บทที่ 445 จำนอง
บทที่ 445 จำนอง
ตอนนี้เองที่เสี่ยวเอ้อร์ของร้านคล้ายได้ทราบความผิดปกติของนายบ่าวเช่นพวกเจ้าฉีจนต้องเดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจ แม้ไม่ได้พูดกล่าวอะไร แต่ความหมายผ่านทางสีหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจน
น่าอับอายขายหน้าจนต้องมุดแผ่นดินหนี!
ในใจของเจ้าฉีรู้สึกอับอาย คนเช่นนางเคยเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อนหรือไม่? ในอดีตเคยได้ยินเพียงเรื่องเล่าการทานอาหารภายนอกเท่านั้น ทว่าวันนี้ประสบกับตัวเอง และยังเป็นตัวเอกของเรื่องราวอีก
จะทำอย่างไรดี?
เจ้าฉีครุ่นคิดหาทางออก ก่อนจะหันไปมองอู๋ฝานที่นั่งรับชมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อีกฝ่ายคงเป็นคนเดียวที่จะช่วยเหลือนางได้
เมื่อคิดได้ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนสีหน้าไปพูดจาดี ๆ กับอู๋ฝาน “นายน้อยอู๋ โชคชะตานำพาให้พวกเรามาพบกัน เนื่องจากวันนี้ข้ารีบออกเดินทางมาจึงลืมนำเงินมาด้วย ท่านพอจะช่วยผู้อื่นได้หรือไม่?”
เจ้าฉีมั่นใจในฝีมือการเอาใจของตน ในอดีต ขอเพียงนางออดอ้อนบิดาก็จะให้ทุกอย่างตามคำขอ บิดาของนางจะตอบรับทุกสิ่ง ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าอู๋ฝานเองก็ไม่น่าใช่ข้อยกเว้น
แต่อู๋ฝานที่ได้ยินคำของนางกลับส่ายหน้าโดยไม่หยุดคิดแม้แต่น้อย “ไม่ได้!”
“ไม่ได้?” เจ้าฉีชะงักไป เห็นได้ชัดว่าเป็นคำตอบนอกเหนือจากที่นางคาดคิด
“ขอรับ ไม่ได้” อู๋ฝานตอบกลับ “ท่านและข้าเพียงเจอกันระหว่างทาง เหตุใดข้าต้องช่วย? อีกทั้งท่านก็ไม่ใช่สตรี พูดจาออดอ้อนเช่นนี้ไม่ค่อยน่ารับชม กระทั่งทำผู้อื่นขวัญผวา”
แต่ข้าคือสตรีจริง ๆ!
ทว่าคำโต้เถียงนี้เจ้าฉีทำได้เพียงคิดในใจไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ เพราะในตอนนี้นางกำลังปลอมตัวอยู่
“หากไม่มีเงินและต้องการกินโดยไม่จ่าย ก็คงต้องส่งให้ทางการนำตัวไปดำเนินคดี” อู๋ฝานตอบพลางมอง “เห็นแก่การที่พวกเราเป็นคนรู้จักแต่ไม่สนิท ลองบอกข้ามาว่าบ้านท่านอยู่ที่ใด แล้วข้าจะไปรายงานให้ทางนั้นทราบ”
“สรุปแล้วจะไม่ช่วยงั้นหรือ?” เจ้าฉีกัดฟันถาม
“ข้าก็รับปากว่าจะแจ้งเรื่องให้บ้านท่านทราบแล้วไม่ใช่หรือ?” อู๋ฝานตอบกลับ
“นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ข้าถามถึง!” เจ้าฉีโต้กลับ เนื่องจากนางแอบหนีออกจากบ้านมา เช่นนั้นจะให้ทางบ้านทราบเรื่องได้อย่างไร
“จะให้จ่ายแทน?” อู๋ฝานเอ่ยถาม “เห็นทีคงจะไม่ได้ พวกเราไม่ได้รู้จักกันถึงขั้นนั้น”
“แต่ก่อนหน้านี้เจ้าชนข้านะ” เจ้าฉีตอบโต้ “มันต้องมีค่าชดเชยความเสียหายกันบ้างสิ”
เดิมเจ้าฉีไม่คิดเรียกร้องค่าเสียหายจากอู๋ฝาน เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้นางรู้สึกว่ากำลังขู่กรรโชกทรัพย์จากอีกฝ่าย และตนก็ไม่ได้เห็นแก่เงินเล็กน้อยนั่น แต่สถานการณ์ตอนนี้บีบบังคับให้ต้องยกอ้างนั้นขึ้นมา
“พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องร่วมรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น” อู๋ฝานตอบกลับ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าได้เอ่ยขออภัยแล้ว ทั้งยังให้ยาวิเศษช่วยรักษาบาดแผล เรื่องของอุบัติเหตุถือว่าจบสิ้นกันไป ตอนนี้จะมาเรียกร้องค่าเสียหายจากข้า ก็ออกจะดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก”
เจ้าฉีมองบาดแผลอย่างไม่รู้ตัว สิ่งที่เห็นคือรอยแผลซึ่งเคยมีเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เองที่นางตกใจกับสรรพคุณยาที่อีกฝ่ายมอบให้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอยาสมานแผลที่ดีมาก่อน แต่หากเทียบสรรพคุณกับยาสมานแผลของอู๋ฝานแล้วก็ถือว่าเป็นคนละระดับ
“คุณชายท่านนี้ หากไม่มีเงิน ทางร้านคงต้องขออนุญาตรายงานให้ทางการทราบนะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ของร้านบอกเจ้าฉี แม้สีหน้าจะค่อนข้างระแวดระวังและหวาดกลัวก็ตาม
ก่อนหน้านี้คนทั้งสองสร้างเรื่องยากลำบาก ทำให้คนของร้านคิดไปว่าอีกฝ่ายมีเบื้องหลังใหญ่โต แต่ผลลัพธ์กลับเป็นคนยากไร้ไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร กระทั่งกำลังหาทางออกว่าจะจ่ายอย่างไร หากทราบแต่แรก ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าคนทั้งสอง กระทั่งว่าจะขับไล่ออกไปโดยตรงเสียด้วยซ้ำ
ความวุ่นวายตรงนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของแขกคนอื่นในชั้นบน พวกเขาต่างมองมาด้วยความสนใจและนึกสนุก
สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เจ้าฉีอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตารังเกียจและเหยียดหยันจากผู้คนประหนึ่งเป็นเข็มทิ่มแทงกลางใจนาง มันเป็นความยากลำบากที่ไม่คุ้นเคย ตลอดมานางเป็นประหนึ่งดาวบนฟ้าที่ผู้อื่นนอบน้อมให้ เหตุใดยามนี้มาเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้? และก็ไม่ใช่ว่านางตั้งใจมาทานโดยไม่จ่าย
เจ้าฉีที่โดนอารมณ์ความรู้สึกกดดันเล่นงาน ดวงตาจึงเริ่มชื้นขึ้นจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
“เอ้า! ไฉนจะร้องไห้เสียแล้ว” เมื่อเห็นเจ้าฉีกำลังจะร้องไห้ออกมา อู๋ฝานจึงต้องรีบหยุดการหยอกล้ออีกฝ่ายเพียงเท่านี้ “ถือว่าข้าเลี้ยงเองก็แล้วกัน ไม่ต้องร้อง เป็นบุรุษอย่าได้เสียน้ำตาง่าย ๆ เช่นนี้สิ”
“ข้าจะร้องหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า!” ดวงตาประดุจไข่มุกกลมโตของเจ้าฉีมองตอบอู๋ฝาน
“รู้แล้ว รู้แล้ว ข้าไม่ช่วยก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบกลับ “อยากร้องก็ร้องไป ข้าเชื่อว่าประเดี๋ยวคงมีอีกหลายคนอยากชมบุรุษร้องไห้ในที่แบบนี้เป็นแน่ ถึงตอนนั้นคงได้เป็นเรื่องราวพูดคุยในวงน้ำชาประจำเมือง”
เจ้าฉีมองรอบ ๆ และพบว่าพวกเขากำลังมองมาทางนี้ ดังนั้นจึงต้องรีบเก็บน้ำตาพลางบอกกับอู๋ฝาน “เจ้าจะให้ข้าร้องไห้ออกมาจนเป็นตัวตลกงั้นหรือ ข้าไม่ทำ!”
