ตอนที่ 568 ได้บุญกุศลอีกครั้ง
ฉินหลิวซีวาดยันต์เรียกวิญญาณขึ้นมาหนึ่งแผ่น ทว่าไม่ได้ใช้วิธีเรียกวิญญาณในแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ให้ญาติไปเรียกวิญญาณ ละลายยันต์นั้น ละลายลงกับธูปหนึ่งดอก
“นี่คืออะไรหรือ” นายหญิงใหญ่ถงร้อนใจทว่าไม่กล้าเอ่ยถามของพ่อสามี จึงเอ่ยถามขึ้นมา
ฉินหลิวซีอธิบายพร้อมทำธูปเรียกวิญญาณขึ้นมาใหม่ “ธูปเรียกวิญญาณ นางสูญเสียวิญญาณเดียว ไม่ใช่วิญญาณทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ต้องรอเรียกวิญญาณ ข้าทำธูปเรียกวิญญาณนี้ขึ้นมา จุดเสร็จแล้วให้นางถือเอง จิตวิญญาณของนางเป็นเหยื่อล่อวิญญาณได้ดีที่สุด จะมีการตอบสนองต่อวิญญาณที่หายไป เวลาตามหาจะได้หาง่ายขึ้น”
ทุกคนตระหนักได้ทันใด
ตามหาวิญญาณยังทำเช่นนี้ได้ด้วย ในหมู่พวกเขา การเรียกวิญญาณที่เคยเห็นคือการใช้เสื้อผ้าของเด็กมาเรียก
อย่างฉินหลิวซีนี้ดูเหนือขั้นขึ้นไปอีก
ระหว่างที่เอ่ย ธูปเรียกวิญญาณก็เสร็จแล้ว
ฉินหลิวซีจุดธูปสวดภาวนาต่อเทพเจ้าก่อน เท้าเคลื่อนไหว ท่องคาถาอัญเชิญเทพเจ้า จากนั้นจึงให้ถงเมี่ยวเอ๋อร์ถือธูปเอาไว้ จุดไฟขึ้น
“ฟ้าดินเป็นหนึ่งเดียวกับข้า ข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน…มาถึงเมื่อได้ยินเสียงเรียกขาน มาถึงเมื่อได้ยินคำเรียกหา เผาธูปเพื่ออัญเชิญ ใจเคลื่อนไหวไปกับธูป จิตวิญญาณกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียว” ฉินหลิวซีหยิบน้ำยันต์เขียนยันต์บนจุดหลิงไถ[1]ของถงเมี่ยวเอ๋อร์ เอ่ย “เดินไปตามธูป ไปตามหาวิญญาณอีกหนึ่งของเจ้า”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจมาก นางมองธูปในมือ ควันกลายเป็นเส้น ค่อยๆ ลอยนำทางออกไป คล้ายกำลังมีบางอย่างนำทางนาง เท้าเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนมองนางเดินออกไปข้างนอก ยกมือปิดปากอย่างอดไม่ได้ กลัวว่าตนเองจะส่งเสียงรบกวนถงเมี่ยวเอ๋อร์
“ไป” ถงจี้จิ่วเห็นว่าฉินหลิวซีตามออกไปแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะตามออกไปด้วย
วันนี้เขาจะเป็นพวกเหลวไหลกับสิ่งลึกลับอย่างเต็มตัว
เมื่อออกประตูมา พ่อบ้านก็รีบวิ่งมารายงานอย่างรีบร้อน “นายท่าน เหล่าจิ้นซื่อมาคารวะแล้วขอรับ”
เท้าของถงจี้จิ่วหยุดชะงัก เซเล็กน้อย เอ่ย “ให้พวกเขากลับไป บอกว่าข้าป่วย ไม่อาจลุกจากเตียงได้ ไม่ต้องสนใจพิธีเหล่านี้”
พ่อบ้านมองเขาวิ่งไปยังทิศทางที่คุณหนูไป อยากบอกว่าเหล่าจิ้นซื่อเข้ามาในจวนแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เหล่าจิ้นซื่อที่ถูกพ่อบ้านเชิญเข้ามาอย่างรีบร้อนต่างก็มองเห็นจี้จิ่วแห่งกั๋วจื่อเจียนที่ป่วยจนลุกไม่ขึ้นของพวกเขากำลังวิ่งไปทางสวนอุทยานอย่างรวดเร็ว เหลือเอาไว้เพียงภาพติดตา ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว
