“เจ้าอยากยืมเพลิงของข้า… เพื่อเผามันหวานเนี่ยนะ
“แน่ใจนะว่าไม่ได้จะล้อข้าให้เป็นจำอวดน่ะ เพลิงของข้าคือเพลิงสังเคราะห์ เป็นเพลิงแสนล้ำค่าที่ใช้หลอมโอสถทิพย์ แต่เจ้ากลับบอกว่าอยากใช้มันเผามันหวานเนี่ยนะ”
ต้วนอวิ๋นมองปู้ฟางด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกสุนัขสีดำจำนวนมากวิ่งเข้ามาทึ้งศีรษะ
“ไม่ต้องกลัวไป ข้าไม่ได้จะเอาเปรียบเจ้า ในเมื่อข้าขอยืมเพลิงของเจ้า ข้าก็จะให้มันหวานกับเจ้าครึ่งหัว” เมื่อปู้ฟางเห็นว่าต้วนอวิ๋นกำลังมองมาด้วยสีหน้าประหลาด ชายหนุ่มก็หยุดคิดสักพัก จากนั้นก็พูดออกมาพร้อมสายตาเข้าอกเข้าใจ
เมื่อต้วนอวิ๋นได้ยินข้อเสนอของปู้ฟาง เขาก็ชะงักไป รู้สึกอยากกระอักเลือดขึ้นมารอมร่อ ไอ้หมอนี่ที่เดินไปเดินมาเอากระทะฟาดหน้าคนอื่น…มันสติดีหรือเปล่าเนี่ย ข้าดูเหมือนคนที่จะเอาศักดิ์ศรีของตนไปเปิดท้ายขายของเพื่อแลกมันหวานรึ
เพลิงสังเคราะห์นั้นเป็นสมบัติล้ำค่าของนักเล่นแร่แปรธาตุ มันล้ำค่ามากเสียจนเรียกได้ว่าเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้นั้นเลยทีเดียว แล้วเขาจะโยนความภูมิใจของตนทิ้งไปเพื่อแลกกับมันหวานไร้สาระอะไรนั่นได้อย่างไรกัน
“เพลิงสังเคราะห์นี้เอาไว้ใช้หลอมโอสถทิพย์เท่านั้น ไม่ได้เอาไว้เผามัน ข้าจะไม่มีวันให้เจ้ายืมเพลิงเป็นอันขาด!” ต้วนอวิ๋นกัดฟันกรอดพลางก่นด่าเสียงเย็นในใจ จากนั้นก็เบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ สีหน้าของเขาดูเหมือนมีป้ายว่า “ข้ายอมตายดีกว่ายอมจำนน” แปะอยู่บนหน้าผากอย่างไรอย่างนั้น
ปู้ฟางประหลาดใจกับทัศนคติของอีกฝ่ายพอตัว ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดว่าหมอนี่จะหัวแข็งถึงเพียงนี้
พ่อครัวหนุ่มหมุนมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬในมือเล่น กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยออกมาจากหัวมันฝรั่งทำให้เขาหมดความอดทนเล็กน้อย
ต้วนอวิ๋นมองปู้ฟางที่กำลังหมุนหัวมันฝรั่งในมือเล่นเหมือนลูกบอลแล้วก็คิดอะไรบางอย่างได้ เขาจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาตื่นตกใจ
“มันหวานที่เจ้าหมายถึงนี่…คงไม่ใช่มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬหรอกใช่ไหม”
“ก็อันนี้นี่แหละ ไม่ต้องเกรงใจ ข้าจะให้เจ้าครึ่งหนึ่งจริงๆ” ปู้ฟางตอบเสียงจริงใจ
พรืด… ต้วนอวิ๋นกระอักเลือดอยู่ในใจ นี่มันสมุนไพรระดับแปดเชียวนะ เป็นวัตถุดิบชั้นสูงที่หายาก มีฤทธิ์เป็นยาชั้นดีทั้งช่วยในการบำรุงพลังชีวิต รักษาอาการบาดเจ็บ และยังช่วยเพิ่มปริมาณพลังปราณเที่ยงแท้ในร่างกายอีกด้วย หากนำไปหลอมเป็นโอสถทิพย์ จะสามารถเพิ่มระดับพลังปราณของผู้ที่กินเข้าไปได้ ถือเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่ง
แต่ไอ้หมอนี่กลับอยากเอาไปเผากิน นี่มันใช่วัตถุดิบที่ควรมีคนคิดอุตริเอาไปเผาหรือ
ถ้านำมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬไปเผา แล้วจะรักษาคุณสมบัติในการบำรุงร่างกายไว้ได้อย่างไรเล่า การนำไปเผาเป็นวิธีทำลายสมบัติจากธรรมชาติที่เรียกได้ว่าบ้าดีเดือดที่สุดเลยทีเดียว
