ซินเอ๋อร์เห็นเสี่ยวจื่อคิดสั้น จึงตกใจกอดเสี่ยวจื่อไว้อย่างแน่นหนา ก่อนร้อนรนเอ่ยขึ้น
“เสี่ยวจื่อ อย่าคิดเช่นนั้น เพียงมีชีวิตอยู่จะมีความหวังเข้าใจหรือไม่ ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เสียงของซินเอ๋อร์ทุ้มต่ำ แต่กลับหนักแน่นอย่างไร้ที่เปรียบ
และคำพูดนี้ไม่เพียงเอ่ยให้กับเสี่ยวจื่อ แต่ยังเอ่ยกับตนเองด้วย
หากมีชีวิต จะมีความหวัง และจะสามารถพบหน้าเซวียนได้อีกครั้ง
“ใช่ พี่ซินเอ๋อร์ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าต้องมีชีวิตต่อไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซินเอ๋อร์ เสี่ยวจื่อพยักหน้าอย่างหนักแน่น เพราะเพียงมีชีวิต จึงจะสามารถหาโอกาสหลบหนีได้อีกครั้ง และสามารถพบหน้ามารดาและพี่ชาย
เมื่อเห็นเสี่ยวจื่อไม่คิดสั้นอีกแล้ว ซินเอ๋อร์จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นโอบกอดเสี่ยวจื่อ มือของคนทั้งคู่รัดกันแน่น คล้ายส่งมอบความกล้าให้แก่กัน ก่อนเดินตามคนกลุ่มใหญ่ขึ้นเรือสินค้าอย่างช้าๆ
ขณะเดียวกันอีกด้าน
“นายท่าน ข้าพบว่าทางด้านนั้นมีคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง!”
“อะไรนะ!”
เมื่อได้ยินคำรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา เหลิ่งอวี้เซวียนรีบก้าวเดินไปยังทิศที่องครักษ์ผู้นั้นบอกทันที
หลังเขาเห็นคุกใต้ดินที่มืดชื้นแฉะแห่งนั้น ใจพลันเจ็บปวดอย่างหนัก
เห็นเพียงเมื่อมองจากประตูเหล็กที่เปิดอ้านั้นเข้าไป เห็นอย่างชัดเจนว่าคุกใต้ดินนั้นมีขนาดเล็กอย่างมาก
คุกใต้ดินแห่งนี้ รอบด้านเต็มไปด้วยใยแมงมุมและสกปรก ที่สำคัญคือที่นี่ชื้นแฉะอย่างยิ่ง เพียงเดินเข้าไป กลิ่นเหม็นอับและไอเย็นพลันเข้ามาปะทะทันที
เห็นเช่นนั้น คิ้วคู่งามของเหลิ่งอวี้เซวียนนั้นขมวดมุ่น
ขณะเดียวกันองครักษ์ผู้หนึ่งคล้ายพบกับบางอย่าง จึงหยิบสร้อยเส้นหนึ่งขึ้นมาจากพื้น จากนั้นเดินเข้ามามอบให้เหลิ่งอวี้เซวียนด้วยสีหน้านอบน้อม ก่อนเอ่ยขึ้น
“นายท่าน ข้าเก็บสร้อยนี้ได้จากคุกใต้ดิน”
“อืม”
เหลิ่งอวี้เซวียนได้ยินรีบก้มศีรษะลงมอง เมื่อเห็นสร้อยเพชรคุ้นตาเส้นนั้น ดวงตาดำขลับแคบยาวคู่นั้นพลันเบิกกว้าง ทันใดนั้นรีบหยิบสร้อยเพชรเส้นนั้นมาดูอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นจี้รูปหัวใจคุ้นตานี้เต็มตา ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนปวดหนึบอย่างหนัก
เพราะเหตุใดท่านจึงให้คนทำจี้รูปหัวใจออกมาหรือ!
จี้หัวใจนี้ คือตัวแทนหัวใจของข้า ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่
ภายในสมองนึกถึงความดีใจที่เขาให้คนทำจี้รูปหัวใจออกมา และนึกถึงยามที่เขาสวมสร้อยเป็นตัวแทนความรักของเขาเส้นนี้ให้กับซินเอ๋อร์ด้วยตนเอง ใจของเหลิ่งอวี้เซวียนทั้งมีความสุขและปวดหนึบ
ซินเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด!
…
“โอ๊ย!”
