บทที่ 431 เอาชนะได้อย่างไร
บทที่ 431 เอาชนะได้อย่างไร
ที่ปรึกษาทราบดีว่าความล้มเหลวครั้งนี้จะยิ่งทำกัวจื่อหมิงไม่พอใจ ดังนั้นเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ เขาจึงพยายามแสดงออกว่าตนเองพยายามอย่างเต็มที่แล้ว อย่างน้อยก็เพื่อลดทอนความไม่พอใจของผู้เป็นนาย
กัวจื่อหมิงขมวดคิ้วขณะเผยสีหน้าเดือดพล่าน
เพราะปฏิบัติการครั้งนี้เขาถึงขั้นยอมส่งทหารประจำตัวไปก็แล้ว ทว่าสุดท้ายก็กลับมามือเปล่า นับว่าเป็นเรื่องที่กัวจื่อหมิงไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทั้งยังไม่อาจรับได้ สายตาตอนนี้จ้องมองที่ปรึกษาผู้อยู่ตรงหน้า สภาพอีกฝ่ายเละเทะ เขาทราบดีว่าที่ปรึกษาไม่ได้เล่าความเท็จออกมา
“คงไม่ได้มีเท่านี้ใช่หรือไม่?” กัวจื่อหมิงถามขึ้นมา “ต่อให้สัตว์ตัวนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็ไม่มีทางเฝ้าระวังที่นั่นทุกช่วงเวลา เจ้าน่าจะหาโอกาสลักลอบเข้าไปโดยไม่ให้มันเห็นได้สิ”
เห็นได้ชัดว่ากัวจื่อหมิงยังไม่ยินดีที่จะต้องละทิ้งแผนการจับตัวสัตว์เลี้ยงในป่าของหมู่บ้านเร้นลับ
เพียงแต่ที่ปรึกษาผู้โดนจัดการจนสภาพดูไม่ได้ ไม่คิดจะหาเรื่องใส่ตัวซ้ำสอง ดังนั้นจึงต้องรีบตอบกลับ “เจ้าตัวน้อยนั่นคอยระวังตัวตลอดเลยขอรับ ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้ว สุดท้ายทุกคนต่างก็ถูกมันหาตัวพบก่อนจะถูกขับไล่ออกมา เรียกได้ว่ามันคอยเฝ้าคุ้มกันทางเข้าของป่าเอาไว้ หากคิดเข้าไปโดยหลบเลี่ยงไม่ให้มันรู้ …ถือเป็นเรื่องยากขอรับ”
“ยากไม่ได้หมายความว่าไร้สิ้นหนทาง!” เมื่อที่ปรึกษาทำงานล้มเหลวถึงสองครั้ง กัวจื่อหมิงยิ่งไม่พอใจ ยามนี้หลังได้ยินอีกฝ่ายหาทางหลีกเลี่ยง เขาจึงพูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจ “กลัวงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ! เพื่อนายท่านแล้ว ต่อให้ต้องควักตับหรือสมองข้าน้อยก็ไม่ลังเล!” ที่ปรึกษารีบแสดงความภักดีออกมา “แต่เพราะเจ้าตัวน้อยนั่นแข็งแกร่งเกินไปขอรับ ข้ากังวลว่าด้วยความสามารถที่มีอย่างจำกัด จะไม่อาจทำตามคำสั่งของนายท่านได้ ทั้งยังจะทำให้เรื่องราวช้าลงกว่าที่ควรเป็นขอรับ”
“เหอะ!” กัวจื่อหมิงแค่นเสียงขึ้นจมูกตอบรับ ทว่าสีหน้าก็ดีขึ้นมาไม่น้อย “งั้นเจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไร?”
