บทที่ 1020 เต้าฮวยถ้วยหนึ่ง
บทที่ 1020 เต้าฮวยถ้วยหนึ่ง
“เจ้าปรุงเป็นหรือ?”
“ข้ารู้รสปากของท่าน ปรุงให้ท่านได้อย่างแน่นอน”
สิ้นคำ สิงเจียซือก็หยิบชิ้นเนื้อชิ้นหนึ่งมาจากถ้วยข้าง ๆ ล้างมันให้สะอาด แล้วหั่นเป็นลูกเต๋า จากนั้นจึงตีไข่ให้เข้ากันแล้วใส่ลงไป ก่อนจะใส่เครื่องปรุงรสลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม เมื่อผัดได้ที่แล้วจึงใส่เต้าฮวยลงไป สุดท้ายจึงโรยด้วยต้นหอมซอย
เต้าฮวยของร้านนี้มีรสหวาน ลู่ฉาวอวี่ย่อมไม่ชอบอย่างแน่นอน เพียงแต่เต้าฮวยร้านนี้นุ่ม อีกทั้งยังอร่อย นาน ๆ ทีเขาจะได้หยุดพักผ่อน นางจึงอยากให้ลองชิมดู ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงคดีเหล่านั้น
เถ้าแก่ไม่รู้ว่าเขาชอบแบบใดแต่นางรู้ ขอเพียงนางปรุงมันให้อร่อย ย่อมต้องถูกปากเขาอย่างแน่นอน
ลู่ฉาวอวี่กินแล้ว คิ้วที่ขมวดมุ่นก็ค่อย ๆ คลายออก
“เป็นอย่างไร?”
“อร่อยมากจริง ๆ”
เถ้าแก่ยืนหัวเราะฮ่า ๆ อยู่ข้าง ๆ
เมื่อมีลู่ฉาวอวี่ซึ่งเปรียบเสมือนป้ายเคลื่อนที่ได้ผู้นี้ กิจการของเขาจะต้องรุ่งเรืองขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ประเดี๋ยวต้องหารือกับฮูหยินน้อยลู่เสียหน่อย ดูว่าสามารถขายตำรับลับของนางให้เขาได้หรือไม่
ขอเพียงมีป้าย ‘เต้าฮวยรสชาติที่ใต้ลู่น้อยชื่นชอบเป็นพิเศษ’ ป้ายนี้ ไม่รู้คนมากน้อยเพียงใดจะหลั่งไหลมาที่นี่เพราะชื่อเสียง นับตั้งแต่นี้ไป ที่แห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในร้านเอกลักษณ์ประจำเมืองหลวง
“ฮูหยิน เถ้าแก่น้อยผู้นี้ขอความกรุณาสักเรื่องได้หรือไม่” เถ้าแก่เอ่ย “ข้าขอซื้อตำรับลับนี้ของท่านด้วยสิบตำลึงเงิน จะขายให้ผู้น้อยได้หรือไม่ขอรับ?”
จางอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ตำรับอาหารของฮูหยินน้อยลู่ ท่านมีสิบตำลึงเงินก็คิดจะซื้อไปได้หรือ?”