“เจ้า…เจ้ากล้าคิดเอามันฝรั่งนี่ไปเผาได้อย่างไรกัน” ริมฝีปากของต้วนอวิ๋นกระตุกด้วยความหงุดหงิดใจ
แควก! ต้วนอวิ๋นมองปู้ฟางดึงรากรากหนึ่งของหัวมันออกมา พลังปราณเข้มข้นทะลักออกจากรอยแยกนั้น กระจายตัวไปทั่วบริเวณทันที ดวงตาของปู้ฟางเป็นประกายขณะสูดกลิ่นล้ำค่าเข้าปอดด้วยความปีติ
หัวมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬเป็นสีส้มสว่างไสวเหนือความคาดหมาย ดูสวยงามเป็นอันมากทีเดียว
“เอ้า… เป็นอะไรเล่า เจ้าไม่ชอบมันหวานเผาหรือ ไม่ต้องกังวลไป หากข้าเอาไปต้มพร้อมอาหารอย่างอื่น รสชาติก็ต้องอร่อยไม่แพ้กันแน่ แต่เจ้าต้องให้ข้ายืมเพลิงก่อน” ปู้ฟางเอ่ย
เหตุผลเดียวที่ปู้ฟางเอากระทะฟาดต้วนอวิ๋นจนสลบแล้วลากอีกฝ่ายมาถึงที่นี่ เป็นเพราะชายหนุ่มอยากยืมเพลิงนั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ปู้ฟางได้เห็นเพลิงที่ประหลาดเช่นนี้ อุณหภูมิของมันสูงมากทั้งยังตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้อีกด้วย อาหารที่ทำจากเพลิงชนิดนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอน
นี่ใครกำลังคุยเรื่องอาหารกับเจ้ากัน เมื่อได้ยินคำตอบของปู้ฟาง ต้วนอวิ๋นก็เริ่มรำคาญขึ้นมา ไอ้หมอนี่มันคิดเป็นแค่เรื่องอาหารหรือ หากข้านำมันฝรั่งนั่นมาหลอมโอสถได้ ข้าอาจสร้างโอสถทิพย์ระดับแปดขึ้นมาได้เลยทีเดียว
“เจ้าจะให้ข้ายืมหรือไม่”
“ไม่ นี่มันเป็นเรื่องของเกียรติภูมิแห่งการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ถึงอย่างไรข้าก็ให้เจ้าไม่ได้เด็ดขาด” ต้วนอวิ๋นตอบอย่างดื้อดึง
ปู้ฟางลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับต้วนอวิ๋นที่ยังนอนอยู่บนพื้น สีหน้าของชายหนุ่มตายด้านขณะค่อยๆ ยกมือขึ้น
เมื่อต้วนอวิ๋นเห็นปู้ฟางขยับ เขาก็หยีตา เจ้าอยาก…สู้กับข้ารึ
ฟู่…
กลุ่มควันวนรอบมือปู้ฟาง จากนั้นมีดทำครัวสีดำสนิทหน้าตาเรียบง่ายก็ปรากฏขึ้นในมือชายหนุ่ม
มีดทำครัว…
ไอ้หมอนี่พยายามจะทำอะไรกัน หากเจ้ามีปัญหากับข้าก็พูดมาตรงๆ สิ จะเอามีดทำครัวออกมาทำบ้าอะไร
แสงแดดส่องสะท้อนปลายมีดทำครัวคมกริบจนสว่างวับ ต้วนอวิ๋นรู้สึกราวกับรูขุมขนทั้งหมดในร่างหดแคบลงชั่วขณะ
ต้วนอวิ๋นอยากจะร้องไห้ออกมาเสียเดี๋ยวนั้น มันกรรมอะไรของเขากันที่ต้องมาเจอไอ้เพี้ยนนี่ เขากำลังจะกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ทรงเกียรติคนแรกที่ถูกมีดทำครัวแทงตายหรือ
“อ้อ โทษที ผิดอัน”
ใบหน้าของปู้ฟางแข็งทื่อ เขาพึมพำอย่างเก้อเขินเมื่อเห็นมีดทำครัวกระดูกมังกรทองในมือ มีดนั้นกลายสภาพกลับเป็นควันสีเขียวก่อนจะหายไป
จากนั้นเสียงฟู่ก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมควันสีเขียวเหมือนเดิม แต่กลับเป็นกระทะกลุ่มดาวเต่าดำที่โผล่ขึ้นมาแทน ปู้ฟางกำมันเอาไว้แน่นพลางยกขึ้นเหนือศีรษะต้วนอวิ๋น
ชายหนุ่มผมเทามองกระทะด้วยสายตาท้อแท้ พูดกันตามตรง ใช้มีดยังดีเสียกว่า
…..