หรือเพราะพวกเขาสอบได้ไม่ดี ดังนั้นจี้จิ่วเลยไม่มีหน้าจะพบพวกเขา ยอมโกหกเพื่อหลบหน้าพวกเขาอย่างนั้นหรือ
จี้จิ่วช่างเอาใจใส่มากจริงๆ
ถงจี้จิ่วกลับไม่รู้ว่าในหัวของศิษย์ตนได้จินตนาการไปอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เขาเพียงวิ่งตามบุตรสาวไป กระทั่งไปหยุดอยู่ที่ริมทะเลสาบจวนตระกูลถง
ฮูหยินถงเอ่ยด้วยความตกใจ “เป็นที่นี่ได้อย่างไร”
นายหญิงใหญ่ถงอธิบายกับฉินหลิวซี “ตอนนั้นน้องสาวว่ายน้ำเล่นจมน้ำอยู่ที่นี่จนทำให้ตกใจจนไข้ขึ้นสูง”
ฉินหลิวซีพยักหน้า ไม่มองถงเมี่ยวเอ๋อร์ นางก็รับรู้ถึงแรงดึงดูดของวิญญาณดวงนั้นของนาง
ถงเมี่ยวเอ๋อร์มองธูป เดินขึ้นไปบนศาลาริมน้ำ ไม่ขยับแล้ว
“หาเจอแล้ว” ฉินหลิวซีมองเรือลำเล็กใต้ศาลาริมน้ำ เห็นวิญญาณถงเมี่ยวเอ๋อร์ที่เหม่อลอยดวงนั้น จากนั้นสองมือตวัดเข้าหากัน ดึงวิญญาณเหม่อลอยนั่นขึ้นมา กดลงไปยังจุดหลิงไถของถงเมี่ยวเอ๋อร์ “ดวงวิญญาณกลับคืนเป็นหนึ่ง”
ดวงวิญญาณนั้นกลับเข้าร่าง ถงเมี่ยวเอ๋อร์ก็ล้มลง
ฉินหลิวซีรับเอาไว้ได้ ให้บ่าวรับใช้ร่างใหญ่แบกนางกลับไป
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย ลูกสาวข้าเป็นอะไร” ฮูหยินถงร้อนใจไม่ไหวแล้ว ไยนางจึงล้มลงไปเล่า
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่เป็นไร ดวงวิญญาณกลับคืนสู่ร่าง ร่างกายของนางต้องปรับตัว เดี๋ยวอีกหน่อยข้าเขียนยันต์ตรึงวิญญาณของนางเอาไว้ก็ได้แล้ว”
“เช่นนั้นตอนนี้เรียบร้อยแล้วหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ดวงวิญญาณกลับเข้าร่างแล้ว อีกทั้งยังเป็นร่างกายที่มีบุญบารมี นับวันนางจะดีขึ้นเรื่อยๆ รอนางฟื้นขึ้นมาพวกท่านก็รู้แล้ว”
ฮูหยินถงส่งเสียงกรีดร้องเบาๆ คว้าถงจี้จิ่วที่อยู่ด้านข้างด้วยความตื่นเต้น “นายท่าน ท่านได้ยินหรือไม่ บุตรสาวของเราหายแล้ว”
ถงจี้จิ่วกระบอกตาแดงก่ำ เอ่ย “นางยังไม่ฟื้นเลย”
ดีใจเร็วเกินไปหรือไม่
ฮูหยินถงหยิกเนื้อที่เอวเขาแรงๆ เอ่ยเสียงหนัก “นางหายดีแล้ว”
ถงจี้จิ่วกัดฟันอย่างเจ็บปวด เขาสงวนท่าทีตนเองไว้ไม่ได้หรือ
กลุ่มคนกลับไปยังห้องพักของถงเมี่ยวเอ๋อร์อีกครั้ง ฉินหลิวซีวาดยันต์มาวางไว้บนตัวของนาง จากนั้นตรวจชีพจรให้นาง เขียนใบสั่งยาบำรุงร่างกายหนึ่งใบ ความใส่ใจนี้ทำให้เหล่าฮูหยินถงแทบกราบไหว้นาง
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดถงเมี่ยวเอ๋อร์ก็ฟื้นแล้ว ภายใต้สายตาจับจ้องด้วยความวิตกกังวลของทุกคน นางลุกขึ้นนั่ง มองไปยังฉินหลิวซี
ดวงตาของนางชัดเจนและบริสุทธิ์มากขึ้น รอยยิ้มของนางช่างหวานและงดงามบริสุทธิ์ มองฉินหลิวซีด้วยสายตาชื่นชอบโดยไม่ปิดบัง
นางเดินไปหยุดตรงหน้าฉินหลิวซี ย่อตัวเคารพ “พี่สาว ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
ฮือ
