บรรดาสมาชิกทีมหลิงเทียนได้รับข้อมูลพิกัดจากเสี่ยวซื่อก็เปลี่ยนจากการระมัดระวังในตอนแรกมาเป็นทยอยเคลื่อนไหว นี่ทำให้เหล่านักเรียนที่เลือกมุมมองผู้รับคำท้ากับมุมมองพระเจ้าเริ่มอุทานด้วยความตกใจขึ้นมา
“ไม่นึกเลยว่า หุ่นรบหลิงเทียนจะเคลื่อนไหวก่อน” นักเรียนใหม่รวมถึงนักเรียนปีสองที่เพิ่งเข้าโรงเรียนแสดงความตื่นเต้นอย่างมากต่อการที่หลิงเทียนเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน เทียบกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงแล้ว ปีหนึ่งและปีสองชื่นชอบกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่เปลี่ยนมาจากกลุ่มนักเรียนใหม่มากกว่า การกระทำของกลุ่มนักเรียนใหม่ปลุกกำลังใจนักเรียนใหม่เหล่านี้อย่างมาก ที่แท้นักเรียนใหม่ก็สามารถต่อสู้กลับอย่างสุดความสามารถภายใต้การบีบบังคับของพวกนักเรียนเก่าได้ แถมยังคว้าชัยชนะได้สำเร็จอีกด้วย
เมื่อเทียบกับปีหนึ่งและปีสองที่แสดงความปีติยินดีออกมาเต็มที่จนควบคุมตัวเองไม่อยู่ พวกนักเรียนเก่าปีสามปีสี่ปีห้ากลับส่ายหน้าอย่างลับๆ คิดว่าลูกทีมของหลิงเทียนยังอ่อนหัดไปหน่อย ยังไม่ทันรู้สถานการณ์ที่แท้จริงก็บุ่มบ่ามเคลื่อนไหวเสียแล้ว
บรรดานักเรียนที่เลือกมุมมองพระเจ้าต่างรู้ดีว่า รอบๆ ลูกทีมหลิงเทียนต่างมีลูกทีมของเหลยถิงอยู่คนสองคน ถ้าเกิดไม่ระวังเข้าไปในรัศมีเรดาร์ของพวกเขา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะโดนอีกฝ่ายซุ่มโจมตีโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว สถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อคนของหลิงเทียนอย่างมาก
ทว่าการกระทำต่อมาของพวกสมาชิกทีมหลิงเทียนทำให้พวกนักเรียนเก่าตะลึงงันอย่างยิ่งยวด เนื่องจากพวกเขาพบว่า หุ่นรบสองถึงสามตัวของหลิงเทียนที่อยู่ใกล้กันที่สุดต่างมุ่งไปยังตำแหน่งเดียวกันจากคนละทิศทางพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คนที่สังเกตเห็นจุดนี้ย่อมเป็นคนที่เลือกมุมมองพระเจ้า พวกเขาวิเคราะห์โดยใช้การชมจากระยะไกล รู้ว่าขอเพียงคนเหล่านี้ไม่เปลี่ยนทิศทาง ท้ายที่สุดพวกเขาก็จะมาเจอกันเอง…
แน่นอนว่า เนื่องจากจุดที่รวมตัวกันมีหุ่นรบของเหลยถิงอยู่ด้วย หลิงหลานอาจจะเจอหุ่นรบเหล่านี้ตอนที่กำลังจะรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมทีมได้ อย่างไรเสีย ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างแน่ชัดเหมือนกันว่า คนของเหลยถิงจะไม่ระวังเผลอเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งของพวกเขาหรือเปล่า
“เชี่ย หลิงเทียนกำลังโกงหรือเปล่าเนี่ย?” คนที่เห็นฉากนี้พากันร้องอุทานขึ้นมา พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้ว่า ถ้าเกิดพวกเขาไม่ได้โกง เช่นนั้นคนของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจะมุ่งไปยังเป้าหมายเดียวกันอย่างแม่นยำขนาดนั้นได้อย่างไร แถมหุ่นรบสองสามตัวยังเคลื่อนไหวพร้อมกันอีก?
