ตอนที่ 2322: จวนจะหมดเวลา
เจี้ยนเฉินมีแกนวิญญาณหนึ่งสี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ซักถามรายละเอียดมากเกินไป ผู้อาวุโสเชื่อว่าราชาเทพธาตุแสงที่รอดชีวิต 3 คนสามารถช่วยให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้นกว่านี้
“มหัศจรรย์ ศิษย์พี่ ท่านรอดชีวิตกลับมาจริง ๆ ด้วย ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อข้าเห็นผู้นำยอดเขาจำนวนมากตาย ข้าก็คิดว่าศิษย์พี่ก็พบจุดจบเช่นเดียวกัน” ไป๋หยูปรากฏตัวข้าง ๆ เจี้ยนเฉินทันทีที่เขาโผล่ออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์ นางยังคงตัวสั่นระริก
“โอ้ ใช่ ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้นในโลกดวงจันทร์และดวงดาว ? ท่านเผชิญหน้ากับฉิงฉันจากสายเลือดนักรบวิญญาณหรือไม่ ? ” ไป๋หยูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองดูเจี้ยนเฉิน นางอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
“ทำไมเจ้าถึงสนใจเรื่องนั้น ? เจ้าควรไปขยันฝึกให้มากขึ้นจะดีกว่า การมีพลังโดยเร็วที่สุดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างตัวเอง”
“ข้าแค่อยากรู้ บอกข้ามาเถอะศิษย์พี่…”
…
เดิมการทดสอบในโลกดวงจันทร์และดวงดาวควรเป็นเพียงขั้นตอนแรกของการแข่งขัน หลังจากการทดสอบครั้งแรก ผู้แข่งขัน 3 คนจะถูกคัดออกขึ้นอยู่กับจำนวนมุกต้นกำเนิดธาตุแสงที่พวกเขาได้รวบรวมไว้
ขั้นตอนที่สองจะเป็นการแข่งขันระหว่างผู้แข่งขันที่เหลืออีก 2 คนเพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นเซียนผู้ถูกเลิอกในท้ายที่สุด จากนั้นการแข่งขันก็จะจบสิ้น
แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันต่อสถานการณ์ในโลกดวงจันทร์และดวงดาว มีเพียงตงหลินหยานเซว่เท่านั้นที่รอดชีวิตจากผู้แข่งขันทั้งหมด 5 คน นางจึงกลายเป็นผู้แข่งขันคนเดียวในโถงเซียนธาตุแสง ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่สอง
ตงหลินหยานเซว่ได้กลายเป็นเซียนผู้ถูกเลือกแห่งยุคอย่างเป็นทางการแล้ว
ทันทีที่นางกลายเป็นเซียนผู้ถูกเลือก ไม่เพียงแต่หมายถึงสถานะที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่มันยังหมายความว่าโถงเซียนธาตุแสงจะเลี้ยงดูนางในอีกพันปีต่อไปโดยที่นางไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ
ด้วยเหตุนี้ตำแหน่งของเซียนผู้ถูกเลือกจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทุกคนในโถงเซียนธาตุแสง มันเป็นโอกาสสำหรับพวกเขาที่จะพัฒนา
ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากผู้อาวุโส ตงหลินหยานเซว่จึงฟื้นจากบาดแผลของนางภายในหนึ่งวัน สามวันต่อมา พิธีอย่างเป็นทางการสำหรับการสืบทอดตำแหน่งเซียนผู้ถูกเลือกก็เริ่มขึ้น
