ก่อนประลอง ยูโกกับเซน่อน
เที่ยงวันรุ่งขึ้น พวกยูโกเดินอยู่บนโถงทางเดินที่ไร้ผู้คน มุ่งหน้าสู่เวทีประลอง
ถึงตอนประลองกับมาร์กอสและรัช ผู้ชมจะมารวมตัวกันที่ลานกว้างราวกับกึ่งๆงานแสดง ทว่าการประลองในครั้งนี้ดูเหมือนจะจัดขึ้นแบบลับๆ
บางทีนี่คงจะเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของแคลร์เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเซน่อนกระมัง
การคิดว่ามันเป็นมาตรการเพื่อจะได้ไม่แสดงให้เหล่านักเรียนเห็นสภาพที่เซน่อนถูกช่วยเหลือจากยูโกผู้ที่เคยก่นด่าว่าเป็นสวะสุดชั่วร้ายมาตลอดมันก็เป็นเรื่องปกติ
ในระหว่างที่รู้สึกกังวลเล็กน้อยต่อสถานการณ์นี้ที่มีการควบคุมข้อมูลอย่างรัดกุม พวกยูโกเข้าพบกับแคลร์ที่กำลังรออยู่ในห้องรอ……และเผชิญหน้ากับเซน่อนซึ่งมายังที่แห่งนี้ในสภาพที่ถูกเธอพาตัวมา
「……ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ」
ยูโกลังเลกับถ้อยคำแรกเล็กน้อย
จากตรงนั้นควรจะเอ่ยคำพูด「สบายดีไหม?」หรือ「สภาพเป็นยังไงบ้าง?」ต่อดีไหม แต่เมื่อเห็นสภาพของเซน่อนในตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมา
ดวงตาสีทองที่ครั้งหนึ่งเคยมีแสงสว่างอันมีชีวิตชีวาสถิตอยู่ความรู้สึกถึงชีวิตได้หายไปแล้ว ตายไปโดยสมบูรณ์
ผมสีเงินที่เคยเปล่งประกายยามอาบแสงอาทิตย์เองก็อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิง
เซน่อนที่เคยให้ความรู้สึกร่าเริงราวกับผู้กล้าในเกมหรือเจ้าชายในเทพนิยาย มาตอนนี้อยู่ในสภาพที่สิ่งนั้นราวกับเป็นเรื่องโกหก
หลังคดีที่ภูเขายัมยัม ถึงจะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้าง……แต่ยูโกรู้สึกเป็นห่วงอย่างแท้จริงกับเรื่องของเขาที่เปลี่ยนไปจนถึงขนาดนี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน
「ท่านยูโก วันนี้ที่ช่วยรับฟังคำขออันเห็นแก่ตัวของพวกเรา ขอบพระคุณจริงๆค่ะ ก่อนอื่นก็ทำตามสัญญาข้อแรกค่ะ……ท่านเซน่อนคะ」
「อุก อุ อู……อึก」
เซน่อนที่ถูกแคลร์กระตุ้น ยืนขึ้นพร้อมส่งเสียงครวญคราง
ความเสียใจและความทุกข์ยากได้ปรากฏออกมาบนสีหน้านั้นอย่างชัดเจน ณ เวลานี้เมลต์ดึงยูโกแล้วพยายามจะพาเขากลับ ทว่าแองเจิลและเฮกซ์ได้หยุดการกระทำนั้นไว้
「ท่านเซน่อน เมื่อวานสัญญากันแล้วนะคะ? ในฐานะผู้ที่ขอความช่วยเหลือ กรุณาทำตามที่ท่านยูโกยื่นข้อเสนอด้วยค่ะ」
「……รู้แล้ว รู้แล้วน่า」
ความรู้สึกของเซน่อนแม้แต่ยูโกก็เข้าใจได้ถึงความเจ็บปวด การก้มหัวให้กับชายที่เคยดูถูกว่าเป็นสวะมาจนถึงตอนนี้ มันเป็นการกระทำที่สร้างบาดแผลต่อศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง
หากเรื่องนี้ถูกจัดขึ้นในสถานที่ที่คนทั่วไปมองเห็นได้ เซน่อนคงขอโทษยูโกไม่ได้เป็นแน่
เมื่อคิดแบบนั้น การทำงานเพื่อปกปิดมันไว้อย่างสุดชีวิตของแคลร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ ในขณะที่ยูโกเฝ้ามองพร้อมคิดเช่นนั้น เซน่อนก็ก้มหัวลงด้วยการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงที่กล้ำกลืนความอัปยศ
「คุณยูโก เคลย์……ขออภัยอย่างสุดซึ้งกับความหยาบคายมากมายจนถึงตอนนี้ด้วยครับ……! และที่ช่วยรับฟังคำขอของพวกเรา ขอบคุณมากครับ……! บุญคุณนี้จะไม่มีวันลืมครับ……!」
「ไม่ต้องคิดมาก เพราะฉันเองก็ไม่ได้ใส่ใจละนะ」
หากให้พูดตามตรง ไม่รู้สึกเลยว่าเป็นถ้อยคำที่ใส่ความรู้สึกขอโทษหรือรู้สึกผิดมากเท่าไหร่
ทว่า การที่ก้มหัวให้ตนเองต่อหน้าพวกเมลต์กับแคลร์เช่นนี้มันก็มีความหมายในตัวเองอยู่ ยูโกเข้าใจได้เช่นนั้น และตอบเซน่อนด้วยบรรยากาศสดใสเท่าที่ทำได้แต่ไม่ให้สดใสจนเกินไป
เท่านี้เงื่อนไขข้อที่หนึ่งก็ลุล่วงแล้ว ถึงเมลต์จะดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่ตราบใดที่ยูโกพอใจก็ดูเหมือนจะคิดว่าแค่นั้นก็ได้
แคลร์ที่ก้มหัวด้วยกันกับเซน่อน เงยหน้าขึ้นพร้อมพูดกับยูโก
「ดูเหมือนว่าท่านไอแซคจะกำลังรออยู่ที่สนามประลองแล้วค่ะ หากท่านยูโกเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วก็อยากจะเริ่มการประลองเลยค่ะ……」
「อา ไม่มีปัญหา」
ยูโกตอบเช่นนั้นกับแคลร์สั้นๆ
แม้จะแพ้ในการประลองที่จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้แต่ตนเองก็ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย……แต่สำหรับแคลร์มันเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต
ถึงจะคิดขึ้นมาว่าแค่ปฏิเสธเรื่องที่ตนเองเป็นเป้าหมายในการเดิมพันก็พอแล้วแต่ขุนนางคงมีสิ่งที่เรียกว่าข้อผูกมัดของขุนนางอยู่อย่างแน่นอน
หรือไม่ก็ เบื้องหลังของเธออาจจะมีสถานการณ์ยุ่งยากที่ยูโกจินตนาการไม่ถึงอยู่ก็ได้ ขณะคิดเช่นนั้นเมื่อออกจากห้องรอมุ่งไปยังสถานที่ประลอง ก็เห็นไอแซคยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ตรงนั้น
「ไง แคลร์! หาตัวแทนได้แล้วเหรอ……เดี๋ยวนะ ไอ้สวะยูโก!? ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่!? ระ หรือว่า――!?」
「……ท่านยูโกจะช่วยเข้าร่วมการประลองในฐานะตัวแทนของท่านเซน่อนค่ะ ไม่มีปัญหาสินะคะ?」
「เห~ เป็นงั้นเอง……! ฮึฮึ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพึ่งพายูโกที่เคยดูถูกถึงขนาดนั้น เซน่อนเองก็น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ย ไม่คิดว่าการได้เป็นของผมมันจะมีความสุขกว่าการอยู่เคียงข้างผู้ชายน่าสมเพชแบบนั้นบ้างเหรอ?」
