บทที่ 438 อาวุธชั้นเลิศ
บทที่ 438 อาวุธชั้นเลิศ
หลังคนอื่นแยกย้ายกันไปทำงาน อู๋ฝานจึงเริ่มสำรวจโรงตีเหล็ก
พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เรียกว่าใหญ่ยิ่งกว่าโรงตีเหล็กซุนที่หมู่บ้านเร้นลับ อุปกรณ์และเครื่องมือก็ก้าวหน้ากว่าของช่างตีเหล็กซุน แน่นอนว่าด้วยทักษะของอู๋ฝานย่อมสามารถใช้งานพวกมันได้
วิชาช่างฝีมือของโลกแห่งเกม สำหรับคนในโลกแห่งเกมจะมีผลเพียงแค่เทคนิค ความถนัดทางอุปกรณ์ และเครื่องมือของโลกในเกม แต่อู๋ฝานไม่ได้ทราบเพียงแค่ในส่วนของโลกแห่งเกม แต่ยังรู้ถึงเครื่องมือทั้งหลายในโลกความเป็นจริง ทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างเชี่ยวชาญ
มันคือผลประโยชน์ของการเป็นผู้เล่นประการหนึ่ง
เมื่อทำความคุ้นชินกับเครื่องมือของที่นี่ อู๋ฝานจึงเริ่มลงมือ ในเมื่อทุกคนในหอคันธะสงัดใช้งานกระบี่ เขาก็ต้องเลือกตีกระบี่ขึ้นมา
“พี่หญิง คิดว่าเจ้าหอจะรู้วิธีตีเหล็กจริงเหรอ?” นอกประตู เหมยเสวี่ยที่เริ่มได้ยินเสียงตีเหล็กดังมาจากในห้องจึงเอ่ยถามแฝดพี่ด้วยความสงสัย
“ไม่รู้เหมือนกัน” เหมยอวี่ส่ายหน้า “แต่เจ้าหอบอกอย่างมั่นใจ หมายความว่าจะต้องมีภูมิความรู้ระดับหนึ่ง เสี่ยวเสวี่ยจำเอาไว้ด้วยว่าเมื่อไหร่เจ้าหอออกมา ไม่ว่าอาวุธนั้นดีหรือไม่ก็ต้องไม่บ่น เข้าใจใช่ไหม? ต่อหน้าเจ้าหอห้ามพูดอะไรที่ไม่น่าฟัง ถ้าทำให้เจ้าหอไม่พอใจเธอจะถูกลงโทษและต่อว่าจนหูชาแน่”
“หนูรู้แล้วน่า” เหมยเสวี่ยแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน
“เสียงนี้…” ขณะสองแฝดพูดคุยกันเอง กลุ่มศิษย์หอคันธะสงัดที่เชี่ยวชาญการตีเหล็ก เมื่อได้ยินเสียงจากในห้องจึงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
“มีอะไรเหรอคะ?” เหมยอวี่เอ่ยถามขึ้นมา
“แค่ฟังจากเสียง เจ้าหอกำลังใช้วิธีตีเหล็กแบบดั้งเดิม จากทำนองของเสียง ความเชี่ยวชาญในวิธีการตีเหล็กฉบับดั้งเดิมของเจ้าหอค่อนข้างบริสุทธิ์มากเลยทีเดียว” หนึ่งในกลุ่มคนตอบกลับมา
“แค่ฟังเสียงก็บอกได้เลยเหรอเนี่ย?” เหมยอวี่เกิดความสงสัย พวกเธอสองพี่น้องไม่รู้เรื่องการตีเหล็ก จึงไม่ได้รู้สึกว่าเสียงที่ดังจากในห้องมีความพิเศษอย่างไร
“ใช่ เพียงแค่ท่วงทำนองการตีเหล็กก็มากพอที่จะบอกได้ว่าอาวุธที่กำลังสร้างขึ้นมานั้นดีเยี่ยมแค่ไหน โดยเฉพาะกับวิธีการแบบดั้งเดิม” ศิษย์อีกคนหนึ่งร่วมอธิบาย
“เจ้าหอเชี่ยวชาญการตีเหล็กจริงเหรอเนี่ย?” เหมยอวี่พึมพำ
