บทที่ 436 ทำลายแผ่นยันต์
แผ่นยันต์เทวะลอยอยู่เหนือหุบเขาอเวจี สาดลำแสงสว่างจ้า ระเบิดพลังมหาศาล
แผ่นยันต์เทวะคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาจากบรรดาเทพเซียน เมื่อเผชิญหน้ากัน แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับต้องบาดเจ็บสาหัส
อย่าว่าแต่ประเทศจีนทั่วทั้งประเทศจะตกตะลึง แม้แต่ทั่วโลกก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
จอมมารฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงดุร้ายเพียงใด ศัตรูมากมายต้องตกตายด้วยน้ำมือของเขา บรรดานักรบจากยุโรปรู้รสชาติความร้ายกาจของชายหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี
แต่ฉู่ชวิ๋นก็ยังไม่สามารถต่อกรกับแผ่นยันต์เทวะได้เลยแม้แต่น้อย แล้วอย่างนี้ เหล่าเทพบนแดนสวรรค์จะมีความแข็งแกร่งมากมายเพียงใดกัน?
ทุกสายตาจับจ้องไปที่หวูเค่อจิน ทายาทเพียงหนึ่งเดียวจากแดนสวรรค์ที่ปรากฏกายบนโลกมนุษย์ มันมีอาวุธลับอยู่ในมือมากมาย ที่พร้อมจะกำราบจอมมารฉู่ชวิ๋นให้ตกอยู่ในสภาพนี้
แล้วยังมีเทพเซียนคนอื่นอยู่บนโลกมนุษย์อีกหรือไม่?
“ฉู่ชวิ๋น การต่อต้านทวยเทพ เท่ากับเป็นการต่อต้านสวรรค์ แกไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” หวูเค่อจินจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเหยียดหยาม
บาดแผลบนแผ่นหลังของฉู่ชวิ๋นสมานตัวอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าต้องเอาจริงแล้วสินะ” เขากระซิบแผ่วเบา
หวูเค่อจินเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ ที่ผ่านมาจอมมารฉู่ชวิ๋นยังไม่ได้เอาจริงอีกหรือ?
“ฉู่ชวิ๋น ที่ผ่านมาแกดูหมิ่นแดนสวรรค์เกินให้อภัย วันนี้อย่าหวังว่าจะได้รอดกลับลงจากภูเขาอเวจีอีกเลย” คำพูดของหวูเค่อจินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
พูดจบ ลำแสงจากแผ่นยันต์เทวะก็สาดเข้าใส่ฉู่ชวิ๋นด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
วูบ!
ฉู่ชวิ๋นม้วนตัวหลบด้วยความว่องไว พริบตาเดียว ก็ถอยห่างไปยืนไกลหลายร้อยเมตร
เปรี้ยง!
ลำแสงสีแดงกราดยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉู่ชวิ๋นก็กระโดดหลบหลีกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“ฉู่ชวิ๋น ถึงหนีแกก็ไม่รอด วันนี้จะเป็นวันตายของแก” หวูเค่อจินพูดออกมาอีกครั้งในขณะที่ลอยตัวเข้าหาฉู่ชวิ๋น
บาดแผลบนแผ่นหลังของฉู่ชวิ๋นหายดีแล้ว พลังลมปราณจำแลงมีอานุภาพในการรักษาบาดแผลน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
เปรี้ยง!
เสื้อผ้าของฉู่ชวิ๋นโบกสะบัดตามแรงลม เขารีบโคจรพลังขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของตัวเองเอาไว้ทันที
วูบ!
ลำแสงสีทองเปล่งประกาย ดาบเกล็ดทองคำปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้ว
“ตาย!”
ฉู่ชวิ๋นคำรามเสียงแหบต่ำ ไม่หลบหนีอีกต่อไป เขายืนตั้งหลัก แล้วตวัดดาบฟันเข้าใส่ลำแสงที่พุ่งเข้ามา
ดาบเกล็ดทองคำเป็นประกายระยิบระยับ พลังลมปราณพุ่งออกไปจากตัวดาบน่าหวาดกลัว
เปรี้ยง!
พื้นดินสั่นสะเทือน ลำแสงสีแดงสลายหายไปด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋น เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ตามมาติดๆ
หวูเค่อจินหรี่ตาลง ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉู่ชวิ๋นจะสามารถต้านทานการโจมตีจากแผ่นยันต์เทวะได้จริงๆ
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นหมุนตัวแล้วตวัดดาบ ลำแสงสีแดงที่พุ่งใส่เขาถูกดาบฟันเข้าใส่ กระจายหายไปต่อหน้าต่อตา
หวูเค่อจินยืนนิ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากพบว่าฉู่ชวิ๋นกำลังเคลื่อนกายเข้ามาหาตนเองด้วยความรวดเร็วยิ่ง
แต่ก่อนที่คนจะเข้ามาถึงตัว ประกายดาบได้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
เคล้ง…!