เหล่านักเรียนทหารที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้พากันยื่นคำถามของตัวเองไปที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก ซึ่งออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักมอบคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้อย่างรวดเร็วมาก ที่แท้ในหมู่หน่วยหุ่นรบหลิงเทียนได้ครอบครองอุปกรณ์ที่ล้ำเลิศชิ้นหนึ่ง เจ้าอุปกรณ์นี้สามารถค้นหาพิกัดที่แม่นยำของสมาชิกทีมได้ และแสดงพิกัดของสมาชิกทีมให้กับทุกคนในทีมอย่างแม่นยำ นี่ก็คือสาเหตุที่หน่วยหุ่นรบหลิงเทียนสามารถตอบสนองได้รวดเร็วขนาดนี้และมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายเดียวกัน
แน่นอนว่า คำตอบนี้คือสิ่งที่เสี่ยวซื่อให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการประลองแบบเปิด ของบางอย่างจำเป็นต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม โชคดีที่ฉางซินหยวนทำการปรับแต่งหุ่นรบของหลิงหลานก่อนล่วงหน้า เสี่ยวซื่อเลยใช้วิธีการจำลองของตัวเองเพิ่มอุปกรณ์แหกกฎฟ้าในตำนานของโลกหุ่นรบนี้เข้าไปในหุ่นรบที่ปรับแต่งด้วย มีเพียงทีมที่แข็งแกร่งระดับดาวขึ้นไปถึงจะมีคุณสมบัติติดตั้งอุปกรณ์ระบุตำแหน่งสมาชิกทีมได้
“เชี่ย กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเตรียมการสำหรับศึกครั้งนี้อย่างเต็มที่มากเลยนี่หว่า” ผู้เล่นเก่ามากมายของโลกหุ่นรบต่างเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์ชิ้นนี้มาก่อน มีเพียงกลุ่มที่แข็งแกร่งระดับหนึ่งดาวขึ้นไปเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติติดตั้งอุปกรณ์หน่วยรบในตำนาน ว่ากันว่าอยากได้มันมาเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ไม่เพียงต้องทำภารกิจที่ซับซ้อนสุดขีด อีกทั้งหากไม่มีความสามารถในระดับหนึ่งก็ไม่สามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ
ไม่นึกเลยว่ากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนที่เพิ่งก่อตั้งจะโชคดีขนาดนี้ ครอบครองของล้ำค่าที่แหกกฎฟ้าแบบนี้ บรรดานักเรียนเก่าไม่เชื่อว่าหลิงเทียนมีคุณสมบัติได้รับอุปกรณ์ชิ้นนี้โดนอาศัยภารกิจ มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาเลือกโหมดสุ่มรางวัลตอนที่ทำภารกิจบางอย่างสำเร็จ แล้วได้รับมันมาด้วยความโชคดีอย่างเหลือล้น
หลังจากที่ทำภารกิจของโลกหุ่นรบสำเร็จ วิธีการเลือกรางวัลก็แสนพิลึกพิลั่น บางคนที่โชคดีสุดยอดได้รับอาวุธอุปกรณ์ในตำนานอะไรมาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ดังนั้นเหล่านักเรียนทหารจึงไม่มีข้อสงสัยอะไร เพียงแต่อิจฉาในความโชคดีของหลิงเทียนเท่านั้น
ดูท่าการประลองนี้จะไม่ใช่การต่อสู้เพียงฝ่ายเดียวเหมือนอย่างที่พวกเขาจินตนาการไว้! คนที่ชมการต่อสู้ในเวลานี้เปลี่ยนความคิดแต่เดิมของพวกเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้พวกนักเรียนเก่าที่โดนบังคับให้เข้ามาชมการต่อสู้โดยไม่มีความรู้สึกสนใจเริ่มรู้สึกตื่นเต้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว พวกเขาชอบดูการต่อสู้ที่มีความไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่ใช่การประลองน่าเบื่อหน่ายที่ยังไม่ทันเริ่มก็รู้ผลก่อนเสียแล้ว