“เก็บน้ำตาได้รวดเร็วดี” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ข้าจะช่วยจ่ายส่วนของเจ้าก็แล้วกัน แต่พวกเราก็แค่คนบังเอิญเดินผ่านมาพบหน้า ไม่ได้มีความสัมพันธ์ดี ๆ อันใดต่อกัน ดังนั้นเงินนี้ถือว่าเจ้ายืมไป ไม่ใช่ยกให้แต่อย่างใด”
“ผีตระหนี่โดยแท้! ข้าเองก็ไม่ได้อยากให้เจ้ามาจ่ายให้” เจ้าฉีถลึงตามองอู๋ฝานอย่างนึกเกลียดชัง “ไว้ข้าจะจ่ายเงินคืนให้”
“วาจาก็แค่ลมปาก หากหลังจากนี้เจ้าหนีหายไม่กลับมาอีก ข้าจะทวงเงินกับผู้ใด?” อู๋ฝานถามกลับ
“แล้วต้องการอะไรกันแน่?” เจ้าฉีที่ใสซื่อไม่รู้ความจึงคล้อยตามและคิดว่าที่อู๋ฝานพูดก็มีเหตุผล
“ทิ้งอะไรสักอย่างไว้เป็นของจำนำก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบกลับ “ข้าเห็นว่าตรงเอวเจ้ามีจี้หยกที่งดงามอยู่พอสมควร นับว่าถูกใจข้า ไว้เมื่อไหร่จ่ายคืนค่อยรับจี้หยกนั่นกลับไป”
“ไม่ได้!” เจ้าฉีปฏิเสธโดยไม่คิด จี้หยกดังกล่าวเป็นของขวัญวันเกิดที่บิดาของนางมอบให้เมื่อสามปีก่อน เป็นจี้หยกล้ำค่าที่นางชื่นชอบและโปรดปราน ตลอดมาจะคอยพกติดตัวเอาไว้ กระทั่งออกมาจากบ้านครั้งนี้ก็ยังนำมาด้วย ดังนั้นจะไม่มีทางให้ผู้อื่นไปเป็นของจำนำง่าย ๆ เด็ดขาด
“งั้นหรือ? เอาเป็นว่าข้าไม่ช่วยแล้ว ให้เสี่ยวเอ้อร์จับตัวส่งทางการก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบกลับ
เป็นอีกครั้งที่เจ้าฉีต้องกัดฟันกรอดพลางถลึงตามอง อีกฝ่ายกำลังข่มขู่อย่างชัดเจนจนทำให้นางโกรธจัด แต่คล้ายว่าตอนนี้ตนจะไม่มีทางอื่นใช้เอาตัวรอดแล้ว
อู๋ฝานหันไปทานอาหารส่วนของตนเองอย่างสบายใจไม่รีบไม่ร้อน
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าฉีก็พบว่าตนเองพ่ายแพ้อีกครั้ง ขณะนี้จึงหันมาเผชิญหน้ากับอู๋ฝาน “แล้วหากเจ้ารับจี้หยกของข้าหนีหายไปเล่า?”
“อย่างน้อยครึ่งเดือนนี้ข้าก็ยังไม่ไปจากเมืองหลวง หากต้องการหาตัวข้าก็ไปที่สำนักงานของทางการเพื่อแจ้งเรื่องได้” อู๋ฝานนำป้ายสัญลักษณ์บรรดาศักดิ์จื่อเจวี๋ยออกมา “ดูสิ ข้าเป็นคนขององค์เหนือหัวแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิง เป็นจื่อเจวี๋ยคนหนึ่ง ที่เดินทางมาที่นี่ครั้งนี้ก็เพื่อมารับบรรดาศักดิ์และเข้าเฝ้าจักรพรรดิ เช่นนั้นแล้วข้าจะเอาจี้หยกหนีหายไปทำไม?”
ตอนแรกเจ้าฉียังคงลังเล แต่พอเห็นป้ายจื่อเจวี๋ยและได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ดวงตาของนางจึงเกิดทอประกายขึ้นมา “อู๋ฝาน? จื่อเจวี๋ย?”
“ใช่แล้ว” อู๋ฝานตอบรับ “เคยได้ยินนามจื่อเจวี๋ยของข้างั้นหรือ? ข้ามีบรรดาศักดิ์ เช่นนั้นจะหลอกลวงผู้อื่นให้เสื่อมเสียทำไม?”
ข้าเคยได้เจอจื่อเจวี๋ยที่ดีงามกว่าเจ้าซะอีก! กระทั่งได้เจอแม้แต่คนที่บรรดาศักดิ์สูงกว่าอย่างปั๋วเจวี๋ยด้วยซ้ำ!
“ก็ได้ จี้หยกนี้จำนำที่เจ้าก็แล้วกัน หากกล้ากลับกลอกคำพูดขึ้นมา ต่อให้หลบหนีไปสุดขอบแผ่นดินข้าก็จะตามไปจับตัวเจ้าให้ได้!” เจ้าฉีตอบรับ