“เจ้าต้องควบคุมความร้อนของเพลิงให้นิ่ง อย่ากระวนกระวาย อย่าใจร้อน ค่อยๆ ใช้เวลาปรับ ใจเย็นๆ”
เสียงสงบนิ่งของปู้ฟางดังขึ้นที่ด้านหนึ่งของป่า เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ร้อนแรง อุณหภูมิค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ
ต้วนอวิ๋นเอียงศีรษะที่บวมปูดไปข้างๆ ขณะลดตัวลงนั่งข้างหลุมใหญ่ ในหลุมนั้นมีเพลิงสีแดงเจิดจ้ากำลังเผาไหม้อยู่ เป็นเพลิงสังเคราะห์ของเขานั่นเอง
ปู้ฟางเดินมาอยู่ข้างๆ พลางวางมือลงบนไหล่ของต้วนอวิ๋น ดวงตามองไปยังมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬที่กำลังผ่านกระบวนการเผาอยู่ในหลุม
พลังชีวิตภายในมันฝรั่งถูกดึงออกจากเนื้อไหลเข้าสู่เปลวเพลิงสังเคราะห์ ทำให้เปลวเพลิงนั้นทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“เอามันฝรั่งไปเผาเช่นนี้มันจะยังใช้ได้อยู่หรือ เจ้าเอาวัตถุดิบล้ำค่านี่ไปเททิ้งน้ำเสียเฉยๆ หากเจ้าเป็นศิษย์สำนักข้า ถ้าโดนจับได้ว่าทำอะไรเช่นนี้คงถูกเอาไปขังในคอกหมูแล้ว” ต้วนอวิ๋นพูดอย่างอ่อนระโหยโรยแรง พลางมองปู้ฟางที่กำลังตื่นเต้นดีใจ
“มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬนี้เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ จะกินไม่ได้ได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าทั้งกินได้และเป็นของอร่อยที่หาได้ยากยิ่ง เพราะฉะนั้นอย่าทำให้เพลิงของเจ้ามอดเป็นอันขาด คงอุณหภูมิให้นิ่งไว้” ปู้ฟางพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ชายหนุ่มเดินไปที่ข้างหลุมพลางมองเพลิงใกล้ๆ อุณหภูมิของมันสูงมาก ทั้งยังควบคุมได้อีกด้วย เพลิงสังเคราะห์นี้ไม่ใช่สิ่งที่เพลิงธรรมดาสามัญจะเทียบชั้นได้เลย
หากพ่อครัวแม่ครัวใช้เพลิงนี้ทำอาหารได้ คงจะได้ประโยชน์มากโขเลยทีเดียว
ปู้ฟางยื่นมือออกไปอังหน้าหลุม ประสาทสัมผัสเฉียบคมขึ้น พลังปราณไหลออกจากมือเหมือนงูตัวเล็กที่พุ่งเข้าใส่ใจกลางเพลิงสังเคราะห์เต็มๆ
มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬที่อยู่ตรงกลางเปลวเพลิงสั่นขึ้นมาอย่างแรงโดยไม่คาดคิด จากนั้นภาพสิงโตคำรามดุร้ายก็ปรากฏขึ้น
แม้เค้าโครงของมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬจะยังคงเห็นรางๆ อยู่กลางเพลิงสังเคราะห์ แต่สีทองของมันก็เริ่มหม่นลงแล้ว
“ดูเสียให้เต็มตา หากเรายังเผามันเช่นนี้ต่อไป พลังปราณที่อยู่ภายในคงเหือดหายไปหมดแน่” ต้วนอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ
“หยุดพูดแล้วพ่นไฟต่อไปเสีย” ปู้ฟางกล่าวขึ้นโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย
ต้วนอวิ๋นหัวเสียพอตัวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เนื่องจากเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ใช้นักพ่นไฟกายกรรม