ดาบฟันเข้าใส่ม่านพลังสีขาวที่ห่อหุ้มร่างหวูเค่อจิน ถึงจะไม่สามารถทำลายม่านพลังได้ แต่ก็ทำให้หวูเค่อจินถึงกับต้องเซถอยหลังด้วยใบหน้าซีดขาว
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นโคจรพลังใส่ดาบเกล็ดทองคำ ลำแสงสีทองสาดประกายแวววาว ประกายดาบที่ยาวหลายสิบฟุตพุ่งออกมา ทำให้มวลอากาศปั่นป่วน พื้นดินเกิดรอยแตกร้าว
ประกายดาบสีทองคำฟาดฟันเข้าใส่หวูเค่อจิน เกิดการระเบิดรุนแรงขึ้นในพริบตา ในอากาศฟุ้งตลบไปด้วยกลุ่มหมอกควัน ร่างของหวูเค่อจินถูกกลืนหายเข้าไปในกลุ่มหมอกควันนี้แล้ว
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ไล่ตามเข้าไปในกลุ่มหมอกควัน เขาหันหน้ากลับมา ให้ความสนใจที่แผ่นยันต์เทวะซึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ
ชายหนุ่มยกดาบขึ้นตวัดด้วยความรุนแรง ปัดป้องลำแสงสีแดงที่ถูกยิงเข้ามา
เป็นอีกครั้งที่ลำแสงสีแดงต้องพ่ายแพ้ให้กับดาบเกล็ดทองคำ
บัดนี้ พลังลมปราณไหลเวียนไปทั่วร่างกายของฉู่ชวิ๋นทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
“ฉันจะทำลายมันให้ดู!”
ฉู่ชวิ๋นร้องคำราม กระโดดขึ้นกลางอากาศในระดับความสูงเดียวกับแผ่นยันต์เทวะ ดาบในมือของเขาเป็นประกายสีทองเรืองรองในตอนที่ตวัดฟันเข้าใส่แผ่นยันต์แผ่นนั้น
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจายไปทั่ว เกิดเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น แผ่นยันต์เทวะสั่นไหวอย่างรุนแรง ลำแสงที่ห้อมล้อมอยู่โดยรอบค่อยๆ เจือจางลง หลังจากนั้นก็แว่วเสียงดังเปรี๊ยะ รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนม่านพลังของแผ่นยันต์เทวะแล้ว
“เป็นแค่เพียงกระดาษเช็ดก้น คิดจะเอาชนะฉันได้หรือไง?” ฉู่ชวิ๋นคำรามในลำคอ ลำตัวที่กำลังจะร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศฉับพลันสูงกลับขึ้นไปอีกครั้ง
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจาย แผ่นยันต์สั่นไหว ม่านพลังเกิดรอยแตกร้าวมากยิ่งขึ้น
ทุกคนเฝ้ามองด้วยความสยองขวัญ ฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความบ้าคลั่งเกินไปแล้ว
เคล้ง เคล้ง…!
เท้าของฉู่ชวิ๋นมีพลังลมปราณพวยพุ่งออกมา ช่วยประคองตัวไม่ให้เขาหล่นลงมาจากกลางอากาศกลางคัน เมื่อลอยตัวอยู่ได้แบบนี้ ชายหนุ่มก็เริ่มต้นตวัดดาบฟันใส่ม่านพลังของแผ่นยันต์เทวะโดยไม่ยั้งมือ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉู่ชวิ๋นใช้ดาบเกล็ดทองคำฟันใส่ม่านพลัง เหมือนกับค้อนที่ทุบตีเหล็กร้อน ๆ
ม่านพลังของแผ่นยันต์เทวะเริ่มอับแสงลงเรื่อย ๆ รอยแตกร้าวปรากฏเหมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่
ฉู่ชวิ๋นดวงตาเป็นประกายเย็นชา เขาต้องรีบทำลายมันให้เร็วที่สุด
พลัน เขาเก็บดาบกลับเข้าไปแล้วกระแทกฝ่ามือซัดพลังลมปราณใส่ม่านพลังโดยตรง
“เป็นไงล่ะ!”