ในขณะที่ตงหลินหยานเซว่เข้ารับตำแหน่งเซียนผู้ถูกเลือก เจี้ยนเฉินได้กลับไปที่ยอดเขาทะยานเมฆแล้ว เขานั่งที่นั่นขณะที่เขาจ้องโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เหนือก้อนเมฆอย่างเงียบ ๆ สายตาของเขาลึกซึ้ง
“โดยพื้นฐานแล้วเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับต่ำเกือบทั้งหมดได้ทำการทดสอบเลือดในโถงเซียนธาตุแสง และตอนนี้พวกเขามีเหรียญโลหิต อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบในโถงเซียนธาตุแสงกำลังเข้มงวดและเคร่งครัดมากขึ้น เหรียญโลหิตค่อย ๆ พัฒนาเป็นสัญลักษณ์ของสถานะ ดูเหมือนว่าข้าไม่มีเวลาเหลือมากในโถงเซียนธาตุแสง” เจี้ยนเฉินคิดขณะที่เขานั่งอยู่บนก้อนหินนอกบ้านพักของเขา
เขาได้เข้าใจกฎของมิติถึงขั้นราชาเทพแล้ว ดังนั้นความเข้าใจเรื่องมิติจึงลึกซึ้งอย่างยิ่ง วิสัยทัศน์ของเขาสามารถทะลุผ่านหลายสิ่ง แม้จะไม่ใช้สัมผัสทางวิญญาณ เขาก็สามารถมองเห็นไกลออกไปหนึ่งล้านกิโลเมตร
แม้ว่าเขาจะไม่เคยออกไปจากยอดเขาทะยานเมฆในช่วงสามวันนี้ แต่เขาก็รู้เรื่องต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในโถงเซียนธาตุแสง
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถมองเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหลายคนที่ถือเหรียญโลหิตและสามารถเห็นทูตของโถงเซียนธาตุแสงกำลังตรวจสอบเหรียญโลหิตของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับที่ต่ำทุกคนภายใต้การเฝ้ามองของนักสู้จากภายนอก. ทุกคนที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจเลือด ไม่ว่าสถานะหรือภูมิหลังของพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็จะถูกบังคับให้ทดสอบทั้งหมด
ขณะนี้เขารู้สึกว่าเวลาเร่งด่วนอย่างแท้จริง เวลาที่เหลืออยู่สำหรับเขาก็ลดลงเรื่อย ๆ
ในขณะนี้สีหน้าของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปที่ทูต 3 คนที่สวมเสื้อคลุมสีดำซึ่งบินตรงไปยังยอดเขาทะยานเมฆพร้อมกับนักสู้ที่สวมเสื้อผ้าสีฟ้า
เจี้ยนเฉินคุ้นเคยกับกลุ่มคนนี้ พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มเล็ก ๆ ที่รับผิดชอบในการตรวจเลือด
“ข้าเจอพวกเขาไม่ได้” เจี้ยนเฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาลอยจากก้อนหิน เขาปกปิดพลังแห่งการมีอยู่ของตัวเองและลบร่องรอยของเขา เขาออกจากยอดเขาทะยานเมฆในทิศทางตรงกันข้าม หลีกเลี่ยงพวกเขาไม่ให้มาเจอเขา
ไม่นานหลังจากการจากไปของเจี้ยนเฉิน คนทั้งสี่ก็มาถึงยอดเขาทะยานเมฆ ทูตคนหนึ่งถามว่า “ลูกศิษย์ของยอดเขาทะยานเมฆที่ชื่อเจียงหยางอยู่หรือไม่ ? ”
“ทำไมเจ้าจึงตามหาศิษย์พี่ ? ” ในขณะนี้แสงสีขาวพุ่งเข้ามาและหยุดข้างหน้าพวกเขาทั้งสี่ เผยให้เห็นร่างของไป๋หยู
ไป่หยูเพิ่งมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์และกำลังจะไปหาเจี้ยนเฉินบนยอดเขาทะยานเมฆ นางจึงบังเอิญมาเจอกลุ่มนี้
“เจียงหยางยังไม่ผ่านการตรวจเลือด พวกเรามาเพื่อดำเนินการตามกฏ” ทูตเสื้อคลุมสีดำกล่าว