เถ้าแก่หดคอกลับไป “ผู้น้อยรู้ว่ามันเล็กน้อย เพียงแต่แผงขายของข้าทำเงินได้ไม่มาก ในมือไม่มีเงินมากมายเพียงนั้น”
ยังคงไม่ได้จริง ๆ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด
น่าเสียดาย โอกาสทางการค้าที่เขาพบได้ไม่ง่าย บัดนี้กลับสูญเปล่าไปแล้ว
“ข้าขายให้ท่านได้” สิงเจียซือเอ่ย “เพียงแต่ข้าไม่ต้องการเงิน แค่ต้องการให้ท่านทำเรื่องหนึ่ง”
“นับตั้งแต่นี้ไป ท่านเตรียมเต้าฮวยให้เปล่าสิบถ้วยทุกวัน หากมีคนต้องการมัน ท่านก็ให้เขาทานเต้าฮวยถ้วยหนึ่ง เพียงแต่ ขอทานไม่ช่วย ช่วยเพียงผู้ที่ขัดสนจริง ๆ ส่วนขอทาน หากขัดสนจริง ๆ ราชสำนักมีโถงสืออัน ผู้ที่ขัดสนล้วนได้รับการดูแลอยู่ที่นั่น ผู้ที่ไม่ยินยอมรับการดูแล ย่อมมีความสามารถในการเอาตัวรอด ในเมื่อพวกเขามีความสามารถในการเอาตัวรอด คนอย่างนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ ท่านเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”
“สิบถ้วยจะน้อยเกินไปหน่อยหรือไม่?” เถ้าแก่ถาม “ข้าสามารถเตรียมได้ยี่สิบถ้วย”
“ไม่ เพียงแค่สิบถ้วยเท่านั้น” สิงเจียซือส่ายหน้า “ท่านขายเต้าฮวยนานเพียงใด ท่านก็ทำทานนานเพียงนั้น นี่เป็นเรื่องระยะยาว ไม่ใช่เพียงชั่วข้ามคืน ดังนั้นท่านต้องแน่วแน่ เริ่มแรกสิบถ้วยนั้นไม่มากจริง ๆ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป ท่านอาจไม่ยินดีทำทานเช่นนี้ หากวันนั้นมาถึง ท่านไม่อาจใช้ตำรับอาหารของข้าได้อีก”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าจะเขียนให้ท่าน”
อันที่จริงตำรับนี้ง่ายมาก
เถ้าแก่เฝ้ามองนางทำอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าเขาจะทำเป็นแล้ว หากเถ้าแก่แอบขายเต้าฮวยรสนี้หลังจากสิงเจียซือจากไป นางเห็นแล้วก็คงไม่กล่าวอะไร อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเถ้าแก่เป็นคนใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา กล้าเอ่ยขอกับนางด้วยตนเอง ย่อมไม่อาจให้เสียเปรียบมากนัก
“ข้าจะเขียนตำรับอาหารให้ท่านอีกสองสามอย่าง ท่านมีเวลาก็ลองทำได้ หากทำออกมาแล้ว ข้าคิดว่ากิจการของท่านนับวันคงเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น”
“ขอบคุณฮูหยินน้อย ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่อย่างแท้จริง!”
ลู่ฉาวอวี่วางช้อนลงแล้วเอ่ย “ข้ากินเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
ขณะที่กล่าวเขาก็วางเหรียญเงินลง
“ใต้เท้า ไม่ต้อง ฮูหยินมอบตำรับอาหารให้ผู้น้อยเปล่า ๆ แล้ว”
“ไม่ได้ให้เปล่า นางให้ท่านช่วยคนขัดสน นั่นเป็นเงินที่นางคิดเป็นค่าตำรับอาหาร”
“ขอบคุณใต้เท้า”
สิงเจียซือตามลู่ฉาวอวี่ออกมาจากเพิงขายเต้าฮวย
“เมื่อครู่นี้ การกระทำของเจ้าเหมือนท่านแม่ข้ายิ่งนัก”
“อาจเป็นเพราะ… ข้าโตมากับการได้ฟังเรื่องราวของพระชายา” สิงเจียซือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริง แม่นางหลาย ๆ คนในเมืองหลวงแห่งนี้ล้วนโตมากับการได้ยินเรื่องราวการทำความดีของพระชายา ท่านไม่สังเกตหรือ? ตอนนี้มีสตรีที่ออกจากบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ที่ยินดีเชื่อว่าสตรีไร้ความสามารถจึงมีคุณธรรมนั้นน้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว”
ลู่ฉาวอวี่ยุ่งอยู่กับคดีทั้งวัน น้อยนักที่จะได้สนใจเรื่องเหล่านี้
สิงเจียซือเดินทางไปทุกหนทุกแห่งอยู่ตลอด สิ่งใดล้วนเคยพบเห็น ย่อมต้องรู้มากเป็นธรรมดา
“ว่ากันว่าบัดนี้นับวันสตรีตั้งครัวเรือนเองมากขึ้นเรื่อย ๆ บ้างก็จ้างคนงาน บ้างก็ทำกิจการนอกบ้าน ทำเรื่องเช่นเดียวกับบุรุษ”
“ตอนนี้เริ่มมีอิสระเสรีมากขึ้นแล้วจริง ๆ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
จางอี้กับหยางจงเซิงตามมาข้างหลัง
ทั้งสองคนไม่ได้เกียจคร้าน เพียงแต่กำลังสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ ดูว่ามีผู้ใดที่สามารถเข้ามาทำลายภาพอันอบอุ่นนี้ได้หรือไม่
“ฝ่าบาทให้วันลาแต่งงานใต้เท้าครึ่งเดือน ท่านคิดว่าใต้เท้าจะอยู่ที่บ้านสักกี่วัน”
หยางจงเซิงเอ่ย “ห้าวัน”
“ข้าคิดว่าไม่ถึง อย่างมากสุดก็สามวัน”
“มาเดิมพันกัน”
“ได้!”
สิงเจียซือหยุดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง หยิบผ้าเย็บปักขึ้นมาดู
ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม “ชอบหรือ?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ผ้าผืนนี้ค่อนข้างแปลก น่าจะเป็นผ้าที่ออกมาใหม่”
สิงเจียซือเปิดร้านหลายแห่ง มีกิจการหลายแบบ แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดเกี่ยวข้องกับการซื้อมาขายไป
การซื้อมาขายไปคือการส่งสินค้าท้องถิ่นจากอาณาจักรฮุ่ยไปยังพื้นที่ห่างไกลอื่น ๆ แลกเปลี่ยนกับสินค้าเฉพาะถิ่นจากที่นั้น ๆ มา เช่น สมุนไพร หนัง ขนสัตว์ต่าง ๆ รวมไปถึงแร่ในท้องถิ่น และอื่น ๆ
เมื่อนางนำของเหล่านั้นกลับมาขายก็จะได้ราคาดีเป็นพิเศษจากเมืองหลวง
“น้องหญิง” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
สิงเจียซือกำลังพูดคุยกับลู่ฉาวอวี่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้น ขนทั่วทั้งร่างนางพากันลุกเกรียว
นางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
สิงเจียเวย
สิงเจียเวยไว้ผมมวยอย่างสตรีออกเรือน แต่งกายหรูหรา ประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดา
ก่อนหน้าที่อยู่จวนสิง การแต่งกายของนางนับว่าปกติ ทว่าบัดนี้…
นางคิดว่าตนเองเป็นต้นไม้ขอพรหน้าตำหนักเทพแห่งความมั่งคั่งหรือไร? เหตุใดบนร่างจึงแขวนสิ่งของมากมายเพียงนั้น
“บังเอิญจริง!” สิงเจียเวยเดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้
เมื่อนางเห็นลู่ฉาวอวี่ก็เอ่ยยิ้ม ๆ “น้องเขยก็มาด้วยหรือ!”
ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว
สิงเจียซือเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “ข้ารู้ว่าท่านยุ่ง ท่านไปจัดการธุระของท่านเถอะ ข้าจะกลับเอง”
“เมื่อเช้าเจ้าเอ่ยไม่ใช่หรือว่าไม่ชอบดอกไม้ในสวนหน้าบ้านเท่าไหร่? หากเจ้าไม่กลับไปดู บ่าวรับใช้จะเปลี่ยนแปลงดอกไม้อย่างที่เจ้าต้องการได้อย่างไร?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “คนนอกที่ไม่สำคัญเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา”
สิงเจียเวยยิ้มฝืด ๆ “น้องเขย ไม่ว่าอย่างไรเราก็ยังเป็นพี่หญิงน้องหญิงกัน บัดนี้ไม่ง่ายที่จะได้พบกันสักครา แน่นอนว่าย่อมมีเรื่องทั่ว ๆ ไปให้พูดคุย น้องเขยกล่าวว่าคนนอกที่ไม่สำคัญ คงไม่ได้เอ่ยถึงข้ากระมัง?”
“ที่บอกก็คือท่าน” ลู่ฉาวอวี่จ้องมองนาง “ท่านดูไม่เหมือนคนโง่งม นึกไม่ถึงว่าสมองจะใช้การได้ไม่ดีเช่นนี้ แต่ก็จริง หากท่านมีสมองดีหน่อย คงไม่ยินดีไปเป็นอนุของผู้อื่น”
“ท่าน…”
“ไปกันเถอะ” ลู่ฉาวอวี่คว้ามือของสิงเจียซือมากุม แล้วพานางเดินหนีสิงเจียเวย