บทที่ 434 เดินทาง
บทที่ 434 เดินทาง
แต่พวกเขาทั้งสองเองหน้าหนาไม่น้อยเช่นกัน หากท่านพ่อไม่อนุญาตพวกเขา เพียงมาใหม่ทุกวัน ถึงถูกไล่ก็ไม่กลัว อย่างมากสุดก็คุกเข่าอยู่ด้านนอก
ทั้งหมดนี้ล้วนเรียนรู้จากเสี่ยวเป่า!
พวกเขาเอ่ยออกมาอย่างมีเหตุมีผล “เสด็จพ่อ พวกข้าเคยไปสนามรบมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ย่อมไม่กลัว!”
“ท่านเองก็เข้าร่วมสงครามตั้งแต่อายุเพียงสิบกว่าปีไม่ใช่หรือ พวกข้าเองก็ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องต้าเซี่ยเหมือนกับท่าน!”
“เสด็จพ่อ! พี่รองเองก็อยู่ที่นั่น พวกข้าไปก็เพื่อเรียนรู้จากแม่ทัพเซี่ย ไม่ได้ไปเล่นแต่อย่างใด ท่านให้พวกข้าติดตามไปด้วยเถิด”
“เสด็จพ่อ!”
หนานกงสือเยวียน “…”
เขาจะเอ่ยสิ่งใดได้อีก
เมื่อถึงยามใกล้ออกเดินทาง องค์ชายทั้งสองก็ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วย ส่วนคนอื่น ๆ นั้นหมดสิทธิ์
วันก่อนออกเดินทาง เสี่ยวเป่าไม่เพียงได้รับของขวัญจากเหล่าบรรดาพี่ชายเท่านั้น ทว่ายังได้รับของขวัญจากเหล่านางสนมของท่านพ่อในวังหลังด้วย
ทั้งหมดล้วนเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ มีทั้งผ้าเช็ดหน้าที่ปักเองกับมือ เชือกถักขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย และของอื่น ๆ…
พวกนางต่างไม่เต็มใจให้เสี่ยวเป่าไปด้วย
หนานกงสือเยวียนมองเหล่านางสนมที่กำลังร้องไห้ล้อมรอบเสี่ยวเป่า “…”
ในที่สุดเขาก็พบแล้วว่าเหล่าสตรีในวังหลังให้ความสนใจกับเขาน้อยลงเรื่อย ๆ
แต่เขายังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เอ่ยสิ่งใด
“องค์หญิง ได้ยินว่าหน้าร้อนทางชายแดนร้อนกว่าเมืองหลวงมากนัก หน้าหนาวเองก็มาเร็ว ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีอย่าให้เจ็บไข้ได้ป่วย”
“อย่าได้ลืมเขียนจดหมายด้วย จำเป็นต้องใช้สิ่งใดเพียงแค่บอก พวกข้าจะเตรียมส่งไปให้เอง”
“นำถุงหอมนี้ไปด้วย ไม่รู้ว่าที่ชายแดนจะมีขายหรือเปล่า เช่นนั้นพานางกำนัลของข้าไปด้วยดีหรือไม่”
เสี่ยวเป่ารีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ ข้ามีนางกำนัลของตนเองแล้ว พวกท่านก็ควรดูแลตัวเองให้ดีด้วย ข้าบอกท่านพ่อเอาไว้แล้ว เมื่อเตาหลวงทำเครื่องลายครามใหม่ออกมาแล้วจะส่งมาให้พวกท่าน ถนนย่านการค้าเองก็ถูกขยายออกไป พวกท่านสามารถร่วมกันเปิดร้านเครื่องบำรุงผิวและของอื่น ๆ ได้ เช่นนี้แล้วพวกท่านก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเบี้ยเลี้ยงแล้ว”
เหล่าสตรีและเสี่ยวเป่าร่วมกันหารือเกี่ยวกับการเปิดร้าน เหล่านางสนมที่เดิมทีเบื่อหน่ายอยู่ในวังหลังพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เรื่องเปิดร้าน นี่เป็นสิ่งที่พวกนางไม่เคยคิด ก่อนหน้านี้เป็นคนของตระกูลที่อยู่นอกวังคอยส่งเงินมาให้ ทว่าตอนนี้ตระกูลล้วนสงบเสงี่ยม เงินที่ส่งมาจากด้านนอกก็น้อยลงเรื่อย ๆ
