จี้เฟิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้งภายในใจ เขาเก็บตำราในมือลง ก่อนจะคารวะอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจัง “ขอบคุณท่านทั้งสองที่ไม่ถือสา อีกทั้งยอมเชื่อใจข้า! จี้เฟิงจะทำสุดความสามารถ ไม่ทำให้ผิดหวัง” เพียงแค่เป็นเรื่องดีต่อสามโลก เขายอมทำทั้งนั้น
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
อืม…ทันใดนั้นมีความรู้สึกว่าเขาจะต้องร้องไห้ออกมาเมื่ออ่านตำราจบ
“จริงสิ!” จี้เฟิงนึกบางอย่างขึ้นได้ เขามองไปยังคนทั้งสอง “วันนี้นอกจากมาขออภัยท่านทั้งสองแล้ว ข้ายังมีอีกเรื่องสำคัญต้องบอกกับพวกท่าน”
“เรื่องใด” ชายแก่ถาม
จี้เฟิงหันหลังกลับพร้อมสะบัดมือไปทางขวา ทันใดนั้นพลังเทพสีฟ้ากวาดผ่าน ร่างที่ถูกมัดเอาไว้ปรากฏอยู่กลางห้องโถง
“เนี่ยชาง!” ชายแก่จำคนตรงหน้าได้ทันที อีกฝ่ายคือมหาเทพเนี่ยชางที่จี้เฟิงช่วยไปในตอนนั้น
“ก่อนหน้านี้ข้ามีความคิดคับแคบ คิดว่ามีเพียงรวมสามโลกเป็นหนึ่งเป็นเพียงวิธีเดียว ตอนลงมาโลกล่างในช่วงแรก ข้าเห็นชะตารวมสามโลกเป็นหนึ่งเดียวบนตัวเขา ดังนั้นจึงลงมือช่วยเขาเอาไว้” จี้เฟิงอธิบาย “ต่อมาถึงพบว่า เขาใช้วิธีการชั่วร้ายเกิดใหม่ เปลี่ยนโชคชะตาของตนเอง บนตัวมีบาปอันหนักหนา เวลานี้ข้ามอบเขาให้พวกท่านจัดการ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เนี่ยชางเบิกตาโพลง ก่อนจะเริ่มดิ้นรนขึ้นมาราวกับต้องการถกเถียงบางอย่าง แต่อีกฝ่ายผูกไว้แน่นเกินไปทำให้เขาเปิดปากไม่ได้ อีกทั้งกำลังของเขาถูกอวิ๋นเจี่ยวสลายไป ถึงแม้จะกลับสู่ร่างมนุษย์แล้ว แต่ก็ยังคงไม่อาจหลุดพ้นจากการผูกมัดของพลังเทพได้
อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองเนี่ยชาง คิ้วของนางขมวดมุ่น หากบอกว่าจี้เฟิงต้องการช่วยสามโลกเดินผิดทาง เนี่ยชางก็คงเป็นคนชั่วร้ายอย่างบริสุทธิ์ ชาติก่อนทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ชาตินี้ยังคิดจะเดินตามรอยเดิม อสูรกลืนกินนภา สกัดวิญญาณเพาะเลี้ยงเส้นลมปราณ ภัยพิบัติแห่งเมืองอี้ มีเรื่องใดที่ไม่มีเขาอยู่เบื้องหลัง คนเช่นนี้ทำให้คนไร้ความรู้สึกดีอย่างยิ่ง
“ส่งไปขังไว้ที่สำนักเทียนซือก่อน!” อวิ๋นเจี่ยวพูด “เรื่องก่อนหน้านี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” ลงโทษอย่างไรสำนักเทียนซือย่อมมีกำหนด อย่างน้อยก็คงต้องไปยมโลกสักรอบ เพียงแต่เขาเป็นวิญญาณที่มาเกิดในแบบพิเศษ ยังไม่ต้องพูดถึงบนสมุดบันทึกความเป็นความตายจะเขียนไว้อย่างไร เขาจะมีโอกาสไปเกิดใหม่อีกหรือไม่ยังไม่แน่นอน