ฉู่ชวิ๋นคำรามด้วยความสะใจ ในขณะที่กล้ามเนื้อแขนเต้นตุบๆ อย่างหนักหน่วง กล้ามเนื้อเขาฉีกขาดจากการซัดฝ่ามือเมื่อครู่ออกมา
ฉับ!
บังเกิดเหมือนเสียงดาบตัดใบไม้ดังขึ้น แล้วม่านพลังเบื้องหน้าก็สลายลงไป แผ่นยันต์เทวะถูกฉีกกระชากด้วยฝีมือของฉู่ชวิ๋น
แผ่นยันต์เทวะถูกฉีกกระชากออกเป็นสองส่วน ลำแสงที่เปล่งประกายออกมาพลันดับวูบลง ฉู่ชวิ๋นพับแผ่นยันต์ทั้งสองส่วนนั้นเข้าด้วยกัน ก่อนที่เขาจะยิ้มอย่างชั่วร้ายและเริ่มต้นฉีกมันอย่างง่ายดาย
แคว่ก…!
ขณะนี้ แผ่นยันต์เทวะมีสภาพไม่ต่างไปจากกระดาษธรรมดาแผ่นหนึ่งเมื่ออยู่ในมือของฉู่ชวิ๋น เขาสามารถฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ในพริบตา
หลังจากนั้น ในอุ้งมือของฉู่ชวิ๋นก็ปรากฏเปลวไฟลุกโชติช่วง เขาจัดการเผาผลาญเศษแผ่นยันต์จนพวกมันมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
“ไม่!” กลุ่มควันจางหายไปแล้ว หวูเค่อจินปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้วยสภาพงงงวย เมื่อเห็นว่าแผ่นยันต์เทวะถูกฉู่ชวิ๋นทำลายทิ้งไปต่อหน้าต่อตา ก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
“ฉู่ชวิ๋น แกกล้าทำลายแผ่นยันต์เทวะอย่างนี้ บาปของแกให้อภัยไม่ได้แล้วจริงๆ”
ฉู่ชวิ๋นยังคงมีดวงตาเย็นชาดังเดิม เขาร่อนลงมาจากกลางอากาศ ดาบเกล็ดทองคำปรากฏขึ้นในมืออีกครั้ง ประกายดาบสีทองพุ่งตวัดตัดอากาศ และมีเป้าหมายปลายดาบอยู่ที่หวูเค่อจิน
“อย่าว่าแต่ฉันจะทำลายแผ่นยันต์แผ่นนี้เลย วันนี้แม้แต่ชีวิตของแก ฉันก็จะทำลายทิ้งเหมือนกัน”
เปรี้ยง!
ประกายดาบทองคำปะทะเข้ากับม่านพลังสีขาวที่กำบังร่างของหวูเค่อจินเอาไว้
หวูเค่อจินถูกแรงกระแทกเซถอยหลังไปหลายก้าว พื้นดินเกิดรอยแตกร้าวน่าตกใจ
วูบ!
ลำแสงสีขาวเป็นประกายแวววาว แล้วดาบเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของหวูเค่อจิน
เมื่อเห็นดาบเล่มนั้น กลุ่มคนดูก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นทันที
“ตายซะเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าราบเรียบ ตวัดดาบทองคำในมือ พุ่งทะยานเข้าหาหวูเค่อจิน
เคล้ง!
ดาบกับดาบปะทะกัน เปลวไฟสาดกระจาย คลื่นแรงระเบิดแผ่ออกไปในวงกว้าง ก้อนหินจำนวนไม่น้อยต้องแตกสลายเป็นผุยผง
ดาบยาวในมือของหวูเค่อจินสามารถต้านทานดาบเกล็ดทองคำได้แบบนี้ ย่อมหมายความว่ามันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงที่หายากยิ่ง
เพราะฉะนั้น จึงพอสรุปได้แล้วว่าก่อนที่เทพเซียนจะอพยพไปจากโลกมนุษย์ คงได้ทิ้งของวิเศษไว้ให้หวูเค่อจินจำนวนไม่น้อยทีเดียว
หวูเค่อจินมีม่านพลังคอยกำบังร่างกาย ในมือก็มีดาบยาวที่อานุภาพน่าหวาดกลัว นับว่าไม่ง่ายเลยที่ฉู่ชวิ๋นจะต่อกรด้วย
ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันอีกหลายร้อยกระบวนท่า เงาคนเข้าพัวพันกันแล้วแยกออกจากกัน ดาบปะทะกันแล้วแยกออกจากกัน พื้นดินถล่มลงไปจุดแล้วจุดเล่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบกายถูกทำลายไปหมดสิ้น
ระดับพลังของหวูเค่อจินไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
ฉู่ชวิ๋นลงมือด้วยความรวดเร็ว เคลื่อนที่หมุนวนรอบกายหวูเค่อจิน ไม่มีใครทันมองเห็นว่าเขาลงมือไปหลายกระบวนท่าแล้ว ลมปราณของฉู่ชวิ๋นทำลายพื้นดินจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
เคล้ง!