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นกระทะสีดำสนิทหนักอึ้งข้างกายอีกฝ่าย เขาก็ผ่อนลมหายใจหนักๆ ออกมาแล้วตั้งหน้าตั้งตาพ่นไฟต่อไปอย่างว่านอนสอนง่าย
พลังปราณเที่ยงแท้ของปู้ฟางแหวกเปลวเพลิงออก แล้วเข้าไปห่อหุ้มหัวมันเอาไว้ราวกับเป็นเส้นด้ายนับล้าน
การทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้คือความชำนาญของปู้ฟาง เขาหลอมรวมพลังปราณเที่ยงแท้ของตนเข้ากับวัตถุดิบ เพื่อให้รสสัมผัสของวัตถุดิบเหล่านั้นละเอียดนุ่มขึ้น และทำให้รสชาติของมันดีที่สุดเท่าที่ธรรมชาติของวัตถุดิบนั้นจะทำได้
การทำอาหารด้วยศาสตร์นี้ถือเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนมาก ต้องใช้ความสามารถในการควบคุมพลังปราณระดับสูง และพลังจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ต้วนอวิ๋นประหลาดใจขึ้นมาเมื่อสัมผัสได้ถึงเส้นด้ายพลังปราณของปู้ฟางในเพลิงสังเคราะห์ของตน หมอนี่ควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ พลังจิตวิญญาณของหมอนี่ต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน จึงสามารถควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ของตัวเองได้ในระดับที่น่ากลัวเช่นนี้
โฮก!
เสียงสิงโตคำรามดังขึ้นอีกครั้ง มันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬดูเหมือนกำลังจะพยายามแหวกเพลิงสังเคราะห์ออกมาโลดแล่นภายนอก แต่เส้นด้ายพลังปราณของปู้ฟางกลับตรึงมันเอาไว้ภายใน ทำให้มันขยับจากจุดเดิมไม่ได้แม้แต่น้อย
“เพิ่มอุณหภูมิไฟแล้วเผามันเสีย” ปู้ฟางตะโกน
ต้วนอวิ๋นทำตามคำสั่งแล้วเร่งไฟให้แรงขึ้น หลุมระเบิดทันทีพร้อมเสียงดังลั่น
ควันหนาสีดำพวยพุ่งออกจากจุดเกิดเหตุ
“แค่ก แค่ก...” ใบหน้าของต้วนอวิ๋นเปื้อนเขม่าดำเมี่ยม ควันหนาทำให้เขาไอออกมาไม่หยุด
ชายหนุ่มตาพร่ามัวขณะมองชายอีกคนค่อยๆ เดินออกมาจากหลุม
ปู้ฟางเดินออกจากหลุมโดยไม่มีแม้แต่รอยเปื้อน บนตัวของเขาไม่มีฝุ่นสักเม็ดเดียว ในมือของชายหนุ่มที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังปราณถือก้อนสีดำเมี่ยมเหมือนถ่านเอาไว้
เมื่อดูจากรูปร่างแล้ว ก้อนถ่านที่ว่านี้คือมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬอย่างไม่ต้องสงสัย หัวมันฝรั่งเต็มไปด้วยพลังสารัตถะเต็มเปี่ยม
“แหกตาดูเสียสิ! ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าอย่าเผาเยอะไป แล้วเป็นอย่างไรเล่า เจ้าเผามันจนกลายเป็นถ่านไปแล้ว! เสียดายมันฝรั่งหัวสิงโตทมิฬยิ่งนัก! อุตส่าห์เจอสมุนไพรพลังปราณระดับแปดสุดล้ำค่าแท้ๆ โว้ย!” หัวใจของต้วนอวิ๋นเจ็บปวดไปหมดเพราะสมบัติล้ำค่านี้กลายเป็นตอตะโกเพราะพ่อครัวบ้าไปได้
ใบหน้าของปู้ฟางยังคงสงบนิ่งขณะฟังเสียงก่นด่าโวยวายของต้วนอวิ๋น เขายกนิ้วเรียวขึ้นจดริมฝีปากแล้วเป่าลมไปที่นิ้ว
“เจ้าเงียบปากแล้วฟังข้า”
ต้วนอวิ๋นชะงักไปทันที อึดใจต่อมาปู้ฟางก็เคาะก้อนถ่านสีดำเบาๆ ก้อนสีดำพลันแตกออกพร้อมเสียงดังกร็อบ เผยให้เห็นสิงโตคำรามสีทองอร่ามจับตา