เพียงแต่เนื่องจากมีคนจำนวนมากบรรลุ เวลานี้สำนักเทียนซือแทบจะว่างเปล่า หรืออาจพูดได้ว่าทั้งเสวียนเหมินแทบจะไม่เหลือลูกศิษย์แล้ว นอกจากคนที่เพิ่งฝึกฝนที่ยังมีความสามารถไม่เพียงพอ ไม่อาจเข้าสนามรบได้
อีกทั้งทุกคนบรรลุอย่างรีบร้อน เรื่องต่างๆ มากมายยังไม่ได้จัดการ หลายวันนี้อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิดเรื่องของอาจารย์ปู่ทำให้ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องเสวียนเหมิน ตอนนี้เนี่ยชางถูกจี้เฟิงส่งกลับมาพอดี ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปสำนักเทียนซือจัดการเสียหน่อยแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกเขาก็ไม่ได้รีรอ พาคนเดินไปทางค่ายกลขนส่ง
ทันใดนั้นทั้งสามคนมาถึงสำนักเทียนซือ เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะเห็นสำนักเรียนที่อ้างว้าง ไม่คิดว่านาทีถัดมาพลังเซียนมหาศาลพัดผ่านเข้าหน้า พร้อมกับเสียงตื่นเต้นดังขึ้นด้านข้าง
“อาจารย์อวิ๋น!” ลูกศิษย์ที่เฝ้าค่ายกลสองคนทักทายขึ้น ก่อนจะทำการคารวะ “อาจารย์มาเสียที เหล่าเจ้าสำนักรอท่านอยู่เป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งยังกำชับให้ศิษย์บอกให้ท่านไปที่ตำหนักหากท่านมาถึง”
“เจ้าสำนัก?” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ชายแก่ชิงถามขึ้นก่อน “เจ้าสำนักสวีหรือ เขาอยู่ที่นี่? ไม่ใช่…ทำไมพวกเจ้าลงมา”
ทั้งสามคนถึงพบว่า บนตัวของลูกศิษย์ที่เฝ้าค่ายกลสองคนนี้เต็มไปด้วยพลังเซียน อีกทั้งไม่เฉพาะเขา ลูกศิษย์รอบด้านอีกหลายคนล้วนมีสถานการณ์เดียวกัน
“ใช่!” ลูกศิษย์พยักหน้า “ทุกคนล้วนกลับมาแล้ว!”
“…”
ล้วนกลับมาแล้วคืออะไรกัน
“โลกบนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” อวิ๋นเจี่ยวถามขึ้น
ชายแก่ก็ตกใจ หรือว่าคนของดินแดนสวรรค์จะหาเรื่องพวกเขาอีกแล้ว
“ไม่ใช่ๆ !” ลูกศิษย์ส่ายหัว “เจ้าสำนักให้พวกข้ากลับมา”
ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปทางตำหนักใหญ่ ก่อนจะพบว่าไม่เพียงลูกศิษย์เฝ้าค่ายกล แต่ระหว่างทางนั้นยังเต็มไปด้วยเหล่าลูกศิษย์ที่บรรลุไปสองวันก่อนเดินผ่านไปมา อีกทั้งยังทักทายพวกเขา
ทั้งสองคนมีความฉงนเต็มไปหมด สาวเท้าเดินหน้าไปยังตำหนักใหญ่ ก่อนจะพบกับเจ้าสำนักสวีและเหล่าเจ้าสำนักกำลังรวมตัวกันหารืออะไรบางอย่าง ภายในตำหนักอบอวลไปด้วยพลังเซียน
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทุกคนหันมาทักทายอย่างพร้อมเพรียง “อาจารย์อวิ๋น!”