“โอ้ ข้าก็บังเอิญมาหาศิษย์พี่เพื่อหารือเกี่ยวกับประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับการบ่มเพาะ มากับข้าสิ” ไป๋หยูพยักหน้าและนำพวกเขาทั้งสี่คนไปยังบ้านพักของเจี้ยนเฉิน
ไป่หยูสัมผัสได้ถึงม่านพลังภายนอกบ้านโดยตรงแล้วเรียกหาเจี้ยนเฉินเห็นได้ชัดว่านางไม่ได้รับคำตอบ
“แปลก ศิษย์พี่อยู่ที่ยอดเขาทะยานเมฆไม่ใช่หรือ ? หรือเขากำลังทำสมาธิ ? ” ไป๋หยูขมวดคิ้วและคิดสงสัย
ทูตสามคนและนักสู้ยืนอยู่ใกล้ ๆ พวกเขาไม่ได้ใจร้อนเลย
“หากเป็นเช่นนั้น เราจะรอที่นี่ ศิษย์ที่ระดับต่ำกว่าราชาเทพคนอื่น ๆในโถงเซียนธาตุแสงได้ผ่านการตรวจเลือดครบแล้ว ตอนนี้เราแค่ต้องตรวจสอบเจียงหยางเป็นคนสุดท้าย” ทูตกล่าว
ถ้าเป็นในอดีต พวกเขาคงไม่มีความอดทนรออยู่ที่นั่น พวกเขาจะทำลายค่ายกลและบุกรุกเข้าไปในบ้านพักทันที แต่เนื่องจากเจี้ยนเฉินเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาถือเหรียญรองหัวหน้าซวนจ้านมา 1 ปีแล้ว สถานะของเขาในโถงเซียนธาตุแสงจึงเปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าทูตเหล่านี้ไม่กล้าที่จะทำให้เจี้ยนเฉินโกรธในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
เจี้ยนเฉินซ่อนตัวอยู่ในเมฆห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร เขาเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนยอดเขาทะยานเมฆด้วยประสาทสัมผัสอันทรงพลังของเขา เขายังได้ยินทุกสิ่งที่ทูตกล่าว เขาเคร่งเครียดอย่างมากทันที
“ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะเป็นคนสุดท้ายแล้ว ข้าไม่สามารถกลับไปที่ยอดเขาทะยานเมฆได้” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะลุกขึ้นและบินไปทางนั้น
เมื่อถึงเวลาที่เจี้ยนเฉินมาถึงที่โถงศักดิ์สิทธิ์ พิธีก็สิ้นสุดลงแล้ว ผู้นำยอดเขาหลายคนที่รวมตัวกันที่จตุรัสล้วนแยกย้ายกันไป เจี้ยนเฉินถือเหรียญของรองหัวหน้าซวนจ้านและผ่านการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างราบรื่น มาถึงที่พำนักชั่วคราวของตงหลินหยานเซว่ในโถงศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่ผู้นำยอดเขาก็ยังถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้ที่พักของเซียนผู้ถูกเลือกโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตามเจี้ยนเฉินสามารถเจอรองผู้นำซวนจ้านเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการได้ด้วยเหรียญนั้น นับประสาอะไรกับการเข้าบ้านพักของเซียนผู้ถูกเลือก
ต้องบอกว่าตงหลินหนายเซว่ได้รับการปฎิบัติเป็นอย่างดีมากหลังจากที่นางกลายเป็นเซียนผู้ถูกเลือก ศิษย์หญิง 2 คนที่ดูเหมือนหญิงรับใช้ยืนอยู่ข้างทางเข้าบ้านของนาง พวกนางคอยให้บริการตงหลินหยานเซว่ตลอดเวลา
“ข้าต้องการพบตงหลินหยานเซว่” เจี้ยนเฉินกล่าวถึงความตั้งใจของเขาอย่างตรงไปตรงมากับคนรับใช้หญิง 2 คน