แป๊บเดียว ความเงียบงันก็ถูกทำลายโดยนักเรียนทหารที่ชมการต่อสู้ส่วนหนึ่ง พวกเขาส่งเสียงร้องอุทานออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ที่แท้หุ่นรบหมายเลขเจ็ดในหน่วยรบหลิงเทียนที่กำลังมุ่งไปยังจุดหมายกลับโชคร้ายเผชิญกับหุ่นรบเหลยถิงหมายเลขเก้าที่ปรากฏตัวบนเส้นทางของเขาโดยไม่คาดฝัน ทว่าเนื่องจากระยะห่างของพวกเขาทั้งสองไม่ถึงสามพันเมตร (ขอบเขตการค้นหาที่กว้างที่สุดของเรดาร์หุ่นรบระดับสูงคือสามพันเมตร) พวกเขาเลยไม่รู้ตัวตนของกันและกัน
อย่างไรก็ตาม คนที่ชมการต่อสู้ต่างรู้อย่างรวดเร็วภายใต้การแจ้งของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักว่า ขอเพียงผ่านไปอีกไม่กี่วินาที ระยะห่างของทั้งคู่ก็จะหดลงฝ่าขอบเขตสามพันเมตร เวลานั้นพวกเขาย่อมสังเกตเห็นกันได้แล้ว
“ดูเหมือนศึกแรกที่น่าชมจะมาแล้ว” คนที่เลือกมุมมองพระเจ้าของหุ่นรบสองตัวนี้กำหมัดแน่นด้วยความเร้าใจ ครุ่นคิดดอย่างตื่นเต้น
อย่างที่คิดไว้เลย ผ่านไปไม่กี่วินาที หุ่นรบสองตัวต่างได้รับเสียงแจ้งเตือนจากเรดาร์บนหุ่นรบของตัวเองแทบจะพร้อมกันว่า ห่างออกไปสามพันเมตรจากทางด้านหน้ามีหุ่นรบที่ไม่สามารถระบุได้ปรากฎขึ้นหนึ่งตัว
ทั้งสองคนเลือกซูมภาพบนหน้าจอหุ่นรบพร้อมกัน เมื่อเห็นหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามปล่อยรัศมีแสงที่บ่งบอกว่าอยู่คนละฝ่าย ก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูไม่ใช่มิตร
หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดไม่ได้หยุดความเร็วของเขาลง ขณะกำลังเคลื่อนที่ด้วยความว่องไว เขาก็บังคับสองมือของหุ่นรบให้ไปดึงของที่อยู่ด้านหลังไหล่ มือซ้ายหยิบปืนเลเซอร์ออกมาหนึ่งกระบอก มือขวากระชับดาบแสงไว้แน่น ทำการเตรียมตัวต่อสู้ อีกทางด้านหนึ่งก็เช่นเดียวกัน หุ่นรบเหลยถิงหมายเลขเก้าที่พบเจอศัตรูก็เตรียมการต่อสู้เช่นเดียวกัน นอกจากตัวหนึ่งที่ยืนนิ่ง และอีกตัวที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแล้ว ท่วงท่าเตรียมตัวต่อสู้ต่างจากหุ่นรบของหลิงเทียนแค่นิดหน่อยเท่านั้น
“ไม่นึกเลยว่าสมาชิกของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนจะตอบสนองรวดเร็วขนาดนี้ด้วย” จากตอนที่เจอหุ่นรบที่ไม่ระบุและยืนยันว่าเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู ช่วงเวลาตอบสนองของทั้งสองคนแทบจะต่างกันไม่มากเลย นี่ทำให้เหล่านักเรียนทหารที่ชมการต่อสู้อุทานด้วยความตะลึงอีกครั้ง ไม่คาดคิดว่าความสามารถที่แสดงออกมาของสมาชิกทีมหลิงเทียนที่ยังเป็นมือใหม่เหล่านี้จะไม่ได้แย่อย่างที่พวกเขาจินตนาการไว้ขนาดนั้น
……
ภายในห้อง VIP แห่งหนึ่งในโรงเรียนทหาร ถังอวี้เห็นฉากนี้ แววตาพลันส่องประกาย เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสารบนมืออย่างควบคุมไม่อยู่ เริ่มค้นหาข้อมูลสมาชิกหมายเลขเจ็ดของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนคนนี้