“อาจารย์อวิ๋นมาเสียที” เจ้าสำนักสวีเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “พวกข้ากำลังหารือ…เอ๊ะ? เนี่ยชาง!” เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เหลือบไปเห็นเนี่ยชางที่ถูกจี้เฟิงหิ้วเอาไว้ ทันใดนั้นคิ้วของเขาขมวดขึ้น สายตาที่มองจี้เฟิงแปลกประหลาดไป เทพองค์นี้ต้องการทำอะไร
ชายแก่รีบอธิบาย สีหน้าของทุกคนถึงได้ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบเรียกลูกศิษย์เข้ามาจับเนี่ยชางไปขังไว้ในคุกใต้ดิน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” อวิ๋นเจี่ยวถามขึ้น “พวกท่านเพิ่งบรรลุไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงกลับมา” เขาบรรลุไปไม่ถึงสามวันเสียด้วยซ้ำ! ถึงแม้ดินแดนสวรรค์และดินแดนมนุษย์จะไม่มีการขวางกั้นอะไร นางรู้ว่าพวกเขาต้องกลับมาบ้าง แต่ก็ไม่ต้องกลับมาเร็วเช่นนี้ อีกทั้งยังกลับมาทั้งหมด!
เจ้าสำนักสวีหัวเราะ ก่อนจะอธิบาย “ไม่มีอะไร! พวกข้าก็แค่…ไม่คุ้นชินกับสถานที่นั้น” เจ้าสำนักอีกคนต่างพูดเสริมขึ้น
“ใช่ ถึงแม้ดินแดนสวรรค์จะไม่เลว แต่พวกข้าอยู่ในดินแดนมนุษย์จนเคยชินแล้ว”
“อย่างไรก็ต้องฝึกฝน ฝึกที่ไหนก็เหมือนกัน”
“เหล่าลูกศิษย์คุ้นชินกับการทำข้อสอบแล้ว โลกบนไม่มีอะไรแม้แต่น้อย มีความไม่สะดวกมากมาย ดังนั้นจึงต้องการลงมาปรับตัว”
“จริงสิ อาจารย์อวิ๋น!” เจ้าสำนักสวีนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะยื่นกองกระดาษในมือให้อวิ๋นเจี่ยว “หลายวันนี้พวกข้ามีแผนการใหม่ ท่านช่วยพวกข้าดูเสียหน่อยได้หรือไม่”
อวิ๋นเจี่ยวรับมาพร้อมเปิดออก ชายแก่ชะโงกหน้าเข้ามาด้วยความอยากรู้ เมื่อก้มลงมอง พบเพียงแต่ตัวอักษรที่เขียนไว้ว่า…แผนการสำนักการศึกษาเสวียนเหมินสาขาดินแดนสวรรค์!
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ชายแก่ “…”
( ̄△ ̄;)
เจ้าสำนักเหล่านี้เป็นอะไรไป
เรื่องแรกที่ขึ้นไปยังดินแดนสวรรค์จะเป็นการเปิดโรงเรียน! ช่างเป็นความคิดชาวสวนสามโลก!
“ถึงแม้ว่าลูกศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนบรรลุเป็นเซียน แต่ข้าคิดว่าการฝึกฝนยังคงต้องทำต่อไป” เจ้าสำนักสวีเสนอความคิดเห็นของตนเองอย่างจริงจัง “อาจารย์อวิ๋นท่านมักบอกกับพวกข้าว่าการศึกษาไร้พรมแดน ดังนั้นเซียนก็ต้องศึกษา มิเช่นนั้นจะถูกกาลเวลาคัดออก! ตอนนั้นท่านเซียนในสายตาของทุกคนล้วนอยู่สูงไกลเกินเอื้อม แต่ตอนนี้กำลังของเซียนส่วนใหญ่ยังไม่เท่าลูกศิษย์ธรรมดาของพวกเรา!”
เหล่าเจ้าสำนักพยักหน้าอย่างเห็นด้วย!