได้เลยแต่ครั้งนี้มีเขาฉู่ชวิ๋นสภาพเป็นตายเท่ากันอยู่ด้วยเขาเลยไม่กล้าทำเช่นนั้น เขาจึงต้องวิ่งกลับไป
แต่ถือเป็นโชคดีที่บทลงทัณฑ์นี้ผูกพันไว้กับธรรมชาติโดยตรง ไม่ได้ผูกพันไว้กับเทพคนใดคนหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้ว หากมีเทพปรากฏตัวขึ้นอีก โลกใบนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะสามารถรอดพ้นจากหายนะไปได้
ที่สำคัญสภาพของฉู่ชวิ๋นตอนนี้ถึงเขาจะช่วยได้ทันเวลา แต่ก็ยากจะรักษา
ครืน!
ก้อนเมฆดำรวมตัวหนาแน่นมากขึ้น ท้องฟ้าคำรามดังสนั่น
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอ๋าวฮวงมีความรวดเร็วเพียงพอ หนึ่งก้าวของเขากินพื้นที่กว้างไกลหลายกิโลเมตร สุดท้ายแล้ว ชายชราก็สามารถพาฉู่ชวิ๋นกลับมาถึงภูเขาหลงจี๋ได้ทันก่อนกำหนดเส้นตายอย่างหวุดหวิด
หากถูกลงทัณฑ์จากสวรรค์ ด้วยพลังของอ๋าวฮวงในขณะนี้ เขาสามารถทนทานต่อฟ้าที่ผ่าลงมาได้สี่วันสี่คืนอย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับฉู่ชวิ๋นที่อาจจะโดนลูกหลงไปด้วย ประเมินจากสภาพในตอนนี้คงไม่รอดเป็นแน่แท้ ยิ่งไปกว่านั้น อานุภาพของบทลงทัณฑ์จากสวรรค์มันรุนแรงมากพอที่จะทำลายล้างจีนแผ่นดินใหญ่ให้ราบเป็นหน้ากลองภายในพริบตา!
เมื่อรู้ตัวว่ากลับมาทันเส้นตาย ไม่ต้องโดนบทลงทัณฑ์จากสวรรค์ลงโทษ ทำให้แม้แต่จักรพรรดิอ๋าวฮวงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก