บทที่ 473 ท้องของเธอไม่เจ็บและก้นกบก็ไม่ได้ปวดขนาดนั้น
บทที่ 473 ท้องของเธอไม่เจ็บและก้นกบก็ไม่ได้ปวดขนาดนั้น
เมืองฮ่องกง
เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แนวชายฝั่งตรงขอบฟ้านั้นพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินยังคงส่องแสงระเรื่ออยู่ ลมทะเลเค็มพัดผ่านมาด้วยความเย็นสบาย พัดพาความร้อนของฤดูร้อนออกไป
นอกกระท่อมไม้เล็ก ๆ ริมหน้าผาของชายฝั่ง ฉีจิ่นจือกำลังนั่งอยู่บนหน้าผาด้านหน้าถือแก้วเหล้า แล้วกรอกมันเข้าปากของเขาอย่างไม่ใส่ใจ
ตอนนี้ก็สิ้นเดือนกรกฎาคมแล้ว สงสัยจริง ๆ ว่าลูกของเซี่ยชิงหยวนเกิดมาแล้วหรือยัง?
ดอกฟู่หลางที่เขาปลูกให้เธอก็ออกดอกแล้วใช่ไหม?
เธอจะคิดถึงเขาทุกครั้งที่เห็นดอกไม้นั่นไหมนะ?
ในเวลานี้อาจารย์และศิษย์น้องชายของเขาคงไปถึงมณฑลอวิ๋นแล้ว หากพวกเขาถาม สงสัยจริง ๆ ว่าเสิ่นอี้โจวจะตอบยังไง?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉีจิ่นจือก็เงยหน้าขึ้นแล้วกระดกเหล้าเข้าปากของเขา บางส่วนก็ไหลออกมา เลื่อนลงมาตามแนวกรามอันแข็งแกร่งจนถึงคอ ลามมากระดูกไหปลาร้าแล้วซึมเข้าไปในผ้าก๊อซที่พันอยู่บนหน้าอก
ฟู่ชุนไจ่กลับมาจากข้างนอกและมองเห็นฉีจิ่นจือจากระยะไกล เขารีบก้าวไปข้างหน้าและหยิบขวดเหล้าจากมือของลูกพี่ตัวเอง “ลูกพี่ พี่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ดื่มไม่ได้นะ”
ฉีจิ่นจือเหลือบมองฟู่ชุนไจ่ เขายกหลังมือขึ้นและเช็ดคราบเหล้าที่เหลืออยู่บนคางพลางมองดูทะเลอีกครั้ง
ฟู่ชุนไจ่พยายามชักชวนอีกครั้ง “ลูกพี่ เข้าไปนอนเร็ว ๆ เถอะ เมื่อคืนยังเป็นไข้อยู่เลย”
ฉีจิ่นจือหัวเราะเยาะ “ฉันตายไม่ง่ายๆ หรอก”
หลังจากพูดอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไอและบาดแผลก็ได้รับผลกระทบจนเจ็บปวด เขาขมวดคิ้วและบาดแผลที่พันด้วยผ้าก๊อซก็เริ่มมีเลือดซึมออกมาอีกครั้ง
ฟู่ชุนไจ่รีบไปช่วยทันที
ฉีจิ่นจือปัดเขาออกไป “ฉันสบายดี”
เมื่อเห็นฉีจิ่นจือเป็นแบบนี้ ฟู่ชุนไจ่พลันรู้สึกอึดอัด
เขานั่งลงข้าง ๆ ฉีจิ่นจือมองดูเรือใบที่กลับมายังท่าเรือทีละลำและจมอยู่กับความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาคิดกับตัวเองแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าพี่พยายามจะไล่ผมออกไปเพื่อตัวผมเอง พี่ไม่ต้องการให้ผมเสี่ยงด้วย ผมยังรู้สึกได้ว่าพี่กำลังวางแผนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับไห่เยี่ย หรือไม่ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของไห่เยี่ยเลยด้วยซ้ำ”
“ผมจะไม่ถามพี่ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงกว่าครึ่งปีหลังจากที่พี่จากไปและผมจะไม่ถามว่าพี่จะทำอะไรตอนนี้ ผมแค่อยากจะขอให้พี่พาผมไปด้วย ให้ผมช่วยเสี่ยงแทนพี่ แค่นั้นก็พอ”
เขามองที่ฉีจิ่นจือด้วยน้ำตาคลอ “ลูกพี่ พี่มอบชีวิตที่น่าสังเวชนี้ให้ผม ดังนั้นผมขอให้พี่มอบโอกาสที่จะตอบแทนให้บ้างเถอะนะ”
เขาเข้ามาในแก๊งชิงหลงอย่างไร้ยางอาย ไห่เยี่ยขอให้เขาทำงานร่วมกับฉีจิ่นจือ
พวกเขาไม่ได้ฆ่าคนและค้าขายสินค้าเถื่อนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อพวกเขาหยิบมีดขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ลังเลเลย
ทุกครั้งหากมีดหลุดมือไป พวกเขาจะหยิบไม้ขึ้นมาแทน และถ้าไม้หายไปพวกเขาจะใช้ร่างกายของตัวเองเข้าแลก แต่เขารู้สึกได้ถึงความรังเกียจอย่างสุดซึ้งในดวงตาของฉีจิ่นจือที่ล้นออกมาเป็นครั้งคราวเมื่อทำสิ่งเหล่านี้
เขาไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ฉีจิ่นจือถึงเลือกเส้นทางนี้ แต่สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือไล่ตามลูกพี่ของเขาไปจนตาย
ไห่เยี่ยมอบมีดให้พวกเขาตั้งแต่แรก จากนั้นจึงมอบปืนให้พวกเขาในภายหลัง งานที่พวกเขาทำมีอันตรายมากขึ้นและมีความสำคัญมากขึ้นทุกครั้ง จนถึงตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญกับพิษ
เขารู้อยู่ในใจว่านี่อยู่ไม่ไกลจากเป้าหมายที่ฉีจิ่นจือต้องการทำแล้ว
หลังจากพูดแบบนี้ ฟู่ชุนไจ่ก็แทบจะน้ำตาไหล
แต่ฉีจิ่นจือเพียงหันหน้ามองเขาด้วยสายตาที่แผ่วเบาและพูดว่า “หลังจากที่นายทำงานนี้เสร็จแล้วจงออกไปจากที่นี่ซะ”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ยืนขึ้นอย่างไม่มั่นคงและเดินไปที่กระท่อม
เมื่อฟู่ชุนไจ่ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและไล่ตาม เสียงของเขาสะอื้นไห้ “ลูกพี่!”
ฉีจิ่นจือหยุดและมองย้อนกลับไปที่เขา “นายรู้ไหม ในใจของฉันนายเป็นเพียงภาระ”
ขณะที่พูดอย่างนั้นอเขาก็ส่ายหัวก่อนจะเข้าไปในกระท่อมโดยไม่หันกลับมามองแล้วปิดประตู
ฟู่ชุนไจ่ยืนอยู่ที่นั่น ปล่อยให้ลมทะเลพัดเสื้อผ้าของเขาด้วยใบหน้าเศร้าโศกและรอยยิ้มที่ไม่เห็นคุณค่าในตนเอง
…
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ได้ของที่หวังผิงขอให้ใครสักคนส่งมาให้
ไม่ใช่แค่ของสำหรับเด็กทารก แต่มีของสำหรับเธอด้วย
ของสำหรับเด็กได้แก่ เสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ ผ้าเช็ดน้ำลาย ผ้าอ้อม ผ้าห่ม และอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นสีขาวบริสุทธิ์และดูประณีต มีบางอย่างเหมาะกับเด็กผู้ชาย และบางส่วนเหมาะกับเด็กผู้หญิง ทุกตัวให้สัมผัสที่นุ่มนิ่มเป็นพิเศษ
นอกจากของใช้สำหรับเด็กแล้วยังมีเสื้อผ้าหลังคลอดสำหรับแม่ ผ้าโพกศีรษะ ผ้าปูที่นอน รองเท้าผ้าพื้นนุ่ม และอื่น ๆ อีกมาก หวังผิงได้เตรียมบางสิ่งที่แม้แต่เซี่ยชิงหยวนก็ยังนึกไม่ถึง
เธอถือมันไว้ในมือแล้วดมกลิ่นนั้น มีกลิ่นที่คุ้นเคยและกลิ่นของแสงอาทิตย์ ซึ่งหวังผิงคงจะทำให้แห้งหลังจากที่ทำมันเสร็จ
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังถุงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาของเธอแดงเรื่อและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
ป้าอู๋อยู่ในบ้านเสิ่นมาเกือบปีแล้ว เธอไม่เคยพบกับครอบครัวฝ่ายของเซี่ยชิงหยวนและไม่ค่อยได้ยินพวกเขาพูดถึง เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคุณนายกับครอบครัวเป็นอย่างไร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าครอบครัวของเซี่ยชิงหยวนก็น่าจะดีเช่นกัน
ป้าอู๋พูดชมเชยว่า “แม่ของคุณผู้หญิงเป็นคนเอาใจใส่และเก่งมากเลยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนกลับมาได้สติอีกครั้งและพูดว่า “อืม แม่ของฉันมีความสามารถมาก เธอทำเสื้อผ้าทั้งหมดให้พวกเราพี่น้องกันตั้งแต่เด็กยันโตเลยล่ะ”
เมื่อก่อนพวกเขาจะเก็บสะสมคูปองผ้าแล้วเข้าเมือง ไปแลกผ้ามาทำเสื้อผ้ากัน ครอบครัวของเธอยากจนเกินกว่าจะซื้อจักรเย็บผ้าได้ ดังนั้นหวังผิงจึงเย็บตะเข็บด้วยมือ
บางครั้งหวังผิงต้องทำงานในทุ่งนาช่วงกลางวันและในเมื่อไม่มีเวลาว่าง หวังผิงจึงต้องเย็บผ้าในเวลากลางคืนแทนด้วยการจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด ลูกสาวอย่างเธอนั่งเฉย ๆ และเฝ้าดู ซึ่งสิ่งที่เธอทำบ่อยที่สุดคือช่วยเอาด้ายใส่เข็มให้หวังผิง
พี่น้องเซี่ยจิ่งเยว่และเซี่ยจิ่งเฉินมักจะหยิบเสื้อผ้าเก่าของเซี่ยโยว่หมิงและผู้เฒ่าเซี่ยมาแก้ให้เล็กลงเพื่อสวมใส่ใหม่ พวกเขาจะได้รับเสื้อผ้าชุดใหม่เฉพาะเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น
ในฐานะผู้หญิงคนเดียวในครอบครัว เธอดีกว่านิดหน่อย ในความทรงจำหญิงสาวแล้ว ดูเหมือนว่าเธอไม่เคยต้องใส่เสื้อผ้าเก่าของหวังผิงเลย ตรงกันข้าม เสื้อผ้าบางตัวที่ไม่ได้ใส่บ่อย ๆ หลังจากไปโรงเรียน หวังผิงจะเอาชุดพวกนั้นมาสวมใส่เอง
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกเศร้าอีกครั้ง
กี่ครั้งแล้วที่เธอต้องพัวพันระหว่างหวังผิงที่รักเธอจริง ๆ กับหวังผิงที่ดูเหมือนไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย
ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าหวังผิงรัก เธอจะนึกถึงคำพูดอันไร้หัวใจที่หวังผิงพูด ขนาดตอนที่มีภาวะแท้งคุกคาม หวังผิงยังไม่เคยพูดแสดงความห่วงใยออกมาเลยสักคำ
ต่อมาหญิงสาวจึงยอมแพ้
เธอคิดว่าเมื่อไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ ทุกอย่างก็คงค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา
ปี่เหลาซานเดาบางอย่างเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวนและครอบครัวของเธอได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว การพูดสิ่งที่ดีย่อมดีกว่าสิ่งที่ไม่ดีในเวลานี้
เขายังพูดอีกว่า “เมื่อดูของพวกนี้แล้ว ก็บอกได้เลยนะว่าแม่ของเธอยังคิดถึงเธอมากแค่ไหน”
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนเศร้าโศกและตอบแค่ว่า “อืม”
อารมณ์อันแปรปรวนของเธอยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งเสิ่นอี้โจวกลับมาจากที่ทำงาน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากก็ตาม เขาก็ค้นเจอเช่นกัน
เขามองปี่ฟู่หมานอย่างสงสัย
ปี่ฟู่หมานยักไหล่และบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ปี่เหลาซานชี้ไปยังสิ่งของที่ถูกตากอยู่ในสนามหญ้า “ของพวกนี้มาจากครอบครัวแม่ของชิงหยวนน่ะ”
เสิ่นอี้โจวเข้าใจทันที
เขากอดเธอจากด้านหลังและปลอบใจภรรยา “แม่คงต้องใช้เวลามากแน่ในการทำของพวกนี้”
ครอบครัวนี้ยุ่งอยู่กับการทำไร่ทำนาและมีเด็กสี่คนที่ต้องดูแล หวังผิงทำสิ่งต่าง ๆ มากมายได้ขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าใช้เวลานานแค่ไหน
เซี่ยโยว่หมิงโทรมาบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่บ้าน การที่พวกเขาจะมาได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ากงเหลียนซินกลับบ้านหรือไม่ ดังนั้นเขาและหลินตงซิ่วจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าเดิม
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตอบสนองอะไรมากเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ แต่เขารู้ว่าเธอคงคาดหวังว่าพ่อแม่ของตัวเองจะมา
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ปลายจมูกของเซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกเจ็บ และเธอก็พยักหน้า “คืนนี้มากินหม้อไฟกันเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการพูดหัวข้อนี้ต่อ
เสิ่นอี้โจวไม่ได้บังคับภรรยาอีก และบอกให้ป้าอู๋เตรียมหม้อไฟคืนนี้
หลังจากได้ยิน เสิ่นอี้หลินก็ส่งเสียงเชียร์ “ผมชอบหม้อไฟมากที่สุดเลย!”
…
หลังอาหารเย็น เสิ่นอี้โจวไปเดินเล่นในสวนสาธารณะของเขตที่พักอาศัยกับเซี่ยชิงหยวนตามปกติ
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินมากเกินไปในมื้อเย็นหรืออย่างอื่น แต่เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าในคืนนี้ท้องของเธอหนักนิดหน่อย ดังนั้นเมื่อเธอเดินก็จะจับท้องไว้ในอ้อมแขนไปด้วย
เสิ่นอี้โจวเอ่ยถามเมื่อเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ “คุณรู้สึกอึดอัดเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ท้องของฉันหนักนิดหน่อยน่ะ อาจเป็นเพราะฉันกินมากเกินไปมั้ง”
มีก้อนเนื้อก้อนใหญ่อยู่ในท้องของเธอ ความรู้สึกแปลก ๆ นี้มีอยู่เสมอ แต่เมื่อหลายเดือนผ่านไป ความรู้สึกไม่สบายก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสิ่นอี้โจวกังวล “งั้นกลับบ้านก่อนไหม?”
เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บท้องหรอก เดินเล่นกันต่อดีกว่า”
ดังนั้นเสิ่นอี้โจวจึงจำต้องพาภรรยาเดินไปรอบ ๆ เขตที่พักอาศัย จากนั้นกลับบ้าน อาบน้ำ และเข้านอน
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียง ความรู้สึกไม่สบายกลับมาอีกครั้ง และกระดูกก้นกบของเธอก็เจ็บเป็นครั้งคราว คืนนี้เด็ก ๆ ดูเหมือนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษและเคลื่อนไหวเรื่อย ๆ
เธอสงสัยว่าตัวเองกำลังใกล้จะคลอดแล้วใช่ไหม?
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ท้องของฉันหนักนิดหน่อยน่ะ อาจเป็นเพราะฉันกินมากเกินไปมั้ง”
มีก้อนเนื้อก้อนใหญ่อยู่ในท้องของเธอ ความรู้สึกแปลก ๆ นี้มีอยู่เสมอ แต่เมื่อหลายเดือนผ่านไป ความรู้สึกไม่สบายก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสิ่นอี้โจวกังวล “งั้นกลับบ้านก่อนไหม?”
เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “ไม่เป็นไร ฉันไม่เจ็บท้องหรอก เดินเล่นกันต่อดีกว่า”
ดังนั้นเสิ่นอี้โจวจึงจำต้องพาภรรยาเดินไปรอบ ๆ เขตที่พักอาศัย จากนั้นกลับบ้าน อาบน้ำ และเข้านอน
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียง ความรู้สึกไม่สบายกลับมาอีกครั้ง และกระดูกก้นกบของเธอก็เจ็บเป็นครั้งคราว คืนนี้เด็ก ๆ ดูเหมือนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษและเคลื่อนไหวเรื่อย ๆ
เธอสงสัยว่าตัวเองกำลังใกล้จะคลอดแล้วใช่ไหม?
แต่ท้องของเธอไม่เจ็บและก้นกบก็ไม่ได้ปวดขนาดนั้นด้วยนี่
อาจเกิดจากการนั่งดื่มชานานเกินไปในช่วงงานเลี้ยงน้ำชาวันนี้หรือเปล่า?