“โอ๊ย อย่าโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
“โอ๊ย หยุดมือ อย่า ขอร้องพวกท่านปล่อยข้าไปเถิด”
เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสังเวช ตามด้วยเสียงแส้ ‘ฟิ้วฟิ้ว’ นั้น ทำให้คนขนพองสยองเกล้า
‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ เสียงแส้ยาวฟาดลงบนกายคนผสมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำให้คนที่ได้ยินอกสั่นขวัญแขวน!
เห็นเพียงเวลานี้ภายในคุกใต้ดินขนาดใหญ่
บนผนังรอบด้านแขวนด้วยคบไฟสีเหลืองนวลนั้น ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบของคุกใต้ดินสว่างชัดเจน
และทำให้เห็นสาวน้อยสองคนที่หดตัวอยู่ที่มุมชัดเจน
เห็นเพียงสาวน้อยทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งสวมชุดสีขาว รูปร่างโดดเด่น อีกคนเสื้อผ้ามอมแมม ใบหน้าแม้ถือว่าหมดจด แต่อายุค่อนข้างเด็กกว่าเล็กน้อย
และสาวน้อยสองคนนี้คือซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อที่ถูกคนจับตัวไป ต้อนขึ้นเรือสินค้า และพาตัวมาส่งที่นี่
เวลานี้ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อกอดกันกลมอย่างอกสั่นขวัญแขวน หดตัวอยู่ที่มุม
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง หญิงสาวก็สั่นเทิ้มไปทั่วร่าง
ซินเอ๋อร์เวลานี้ไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ใด
รู้เพียงหลังตนถูกขังอยู่ประมาณหนึ่งวันหนึ่งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ถูกชายเหล่านั้นส่งตนและเสี่ยวจื่อขึ้นบนเรือสินค้า
เมื่อลงเรือถูกล้อมรอบด้วยผู้คน
ความจริงซินเอ๋อร์หวังอย่างยิ่งว่าคนเหล่านี้จะสามารถช่วยเหลือพวกเธอได้ ต่อมาเมื่อเห็นหญิงสาวแต่ละคนแต่งกายอ่อนช้อยเย้ายวน ประทินโฉมหนายืนอยู่บนฝั่ง จึงเข้าใจทันทีว่านี่คือเรื่องใดกันแน่
ต่อมาพวกเธอสาวน้อยที่ถูกจับตัวมาหลายสิบคน ถูกคนรับตัวไปดังเช่นสินค้า และถูกเหล่าหญิงสาวแต่งกายเปิดเผยเนื้อตัว ประทินโฉมหนาหลายคนนั้นมองราวกับประเมินสินค้า ก่อนทำการต่อรองราคาซื้อขายและคัดเลือกไม่หยุด
สุดท้ายเธอถูกหญิงสาวงามหยาดเยิ้ม สูงโปร่ง หน้าตาคล้ายกับจิ้งจอกผู้หนึ่งเลือกซื้อไปในราคาหนึ่งพันตำลึง
ทันใดนั้น ซินเอ๋อร์รู้สึกโลกทั้งใบของตนถล่มทลายลงมา
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกโชคดีและจนใจคือ เสี่ยวจื่อก็ถูกหญิงสาวงามหยาดเยิ้มนั้นซื้อไปเช่นกัน
สุดท้ายพวกเธอสองคนจึงถูกหญิงสาวผู้นั้นพามายังคุกใต้ดินแห่งนี้ และเห็นภาพตรงหน้านี้
หญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่าผู้หนึ่ง กำลังถูกชายหนุ่มกำยำล่ำสัน หยิบแส้ยาวฟาดลงไปอย่างรุนแรง
แส้แล้วแส้เล่า จนผิวที่สมบูรณ์แบบของหญิงสาวที่เปล่าเปลือยนั้นค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยรอยเลือดอันบาดตาสยดสยอง ทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
ภาพนี้ทำให้ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อตกใจสุดขีด
เพราะพวกเธอไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน ทั้งสองคนจึงดังนกตื่นลูกธนู ตกใจจนหน้าซีดขาว และกอดกันกลม
“พี่ซินเอ๋อร์ ข้ากลัวยิ่งนัก”
“เด็กดี เสี่ยวจื่อไม่ต้องมอง ไม่ต้องมอง!”
