หลินเมิ้งหยาร้องตะโกนหน้าประตูด้วยความเดือดดาล ขณะที่รอป๋ายซ่าวมาเปิดประตู หูพลันได้ยินคำพูดทุกอย่างของหลงเทียนอวี้
เจ้าบ้านี่! ไร้ยางอายเป็นที่สุด!
หลินเมิ้งหยากัดฟันกรอด นางพยายามอดทนไม่ลงไปฉีกหน้าเขาตอนนี้
ป๋ายซ่าวที่ตื่นตระหนกมาตลอดคืนขยี้ดวงตาของตนเองขณะมองหน้าเจ้านาย
“นายหญิง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ?”
หญิงสาวตรงหน้าใบหน้าบูดเบี้ยวบึ้งตึงแตกต่างจากเวลาปกติที่มักจะมีรอยยิ้มอ่อนโยน
บนบันได อยู่ๆ หูพลันได้ยินเสียงคุ้นหูเสียงหนึ่ง ชะโงกหน้ามองก่อนสีหน้าจะเผยอาการตื่นตระหนก แข้งขาแทบอ่อนยวบลงกับพื้น
“เขา เขา เขา…ท่าน.…เขามาได้อย่างไร?”
ป๋ายซ่าวหาได้มีความสุขุมดั่งเช่นหลินเมิ้งหยา นางยังจำภาพที่ท่านอ๋องขังพระชายาเอาไว้ในจวนได้เป็นอย่างดี
ป๋ายซ่าวเบิกตากว้าง มองชั้นล่างด้วยความหวาดกลัว
สวรรค์โปรด เหตุใดท่านอ๋องจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?
หรือเขาจะมาตามพระชายากลับไป? เช่นนั้นนางจะทำอย่างไรดี? นางจะถูกท่านอ๋องโบยจนตายหรือไม่?
ความคิดฟุ้งซ่านประเดประดังเข้ามาจนป๋ายซ่าวเกือบจะหลุดเสียงสะอื้น
ทว่าในสายตาของคนอื่น ท่าทางของนางแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับคุณชายใหญ่สกุลหยวน
มองดูสายตาตำหนิติเตียนและนึกสนุกของคนเหล่านั้น หลินเมิ้งหยาแก้ตัวไม่ออก
พาป๋ายซ่าวกลับเข้าห้องพร้อมทั้งปิดประตูดัง “ปัง” สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปยังต้นเสียง
อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ภาพลักษณ์ที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากถูกเขาทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี
นางไม่มีวันยอม! แต่ตอนนี้กลับไม่อาจทำอะไรได้
ป๋ายซ่าวเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากผ่านอาการตื่นตกใจมา แต่ถึงกระนั้นนางก็อดมองนายหญิงด้วยสายตากังวลไม่ได้
เหตุที่ท่านอ๋องมาที่นี่จะต้องเป็นเพราะจะพาตัวพระชายากลับจวนอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้เลยว่าท่านอ๋องกำลังวางแผนอะไรอยู่
หากนางถูกลงโทษก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะจัดการพระชายาเช่นไร
“คนชั่ว! โรคจิต! สวรรค์โปรด ทำไมท่านไม่เก็บกวาดคนคนนี้”
หลินเมิ้งหยาทุบโต๊ะเพื่อระบายความโกรธ
ตอนแรกคิดว่าหลงเทียนอวี้จะเป็นพวกปีศาจหน้าดำ นอกจากทำหน้าเข้มงวดไปวันๆ แล้วก็ยังมีความจริงใจใสซื่อ
แต่ดูเหมือนทั้งหมดจะเป็นเพียงการหลอกลวง! มันเป็นเพียงการแสดงเท่านั้น!
ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวก็รู้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะมองนางเช่นไร
นับจากวันนี้เป็นต้นไป คนในขบวนการค้าจะต้องมองนางเป็นเด็กอย่างแน่นอน
ฮือ ฮือ ฮือ ภาพลักษณ์น่าเกรงขามสง่างามของนางถูกทำลายจนไม่เหลือซาก!
หลินเมิ้งหยาทำได้เพียงร้องห่มร้องไห้ในใจ จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
เหตุใดก่อนหน้านี้นางจึงไม่เคยเห็นด้านนี้ของหลงเทียนอวี้มาก่อน?
เข้าใจผิด นางเข้าใจผิดไปเอง
ป๋ายซ่าวเดาไม่ออกว่าเจ้านายของตนเองเป็นอะไรไป แต่หนึ่งพระชายามิได้บอกให้นางวิ่งหนี สองมิได้ร้องเตือนนางแต่อย่างใด
บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ร้ายแรงเหมือนอย่างที่นางคิด
หัวใจพลันสงบลง ป๋ายซ่าวรีบนำผ้าสะอาดมาส่งให้นายหญิงของตนเอง
“นายหญิงล้างหน้าก่อนเถิดเจ้าค่ะ เมื่อครู่ท่านกัวส่งคนมาบอกว่าหลังจากกินอาหารเช้าเสร็จก็ออกเดินทางได้เลย”
หลินเมิ้งหยารับผ้าไปเช็ดหน้าของตัวเองจนสะอาด
แม้ภาพลักษณ์จะถูกทำลาย แต่นางก็มีกำลังสนับสนุนเพิ่มขึ้นมามิใช่หรือ?
อยู่ๆ รอยยิ้มมีเลศนัยก็ปรากฏบนใบหน้า หลินเมิ้งหยาคิดออกแล้วว่าจะแก้เผ็ดหลงเทียนอวี้อย่างไร
อยากเป็นพี่ชายนักใช่หรือไม่? เช่นนั้นนางจะให้เขาเป็นสมใจ!
ถึงอย่างไรก็ถูกมองว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ เช่นนั้นนางจะเอาแต่ใจจนหยดสุดท้าย
นางอยากเห็นเหลือเกินว่าท่านอ๋องที่เคยมีคนรับใช้อยู่เสมอจะมีความอดทนกับนางได้สักกี่น้ำ
แม้จะกำลังพูดคุยกับพวกของท่านกัว แต่สายตาของหลงเทียนอวี้เหลือบมองขึ้นไปบนชั้นสองอย่างไม่รู้ตัว
ดูจากท่าทางตอนเดินเข้าไปในห้อง คาดว่านางจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอยู่ๆ เขาก็รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของนาง
“หยวนเหมย ได้ยินมาว่าเจ้าค้าขายอาหาร แต่หลายปีมานี้การค้าขายอาหารช่างยากยิ่ง”
จ้าวเฟยส่งเสียงกลั้วหัวเราะ เหตุเพราะเขาและเหวินสือมีความรู้สึกดีกับหยวนหลิน ยิ่งได้เห็นพี่ชายหน้าตาหล่อเหลาของเขา กอปรกับคำพูดคำจารื่นหูเฉกเช่นเดียวหยวนหลิน ซ้ำยังไม่นึกถือตัว ฉะนั้นเขาจึงรู้สึกดีกับหยวนเหมยด้วยเช่นเดียวกัน
“ยังพอไหว หยุนโจวอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวและธัญพืช อีกทั้งท่านลุงของข้ายังเป็นพ่อค้ารายใหญ่ที่นั่น ดังนั้นจึงได้รับความเชื่อถือค่อนข้างมาก ชาวนาแถบนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านลุง แต่น่าเสียดายที่เขาด่วนจากไป มิเช่นนั้นข้าคงได้เรียนรู้อะไรอีกมากจากเขา”
หลงเทียนอวี้แสร้งแสดงท่าทางเสียดาย หากหลินเมิ้งหยาไม่รู้จักเขาดี นางคงถูกการแสดงของเขาหลอกเข้าเต็มเปา
ก้าวเท้าลงมาทีละก้าว หลินเมิ้งหยายังคงแสดงสีหน้าถมึงทึง แต่ถึงกระนั้นเขาก็รีบเดินเข้ามาหานาง
สีหน้าลังเล แววตาฉายชัดว่ากำลังทำอะไรไม่ถูก ท่าทางเสมือนกำลังระมัดระวัง ดูเหมือนเขาจะเข้าถึงบทบาทของตัวเองไปแล้ว
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าหากเขาไม่แสดงต่อ เช่นนั้นการแสดงต่อไปก็จะไร้ประโยชน์
“เสี่ยวหลิน เจ้า…เป็นอะไรไป?”
ส่งเสียงเอ่ยถามด้วยความลังเลราวกับกำลังกลัวว่าจะทำให้น้องชายหัวเสียอีกครั้ง
แต่ยิ่งได้เห็นท่าทางโศกเศร้าของเขา หลินเมิ้งหยายิ่งรู้สึกโกรธ
ดูเถิด อ๋องอวี้ผู้มีกิตติศัพท์เลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่าเป็นองค์ชายเย็นชาไร้หัวใจกำลังแสดงท่าทางอ่อนไหวมิต่างอันใดจากภรรยาสาวโดนรังแก
“ในเมื่อท่านมาแล้ว เหตุใดต้องเสแสร้งเช่นนี้ด้วยเล่า ท่านกัว พี่ชายทั้งสอง ข้าขอตัวไปก่อน พวกท่านคุยกันต่อเถิด”
นางไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วต้องแสดงละครกับหลงเทียนอวี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะรีบเดินตามหลังนาง ท่าทางเอาอกเอาใจทำให้จ้าวเฟยมิอาจทนดูได้อีกต่อไป
“เสี่ยวหลินอา ข้าที่เป็นพี่ขอพูดอะไรสักหน่อย เจ้ากับพี่ชายล้วนเป็นพี่น้องกัน พี่ชายของเจ้าเองก็เป็นคนใจกว้าง เหตุใดเจ้าต้องขุ่นเคืองเขาด้วยเล่า”
อะไรนะ? สีหน้าของหลินเมิ้งหยาพลันเปลี่ยนไป
คนแบบหลงเทียนอวี้ซื้อใจจ้าวเฟยได้เพียงแค่ช่วงเวลากินอาหารเช้าน่ะหรือ!
นี่มันอะไรกัน? สมาคมนักวิจารณ์อย่างนั้นหรือ?
ตอนแรกคิดจะไม่สนใจเขาแล้วปล่อยให้หลงเทียนอวี้ถูกประณาม
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลงเทียนอวี้จะกล้าวางยาลับหลังนาง!
ได้เลย เช่นนั้นมาลองดูกันเถิดว่าการแสดงของใครจะดีกว่ากัน!
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ก้มหน้าลง ดวงตาเปล่งประกายพลันเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำสีใส
“เสี่ยวหลิน นี่เจ้า…”
หลงเทียนอวี้มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาประหลาดใจ เขาเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่านางจะร้องไห้
“ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังจะต้องการอะไรอีก!”
หลินเมิ้งหยาตะโกนเสียงสั่นเครือ หยดน้ำตารินไหลเป็นทาง
อยู่ๆ หลงเทียนอวี้ก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี ดูเหมือนการล้อเล่นของเขาจะทำให้นางขุ่นเคืองแล้วจริงๆ
หลินเมิ้งหยากัดริมฝีปากแน่น มองเขาด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางเสมือนกำลังระงับความโกรธ
“ท่านพี่ นางเป็นภรรยาข้าแล้ว เหตุใด…เหตุใดท่านจึงไม่ปล่อยนางไป! ข้าทำเพื่อครอบครัวจึงหนีออกจากบ้าน เหตุใดท่านต้องมาขู่บังคับข้าด้วย หรือจะต้องทะเลาะกันจนตายไปข้างหนึ่งท่านจึงจะหยุด?”
ดี ดีมาก!
หลินเมิ้งหยาปรายตามองสายตาตกตะลึงของทุกคน
หนูน้อย คิดจะเทียบชั้นการแสดงกับนางอย่างนั้นหรือ เจ้ายังต้องฝึกฝนอีกมาก
นางเคยดูละครทีวีชิงไหวชิงพริบมามากมาย ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์เช่นไรก็พร้อมจะพลิกเกมเสมอ
อาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงดึงตัวป๋ายซ่าวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวออกมา
ฮ่า ฮ่า คราวนี้ชื่อเสียงของหลงเทียนอวี้จะต้องป่นปี้อย่างแน่นอน
ขึ้นไปนั่งบนรถม้า หลินเมิ้งหยาที่โจมตีอีกฝ่ายสำเร็จแล้วรู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างยิ่ง
คิดจะโจมตีนาง? ฝันไปเถอะ!