เมื่อเทียบกับเหล่านักเรียนที่เข้าใจผิดคิดว่าปฏิกิริยาตอบสนองของทั้งสองแทบจะไม่ต่างกันแล้ว ถังอวี้ที่เป็นอาจารย์กลับมองเห็นชัดเจนมาก ขณะที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ไม่เพียงความเร็วเท่ากับทางเหลยถิงที่หยุดนิ่งทำการเตรียมตัวแล้ว การเคลื่อนไหวก็ประณีตหมดจดกว่า ไม่มีอืดอาดติดขัดเลยสักนิดเดียว ความสามารถในการควบคุมของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดคนนี้ย่อมเหนือกว่าผู้ควบคุมหุ่นรบของเหลยถิงคนนั้นหนึ่งระดับอย่างไม่ต้องสงสัย นักเรียนใหม่สามารถทำการเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบปราดเปรียวกว่านักเรียนเก่า พรสวรรค์ในการควบคุมของหลิงเทียนหมายเลขเจ็ดคนนี้จะต้องอยู่ในระดับอัจฉริยะแน่นอน ถังอวี้อดจ้องตาเป็นมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“หลิงเทียนหมายเลขเจ็ด ชื่อนามสกุล: หลินจงชิง ชนชั้น: ประชาชนทั่วไป อายุ: 17 ทักษะการต่อสู้มือเปล่า: ขัดเกลาขั้นสูง ระดับการควบคุมหุ่นรบ: ระดับสูง ผลคะแนนการเลื่อนขั้นจากระดับกลางไประดับสูง: ล้ำเลิศ!” อันที่จริงแล้ว การใช้วิธีค้นหาอย่างง่ายๆ แบบนี้ไม่สามารถหาข้อมูลได้มากนัก ข้อมูลรายละเอียดที่แท้จริงจำเป็นต้องได้รับขอบเขตอำนาจไปค้นไฟล์ลับสุดยอดของโรงเรียนทหาร
อย่างไรก็ตาม สำหรับถังอวี้แล้ว ข้อมูลเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว เขาเอ่ยอย่างยากจะระงับความตื่นเต้น “ไม่นึกเลยว่า นอกจากห้าคนนั้นแล้ว กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนยังมีสมาชิกที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ด้วย” สามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับสูงได้ตอนอายุ 17 นอกจากนี้ผลคะแนนการเลื่อนขั้นถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบตัดสินว่าล้ำเลิศ นี่ยืนยันว่าการควบคุมพื้นฐานของอีกฝ่ายหนาปึกมาก ย่อมเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในอนาคตของเขาอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ ชนชั้นของอีกฝ่ายเป็นประชาชนธรรมดา โดยปกติแล้ว พรสวรรค์ด้านการควบคุมของประชาชนทั่วไปไม่ได้ดีขนาดนั้น ดูท่านี่น่าจะเป็นการกลายพันธุ์ของยีน
นี่ทำให้ถังอวี้นึกถึงตัวเอง ถึงแม้เขาไม่ใช่ประชาชนทั่วไป เป็นพลเมืองที่อยู่สูงกว่าประชาชนทั่วไปหนึ่งระดับ แต่เขาสามารถกลายเป็นหัวกะทิไพ่ราชาได้ก็เป็นผลจากการกลายพันธุ์ของยีน เขาเกิดอาการใจร้อนอยากรับหลินจงชิงมาก อยากดูว่าอนาคตหลินจงชิงสามารถกลายเป็นผู้ควบคุมไพ่ราชาเหมือนกับเขา หรือถึงขนาดที่เหนือกว่าเขาได้หรือเปล่า
“นายตัดใจทิ้งหนึ่งในห้าคนนั้นเหรอ?” ผู้อำนวยการที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำกล่าวก็ถามกลับ
ถังอวี้ได้ยินคำกล่าวพลันยิ้มเฝื่อนขึ้นมา อดทอดถอนใจเฮือกหนึ่งไม่ได้ ถึงแม้เขาจิตใจสั่นคลอนมาก แต่เขาไม่สามารถทิ้งห้าคนที่เลือกมาตั้งแต่แรกได้ เด็กทั้งห้าคนที่กำลังจะกลายเป็นนักเรียนของเขานั้น พรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินจงชิงคนนี้เลย เผลอๆ ยังจะดีกว่าหน่อย “รุ่นนี้มีอัจฉริยะด้านการควบคุมหุ่นรบเยอะเกินไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเลือกอาจารย์หุ่นรบคนไหน?”