ดาบปะทะกันอย่างแรง ฉู่ชวิ๋นเซถอยหลังกลับไปหลายก้าว
หวูเค่อจินแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ดี ๆ ฉู่ชวิ๋นเซถอยหลังไปได้หน้าตาเฉย แต่แล้วก็ได้เห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ หวูเค่อจินรู้สึกเย็นวาบที่ขั้วหัวใจทันที มันหมุนตัวกลับ เตรียมกระโดดหลบหนีด้วยความเร็วสูงสุด
“ไม่มีทางหนีได้หรอก”
ฉู่ชวิ๋นคำรามออกมาเสียงดังสนั่น หวูเค่อจินเมื่อถลันกายออกไปก็กระแทกเข้ากับม่านพลังที่มองไม่เห็น นั่นเองจึงได้รู้ตัวว่าตนถูกกักอยู่ในม่านพลังทั้งสี่ทิศเรียบร้อยแล้ว
“อย่าบอกนะว่านี่คือม่านพลังกักเซียน!”
เปรี้ยง!
หวูเค่อจินรู้ดีว่ามันอันตรายแค่ไหน พยายามจะซัดลมปราณสลายม่านพลังที่มองไม่เห็น แต่ก็ถูกพลังเหล่านั้นดีดสะท้อนกลับมากระแทกเข้าใส่ตัวเองจนล้มลงกับพื้น
“ฉู่ชวิ๋น คิดหรือว่าม่านพลังเล็ก ๆ แค่นี้จะกักขังฉันเอาได้?” หวูเค่อจินพยายามไม่แสดงอาการตื่นตระหนกออกมา
“เดี๋ยวแกก็ได้รู้ ว่าต่อให้พยายามแค่ไหน วันนี้ก็เป็นวันตายของแก!” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ
หวูเค่อจินใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความคับแค้นใจ รู้ซึ้งแล้วว่าถึงจะลงมือสุดเรี่ยวแรงขนาดไหน ฝีมือของตัวมันเองก็ยังเป็นรองฉู่ชวิ๋นอยู่ดี
แน่นอนว่านี่คือความเป็นจริงที่หวูเค่อจินไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด ทายาทของเทพเซียนผู้สูงส่ง จะพ่ายแพ้ให้แก่ทาสรับใช้ผู้ต่ำต้อยได้อย่างไรกัน?
หวูเค่อจินควงดาบยาวเป็นประกาย ก่อนที่จะฟันดาบใส่กำแพงที่มองไม่เห็น
เปรี้ยง!
ม่านพลังเวทมนตร์สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น ก่อนที่จะดูดกลืนพลังลมปราณจากตัวดาบไปหมดสิ้น
หวูเค่อจินใบหน้าบิดเบี้ยวหนักกว่าเก่า ด้วยระดับพลังของมันในตอนนี้ ไม่มีทางสลายม่านพลังนี้ได้เลย
“หวูเค่อจิน ฉันบอกแล้วไง วันนี้แกไม่มีทางรอดกลับลงไปจากภูเขาลูกนี้ได้เด็ดขาด”
ฉู่ชวิ๋นพูดจบ ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นหมุนวนในอากาศ
บังเกิดเสียงครืนครัน ท้องฟ้าคำราม คล้ายกับว่ามีพายุลูกใหญ่กำลังจะมาถึง
ไม่ว่าจอมยุทธ์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ หรือที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน ไม่มีใครสามารถเก็บอาการหวาดกลัวได้อีกต่อไป
แต่ความหวาดกลัวของทุกคน ก็ไม่เท่ากับความหวาดกลัวที่กำลังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวูเค่อจินในตอนนี้
เหนือพื้นที่ม่านพลังมีกลุ่มเมฆดำจับตัวเป็นก้อนใหญ่ สายฟ้าแลบแปลบปลาบเหมือนงูยักษ์ที่เลื้อยอยู่บนท้องฟ้า ดูน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
“หวูเค่อจิน แกบอกใช่ไหมว่าโลกนี้เป็นของพวกเทพเซียน แต่ฉันขอบอกให้แกรู้เอาไว้ว่าพวกเทพเซียนน่ะ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยและแกมันก็แค่ลูกหมาข้างถนนตัวหนึ่งเท่านั้น”
“ฉู่ชวิ๋น แกลบหลู่สวรรค์ไม่หยุดหย่อนอย่างนี้ ไม่อาจให้อภัยไม่ได้จริงๆ ไม่ช้าก็เร็ว สวรรค์จะต้องลงโทษแกแน่นอน!” หวูเค่อจินคำรามด้วยความโกรธแค้น
“สวรรค์เนี่ยนะจะลงโทษฉัน?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ แล้วพูด “งั้นฉันจะทำให้แกดูก่อนก็แล้วกันว่าการลงโทษที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ยกมือขึ้นหมุนวนในอากาศ
นี่คือ บทลงทัณฑ์สายฟ้าฟาด!
เปรี้ยง!
ก้อนเมฆดำสั่นสะเทือน สายฟ้าที่มีลักษณะเหมือนมังกรปรากฏขึ้นกลางกลุ่มก้อนเมฆ
วินาทีต่อมา สายฟ้าก็ฟาดเปรี้ยงลงมาจากท้องฟ้า เหมือนงูร้ายที่กำลังพุ่งฉกเหยื่อ
หวูเค่อจินมองเห็นสายฟ้าที่ฟาดลงมา รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ก่อนที่จะคำรามว่า “จอมมารฉู่ชวิ๋น อย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย ของแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“แน่ใจนะ?” ฉู่ชวิ๋นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่กลางศีรษะของหวูเค่อจิน เปลวไฟสาดกระจาย หมอกควันลอยเต็มอากาศ
สายฟ้าไม่สามารถทำลายม่านพลังของหวูเค่อจินได้ก็จริง แต่ก็ทำให้ตัวคนลอยกระเด็นไปไกลแล้ว
เปรี้ยง!
เมื่อหวูเค่อจินกลิ้งไปบนพื้นดิน ก็ถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่ต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
ม่านพลังที่กักตัวหวูเค่อจินเอาไว้อยู่ด้านใน เต็มไปด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า หวูเค่อจินถูกลำแสงจากท้องฟ้าที่มีขนาดเท่าท่อนแขน ผ่าเปรี้ยงเข้าใส่ร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า รวมแล้วก็หลายร้อยครั้งในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว
แต่ม่านพลังที่คุ้มกันร่างกายหวูเค่อจินอยู่ก็แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ สายฟ้าเหล่านั้นไม่อาจทำอันตรายร่างกายของมันได้เลย นอกจากทำให้กลิ้งกระเด็นไปบนพื้นดินอย่างน่าอเนจอนาถเท่านั้น
ม่านพลังสีขาวที่ห้อมล้อมอยู่รอบกายของหวูเค่อจินมีลักษณะเหมือนกระจกโปร่งแสง หวูเค่อจินเมื่อซ่อนตัวอยู่หลังกระจกเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีกต่อไป ต่อให้ต้องถูกฟ้าผ่าอีกทั้งวันทั้งคืน ร่างกายก็ไม่มีทางบุบสลายแม้แต่นิดเดียว
เมฆดำก่อตัวหนาขึ้น สายฟ้าฟาดลงมารุนแรงมากขึ้น แสงสว่างในม่านอาคมค่อย ๆ มืดมนลงเรื่อย ๆ ผิดกับแสงสว่างจากสายฟ้าที่วูบวาบชวนแสบตา
สภาพในตอนนี้ก็คือ หวูเค่อจินเป็นเหมือนตะเกียงที่ถูกจุดกลางความมืด เพราะม่านพลังสีขาวที่ห้อมล้อมกายมันอยู่ คือแหล่งให้แสงสว่างเพียงอย่างเดียวในบริเวณนี้
เปรียบไปแล้วม่านอาคมก็เหมือนกับสนามฟุตบอล ในขณะนี้หวูเค่อจินเปรียบดั่งเป็นลูกฟุตบอล ที่ถูกเตะไปทางนั้นทีเตะมาทางนี้ที ถึงจะไม่บาดเจ็บอะไรมาก แต่ก็ทำให้อับอายจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
และด้วยเหตุที่สายฟ้าเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรหวูเค่อจินได้เลย ทุกครั้งที่ร่างของมันต้องกลิ้งกระเด็นไป หวูเค่อจินก็ยิ่งโกรธแค้นขึ้นเป็นทวีคูณ