“นายหญิงเจ้าคะ เหตุใดสีหน้าท่านอ๋องจึงมิน่ามองขนาดนั้นเล่า?”
แม้จะกำลังกินไก่ย่างหอมๆ แต่ป๋ายซ่าวก็อดถามออกมาด้วยความกังวลไม่ได้
“เขาเหรอ คนที่อยากจะแย่งเมียน้องชายก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว ฉะนั้นเขาย่อมไม่มีสีหน้าแช่มชื่นหรอก”
หลินเมิ้งหยาหันหน้ามองทิวทัศน์อย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้ขบวนพ่อค้าเดินทางออกจากตำบลเล็กแล้วและกำลังไปยังสถานที่ต่อไป
อันที่จริงคนที่เพิ่งโผล่หน้าออกมาช่วงสายเองก็ตกตะลึงไม่น้อยที่เห็นการปรากฏตัวของหลงเทียนอวี้
ทว่าเขาที่อยู่ในฐานะญาติจึงต้องทนรองรับสายตาของทุกคนด้วยอาการมึนงง
นั่งหลังตรงในรถม้า หลินเมิ้งหยาเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังคร่าวๆ
เมื่อเทียบกับป๋ายซ่าวที่กำลังตื่นตกใจแล้ว ชิวอวี้รู้สึกว่าวิธีการของหลินเมิ้งหยาโหดร้ายยิ่งนัก
โชคดีเหลือเกินที่เขามิได้ทำให้ปีศาจร้ายเช่นนางขุ่นเคือง
“ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงองค์ชาย เจ้าไม่กลัวความอับอายจะกลายเป็นความโกรธอย่างนั้นหรือ?”
แม้จะเอ่ยเช่นนี้ แต่ชิวอวี้กลับกำลังนึกสนุกอยู่บนความทุกข์ของหลงเทียนอวี้
หลินเมิ้งหยาปรายตามองเขาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองชายชุดดำซึ่งกำลังควบม้าอยู่ด้านนอก
ใครบอกให้เขาแกล้งนางก่อนกันเล่า ตอนนี้หรือ? ฮึ สมน้ำหน้า!
“เช่นนั้นเขาก็ต้องโทษตัวเองแล้ว เป็นท่านอ๋องดีๆ ไม่ชอบ ริอ่านจะเป็นพี่ชายของข้า จริงสิ เจ้าเองก็ต้องร่วมมือกับข้า พวกเราจะเผาเขาให้ตายในการเดินทางคราวนี้เลย!”
ตอนนี้หลินเมิ้งหยากำลังสนุกสนานเบิกบานใจ
การเดินทางคราวนี้น่าเบื่อเกินไป เช่นนั้นมาหาอะไรสนุกๆ ทำไม่ดีกว่าหรือ?
“ข้า? ไม่เอาด้วยหรอก ข้าเป็นเพียงหมอหลวงตัวเล็กๆ ข้าจะเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเจ้าได้อย่างไร พวกเราไปทั้งแบบนี้ แล้วเรื่องอาซิ่วเล่า? เจ้าไม่สนใจแล้วหรือ?”
ในที่สุดก็กลับเข้าเรื่องสำคัญ สีหน้าของหลินเมิ้งหยาจริงจังกว่าเดิมมาก
กัดน่องไก่ในมือ อันที่จริงนางเองก็ยังไม่สบายใจเรื่องอาซิ่ว
แต่อาซิ่วยืนกรานว่าจะทำเพื่อท่านยายตาบอดคนนั้น
นางเองก็มิอาจละทิ้งหน้าที่ของตัวเองได้ แต่ลางสังหรณ์ของนางกำลังร้องบอกว่า นางและอาซิ่วจะต้องมีโชคชะตาให้ได้พานพบกันอีกแน่นอน