ศิษย์หลายคนในโรงตีเหล็กต่างพยักหน้าเป็นความเห็นเดียว สายตาของพวกเธอกำลังมองไปยังห้องด้วยสีหน้ารอคอย
ทั้งเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยเองก็รอคอยอู๋ฝานออกมา กระทั่งร้อนใจเพราะความสงสัย
จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ประตูห้องจึงเปิดออกพร้อมร่างของอู๋ฝานเดินออกมาจากด้านใน
“เจ้าหอ!” กลุ่มคนที่รออยู่หน้าประตูต่างเรียกเป็นเสียงเดียวกัน
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งกระบี่ยาวสองเล่มในมือของตนเองให้แฝดทั้งสอง “ลองดูว่าเป็นยังไงสิครับ”
เหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างรีบรับเอาไว้
“กระบี่ที่เจ้าหอตีขึ้นมานี้ยอดเยี่ยม งดงาม คมกล้า และคล้ายจะมีแสงเย็นยะเยือกปกคลุมอยู่เลยค่ะ! แค่มองก็รู้ได้ว่าเป็นกระบี่ชั้นเลิศ ถ้าเทียบกับกระบี่ที่คนของสำนักหลอมกระบี่สร้างขึ้นมากับสองเล่มนี้ ของเจ้าหอเหนือกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่” เหมยเสวี่ยเอ่ยชมไม่ขาดปาก
อู๋ฝานเพียงแค่หัวเราะก่อนจะลูบศีรษะเหมยเสวี่ยตอบรับ “ยังไม่ได้ลองใช้ด้วยซ้ำ รู้ได้ยังไงว่ามันคมแค่ไหนครับ? ไม่เจอกันแป๊บเดียวเรียนรู้วิธีพูดประจบแล้วเหรอ? เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเกินไปแล้วครับ”
“เพราะพี่ของฉันบอกให้พูดต่างหากล่ะคะ” เหมยเสวี่ยป้องมือกระซิบ
เหมยอวี่ถึงกับต้องถลึงตามองแฝดน้องตนพร้อมหน้าแดงอับอาย
“แต่ก็ต้องย้ำกันอีกครั้งว่าที่พูดมานั้นไม่มีอะไรผิดนะครับ กระบี่ทั้งสองนี้เป็นของดีและล้ำค่า เรียกได้ว่าไม่น้อยไปกว่าอาวุธที่สำนักหลอมกระบี่สร้างขึ้นอย่างแน่นอน!” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมั่นใจ
“จริงเหรอคะ?” เหมยเสวี่ยถามกลับ ราวกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้แฝดคนพี่แนะนำไว้ว่าต้องทำยังไง
เหมยอวี่จ้องมองแฝดน้องอีกครั้งพร้อมเกิดความรู้สึกจนใจ
“จริงแท้แน่นอนครับ” อู๋ฝานไม่คิดโทษที่เหมยเสวี่ยย้อนถาม “เอากระบี่เดิมที่มีมาลองเทียบก็ได้ครับ”
ทั้งเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างทำตาม
“ตึง!”
กระบี่ทั้งสี่เล่มปะทะกัน ก่อนจะแยกเป็นสองคู่ ไม่นาน ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของกลุ่มคน กระบี่เดิมของสองแฝดถึงขั้นแตกหักพร้อมเกิดเสียง!
“แกร๊ก!”
“แกร๊ก!”