ฮูหยินถงเกาะแขนถงจี้จิ่วแน่น หายแล้ว หายแล้วจริงๆ ไม่บ้าแล้ว
นายหญิงใหญ่ถงเองก็เกาะลิ่นชิงอิงร้องไห้สะอื้น ช่างดีมากจริงๆ
ลิ่นชิงอิงเบนสายตาออกจากผ้าในมือของนาง แม้เป็นเรื่องน่ายินดี ทว่าไยต้องยัดผ้าที่เต็มไปด้วยน้ำมูกมาใส่มือของนางเล่า
ฉินหลิวซีกลับสัมผัสได้ถึงบุญกุศลที่ไหลเข้ามาในจุดหลิงไถ อบอุ่นไปทั่วทั้งร่าง หรี่ตาลงด้วยความสบาย บุญกุศลของคนดีนี่มันวิเศษจริงๆ
ถงจี้จิ่วก็ร้องไห้ ทว่าร้องไห้เพราะความเจ็บปวด เขารู้สึกว่าแขนของเขาถูกฮูหยินบีบจนม่วงช้ำแล้ว
ในขณะที่จวนตระกูลถงกำลังยินดี จวนฉังชวนปั๋วกลับมีความสุขครึ่งหนึ่งมีความทุกข์ครึ่งหนึ่ง สุขคือซื่อจื่อในจวนสอบได้จื่นซื่อแล้ว อีกทั้งยังได้อันดับที่สอง เป็นทุกข์ก็คือนักพรตซวีกงถูกปรมาจารย์ไท่เฉิงตรงหน้าจัดการแล้ว กลองอะไรนั่นก็ไม่เห็นแล้ว ไม่รู้จะเป็นอะไรหรือไม่
หลังจากฉังชวนปั๋วเห็นปรมาจารย์ไท่เฉิงทำพิธีแล้ว จึงใช้เงินจำนวนมาก ซื้อยันต์คุ้มภัยและเครื่องรางจากเขา เตรียมสวมให้บุตรชาย
ปรมาจารย์ไท่เฉิงไม่เต็มใจนัก การทำเครื่องรางไม่ง่ายนัก บ้านของฉังชวนปั๋วเต็มไปด้วยกรรม เขาไม่ต้องการให้เครื่องรางตกไปอยู่ในมือคนผู้นี้
แต่ฉังชวนป๋วเอ่ยแล้ว ให้คนเตรียมกระจายชื่อเสียงทางชั่วร้ายของเขา และยินยอมให้รูปหล่อทองคำเพิ่มอีกหนึ่ง เขาจึงต้องยอมเจ็บปวดมอบแผ่นหยกขนาดเท่าฝ่ามือให้ จากนั้นจึงไปจากจวนฉังชวนปั๋ว
เฉิงเหวินยวนกลับมาถึงจวนด้วยความเบิกบาน พลันถูกเรียกมายังห้องหนังสือของบิดา เมื่อเข้ามาในห้องหนังสือ จิตใจที่อ่อนโยนและถ่อมตัวของเขาก็มืดมนและเย็นชาลงทันใด
ฉังชวนปั๋วมองใบหน้าคล้ายภรรยา เอ่ย “ซวีกงตายแล้ว เครื่องรางนี้พ่อซื้อมาจากปรมาจารย์ไท่เฉิง พ่อทำข้อตกลงร่วมกันกับอารามจินหัวแล้ว เรื่องในจวนเขาจะไม่เอ่ยออกไป แต่ของที่อยู่ในห้องเจ้าพวกนั้น จัดการเถิด เพื่อจะไม่ได้เกิดปัญหาใดๆ”
เมื่อเฉิงเหวินยวนได้ยิน ดวงตาทะมึน มองไปยังฉังชวนปั๋ว “จัดการหรือ”
ฉังชวนปั๋วสบตากับเขา
สองพ่อลูกสบตากันอยู่นาน เฉิงเหวินยวนพลันยิ้มออกมา “ลูกฟังท่านพ่อ จะกลับไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ฉังชวนปั๋วมองเขาเดินออกไป ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง มองไปยังภาพเหมือนที่แขวนอยู่บนผนัง “เขาทำให้เจ้าต้องตาย ข้าควรโกรธเขา แต่เขาเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าทิ้งเอาไว้ให้ข้า ดังนั้นข้าต้องปกป้องเอาไว้ เจ้าอย่าได้โทษข้า”
เขาสลดใจอยู่ชั่วครู่ มองไปยังแผ่นหยกบนโต๊ะ รีบหยิบขึ้นมาและตามออกไป
เฉิงเหวินยวนกลับมาถึงห้อง กำลังจะหยิบแจกันสาวงามบนชั้น พลันมีสายลมกระโชกแรงพัดมาทางด้านหลัง น้ำเสียงเยือกเย็นเสียดแทงดังขึ้นข้างหู “ข้าต้องการให้เจ้าตาย”
[1] หลิงไถ เป็นจุดกึ่งกลางแผ่นหลังตามแนวเส้นกระดูกสันหลัง