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเสี่ยวจื่อ ซินเอ๋อร์แม้จะหวาดกลัวสุดชีวิต
ต้องการช่วยหญิงสาวผู้นั้น แต่เธอก็ทราบดีว่าด้วยความสามารถของตน ช่วยเหลือเธอไม่ได้
หญิงสาวงามหยาดเยิ้มนั้นตั้งใจนำเธอและเสี่ยวจื่อมาเห็นภาพนี้ เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้พวกเธอรู้ว่าหากพวกเธอกล้าขัดคำสั่ง จุดจบจะเป็นดังเช่นหญิงสาวผู้นี้
ขณะซินเอ๋อร์คิดในใจ หญิงสาวงามหยาดเยิ้มที่คล้ายนั่งมองละครอยู่ด้านข้างเห็นเวลาพอประมาณแล้ว จึงวางชาในมือลงอย่างช้าๆ จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก ก่อนยกมือขึ้นอย่างเกียจคร้านเพื่อให้ชายหนุ่มที่กำลังฟาดแส้ใส่หญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่านั้นหยุดมือลง
“เอาล่ะ เจ้าหยุดมือก่อนเถิด!”
“ขอรับ พี่เหยาเจี่ย!”
หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มเรียกว่าพี่เหยาเจี่ยได้ยินพยักหน้าเบาๆ เหลือบมองไปยังพวกซินเอ๋อร์
บนใบหน้าประทินโฉมงดงามนั้นเผยรอยยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้น สามารถเรียกได้ว่าอบอุ่นมีเมตตา หากเมื่อครู่ไม่ได้เห็นหญิงสาวที่ถูกทุบตีจนเลือดอาบแขวนอยู่ด้านหลังของเธอ ซินเอ๋อร์ต้องคิดว่านี่คือหญิงสาวที่งดงามใจดีมีเมตตาอย่างยิ่งแน่
แต่เวลานี้เมื่อเผชิญกับรอยยิ้มของหญิงสาวผู้นี้ ซินเอ๋อร์รู้สึกเพียงขนพองสยองเกล้า
สองมือออกแรงโอบกอดตัวเสี่ยวจื่อมากยิ่งขึ้น เพราะกลัวว่าหญิงสาวผู้นี้จะทำอะไรพวกเธอ
เหยาเจี่ยเห็นเช่นนั้น เพียงยิ้มมุมปาก จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดบังรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ ดูพวกเจ้าตกใจสิ พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ข้าเป็นคนมีมีคุณธรรมยิ่ง ตอนนี้พวกเจ้าคือคนของข้าเหยาเจี่ย เพียงเชื่อฟังคำพูดของข้า ข้าจะดีกับพวกเจ้า แต่…”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหยาเจี่ยชะงักลง รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าพลันเปลี่ยนไป ดวงตาเรียวยาวที่แต่งแต้มงดงามคู่นั้น ปรากฎความโหดเหี้ยมขึ้นมาหลายส่วน ทำให้ใบหน้าดูดุดันขึ้น ก่อนเผยอริมฝีปากแดงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หากพวกเจ้ากล้าคิดหลบหนี หรือทรยศหักหลังข้า จุดจบของพวกเจ้านั้นจะเหมือนกับหญิงสาวผู้นี้!”
พอเอ่ยถึงตรงนี้ เหยาเจี่ยสะบัดมือเรียว ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้าใจความหมาย หยิบแส้ยาวขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนฟาดลงบนหญิงสาวร่างเปลือยผู้นั้น
เสียงสะบัดแส้ เสียงกรีดร้องของหญิงสาว พลันดังขึ้นในคุกใต้ดินที่กว้างใหญ่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องน่าสังเวชนี้ ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อตกใจกอดกันกลมอีกครั้ง
เหยาเจี่ยเห็นเช่นนั้น ยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยว่า
“ตอนนี้ พวกเจ้าคงเข้าใจความหมายของข้าแล้ว!”
สำหรับคำพูดของเหยาเจี่ย ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อต่างเงียบงันไม่พูดจา
เหยาเจี่ยเห็นอดเลิกคิ้วที่แต่งแต้มจนเรียวงอนไม่ได้ ก่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย ใบหน้าแฝงไปด้วยการตักเตือนอย่างไม่ปิดบัง
ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อเห็นหวาดกลัวในใจ จึงเพียงพยักหน้าและเอ่ยแผ่วเบา
“อืม เข้าใจแล้ว”
“อืม เข้าใจก็ดี!”
สำหรับคำตอบของซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อ เหยาเจี่ยคล้ายพอใจอย่างมาก จึงเลิกคิ้วและลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างช้าๆ ทันใดนั้นกวักมือเรียกพวกซินเอ๋อร์
“มา พวกเจ้าสองคนตอนนี้ตามข้ามา!”
เวลานี้ บนใบหน้าเหยาเจี่ยกลับมาอบอุ่นและมีเมตตาเช่นเมื่อครู่อีกครั้ง
แต่ซินเอ๋อร์และเสี่ยวจื่อต่างทราบดีว่าหญิงสาวผู้นี้คือปีศาจ!