เสียงจากกระบี่ยาวทั้งสองเล่มที่กำลังแตกหักดังออกมาประหนึ่งเสียงทุ้มของกลอง และดังเข้าถึงหัวใจของกลุ่มคน เสียงนี้ไม่ดัง ทว่าก้องอยู่ในใจ
“นี่… นี่…” เหมยเสวี่ยมองกระบี่หักครึ่งในมือของตนเองอยู่ครู่หนึ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก
เหมยอวี่ที่มักจะนิ่งสงบกว่าแฝดน้อง ตอนนี้ยังแสดงสีหน้าไม่ต่างกันออกมา
เพียงกระบี่ทั้งสองสัมผัสกันเบา ๆ กระบี่เดิมของพวกเธอก็แตกหัก กระบี่ที่เจ้าหอสร้างขึ้นมาในเวลาสั้น ๆ นี้ใช่อาวุธเทพประทานหรือไม่? กระบี่ที่สำนักหลอมกระบี่สร้างขึ้นและยังมีชื่อเสียงโดดเด่นในแวดวงผู้ฝึกตนยังไม่อาจสำเร็จถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ
“ว่ายังไงครับ? ผมไม่ได้พูดโกหกใช่ไหม?” อู๋ฝานหัวเราะ
ผลลัพธ์ที่ได้นี้ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจแต่อย่างใด ผลงานที่สร้างขึ้นมานี้เป็นถึงกระบี่ระดับอำพัน ขณะที่กระบี่เดิมของสองแฝดเป็นเพียงระดับทองแดง ความแตกต่างนั้นมากมายเกินเทียบได้
[กระบี่ไร้นาม ระดับอำพัน พลังโจมตี+400 ความว่องไว+100 พละกำลัง+40 ความเร็วการโจมตี+20%]
มันคือค่าสถานะของกระบี่ที่อู๋ฝานสร้างขึ้น เรียกว่าดียิ่งกว่าของที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ซะด้วยซ้ำ แม้จะเป็นระดับอำพันเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีค่าสถานะที่ต้องพิจารณาควบคู่ เพียงแต่น่าเสียดายอยู่บ้างที่ไม่มีทักษะติดอาวุธ
ทว่าส่วนที่น่าเสียดายก็ถูกทดแทนด้วยการใช้งานกระบี่ทั้งสองเล่มในเวลาเดียวกัน
[ทักษะผสาน ใจสอดประสาน เมื่อระยะห่างระหว่างผู้ใช้กับกระบี่ทั้งสองไม่เกิน 10 เมตรและร่วมมือสอดประสานกัน พลังโจมตี+5% และความเร็วโจมตี+2% ยิ่งอัตราการสอดประสานเพิ่มมากขึ้น ค่าพลังโจมตีและความเร็วโจมตีจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตาม ค่าพลังโจมตีสามารถเพิ่มสูงสุด+30% และความเร็วโจมตีสามารถเพิ่มสูงสุด+20%]
อู๋ฝานไม่คาดว่าทักษะผสานที่หาได้ยากจะปรากฏขึ้นตั้งแต่การสร้างอาวุธระดับอำพันครั้งแรก ตอนที่เห็นทักษะดังกล่าวเขาก็รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะเจ้าของกระบี่ทั้งสองเล่มนี้ก็เป็นไปได้
เนื่องไม่มีใครที่จะใช้งานกระบี่ทั้งสองเล่มได้ดีไปกว่าเหมยอวี่และเหมยเสวี่ย เนื่องจากเป็นแฝดจึงแทบจะมีความคิดเหมือนกัน ดังนั้นมันจะยิ่งรีดเร้นประสิทธิภาพของตัวกระบี่ออกมาให้มากยิ่งขึ้น
การที่สามารถสร้างอาวุธระดับอำพันขึ้นมาได้ อีกทั้งยังเป็นระดับอำพันชั้นเลิศ ทางหนึ่งเพราะแร่ที่นำมาใช้งานคืออุกกาบาตดวงดาวคุณภาพสูงที่นำมาจากด้านหลังของหมู่บ้านเร้นลับ มันเป็นแร่ที่หาได้ยาก และยังไม่กล่าวว่าแร่หายากคุณภาพสูงยิ่งยากที่จะหาเจอ ตอนที่อู๋ฝานออกเดินทางจากหมู่บ้านเร้นลับไปยังเมืองหลวง เขาได้นำแร่คุณภาพสูงจำนวนมากติดตัวร่วมทางไปด้วย อุกกาบาตดวงดาวคือหนึ่งในแร่เหล่านั้น และเหตุผลที่เมื่อครู่ขอให้คนอื่นออกไปก็เพื่อจะได้นำแร่ออกมาจากกระเป๋าหลังได้อย่างสะดวกนั่นเอง
และนอกจากการใช้แร่หายากชั้นเลิศแล้ว การสร้างอาวุธที่หอคันธะสงัดก็มีส่วนเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก อู๋ฝานยังต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าการใช้วิธีตีดาบฉบับดั้งเดิมผสานกับวิธีการสมัยใหม่ มันจะทำให้ความสามารถในการตีเหล็กก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาล เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่แม้แต่ปรมาจารย์ตีเหล็กซุนก็ไม่อาจทำได้!