ถังอวี้คิดว่าอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้จะต้องอยู่ภาควิชาควบคุมหุ่นรบอย่างแน่นอน และมีเพียงภาควิชาควบคุมหุ่นรบเท่านั้นถึงจะสามารถเลือกอาจารย์หุ่นรบตอนเริ่มต้นชั้นปีสอง ภาควิชาอื่นต้องรอครึ่งเทอมหลังถึงจะสามารถทำการเรียนควบคุมหุ่นรบได้ นอกจากนี้เป็นเพียงวิชาเท่านั้น อาจารย์หุ่นรบไม่ได้ให้ความสำคัญกับนักเรียนเหล่านี้มากนัก
ถังอวี้กรอกคำค้นหาอาจารย์หุ่นรบของหลินจงชิงลงในอุปกรณ์สื่อสารด้วยความสนใจอย่างยิ่งยวด แต่ไม่นึกว่าจะปรากฏขึ้นมาหนึ่งประโยคว่า ไม่สามารถค้นหาคำตอบที่สัมพันธ์กัน นี่ทำให้ตะลึงงันอย่างมาก เนื่องจากเขารู้ว่า พวกอาจารย์ต่างยืนยันนักเรียนของภาควิชาควบคุมหุ่นรบทั้งหมดแล้ว เดิมทีเขาอยากรู้ว่าอาจารย์ท่านไหนได้หลินจงชิงไป เขาจะได้แนะนำอาจารย์ท่านนั้นว่าให้สอนสั่งอีกฝ่ายดีๆ อย่างไรเสีย อัจฉริยะแบบนี้ถึงขนาดทำให้เขาจิตใจโอนเอนเลยนะ ยิ่งไม่อยากให้เด็กที่มีพรสวรรค์แบบนี้ถูกทำลายเพราะความเลินเล่อของอาจารย์
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” ถังอวี้อดเอ่ยปากสงสัยคำตอบนี้ไม่ได้ ผู้อำนวยการพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เลยเอ่ยเตือนว่า “นายตรวจดูก่อนสิว่าเขาอยู่ภาควิชาอะไร”
คำแนะนำของผู้อำนวยการทำให้ถังอวี้นิ่งอึ้งทันใด เขาเริ่มค้นหาภาควิชาของหลินจงชิง ไม่นานคำตอบก็ออกมา คำตอบนี้ทำให้ถังอวี้ตะลึงงันไปทันที มองอักษรตัวใหญ่ห้าคำนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ—พลาธิการหุ่นรบ! นี่คือภาควิชาขยะที่อยู่สุดขอบของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งซึ่งทุกคนคิดว่ามีแต่สวะเท่านั้นถึงจะเรียนกัน
ผู้อำนวยการเห็นถังอวี้นิ่งเซ่อซ่าไปแล้ว ก็สงสัยขึ้นมาทันที เขาชะโงกหัวมองไป หลังจากนั้นก็อึ้งทึมทื่อตาม อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบแบบนี้กลับเรียนพลาธิการหุ่นรบเนี่ยนะ นี่โกหกกันหรือเปล่า! นี่ทำให้ผู้อำนวยการที่สงบนิ่งมาตลอดใจเย็นไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ผมคิดว่า วิธีการเลือกภาควิชาของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเรามีข้อบกพร่องใหญ่หลวงมากๆ ผู้อำนวยการ คุณควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้ดีนะครับ” ถังอวี้เงยหน้าขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ควรรู้เอาไว้ว่าภาควิชาพลาธิการหุ่นรบต่างเรียกร้องเงื่อนไขต่ำมากไม่ว่าจะเป็นผลคะแนนตอนสมัครสอบหรือว่าผลสุขภาพร่างกายของนักเรียน บางทีหลิงจงชิงคนนี้ถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจัดให้ไปอยู่ที่พลาธิการหุ่นรบเพราะปัญหาเรื่องผลคะแนนก็เป็นไปได้ (เนื่องจากพลาธิการหุ่นรบเลวร้ายมากเกินไป แทบจะไม่มีใครยินดีไปเลือกเอง ดังนั้นออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหารจึงจำเป็นต้องทำการบังคับแบ่งสรรตามผลคะแนน)
นอกจากนี้ภาควิชาพลาธิการหุ่นรบต้องการเงื่อนไขด้านการควบคุมหุ่นรบต่ำมากเช่นกัน ขอเพียงสอบผ่านก็ได้แล้ว อาจารย์หุ่นรบทุกคนต่างสอนนักเรียนภาควิชาพลาธิการหุ่นรบอย่างขอไปที ไม่สนใจเลยสักนิดเดียว คาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยว่า หากให้หลินจงชิงอยู่ในภาควิชาพลาธิการหุ่นรบต่อไป พรสวรรค์ด้านการควบคุมหุ่นรบของเขาจะต้องถูกทำลายแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมเด็ดขาด
ผู้อำนวยการได้ยินคำกล่าวก็ผงกศีรษะ เขาเองก็เจ็บปวดใจอย่างล้ำลึกเช่นกันที่อัจฉริยะด้านการควบคุมหุ่นรบแบบนี้พลาดไปอยู่ภาควิชาพลาธิการหุ่นรบ “เดี๋ยวการแข่งขันจบลง พวกเราไปถามเขาดูละกัน ถ้าเกิดเขาเห็นด้วยก็ให้เขาย้ายมาเรียนที่ภาควิชาควบคุมหุ่นรบเป็นกรณีพิเศษ…” ในเมื่อพวกคนระดับสูงของโรงเรียนร่วมกันขอให้เขาใช้อำนาจผู้อำนวยการกำหนดให้การประลองหุ่นรบนี้เป็นการต่อสู้แบบเปิดเป็นกรณีพิเศษ เช่นนั้นเขาก็ใช้อำนาจของผู้อำนวยการอีกครั้ง ให้นักเรียนสักคนย้ายมาเรียนยังภาควิชาที่ดีขึ้น คนพวกนั้นก็น่าจะไม่มีเหตุผลให้คัดค้านเหมือนกัน
“ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้ผู้อำนวยการเปิดประตูหลังอีกบาน ผมอยากเพิ่มโควตานักเรียนอีกคนครับ” ถังอวี้พอใจกับการตัดสินใจของผู้อำนวยการมาก ขณะเดียวกันเขาก็วอนขอผู้อำนวยการด้วยความจริงจังอย่างยิ่ง
ผู้อำนวยยิ้มขื่น “ขนาดนายยังแข็งใจให้อัจฉริยะแบบนี้จมฝุ่นไม่ได้ ทำลายระเบียบปฏิบัติโดยไม่เสียดาย แล้วฉันจะปฏิเสธคำขอร้องของนายได้ยังไง”
เมื่อได้คำมั่นจากผู้อำนวยการ ถังอวี้ค่อยวางความกังวลใจลงในที่สุด ก่อนจะเบนความสนใจกลับมาที่หลิงเทียนหมายเลขเจ็ดกับเหลยถิงหมายเลขเก้าที่กำลังจะเริ่มต่อสู้