เบี้ยเลี้ยงเพียงเล็กน้อยภายในวังไม่อาจทำให้บุตรีตระกูลสูงศักดิ์อย่างพวกนางพึงพอใจได้
อย่างไรเสียภายในวังย่อมต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชา หากต้องการจะมีชีวิตที่ดี เงินนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้
“แต่พวกข้าไม่สามารถออกจากวังได้ตามใจชอบ”
เสี่ยวเป่าหันไปมองท่านพ่อที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ไกล จากนั้นเหล่านางสนมทั้งหลายก็ต่างหันไปมองเช่นกัน
ฝ่าบาทยังคงดูดีเป็นอย่างมาก หากกล่าวว่าพวกนางไม่มีใจชมชอบเลยก็นับการโกหกแล้ว อย่างไรเสียฝ่าบาทก็มีเสน่ห์เหลือล้น
ทว่าเมื่อสายตาเย็นชาสบจ้องกลับมา พวกนางล้วนพากันก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวไม่กล้ามองอีก
อ่า… แม้ว่าจะชมชอบเพียงใด ฝ่าบาทก็เป็นบุรุษที่พวกนางทำได้แต่เคารพบูชาประหนึ่งเทพบนสวรรค์ ไม่ใช่สามีของพวกนาง
“ท่านพ่อ ให้พวกนางออกไปได้หรือไม่”
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองเหล่านางสนม จากนั้นก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาท่ามกลางความหวาดหวั่นของพวกนาง
“ทุกวันที่หนึ่ง วันที่สิบห้า และวันสุดท้ายของเดือนสามารถออกจากวังได้โดยนำป้ายแสดงตัวของตนเองไปหารัชทายาท”
ทันใดนั้นเอง บรรดาสตรีในวังหลังต่างตื่นเต้นจนคุกเข่าลงกับพื้น
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
หนึ่งเดือนสามารถออกจากวังได้สามวัน สามวัน!
ตั้งแต่เข้ามาในวังหลัง พวกนางก็ไม่ได้ออกไปด้านนอกอีกเลย ไม่รู้ว่าด้านนอกเป็นเช่นไรบ้างแล้ว
วันรุ่งขึ้น เหล่ากลุ่มคนที่จะไปชายแดนออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่
เสี่ยวเป่านั่งอยู่ด้านในรถม้า มือน้อย ๆ โบกอำลาเหล่าคนรู้จัก รอจนไม่เห็นตัวคนแล้วจึงค่อยลดม่านลง
“พวกเราไม่ได้ส่งข่าวบอกพี่รองว่าจะไปชายแดน นี่จะต้องทำให้เขาประหลาดใจแน่”
เสี่ยวเป่าเศร้าใจเพียงแค่ชั่วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เริ่มนึกถึงท่าทางประหลาดใจของพี่รองเมื่อเห็นตนเอง
หนานกงฉีหลิงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถม้า “รอถึงทุ่งหญ้า ข้าจะต้องขี่ม้าบนทุ่งหญ้ากว้างให้ได้!”
หนานกงฉีอิงสงบนิ่งกว่าเขามาก ทว่าในแววตาก็มีความกระตือรือร้นเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนราวกับเกิดมาเพื่ออยู่ในสนามรบ
ถนนปูนถูกสร้างขึ้นทอดยาวออกจากพระราชวังออกไปเป็นระยะทางไกลลิบ แม้เดินทางติดต่อกันห้าวันรถม้าก็กระเทือนเพียงน้อยนิด
นอกจากนี้ถนนปูนยังทำให้พวกเขาเดินทางได้ไวขึ้นมาก ระยะทางในห้าวันที่ผ่านมาเทียบเท่าได้กับเจ็ดวันก่อนหน้านี้
ทว่าหลังวันที่ห้า รถม้าก็เริ่มโคลงเคลง
หลังจากก้นของเสี่ยวเป่าลอยขึ้นก็พลันร้องออกมาทันที “ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี่”
นี่มันช่างไม่สบายเกินไปแล้ว
นางรีบลงจากรถม้าแล้วเอ่ยขึ้นมา “ข้าไม่นั่งรถม้าแล้ว!”
นางยังมีวิธีการเดินทางอื่น!
จากนั้นนางก็ปืนขึ้นไปบนหลังเฮยอู๋ฉาง
การเดินทางใช้ความเร็วไม่มากนัก เสือทั้งสองตัวขึ้นมานั่งบนรถม้ากับเสี่ยวเป่าเป็นครั้งคราว ทว่าพวกมันใจร้อนจึงลงไปเดินด้านนอกเองเสียเป็นส่วนใหญ่
เสือทั้งสองได้รับความนิยมในกองทัพยิ่ง ไปทางไหนก็มีคนจำนวนไม่น้อยจับจ้อง
บางครั้งยามตกกลางคืนกางกระโจมนอนใกล้ป่าเขาเพื่อพักผ่อน เสือทั้งสองก็มักออกไปล่าอาหารในป่า ไม่เพียงแต่กลับมาด้วยท้องอิ่มแปล้ ทว่ายังนำเหยื่อมาแบ่งปันให้กับเสี่ยวเป่าด้วย
ดังนั้นเหล่าคนในกองทัพจึงได้อานิสงส์ไปด้วย อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ดื่มน้ำแกงเนื้อบ้างสักเล็กน้อย
ครั้งนี้กองทัพนำแกะมาด้วยจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดล้วนเป็นเสี่ยวเป่าที่ใช้เงินตัวเองซื้อมา เพื่อเตรียมเป็นเสบียงให้กับเสือทั้งสองตัว
เสือตัวโตสองตัวไม่เคยต้องอดอยาก ร่างกายใหญ่โตแข็งแรง การให้เด็กที่โตขึ้นจากเดิมหนึ่งปีนั่งบนหลังไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
ปัญหาเดียวที่มีคืออากาศร้อนเกินไป เสี่ยวเป่านั่งบนหลังเสือทั้งสองอย่างไม่ค่อยจะมีความสุขนัก
“พักก่อน”
หนานกงสือเยวียนออกคำสั่ง ทุกคนเริ่มเตรียมตัว
เสี่ยวเป่าวิ่งเข้าไปในรถม้า จากนั้นก็หยิบก้อนน้ำแข็งที่เตรียมไว้
ทันทีที่ยกออกมา เสือทั้งสองก็เข้าไปเลียแอ่งน้ำที่ละลายในอ่าง
“ไปใต้ต้นไม้ตรงนั้น อย่าพึ่งดื่มจนหมด”
พวกเขานำดินประสิวมาด้วย สามารถทำน้ำแข็งได้ตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ได้ลำบากเกินไปนัก
ทุกครั้งที่พัก เสือทั้งสองก็จะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ไว้ใช้คลายร้อน
คนอื่นหากต้องการดื่มน้ำเย็นก็เพียงแค่เอาชามสะอาดใส่น้ำมาวางบนอ่างน้ำแข็ง
“นี่ทำให้การเดินทางสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก”
แม่ทัพผู้มีประสบการณ์เดินทัพกอดก้อนน้ำแข็งเอาไว้แล้วหัวเราะอย่างพึงพอใจ
ระหว่างพักทุกคนต่างนำอาหารแห้งที่เตรียมไว้ออกมา ก่อนจะเริ่มกิน
คนในกองทัพกำลังต้มน้ำเตรียมสำหรับอาหารมื้อกลางวัน ทั้งง่ายและรวดเร็ว เนื่องจากเป็นเส้นบะหมี่
นี่ไม่ใช่เส้นบะหมี่ที่ทำขึ้นสดใหม่ แต่เป็นเส้นบะหมี่แห้งที่เสี่ยวเป่าทำขึ้นมา สามารถพกพาสะดวกทั้งยังเก็บได้นาน เป็นสิ่งที่ควรมีติดบ้านและการเดินทาง!
……………………………..