「……ครั้งนี้แหละ ฉันตัดสินใจว่าจะสนับสนุนค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นนกที่อยู่ในกรง แต่ฉันตอนนี้อยากทำสิ่งที่ตัวเองควรทำอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าจะถูกประเมินจากรอบข้างยังไงก็ตามแต่ฉันในตอนนี้เป็นคนที่คอยรับใช้เคียงข้างท่านเซน่อนค่ะ หากเป็นเช่นนั้นการสนับสนุนท่านผู้นั้นก็คือภารกิจของฉัน……สิ่งที่ฉันเมื่อครั้งหนึ่งไม่เคยทำ ครั้งนี้แหละต้องทำมันให้ลุล่วง มิฉะนั้น――」
……เมื่อครั้งหนึ่งที่แคลร์พูดถึง รู้อยู่แล้วว่าหมายถึงยูโก
เหมือนกับยูโกที่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่ไม่ได้เป็นคู่หมั้นที่ดีสำหรับเธอ เธอเองก็คงรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีสำหรับเขาเช่นกัน
เมื่อวาน คนที่ได้ฟังเรื่องของเมลต์แล้วรู้สึกอะไรบางอย่างไม่ได้มีแค่ตนเอง
แคลร์ก็เช่นกัน เมื่อมองย้อนกลับไปถึงเรื่องที่ตนเองเพียงแค่ทำตัวดี และทำตามความปรารถนาของอีกฝ่าย ก็รู้สึกละอายใจ
ไม่ใช่แค่วิธีที่ปฏิบัติต่อเซน่อน แต่นับตั้งแต่เป็นคู่หมั้นของยูโกหากคอยตักเตือนพฤติกรรมของเขาหรือคอยเฝ้าระวังละก็ อาจจะมีเส้นทางอื่นมากกว่านี้ก็ได้
ในฐานะที่เป็นคู่หมั้นของเขา ถึงจะไม่สามารถพูดได้ว่าจะเปลี่ยนนิสัยของยูโกที่ถูกเรียกว่าสวะสุดชั่วร้ายได้ แต่มันอาจจะมีสิ่งที่ทำได้มากกว่านี้ก็ได้
ความรู้สึกที่อยู่ส่วนลึกในใจ มันชัดเจนขึ้นมาเมื่อได้ฟังเรื่องของเมลต์เมื่อวาน
เพราะงั้นแหละ……การกระทำที่ว่าจะสนับสนุนอย่างจริงจังที่ครั้งหนึ่งไม่ได้ทำให้ยูโก จะพยายามทำให้เซน่อนในครั้งนี้
ไม่รู้ว่าเรื่องนั้นมันถูกต้องหรือไม่ ทว่าในสายตาของยูโกอย่างน้อยก็เห็นว่าเธอได้ต่อสู้อย่างสุดชีวิตพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว
ถ้าอย่างนั้น……สิ่งที่ควรทำในฐานะฮีโร่ก็มีเพียงแค่สิ่งเดียว
“ชนะการต่อสู้นี้”……เพียงแค่นั้น
「การพูดคุยพอแค่นี้ละ ถ้าจะเริ่มก็มาเริ่มกันเลยเถอะ」
「หืม? ……ใจร้อนจังนะ เธอเนี่ย เอาเถอะยังไงก็ได้ละ」
ยูโกขัดจังหวะการสนทนาระหว่างเธอกับไอแซคเพื่อปกป้องแคลร์ และจ้องมองเขาซึ่งเป็นคู่ต่อสู้
ไอแซครับสายตานั้นซึ่งให้ความรู้สึกถึงแรงกดดันและจิตวิญญาณการต่อสู้ด้วยท่าทางสบายๆ แล้วยิ้มออกมาขณะแสดงท่าทางผ่อนคลาย
「ท่านยูโก……ขอให้โชคดีค่ะ ขอให้ปลอดภัย……!」
「ขอบคุณนะ แคลร์」
ยูโกขอบคุณแคลร์ที่หลังจากโค้งคำนับครั้งสุดท้ายก็มุ่งหน้าไปยังที่นั่งคนดู จากนั้นก็ไล่มองไปยังใบหน้าของเหล่าพวกพ้อง
ฟี่ เมลต์ แองเจิล เฮกซ์ และแคลร์ ยกเว้นเซน่อนซึ่งรออยู่ในห้องรอด้วยหัวใจที่แตกสลาย แล้วพยักหน้าให้พวกเธอและพวกเขา จากนั้นก็หันสายตาไปทางไอแซคอีกครั้งแล้วพูดขึ้น