“นายท่าน ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ พวกเราก็ควรใช้ไม้อ่อนขอรับ” ที่ปรึกษาตอบรับ
“วิธีใดกันเล่า?” กัวจื่อหมิงเอ่ยถาม
“รอคอยจนกว่าอู๋ฝานเดินทางกลับมาจากเมืองหลวงขอรับ นายท่านสามารถขอพบกับเขาได้โดยตรง แสดงความต้องการว่าต้องการสัตว์เลี้ยง หากอู๋ฝานมีใจซื่อตรงย่อมยินดีส่งมอบให้นายท่านโดยไม่อิดออด หากมันเป็นคนโง่ไม่เข้าใจความหมาย ก็เพียงบอกว่านายท่านต้องการสัตว์เลี้ยงหายากมาเชยชม ทั้งยังได้ยินว่ามีอยู่ที่ด้านหลังของภูเขาในหมู่บ้านเร้นลับ ถ้าเขาต้องการก็อาจมีการจ่ายเงินเกิดขึ้น ข้าคิดว่าเขาจะต้องไม่ปฏิเสธแน่ขอรับ กระทั่งจะนึกอับอายไม่กล้ารับเงินของนายท่านด้วยซ้ำ” ที่ปรึกษาเสนอความเห็นออกมา
กัวจื่อหมิงเกิดดวงตาเป็นประกายก่อนจะตอบรับ “เป็นความคิดที่ดี!”
อย่างไรเขาก็เป็นผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน แม้อู๋ฝานเป็นจื่อเจวี๋ยก็ยังต้องเห็นแก่หน้าเขา หากจะร้องขออะไรสักอย่าง มีหรืออีกฝ่ายจะกล้าปฏิเสธ? กระทั่งว่าต้องจ่ายเงินก็คงไม่ใช่มากมายอะไร ถ้าเทียบกับการที่จะได้รับความโปรดปรานจากองค์เหนือหัว เรียกได้ว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม!
เมื่อเห็นกัวจื่อหมิงยอมรับข้อเสนอ ที่ปรึกษาจึงทั้งยินดีและโล่งอก เพราะหากไม่ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตัวน้อยนั่นอีกก็ถือเป็นเรื่องประเสริฐที่สุด
“ที่ปรึกษา ครั้งนี้เจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังคิดอ่านได้รวดเร็วดีอยู่” เพราะเจอทางแก้ กัวจื่อหมิงจึงเผยยิ้มออกมาได้ กระทั่งไม่มีท่าทีโกรธเคืองเช่นก่อนหน้าอีกต่อไป
“ทั้งหมดเป็นเพราะนายท่านสอนสั่งข้าจนทำได้ดีขอรับ” ที่ปรึกษาตอบรับอย่างอ่อนน้อม
“ดี” กัวจื่อหมิงพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ “ตอนนี้ลงไปหาหมอรักษาบาดแผลก่อน เจ้าเป็นที่ปรึกษาจึงเปรียบเสมือนหน้าตาของข้าด้วย หากมีแผลบนใบหน้าเช่นนี้ไม่น่ารับชม จงกลับไปพักฟื้นที่บ้านสักหลายวันก่อน”
“ขอรับนายท่าน” ที่ปรึกษาตอบรับ
อู๋ฝานและอีกสองคนลั่วหยางกับลั่วเยวี่ยที่ร่วมทางมา ตอนนี้เดินทางมาถึงอีกเมืองหนึ่งก่อนฟ้ามืด หลังบอกกับทั้งสองเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาจึงกลับโลกแห่งความเป็นจริงไป
ด้านนอกฟ้าเริ่มสางแล้ว หลังจากอู๋ฝานบิดขี้เกียจเล็กน้อย นอกห้องมีเสียงเคาะดังขึ้นจนเขาตัดสินใจต้องลุกไปดู
“อู๋ฝาน อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ที่หน้าประตูห้อง ถังอวี่เฟยมาทักทายอู๋ฝานที่ยังหาว
“เหมือนใต้ตาคุณมีรอยคล้ำนะครับ ทั้งคืนไม่หลับไม่นอนเลยงั้นเหรอ?” อู๋ฝานเอ่ยถามขณะมองสภาพอิดโรยของถังอวี่เฟย
“ใต้ตาคล้ำ?!” ถังอวี่เฟยร้องเสียงดังออกมา “ใต้ตาฉันงั้นเหรอคะ? จบกันแล้ว! ทำไมเมื่อคืนฉันไม่ฉุกใจคิดกันนะว่าจะเป็นแบบนี้”
“สรุปทั้งคืนไม่นอนเลยเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม
“คุณหนูน้อยท่านนี้ฝึกฝนทั้งคืนด้วยความกระตือรือร้นอย่างล้นเหลือเลยละค่ะ” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่มักสงบเสงี่ยมมาตลอดยังอดไม่ได้ที่จะแวะแหย่
“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลยนี่ครับ แล้วมันก็ไม่ดีกับภาพรวมด้วย” อู๋ฝานที่พอมีแนวคิดหลักการของผู้ฝึกตนตัดสินใจเอ่ยเตือน
“ค่ะ ฉันผิดไปแล้ว” ถังอวี่เฟยรับคำ “ไม่สิ!… ตอนนี้ฉันต้องไปแต่งหน้ากลบรอยคล้ำนี่ก่อน จะให้คนอื่นเห็นรอยดำใต้ตาฉันไม่ได้เด็ดขาด”
จบคำเธอจึงพุ่งตัวกลับห้องไป
“อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้างคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ดีขึ้นมากแล้วครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ
เธอมองบริเวณแขนของอู๋ฝาน ก่อนจะเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
เมื่อวานเธอจำได้อย่างชัดเจนว่าแขนข้างขวาของอู๋ฝานมีรอยแผลยาวสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ แต่ตอนนี้มันกลับหายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ ไม่มีร่องรอยแผลเป็นหรือสะเก็ดแผลอะไรเลยด้วยซ้ำ
‘หรืออู๋ฝานก็ใช้ยาทาลบรอยแผลเป็น? แต่ต่อให้ลบได้ สรรพคุณของมันก็ไม่ใช่การรักษาแผลจนถึงขั้นนี้หรอกมั้ง?’ หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เริ่มเกิดความสงสัยอยู่ในใจ
แม้จะสงสัย แต่เธอก็ตัดสินใจไม่ถามรายละเอียด เพราะทราบดีว่าอีกฝ่ายมีความลับเก็บงำเอาไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่ดูแล้วไม่ทราบเรื่องราวของการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้กลับถลำลึกเข้ามา กระทั่งมีระดับการฝึกฝนที่เหนือกว่าเธอซะด้วยซ้ำ ยังมีตัวอย่างอื่น เช่น ยาสมานแผลและยาลบรอยแผลเป็นที่ชายหนุ่มเคยนำออกมาให้เห็นและใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแวดวงผู้ฝึกตนในระดับใด หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไม่เคยพบเห็นยาที่มีสรรพคุณเลิศล้ำขนาดนี้มาก่อน แต่อู๋ฝานที่เป็นคนธรรมดาเพียงคนหนึ่งกลับนำออกมามอบให้เธอใช้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีเรื่องฝีมือการทำอาหารและอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ตระหนักว่าอู๋ฝานคนเดิมเธอคิดว่ารู้จักดี แท้จริงกลับมีแต่ความลึกลับ ทั้งยังลึกลับขนาดล่อตาล่อใจให้เธอสำรวจค้นหาความจริง
“จริงด้วย เมื่อวานนี้จัดการเจ้าสำนักเที่ยงยุทธ์ได้ยังไงกันคะ?” เมื่อคิดถึงเรื่องการฝึกฝน หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็พบว่าการที่อู๋ฝานสามารถสังหารเถาหรูไห่เมื่อวานได้สำเร็จคือเรื่องน่าทึ่งและผิดคาดที่สุด
เพราะเธอไม่ทราบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอู๋ฝานว่าเป็นอย่างไร แต่จากที่เห็นว่าตอนแรกไม่อาจเอาชนะเถาหรูไห่ได้ สถานการณ์ก็ชัดเจนตั้งแต่สองฝ่ายแลกกระบวนท่ากันไม่นานแล้ว ทว่าเมื่ออู๋ฝานล่อเถาหรูไห่เข้าไปยังทางแยกได้สำเร็จ เรื่องราวจึงพลิกกลับด้านยิ่งกว่าคว่ำฟ้ากลับดิน เพราะผู้ที่รอดออกมาคือชายหนุ่ม แม้หญิงสาวจะมองว่าน่ายินดี แต่ในใจเธอก็คิดเหมือนผู้อื่นว่าแท้จริงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เธอมีแต่ข้อสงสัยจนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากถาม
“เอาชนะได้ยังไงเหรอครับ?” อู๋ฝานนึกย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานในถ้ำคับแคบ ไม่นานจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง ๆ ออกมา “ผมจ้างผู้ช่วยมาจำนวนหนึ่งน่ะครับ พวกเขาช่วยผมจัดการเถาหรูไห่”